Options ทำอะไรได้???
-
- Verified User
- โพสต์: 876
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 2
options ใช้คู่กับ Futures สามารถเป็นเครื่องมือประกันความเสี่ยงได้อย่างนึงครับ
เช่น ถ้าหุ้นตกมากๆ ผมเห็นว่าน่าจะขึ้นได้แล้ว ผมก็เข้าไป long index futures ไว้ แต่ว่าผมกลัวว่ามันอาจจะตกต่อไปอีก ผมก็สามารถซื้อ put options ประกันความเสี่ยงไว้ได้ครับ หากหุ้นตกต่อ ผมจะขาดทุนใน futures แต่ put options ที่ผมซื้อไว้จะกำไร ทำให้ไม่ขาดทุน ถ้าหุ้นขึ้นอย่างที่คิด ผมจะกำไร futures ในขณะที่ options ผมจะขาดทุนแค่ค่า premium เท่านั้นครับ and vice versa ครับ
อันนี้เป็นหลักการง่ายๆ แค่อย่างเดียวครับ จริงๆมีมากกว่านี้ซึ่งผมก็ไม่ทราบได้ว่าเค้ามีเทคนิคการใช้งานอย่างไรเช่นกันครับ
เช่น ถ้าหุ้นตกมากๆ ผมเห็นว่าน่าจะขึ้นได้แล้ว ผมก็เข้าไป long index futures ไว้ แต่ว่าผมกลัวว่ามันอาจจะตกต่อไปอีก ผมก็สามารถซื้อ put options ประกันความเสี่ยงไว้ได้ครับ หากหุ้นตกต่อ ผมจะขาดทุนใน futures แต่ put options ที่ผมซื้อไว้จะกำไร ทำให้ไม่ขาดทุน ถ้าหุ้นขึ้นอย่างที่คิด ผมจะกำไร futures ในขณะที่ options ผมจะขาดทุนแค่ค่า premium เท่านั้นครับ and vice versa ครับ
อันนี้เป็นหลักการง่ายๆ แค่อย่างเดียวครับ จริงๆมีมากกว่านี้ซึ่งผมก็ไม่ทราบได้ว่าเค้ามีเทคนิคการใช้งานอย่างไรเช่นกันครับ
- Doraemon
- Verified User
- โพสต์: 243
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 3
ที่เค้าบอกว่าเหมือนการซื้อออปชันเหมือนซื้อประกันเพราะว่า เวลาเราซื้อประกันเราจะต้องจ่ายเบี้ยประกัน(premium) เพื่อให้ได้มาซึ่ง "สิทธิ" ในการเรียกร้องค่าเสียหาย หากเกิดความเสียหายขึ้น
ทีนี้ถ้าเปรียบเทียบกับออปชัน ยกตัวอย่างเป็น put option (สิทธิในการขาย) แล้วกัน premium ก็คือราคาออปชัน ส่วนความเสียหายก็คือการที่หุ้น (SET50) ตก หมายความว่าเมื่อหุ้นตก เราไม่กลัวเพราะได้จ่ายเงินซื้อ put ไว้แล้ว โดยตัว put นี้จะทำกำไรให้เราเมื่อหุ้นตกลงไปต่ำกว่าราคาใช้สิทธิที่ตกลงกับคู่สัญญาไว้
ถ้าสนใจอยากเรียนรู้เกี่ยวกับอนุพันธ์เพิ่มเติมตอนนี้ TFEX เค้าทำเว็บใหม่ขึ้นมาหน้าตาน่าใช้ทีเดียวครับ ลองเข้าไปดูตาม link นี้ http://www.futures-society.com
ทีนี้ถ้าเปรียบเทียบกับออปชัน ยกตัวอย่างเป็น put option (สิทธิในการขาย) แล้วกัน premium ก็คือราคาออปชัน ส่วนความเสียหายก็คือการที่หุ้น (SET50) ตก หมายความว่าเมื่อหุ้นตก เราไม่กลัวเพราะได้จ่ายเงินซื้อ put ไว้แล้ว โดยตัว put นี้จะทำกำไรให้เราเมื่อหุ้นตกลงไปต่ำกว่าราคาใช้สิทธิที่ตกลงกับคู่สัญญาไว้
ถ้าสนใจอยากเรียนรู้เกี่ยวกับอนุพันธ์เพิ่มเติมตอนนี้ TFEX เค้าทำเว็บใหม่ขึ้นมาหน้าตาน่าใช้ทีเดียวครับ ลองเข้าไปดูตาม link นี้ http://www.futures-society.com
Great Stocks at Bargain Prices
-
- Verified User
- โพสต์: 1211
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณมากครับ
นั่นหมายความว่า ถ้าใครสามารถประยุกต์ใช้ ETF, Futures และ Options เข้าด้วยกันได้อย่างเป็นระบบ จะสามารถป้องกันความเสี่ยงได้ดีมาก ถึงขั้นขึ้นก็ได้กำไร ลงก็ได้กำไร โดยมีความเสี่ยงแค่ Premium เท่านั้นเอง จริงมั๊ยครับ?
นั่นหมายความว่า ถ้าใครสามารถประยุกต์ใช้ ETF, Futures และ Options เข้าด้วยกันได้อย่างเป็นระบบ จะสามารถป้องกันความเสี่ยงได้ดีมาก ถึงขั้นขึ้นก็ได้กำไร ลงก็ได้กำไร โดยมีความเสี่ยงแค่ Premium เท่านั้นเอง จริงมั๊ยครับ?
- krisy
- Verified User
- โพสต์: 736
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 5
ใช่ค่ะ แต่ระวังงงด้วย เพราะมันจะ long short call put ATM OTM ITM เยอะแยะไปหมด ทุกวันนี้ยังงงอยู่เลย
เคยคิดจะเอา future มาผสมกะ option แต่ไม่เคยคิดถึง ETF เลย น่าสนใจเหมือนกันนะคะเนี่ย
ขอไปศึกษาก่อน
เคยคิดจะเอา future มาผสมกะ option แต่ไม่เคยคิดถึง ETF เลย น่าสนใจเหมือนกันนะคะเนี่ย
ขอไปศึกษาก่อน
.....Give Everything but not Give Up.....
-
- Verified User
- โพสต์: 1211
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 6
ที่ผมคิด(แค่คิดนะครับ)คือ ETF ผูกติดกับ Set50 อย่างแนบแน่นเป็นเนื้อเดียว เช่นเดียวกับ Options ที่มี Set50 เป็นสินค้าอ้างอิง
นั่นหมายความว่า สมมติซื้อ ETF 5 บาท แล้วซื้อสิทธิที่จะขายกับคนอื่นที่ราคาใกล้เคียงหรือมากกว่าแล้ววางเงิน Premium ไว้เหมือนเป็นประกันภัย
หาก Set50 ขึ้นกระจาย เราก็ปล่อยให้ options หมดอายุ (ให้เขายึดเงินประกันไป เพราะเราเบี้ยวไม่ขายให้เขา) แล้วเอาETF ไปขายในตลาดแทน เนื่องจากได้กำไรมากกว่า
แต่หากSet50 ตก เราก็ Take Profit จากการขายสิทธิที่จะขายที่เรามีอยู่ออกไป หรือขายเขาไปในราคาที่สัญญาไว้ แล้วไปซื้อ ETF กลับตามราคาที่ตกเพื่อให้ได้หน่วยเท่าเดิม แล้วก็เก็บส่วนต่างไป
ข้อดีคือ รับประกันคืนเงิน เวลาหุ้นตกก็ยังได้กำไร(บ้าง)
ข้อเสียคือ เวลากำไรจะได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนคนอื่น และต้องให้หุ้นเหวี่ยงขึ้นลง Range กว้างพอสมควร ถึงจะได้ผล เพราะถ้าขึ้น-ลงแคบๆ ไม่คุ้มค่าคอมฯครับ
(ไม่รู้ผมงงเรื่องขายซื้อสิทธิหรือเปล่า พิมพ์ไปก็งงไป)
นั่นหมายความว่า สมมติซื้อ ETF 5 บาท แล้วซื้อสิทธิที่จะขายกับคนอื่นที่ราคาใกล้เคียงหรือมากกว่าแล้ววางเงิน Premium ไว้เหมือนเป็นประกันภัย
หาก Set50 ขึ้นกระจาย เราก็ปล่อยให้ options หมดอายุ (ให้เขายึดเงินประกันไป เพราะเราเบี้ยวไม่ขายให้เขา) แล้วเอาETF ไปขายในตลาดแทน เนื่องจากได้กำไรมากกว่า
แต่หากSet50 ตก เราก็ Take Profit จากการขายสิทธิที่จะขายที่เรามีอยู่ออกไป หรือขายเขาไปในราคาที่สัญญาไว้ แล้วไปซื้อ ETF กลับตามราคาที่ตกเพื่อให้ได้หน่วยเท่าเดิม แล้วก็เก็บส่วนต่างไป
ข้อดีคือ รับประกันคืนเงิน เวลาหุ้นตกก็ยังได้กำไร(บ้าง)
ข้อเสียคือ เวลากำไรจะได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนคนอื่น และต้องให้หุ้นเหวี่ยงขึ้นลง Range กว้างพอสมควร ถึงจะได้ผล เพราะถ้าขึ้น-ลงแคบๆ ไม่คุ้มค่าคอมฯครับ
(ไม่รู้ผมงงเรื่องขายซื้อสิทธิหรือเปล่า พิมพ์ไปก็งงไป)
- Doraemon
- Verified User
- โพสต์: 243
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 8
ขออธิบายเพิ่มเติมตามนี้ครับBelffet เขียน:หาก Set50 ขึ้นกระจาย เราก็ปล่อยให้ options หมดอายุ (ให้เขายึดเงินประกันไป เพราะเราเบี้ยวไม่ขายให้เขา) แล้วเอาETF ไปขายในตลาดแทน เนื่องจากได้กำไรมากกว่า
แต่หากSet50 ตก เราก็ Take Profit จากการขายสิทธิที่จะขายที่เรามีอยู่ออกไป หรือขายเขาไปในราคาที่สัญญาไว้ แล้วไปซื้อ ETF กลับตามราคาที่ตกเพื่อให้ได้หน่วยเท่าเดิม แล้วก็เก็บส่วนต่างไป
ตามที่เข้าใจคือคุณ Belffet ได้ทำการซื้อ ETF+Long Put(ซื้อสิทธิขายนั่นแหละ แต่ผมอยากส่งเสริมให้เรียกเป็นภาษาอังกฤษแล้วกันนะครับ มันชัดเจนดี แล้วเดี๋ยวจะชินไปเอง) ไว้ ปกติแล้วการถือของสองอย่างนี้แปลว่าต้องการจะลงทุนใน ETF แต่ขณะเดียวกันก็กลัวหุ้นตกจึงไป Long Put ไว้เพื่อป้องกัน
กรณีหุ้นขึ้น มีทางเลือกสองทางคือ 1.ถือ Put ต่อจนกว่าจะหมดอายุไป เพราะยังกลัวอยู่ว่าหุ้นอาจกลับมาตกอีก (ยอมเสียค่า premium ทั้งก้อน) หรือ 2. ขาย Put ทิ้ง เพราะมั่นใจว่าหุ้นจะไม่กลับมาตกอีกแล้ว (ภายในระยะเวลาช่วงอายุที่เหลือของ Put) เพื่อเอาค่า premium คืนมาบางส่วน
กรณีหุ้นลง มีสองทางเลือกเช่นกันคือ 1. ยังคงถือทั้ง ETF และ Put ไว้ ซึ่งจะทำให้ไม่ได้กำไร/ขาดทุน จากการที่หุ้นลง (หุ้นลง ETF=ขาดทุน Put= กำไร) เพราะคิดว่าเดี๋ยวหุ้นก็กลับมาขึ้นอีก 2. ขาย ETF ทิ้ง เพื่อรับกำไรจาก Put เพราะมั่นใจว่าหุ้นจะตกลงไปอีก ทีนี้พอหุ้นตกลงไปถึงจุดที่คุณคิดว่าจะดีดกลับแล้ว ก็ไปซื้อ ETF กลับมาครับ (จะขาย Put ไปด้วยเลยก็ได้)
Great Stocks at Bargain Prices
-
- Verified User
- โพสต์: 1211
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณคุณ Doraemon ครับกรณีหุ้นลง มีสองทางเลือกเช่นกันคือ 1. ยังคงถือทั้ง ETF และ Put ไว้ ซึ่งจะทำให้ไม่ได้กำไร/ขาดทุน จากการที่หุ้นลง (หุ้นลง ETF=ขาดทุน Put= กำไร) เพราะคิดว่าเดี๋ยวหุ้นก็กลับมาขึ้นอีก 2. ขาย ETF ทิ้ง เพื่อรับกำไรจาก Put เพราะมั่นใจว่าหุ้นจะตกลงไปอีก ทีนี้พอหุ้นตกลงไปถึงจุดที่คุณคิดว่าจะดีดกลับแล้ว ก็ไปซื้อ ETF กลับมาครับ (จะขาย Put ไปด้วยเลยก็ได้)
อยากถามอีกซักนิดว่า จะเป็นไปได้ไหมถ้าหาก SET50 ตก แล้วผมทนถือจน Long Put ถึงกำหนดหมดอายุ จากนั้นก็ทำตามสัญญาด้วยการขาย SET50 จริงๆ จากนั้นค่อยเอาเงินไปซื้อ ETF กลับในตลาดด้วยจำนวนเท่าเดิม ซึ่งจะทำให้เรายังมี ETF เท่าเดิม(ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง) แล้วกำไรจากส่วนต่างที่ขายแพง (ด้วย options) แล้วซื้อถูกในตลาด???
- Doraemon
- Verified User
- โพสต์: 243
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 10
อย่างนี้หมายความว่าพอหุ้นเริ่มตก คุณ Belffet ก็ขาย ETF ไปเลยใช่มั้ยครับ เพื่อรับกำไรจากการถือ PutBelffet เขียน:อยากถามอีกซักนิดว่า จะเป็นไปได้ไหมถ้าหาก SET50 ตก แล้วผมทนถือจน Long Put ถึงกำหนดหมดอายุ จากนั้นก็ทำตามสัญญาด้วยการขาย SET50 จริงๆ จากนั้นค่อยเอาเงินไปซื้อ ETF กลับในตลาดด้วยจำนวนเท่าเดิม ซึ่งจะทำให้เรายังมี ETF เท่าเดิม(ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง) แล้วกำไรจากส่วนต่างที่ขายแพง (ด้วย options) แล้วซื้อถูกในตลาด???
ทีนี้ถ้าถือจน Put หมดอายุ ก็ไม่ต้องไปขาย SET50 จริงๆ หรอกครับ เพราะจะได้กำไรจากส่วนต่างระหว่างราคาใช้สิทธิกับราคา SET50 ณ วันหมดอายุ เป็นเงินสดมาเลย จากนั้นค่อยเอากำไรที่ได้+เงินที่ขาย ETF ไปตอนแรก ไปซื้อ ETF กลับมา
Great Stocks at Bargain Prices
-
- Verified User
- โพสต์: 1211
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 11
จากที่คุณ Doraemon อธิบาย ผมว่า Options เป็นตัว Hedge ที่ดีมากทีเดียว
ปัญหาคือ Set50 จะต้องขึ้นหรือลงเป็น Range กว้างขนาดไหน การ Hedge จึงจะไม่บวกลบกลายเป็น 0 แล้วขาดทุนค่าคอมมิชชั่น
คุณ Doraemon ได้ศึกษาบ้างหรือเปล่าครับ
ปัญหาคือ Set50 จะต้องขึ้นหรือลงเป็น Range กว้างขนาดไหน การ Hedge จึงจะไม่บวกลบกลายเป็น 0 แล้วขาดทุนค่าคอมมิชชั่น
คุณ Doraemon ได้ศึกษาบ้างหรือเปล่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 493
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 12
set50 option น่าจะเป็นอะไรที่ highly leveraged มากๆตามแบบของ option ทั่วไป..... บางคนอาจจะใช้เป็นตัวเก็งกำไรมากกว่าที่จะเป็นการ hedge ซะด้วยซ้ำครับ....
ตัวอย่างเช่น.... สมมุติคุณใช้เงิน 500000 บาท อาจจะซื้อ set50 future ได้เพียงไม่กี่ contract..... แต่หากคุณซื้อ option, อาจจะได้เป็นแสน option.... แต่แน่นอนครับ option ทำให้คุณหมดตัวได้ง่ายๆเหมือนกัน... แต่ หลักการทำเงินกับ hedging มันต้องดูหลายๆอย่างประกอบกันครับ เช่น implied vol vs actual vol, delta, gamma, theta, rho, etc....
ผมไม่ได้ศึกษาว่า set50 options จะเป็นอย่างไร แต่อยากให้ระวังมากๆครับ อาจจะทำให้กำไรเป็นขาดทุนได้ง่ายๆหากโลภครับ
ตัวอย่างเช่น.... สมมุติคุณใช้เงิน 500000 บาท อาจจะซื้อ set50 future ได้เพียงไม่กี่ contract..... แต่หากคุณซื้อ option, อาจจะได้เป็นแสน option.... แต่แน่นอนครับ option ทำให้คุณหมดตัวได้ง่ายๆเหมือนกัน... แต่ หลักการทำเงินกับ hedging มันต้องดูหลายๆอย่างประกอบกันครับ เช่น implied vol vs actual vol, delta, gamma, theta, rho, etc....
ผมไม่ได้ศึกษาว่า set50 options จะเป็นอย่างไร แต่อยากให้ระวังมากๆครับ อาจจะทำให้กำไรเป็นขาดทุนได้ง่ายๆหากโลภครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1289
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 13
ประกันความเสี่ยง นี่ผมไม่ใช้Noonino เขียน:options ใช้คู่กับ Futures สามารถเป็นเครื่องมือประกันความเสี่ยงได้อย่างนึงครับ
เช่น ถ้าหุ้นตกมากๆ ผมเห็นว่าน่าจะขึ้นได้แล้ว ผมก็เข้าไป long index futures ไว้ แต่ว่าผมกลัวว่ามันอาจจะตกต่อไปอีก ผมก็สามารถซื้อ put options ประกันความเสี่ยงไว้ได้ครับ หากหุ้นตกต่อ ผมจะขาดทุนใน futures แต่ put options ที่ผมซื้อไว้จะกำไร ทำให้ไม่ขาดทุน ถ้าหุ้นขึ้นอย่างที่คิด ผมจะกำไร futures ในขณะที่ options ผมจะขาดทุนแค่ค่า premium เท่านั้นครับ and vice versa ครับ
อันนี้เป็นหลักการง่ายๆ แค่อย่างเดียวครับ จริงๆมีมากกว่านี้ซึ่งผมก็ไม่ทราบได้ว่าเค้ามีเทคนิคการใช้งานอย่างไรเช่นกันครับ
เอาภาษาบ้านๆ คือ
option เกิดมาเพื่อเก็งกำไรเน้นๆ
ตัวนี้ ได้ค่าคอม ต่างๆ เป็นกอบเป็นกำที่สุด
สุดท้าย โบรกรวยกันถ้วนหน้าคับ
ผมว่าซื้อหุ้น Broker ที่มีลูกค้าเล่น options โดยเลือกตามแนว VI น่าจะดีที่สุดครับ( เช่น กิมจิ )
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
- Doraemon
- Verified User
- โพสต์: 243
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 14
ไม่ค่อยเข้าใจคำถามเท่าไหร่ เอาเป็นว่าขอยกตัวอย่างให้ดูแล้วกันนะครับBelffet เขียน:ปัญหาคือ Set50 จะต้องขึ้นหรือลงเป็น Range กว้างขนาดไหน การ Hedge จึงจะไม่บวกลบกลายเป็น 0 แล้วขาดทุนค่าคอมมิชชั่น
สมมติว่า SET50 อยู่ที่ 600 จุด แล้วเรามี ETF ต้นทุน 6 บาทจำนวนแสนหุ้น มูลค่า = 600,000 บาท
เรามีความกังวลว่า SET50 จะลงไปต่ำกว่า 600 เลยไปหาซื้อ put ที่มีราคาใช้สิทธิ = 600 จุด ปรากฎว่า put ตัวนั้นมีราคา 30 จุด
แล้วจะซื้อ put กี่สัญญาดี? อันนี้ขอเสริมความรู้ก่อนว่าราคาออปชันจะไม่ได้เคลื่อนไหวแบบ 1:1 กับราคา SET50 ตัวอย่างเช่น ถ้าซื้อ call ไว้ แล้ว SET50 ขึ้น 1 จุด ราคาของ call จะขึ้นเพียง 0.5 จุด เป็นต้น ค่า 0.5 นี้เราเรียกว่าค่า delta ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปได้อยู่ระหว่าง 0-1
แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าออปชันตัวไหนค่า delta เป็นเท่าไหร่? หลักการก็คือตัวที่ at the money (ราคาใช้สิทธิ = ราคา SET50) จะมีค่า delta ประมาณ 0.5 ส่วนตัวที่ in the money (ราคาใช้สิทธิ < SET50 สำหรับ call, ราคาใช้สิทธิ > SET50 สำหรับ put) จะมีค่า delta มากกว่า 0.5 สุดท้ายตัวที่ out of the money (ราคาใช้สิทธิ > SET50 สำหรับ call, ราคาใช้สิทธิ < SET50 สำหรับ put) จะมีค่า delta น้อยกว่า 0.5
กลับมาที่ตัวอย่างของเรา ถ้าเราต้องการจะซื้อ put เพื่อ hedge พอร์ต ETF ทั้งจำนวน 600,000 บาท จะต้องใช้ put จำนวน = มูลค่าพอร์ต/(มูลค่า put * delta) = 600,000/(30*200*0.5) = 200 สัญญา
เดี๋ยวไว้มาเขียนต่อครับ
Great Stocks at Bargain Prices
- Doraemon
- Verified User
- โพสต์: 243
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 15
อ๊ะ ขอประทานโทษครับ เขียนสูตรผิดไปนิดนึง ที่ถูกคือกลับมาที่ตัวอย่างของเรา ถ้าเราต้องการจะซื้อ put เพื่อ hedge พอร์ต ETF ทั้งจำนวน 600,000 บาท จะต้องใช้ put จำนวน = มูลค่าพอร์ต/(มูลค่า put * delta) = 600,000/(30*200*0.5) = 200 สัญญา
มูลค่าพอร์ต/(มูลค่าเทียบเท่า SET50 * delta) = 600,000/(600*200*0.5) = 10 สัญญา
คราวนี้เราก็ได้การป้องกันพอร์ตในขาลงมาเรียบร้อยแล้ว ถ้า SET50 ตกไป 10 จุด เราจะขาดทุน ETF = 0.1*100,000 = 10,000 บาท แต่กำไร put = (การเปลี่ยนแปลงของ SET50*delta*มูลค่าต่อจุด*จำนวนสัญญา) = 10*0.5*200*10 = 10,000 บาท เช่นกัน
อยากให้สังเกตว่าเราใช้เงินซื้อ put ทั้งหมด = 30*200*10 = 60,000 บาท เท่านั้นเองในการที่จะป้องกันพอร์ตมูลค่า 600,000 บาทของเรา หวังว่าคงจะช่วยให้เห็นภาพการใช้ออปชันเพื่อการ hedge ชัดเจนขึ้นนะครับ
ส่วนเรื่องที่ว่าออปชันนั้นเสี่ยงมากนั้นก็มาจากความที่ว่ามันใช้เงินน้อยแต่ได้มูลค่ามากนี่เอง (ภาษาการเงินเรียกว่ามี Leverage) คนจึงมักนำออปชันไปเก็งกำไรเพียงอย่างเดียว เพราะได้เสียกันทีเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูง ก็แล้วแต่บุคคลล่ะครับว่าจะเอามันไปใช้ทำอะไร
Great Stocks at Bargain Prices
-
- Verified User
- โพสต์: 1211
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 16
หากกำไรขาดทุนบวกลบแล้วกลายเป็น 0 หมายความว่า เราจะขาดทุนจากค่าCommission เท่ากับ การ Hedge ของเราไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
จากตัวอย่างของคุณ Doraemon หมายความว่าหากต้องการจะได้กำไร ก็ต้องขาย ETF ออกไปตั้งแต่เห็นว่า Trend ของหุ้นเป็นขาลง แล้วปล่อยให้ Put options ที่เราซิ้อไว้ ค่อยๆtake profitไป and vice versa ใช่ไหมครับ?
หากใช้ Options "เพื่อประกันความเสี่ยง" ร่วมกับ ETF หรือ Futures ให้ดีๆ ผมคิดว่า โอกาสจะมีออก 3 หน้า
1. กำไร แต่ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะต้องเจียดส่วนหนึ่งไปจ่ายประกันและค่าคอม
2. เจ๊า เพราะกำไรไม่มาก ถูก Commission กินหมด
3. ขาดทุนเล็กน้อย
ส่วนการขาดทุนหนักๆจะไม่มี เพราะว่าถ้าคุณขาดทุนตัวหนึ่ง คุณจะได้กำไรอีกตัวหนึ่งแทนตลอดเวลานั่นเอง
จากตัวอย่างของคุณ Doraemon หมายความว่าหากต้องการจะได้กำไร ก็ต้องขาย ETF ออกไปตั้งแต่เห็นว่า Trend ของหุ้นเป็นขาลง แล้วปล่อยให้ Put options ที่เราซิ้อไว้ ค่อยๆtake profitไป and vice versa ใช่ไหมครับ?
อันนี้ผมเห็นด้วยนะ แต่ผมคิดว่า ในอีกแง่มุมหนึ่ง มันเป็นตัวประกันภัยที่ดี โบรกได้ค่าคอมเราไปก็จริง แต่เราก็ได้กำไรโดยที่เราไปต้องคาดการณ์ตลาด แค่ไปดักข้างหน้าก่อน เท่านั้นเองoption เกิดมาเพื่อเก็งกำไรเน้นๆ
ตัวนี้ ได้ค่าคอม ต่างๆ เป็นกอบเป็นกำที่สุด
สุดท้าย โบรกรวยกันถ้วนหน้าคับ
หากใช้ Options "เพื่อประกันความเสี่ยง" ร่วมกับ ETF หรือ Futures ให้ดีๆ ผมคิดว่า โอกาสจะมีออก 3 หน้า
1. กำไร แต่ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะต้องเจียดส่วนหนึ่งไปจ่ายประกันและค่าคอม
2. เจ๊า เพราะกำไรไม่มาก ถูก Commission กินหมด
3. ขาดทุนเล็กน้อย
ส่วนการขาดทุนหนักๆจะไม่มี เพราะว่าถ้าคุณขาดทุนตัวหนึ่ง คุณจะได้กำไรอีกตัวหนึ่งแทนตลอดเวลานั่นเอง
- Doraemon
- Verified User
- โพสต์: 243
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 17
มีความหมายสิครับ เพราะถ้าเรามัวแต่ถือ ETF อย่างเดียวโดยไม่ได้ hedge เมื่อหุ้นตก มูลค่าพอร์ตของเราก็จะลดลงไปเรื่อยๆ แต่ถ้า hedge ไว้จะได้มูลค่าของ put ในพอร์ตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปด้วยกัน เกิดในระหว่างที่หุ้นตกมีความต้องการต้องใช้เงิน ทำให้ต้องขายหุ้นและออปชันในพอร์ตทั้งหมดออกมา คุณ Belffet ก็ยังได้เงินกลับมาเท่ากับมูลค่าพอร์ตหักด้วยต้นทุนการป้องกัน (portfolio value - premium - commission) แต่แน่นอนครับว่าการป้องกันจะคุ้มแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าหุ้นตกไปมากเท่าใดนั่นเองBelffet เขียน:หากกำไรขาดทุนบวกลบแล้วกลายเป็น 0 หมายความว่า เราจะขาดทุนจากค่าCommission เท่ากับ การ Hedge ของเราไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
อยู่ที่ความหมายของคำว่า "กำไร" ครับ ถ้ากำไรหมายถึงว่าเราไม่เดือดร้อนจากการที่หุ้นตก ก็ไม่จำเป็นต้องขาย ถือไว้ทั้งคู่ขณะที่หุ้นตก แล้วพอเราเปลี่ยนความคิดว่าหุ้นจะไม่ลงแล้ว เราก็ขาย put ทำกำไร ได้เงินมาโปะให้มูลค่าพอร์ตเราใกล้เคียงกับก่อนหุ้นตก แต่ถ้ากำไรหมายถึงอยากให้มูลค่าพอร์ตเพิ่มขึ้นขณะที่หุ้นตกก็ทำอย่างที่คุณ Belffet ว่าจากตัวอย่างของคุณ Doraemon หมายความว่าหากต้องการจะได้กำไร ก็ต้องขาย ETF ออกไปตั้งแต่เห็นว่า Trend ของหุ้นเป็นขาลง แล้วปล่อยให้ Put options ที่เราซิ้อไว้ ค่อยๆtake profitไป and vice versa ใช่ไหมครับ?
Great Stocks at Bargain Prices
-
- Verified User
- โพสต์: 1211
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 18
คุณ Doraemon ครับมีความหมายสิครับ เพราะถ้าเรามัวแต่ถือ ETF อย่างเดียวโดยไม่ได้ hedge เมื่อหุ้นตก มูลค่าพอร์ตของเราก็จะลดลงไปเรื่อยๆ แต่ถ้า hedge ไว้จะได้มูลค่าของ put ในพอร์ตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปด้วยกัน เกิดในระหว่างที่หุ้นตกมีความต้องการต้องใช้เงิน ทำให้ต้องขายหุ้นและออปชันในพอร์ตทั้งหมดออกมา คุณ Belffet ก็ยังได้เงินกลับมาเท่ากับมูลค่าพอร์ตหักด้วยต้นทุนการป้องกัน (portfolio value - premium - commission) แต่แน่นอนครับว่าการป้องกันจะคุ้มแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าหุ้นตกไปมากเท่าใดนั่นเอง
จากที่กล่าวมาน่าจะเหมาะกับการถือหุ้นรายตัวที่เป็นธุรกิจหรือบริษัทที่เราอยากลงทุนระยะยาว
แต่กับ ETF มันไม่เจาะจงธุรกิจ เพราะเล่นเอาหุ้น 50 ตัวมารวมกันหมด การถือยาวอาจไม่ตรงเป้าหมาย
ถ้าหากแยกการลงทุนในหุ้นบริษัทต่างๆออกจาก case นี้ไปเลย ประมาณว่า เอา ETF Futures Options มารวมกันเพื่อเก็งกำไรแบบจำกัดความเสี่ยงล้วนๆโดยไม่มีความคิดจะถือสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานๆจะทำได้มั๊ยครับ?
- Doraemon
- Verified User
- โพสต์: 243
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 20
ที่ผมใช้ ETF ในการอ้างอิงพอร์ตหุ้นตลอดก็เพราะว่าออปชันและ ETF นั้นซื้อขายบน SET50 เหมือนกัน ทำให้การ hedge ทำได้สมบูรณ์เพราะไม่มีปัญหาในเรื่องของ correlation ครับ เพราะฉะนั้นถ้าต้องการจะใช้ออปชันในการ hedge พอร์ตหุ้นของเรา จะต้องดูเรื่องความสัมพันธ์ของการเคลื่อนไหวราคา (correlation) นี้ด้วยBelffet เขียน:คุณ Doraemon ครับ จากที่กล่าวมาน่าจะเหมาะกับการถือหุ้นรายตัวที่เป็นธุรกิจหรือบริษัทที่เราอยากลงทุนระยะยาว
แต่กับ ETF มันไม่เจาะจงธุรกิจ เพราะเล่นเอาหุ้น 50 ตัวมารวมกันหมด การถือยาวอาจไม่ตรงเป้าหมาย
ถ้าหากแยกการลงทุนในหุ้นบริษัทต่างๆออกจาก case นี้ไปเลย ประมาณว่า เอา ETF Futures Options มารวมกันเพื่อเก็งกำไรแบบจำกัดความเสี่ยงล้วนๆโดยไม่มีความคิดจะถือสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานๆจะทำได้มั๊ยครับ?
เรื่องถือยาว ETF ก็พอได้นะ อยู่ที่ว่าเราต้องการผลตอบแทนแบบไหน ก็เหมือนกับการที่เราไปซื้อพวก index fund นั่นแหละ คือถือว่าเป็นการลงทุนแบบ passive ที่มีการกระจายความเสี่ยง และต้องการผลตอบแทนเท่ากับตลาด เพราะฉะนั้นถ้าใครคิดจะซื้อ SET50 Index Fund (เว้นแต่ว่าเป็นการซื้อ LTF, RMF ที่ได้ลดภาษีด้วย) ผมว่าไปซื้อ ETF ดีกว่าเพราะค่าคอมถูกกว่า
สำหรับคำถามสุดท้าย จะใช้เพื่อการเก็งกำไรหรือลงทุนยาวยังไงก็ได้ทั้งนั้น ขอเพียงแต่ให้ศึกษาให้รู้จริงถึงสิ่งที่เราจะทำให้ดีๆ ครับ
Great Stocks at Bargain Prices
- Doraemon
- Verified User
- โพสต์: 243
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 21
ราคาของ SET50 Futures ในแต่ละวันนั้นคือราคาที่ผู้ลงทุนคาดการณ์ถึงราคาปิดของ SET50 ในวันที่สัญญา Futures นั้นๆ หมดอายุ เช่นการที่ S50Z07 (หมดอายุเดือนธันวาคม 2007) ปิดที่ 671 จุด หมายความว่า ผู้ลงทุนคาดว่าราคาปิด SET50 ณ สิ้นเดือนธันวาคมจะปิดที่ 671 จุดBelffet เขียน:คั่นจังหวะนิดนึงด้วยคำถาม(อีกแล้ว)
ทำไมวันนี้ 26/10/07 SET50+ แต่ Futures ลบล่ะครับ
การที่ SET50 ปรับขึ้นแต่ Futures ปรับลด แสดงว่าผู้ลงทุน Futures(ในวันศุกร์ที่ผ่านมา) เห็นว่าราคา SET50 ที่สิ้นปีควรจะอยู่ที่ 671 เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าราคา SET50 เมื่อวันศุกร์
จริงๆ แล้วถ้าตลาดมีประสิทธิภาพ SET50 กับ Futures จะเคลื่อนไหวไปด้วยกันอยู่ในกรอบๆ หนึ่ง เนื่องจากว่ามีการทำ arbitrage อยู่ตลอดเวลา
Great Stocks at Bargain Prices
- Doraemon
- Verified User
- โพสต์: 243
- ผู้ติดตาม: 0
Options ทำอะไรได้???
โพสต์ที่ 22
ผิดอีกแล้ว ขอแก้เป็นDoraemon เขียน:การที่ SET50 ปรับขึ้นแต่ Futures ปรับลด แสดงว่าผู้ลงทุน Futures(ในวันศุกร์ที่ผ่านมา) เห็นว่าราคา SET50 ที่สิ้นปีควรจะอยู่ที่ 671 เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าราคา SET50 เมื่อวันศุกร์
การที่ SET50 ปรับขึ้นแต่ Futures ปรับลด แสดงว่าผู้ลงทุน Futures(ในวันศุกร์ที่ผ่านมา) เห็นว่าราคา SET50 ที่สิ้นปีควรจะอยู่ที่ 671 เท่านั้น ขณะที่ผู้ลงทุน(เมื่อวันพฤหัส) เห็นว่าราคา SET50 ที่สิ้นปีควรจะอยู่ที่ 674.4 ส่งผลให้ราคา Futures เมื่อวันศุกร์ลดลงมา
Great Stocks at Bargain Prices