ราคาน้ำมันฉุดศก.ไทยปี'51 เงินบาทแข็งค่าแตะ33/ดอลล์-'ซับไพรม์'พ่นพิษ
หอการค้าไทย เผยผลสำรวจความคิดของผู้ประกอบการทั่วประเทศ ระบุเศรษฐกิจปีหน้า
เจอวิกฤติราคาน้ำมันเป็นตัวฉุด ค่าบาทแข็ง ซับไพรม์ ไฟใต้ รุมกระหน่ำซ้ำ แต่ยังพอมีแรงหนุน
จาก แนวโน้มดอกเบี้ยที่ลดลง ศก.ประเทศคู่ค้าดี สั่งซื้อสินค้าไทย ลงทุนเอกชน-ภาครัฐ ขยับ
นายธนวรรณ์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการ
ค้าไทย เปิดเผยโพลล์สำรวจของสภาหอการไทย จากการสำรวจกลุ่มผู้ประกอบการทั่วประเทศ
จำนวน 810 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 9-15 ตุลาคม 2550 ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและธุรกิจ ปี 2550-
2551 และสถานภาพธุรกิจไทยรายไตรมาส ว่า ในปี 2550 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้
ร้อยละ 4.2 การขยายตัวส่งออกร้อยละ 14.1 โดยดุลการค้าเกินกว่า 9,300 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย
ไตรมาส 4 ผู้ประกอบการยังคงใช้วิธีการส่งเสริมการตลาดเป็นหลัก เนื่องจากเศรษฐกิจยังอยู่ใน
ภาวะซึม และทุกฝ่ายเชื่อว่าหลังจากการเลือกตั้งจะทำให้ยอดขายและเศรษฐกิจดีขึ้น ซึ่งแนวโน้ม
ดังกล่าวจะเห็นชัดเจนในไตรมาส 1 ของปี 2551
อย่างไรก็ตามปัจจัยลบที่จะมีผลกับเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะมาจาก1.ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูง
ขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาเฉลี่ยปีหน้าจะอยู่ที่ 67.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงกว่าราคาเฉลี่ยปีนี้ซึ่ง
อยู่ที่ 65.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล 2.เงินบาททที่มีแนวโน้มปรับตัวแข็งค่าขึ้นสู่ระดับที่ 33 บาท
ต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยเคลื่อนไหวกรอบ 32.5-33.5บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งแรกของปี
หน้า ซึ่งเงินบาทจะแข็งค่าตามเงินสกุลเอเชียและการอ่อนตัวลงของเงินดอลลาร์สหรัฐ3.ปัญหาสิน
เชื่อซับไพร์ม และ 4.ความไม่แน่นอนทางการเมืองและการก่อการร้าย
ส่วนจีดีพีปีหน้าจะขยายตัวได้ในอัตราร้อยละ4.6 สำหรับปัจจัยบวกปี 2551 มาจาก 1.
ความ เชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและผู้ประกอบการภายในประเทศ รวมถึงนักลงทุนจากต่างประเทศ
การใช้จ่ายภายในประเทศโดยเฉพาะการลงทุนของภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น 2. เศรษฐกิจและ
ปริมาณการค้า โลกในปี 2551 ยังขยายตัวในระดับสูงใกล้เคียงกับปีนี้ เอื้ออำนวยให้ไทยยังมีการ
ส่งออก 3.อัตรา ดอกเบี้ยโลกที่มีแนวโน้มปรับลดลงร้อยละ 0.5 ทำให้ไทยมีนโยบายการเงินแบบ
ผ่อนคลายอัตรา ดอกเบี้ยทรงตัวในระดับต่ำในช่วงครึ่งแรกปีหน้า และ 4.การใช้งบประมาณขาด
ดุลของรัฐบาลไทยในวงเงิน 1.66 ล้านล้านบาท ซึ่งขาดดุลงบประมาณ 1.65 แสนล้านบาท โดย
เฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่จะเป็นตัวกระตุ้นปัจจัยกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสร้างเงินหมุนเวียน
ให้กับระบบเศรษฐกิจ
ส่วนดุลการค้าและบัญชีเดินสะพัด จะมีการขาดดุลประมาณ 5,500-7,500 ดอลลาร์สหรัฐ
หรือคิดเป็นร้อยละ 2.0-2.5 ของจีดีพี ในขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลประมาณ 7,000-
9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณร้อยละ 2.5-3.0 ของจีดีพี และอัตราเงินเฟ้อ ในปี 2551
คาดว่า จะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามราคาสินค้าที่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นตามต้นทุนการผลิตและ
กำลังซื้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน โดยอยู่ในระดับที่ร้อยละ 2.8-3.3
ที่มา : หนังสือพิมพ์ แนวหน้า