การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
-
terati20
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ธุรกิจที่ ROA ต่ำๆ คือการใช้ Asset ที่ไม่คุ้มค่า
บางธุรกิจต่ำกว่า ผลตอบเเทนดอกเบี้ยซะอีก เช่น
กลุ่มธนาคาร
เเต่ทำไมยังมีคนทำธุรกิจพวกนี้อยู่อีก????

:?: :?: :?:
สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ เเละดับไปในที่สุด
-
path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
[quote="terati20"]ธุรกิจที่
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
-
Capo
- Verified User
- โพสต์: 1067
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
เพราะ ROA มันรวมสินทรัพย์ส่วนที่เจ้าของไม่ได้เป็นเจ้าของด้วยครับ
งงป่าวครับ ผมก็งง :shock:
อย่างธนาคาร สินทรัพย์ส่วนใหญ่ของเขาก็คือเงินฝากของลูกค้า หรือก็คือเจ้าหนี้
ในขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นจะมีมูลค่าอยู่น้อยกว่ามาก (d/e สูง อย่าง kbank,scb ก็ 8-9 เท่า)
ซึ่งนั่นจะทำให้ ROE สูง จนเป็นที่พอใจของนักลงทุนได้ครับ กิจการจึงได้เกิดขึ้น
ลักษณะพวกนี้เงินกู้จะสูง ครับ แต่ดู ROE ก็ยังถือว่าไล่ ๆ กันกับอุตสาหกรรมอื่น
ผมอธิบายงง ๆ ๆ แหะ
คงต้องพึ่งท่านอื่นมาเสริมล่ะครับ
... จุดเริ่มต้นของคนเราไม่สำคัญ
มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
-
sunrise
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ทำแล้วออกไม่ได้
ลูกจ้าง พนักงาน ที่ต้องเลี้ยงดู
ความภูมิใจส่วนตัว ไม่อยากเลิกทำธุรกิจที่ปลุกปั้นมานาน
ยังหารายได้ทางอื่นไม่ได้ ทรัพสินก็ขายออกไปไม่ได้ราคา
รอจังหวะว่ามันคงฟื้น
และอีกหลายๆอย่าง สรุปแล้ว แล้วแต่ครับ ต้องไปดูลึกๆเป็นกรณีๆ ไป
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
-
doodeemak
- Verified User
- โพสต์: 411
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ขออนุญาตเสริมคุณ Capo ครับ
ROA ต่ำอาจจะดีก็ได้นะครับ ถ้า... Asset ที่สูงปรี๊ดนั้น finance มาจากเงินเจ้าหนี้การค้า
ยกตัวอย่างบริษัทผลิต อาจจะเห็นภาพชัดกว่านะครับ
เช่น เราทำร้านก๋วยเตี๋ยวปีนึงกำไร 2 บาท มีทรัพย์สินที่ใช้ในการดำเนินการ 100 บาท ROA จะเท่ากับ 2% ซึ่งดูเหมือนว่า ฝากแบงค์อาจจะดีกว่า
แต่ถ้าเรามองฝั่งของเงินลงทุนจริงๆ (ด้าน Liability & Equity) เรากลับพบว่าเราลงทุนเพียงแค่ 10 บาท กู้เค้ามาอีก 5 บาท ที่เหลือมาจากเจ้าหนี้การค้า 85 บาท (เพราะเราซี้กับคนขายเส้นก๋วยเตี๋ยว เลยได้ term การชำระหนี้ยาว) เราจะพบว่า ROE จะเท่ากับ 20% และ ROIC เท่ากับ 13% ซึ่งก็ยังพอใช้ได้ เพียงแต่อาจจะมีความเสี่ยงในเรื่องการชำระหนี้ระยะสั้นที่ควรต้องระวัง
ดังนั้นผมว่า ROA สูง ROIC สูงมาก ROE สูงมากๆๆๆ เนื่องจาก Profit Margin สูงและ Sales growth สูง ดีที่สุดนะครับ :D
Inactive investor
-
Vangogh
- Verified User
- โพสต์: 170
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
[quote="doodeemak"]ขออนุญาตเสริมคุณ Capo ครับ
ROA ต่ำอาจจะดีก็ได้นะครับ ถ้า... Asset ที่สูงปรี๊ดนั้น finance มาจากเงินเจ้าหนี้การค้า
ยกตัวอย่างบริษัทผลิต อาจจะเห็นภาพชัดกว่านะครับ
เช่น เราทำร้านก๋วยเตี๋ยวปีนึงกำไร 2 บาท มีทรัพย์สินที่ใช้ในการดำเนินการ 100 บาท ROA จะเท่ากับ 2% ซึ่งดูเหมือนว่า ฝากแบงค์อาจจะดีกว่า
แต่ถ้าเรามองฝั่งของเงินลงทุนจริงๆ (ด้าน Liability & Equity) เรากลับพบว่าเราลงทุนเพียงแค่ 10 บาท กู้เค้ามาอีก 5 บาท ที่เหลือมาจากเจ้าหนี้การค้า 85 บาท (เพราะเราซี้กับคนขายเส้นก๋วยเตี๋ยว เลยได้ term การชำระหนี้ยาว) เราจะพบว่า ROE จะเท่ากับ 20% และ ROIC เท่ากับ 13% ซึ่งก็ยังพอใช้ได้ เพียงแต่อาจจะมีความเสี่ยงในเรื่องการชำระหนี้ระยะสั้นที่ควรต้องระวัง
ดังนั้นผมว่า ROA สูง ROIC สูงมาก ROE สูงมากๆๆๆ เนื่องจาก Profit Margin สูงและ Sales growth สูง ดีที่สุดนะครับ
Dare to win...
-
ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ในบางทีเราไม่สามารถเอาอัตราส่วนทางการเงินตัวเดียวกันไปอธิบายธุรกิจที่แตกต่างกันได้
เช่นถ้าจะดูธุรกิจผลิตก็ดูพวกอัตราส่วนรอบหมุนของสินค้าคงคลังหรือ ROA ได้ ธุรกิจอสังหาก็คงอีกแบบ ธุรกิจบริการก็คงอีกแบบเหมือนกัน
ถ้าเป็นธุรกิจประกันภัยการดูอัตราค่าสินไหมทดแทนที่สามารถใช้วัดความสามารถของการประเมินความเสี่ยง (Underwriting) กับอัตราผลตอบแทนเงินลงทุนซึ่งเป็นแกนหลักสองแกนของธุรกิจประกันภัย มีความสำคัญมากกว่าการดู ROA
ส่วนธุรกิจ bank ยอมรับว่าไม่มีความรู้เลย แต่ถ้าจะจริงนะครับ ที่ Asset ของธนาคารรวมเงินฝากด้วยถ้ายังงี้ยิ่งใช้ ROA ไม่ได้เลย
ขอนไม้อันนิ่งสงบ