ปรับเป้าหุ้นน้ำมัน-โรงกลั่น

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
vichit
Verified User
โพสต์: 15833
ผู้ติดตาม: 0

ปรับเป้าหุ้นน้ำมัน-โรงกลั่น

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ปรับเป้าหุ้นน้ำมัน-โรงกลั่น



--------------------------------------------------------------------------------

หุ้นน้ำมันและโรงกลั่นดวงขึ้นสุดๆ  ถึงราคาจะวิ่งไปสูงลิบ เพราะฝรั่งยังขนเงินซื้อไม่หยุด ล่าสุดได้ตัวช่วยหลักหนุนเต็มแรง ราคาน้ำดิบมันซื้อขายล่วงหน้าในตลาด NYMEX พุ่งขึ้นสูงสุดทำสถิติเป็นประวัติการณ์ถึง 84.22 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพราะความหวาดหวั่นผลขาดแคลนน้ำมันจากความตึงเครียดระหว่างตุรกีและกลุ่มกบฏชาวเคิร์ดในอิรัก   โบรกจ่อคิวเร่งปรับประมาณการณ์หุ้นกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่นใหม่พร้อมขยับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบและค่าการกลั่นในปี 2550 จากเดิมที่ประเมินไว้ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพื่อสะท้อนราคาที่แท้จริง ชู PTTEP  - PTT ยังถูกใจ ส่วนกลุ่มโรงกลั่นไม่พลาด RRC และ TOP
    สำนักข่าวอินโฟเควสท์ ได้รายงานของสำนักข่าวเกียวโดว่า ราคาน้ำมันดิบที่มีการซื้อขายล่วงหน้าในตลาด NYMEX ได้เคลื่อนตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 84.22 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในการซื้อขายแบบอิเล็กทรอนิกวานนี้(15ต.ค.)
    ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate ส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ได้ปรับตัวสูงขึ้นแตะ 84.10 ดอลลาร์ ในการซื้อขายแบบอิเล็กทรอนิกเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา
ASPเร่งปรับประมาณการ
    นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างการปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบและค่าการกลั่นในปี 2550 จากปัจจุบันที่สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 60 เหรียญต่อบาร์เรล และค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ที่ 6.50 เหรียญต่อบาร์เรล  เนื่องจากจากราคาน้ำมันและค่าการกลั่นที่ยังคงยืนอยู่ในระดับสูง   จึงทำให้สมติฐานปัจจุบันยังต่ำกว่าที่เกิดขึ้นจริง
ส่วนปัจจัยหลักๆที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้คือ ตลาดมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะSupply ที่ตึงตัว หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯได้ประกาศตัวเลขน้ำมันคงคลังประจำสัปดาห์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และน้ำมันดิบในคลังสหรัฐฯลดลง ถึง 1.7 ล้านบาร์เรล และน้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึง Heating Oil และดีเซล ปรับตัวลดลงเช่นกันถึง 6 แสนบาร์เรล  
    รวมทั้งปัญหาการเมืองระหว่างตุรกีและอิรัก โดยเฉพาะข่าวล่าสุดที่ว่ารัฐบาลตุรกีจะส่งกองกำลังทหารเข้าไปประจำการในอิรักเพื่อปราบกบฏชาวเคิร์ด โดยไม่สนใจว่าจะมีผลกระทบทางการฑูตตามมา ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อแหล่งผลิตน้ำมันในอิรัก และอาจเกิดภาวะตัดขาดในการลำเลียงน้ำมันจากอิรัก



ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังอยู่ในช่วงการทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง รวมถึงค่าการกลั่นที่ดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 8.15 เหรียญต่อบาร์เรลเช่นกันทำให้มีความเป็นไปได้ที่เราอาจจะขยับราคาเฉลี่ยของทั้งน้ำมันดิบและค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะซับพลายที่ตึงตัว รวมถึงปัญหาในตะวันออกกลางด้วยนายภูวดลกล่าว
เล็งเพิ่มเป้าหมาย-กำไร
    นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มประมาณการผลการดำเนินงานของทั้งกลุ่มน้ำมันและกลุ่มโรงกลั่นเพื่อสะท้อนราคาที่แท้จริง จึงยังคงแนะนำซื้อ  PTTEP  โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 165.77 บาท และ PTT ให้ราคาเหมาะสมที่ 392.77 บาท
    ขณะที่หุ้นในกลุ่มโรงกลั่น แนะนำ  TOP ให้ราคาเหมาะสมที่ 93.94 บาท  ซึ่งนอกจากจะได้ประโยชน์จากค่าการกลั่นที่ปรับตัวสูงขึ้นแล้วยังมีสตอรี่ในเรื่องการประมูลโรงไฟฟ้าไอพีพี ซึ่งมีโอกาสที่จะชนะประมูล อย่างน้อย 1 โรงหรือ 800 เมกะวัตต์ ส่วน RRC ก็จะได้รับประโยชน์จากการควบรวมกิจการกับ ATC ซึ่งคาดว่าบริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการควบรวมจะมีศักยภาพมากขึ้น โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 26.76 บาท
ราน้ำมันดิบเฉลี่ยขึ้นถึง65-69ดอลล์
    นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่นระยะสั้นยังได้รับประโยชน์จากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่นที่ปรับตัวสูงขึ้นซึ่งนอกจากเรื่องดีมานส์และซัพพลายแล้วคงมาจากการเก็งกำไรด้วย
    ระยะสั้นน้ำมันดิบก็สูงขึ้น รวมถึงค่าการกลั่นด้วยที่ขึ้นมาเกิน 6 เหรียญ ซึ่งถือว่าสูงมาก เพราะตามไซเคิลปกติแล้วค่าการกลั่นไม่น่าจะสูงแบบนี้ ซึ่งคงหนุนให้หุ้นในกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่นปรับตัวขึ้นมานายสุกิจกล่าว
    ส่วนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 3 ปี (2550-2553) ฝ่ายวิจัยเพิ่งปรับค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาเป็น 65-69 เหรียญต่อบาร์เรลจากเดิมอยู่ที่ 55-60 เหรียญต่อบาร์เรล เช่นเดียวกับค่าการกลั่นที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.7-7.3 เหรียญต่อบาร์เรลจากเดิมอยู่ที่ 4.0-6.5 เหรียญต่อบาร์เรล       ทั้งนี้ยังคงแนะนำซื้อหุ้น  PTT ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับประมาณการณ์ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นใหม่ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 370-380 บาท จากเดิมให้ไว้ที่ 340 บาท ขณะที่ PTTEP ฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการณ์ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นเป็น 163 บาท          ส่วนหุ้นโรงกลั่น RRC คาดว่ายังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 2550-2551 จากค่าการกลั่นเฉลี่ยที่กลับมายืนเหนือระดับ 8 เหรียญต่อบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่คาดในช่วงไตรมาส 4/2550 ค่าการกลั่นจะมีปัจจัยหนุนจากการเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งทำให้ความต้องการใช้ฮีทติ้งออยส์เพิ่มขึ้น      สำหรับระยะสั้นผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง 2550 ของ RRC คาดว่าจะโดดเด่นกว่า TOP  และยังมีประเด็นการควบรวมกับ ATC สนับสนุนให้ภาพรวมในระยะยาว RRC ยังโดดเด่น โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 29.79 บาท ส่วน TOP ให้ราคาเหมาะสมที่ 100 บาท
    ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น PTT  วานนี้ (15 ต.ค.2550) ปิดที่ราคา  366 บาท เพิ่มขึ้น 14 บาท หรือ 3.98%มูลค่าการซื้อขาย 3,221.93  ล้านบาท ส่วนหุ้น PTTEP ปิดที่ 167 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท หรือ 5.70% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 3,126 ล้านบาท
    ส่วนหุ้นโรงกลั่น TOP ปิดที่ราคา 92 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 2.79% มูลค่าการซื้อขาย 1,541.68 ล้านบาท
   


 

--------------------------------------------------------------------------------
โพสต์โพสต์