ความโลภและความกลัว

[chartchai madman]

ช่วงเวลานี้เป็นอีกบททดสอบของการเป็นนักลงทุนแบบวีไอครับ ทุกคนต้องตั้งสติให้มั่นครับ เป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องเจอครับ ถือเป็นเรื่องปกติครับ หลายวันก่อนได้อ่านบทความดีๆของ อจ.ท่านหนึ่ง ได้แง่คิดที่ดีทีเดียวครับ เลยเก็บเอามาฝากกัน

ความโลภ&ความกลัว ชนวนแห่งการขาดทุน

 นอกจากหลักธรรมจะทันยุคทันสมัยอยู่เสมอแล้ว "อัจฉรา โยมสินธุ์" อาจารย์ภาควิชาการเงิน คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ให้ทัศนะว่า ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับว่ามีอยู่จริง มีอยู่คู่กับคนธรรมดาสามัญอย่างเราบนโลกใบนี้ โดยเฉพาะในโลกของการลงทุน สิ่งนั้นก็คือ "ความโลภ" นักลงทุนจำนวนไม่น้อยแพ้ภัยตัวเอง เพราะถูกความโลภ ถูกกิเลสตัณหาครอบงำ ปิดหู ปิดตาให้หน้ามืด ตามัว ลงทุนแบบขาดสติ ไร้เหตุผล
นอกจากความโลภ นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน ต้องขาดทุนบ้าง หมดเนื้อหมดตัวไปบ้าง กระทั่งเสียโอกาสดีๆ ในการทำกำไรงามๆ ไปก็เพราะ "ความกลัว"
   หากมองตามหลักศาสนาพุทธ อาจจะมองได้ว่าปัญหาที่แท้จริงกลับกลายเป็นว่าเราไม่สามารถจัดการตัวเราเองได้ เพราะเราปล่อยให้ความโลภหรือความอยากได้ ซึ่งเป็นรากเหง้าของอกุศลเข้าครอบงำจิตใจ มากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไปตามเหตุ และปัจจัยของแต่ละบุคคล
ความโลภ กิเลส ตัณหา หรือความอยากได้ อยากมี ถือเป็นตัวการที่ทำให้เกิดความคิดปรุงแต่ง ที่จะดึงให้เราตีความข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ได้รับไปในทางที่ไม่ถูกต้องนัก เราอาจจะเลือกลงทุนเพียง เพื่อจะทำกำไรตามที่เขาว่ากัน ตามที่บอกต่อๆ กันมา หรือเพียงเพราะเมื่อวานนี้ ราคาหุ้นตัวนั้น ตัวนี้เพิ่มสูงขึ้นมาก ด้วยความโลภที่ปิดหู ปิดตาเราอยู่ทำให้เราด่วนตัดสินใจลงทุนผ่านข้อมูล ข่าวสารเหล่านี้โดยไม่ทันตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลง หรือความจริงที่ควรจะพิจารณา
 ส่วน "ความกลัว" ก็คือตัวการที่ทำให้การตัดสินใจล่าช้า เกิดความลังเล ความไม่แน่ใจจนอาจเสียโอกาสในการทำกำไรเมื่อมีจังหวะที่เหมาะสม
ความกลัวเกิดจากความไม่รู้ เมื่อเราไม่รู้ ไม่เข้าใจการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น หรือของทางเลือกอื่นๆ ในการลงทุน เราจึงกลัวที่จะลงทุน หรือกลัวที่จะขยายโอกาสในการลงทุน
นอกจากความโลภและความกลัวที่เกาะกุมจิตใจเราแล้ว ยังมีเหตุปัจจัยอีกหลายอย่างที่เป็นอุปสรรคกั้นขวางความสำเร็จในการลงทุน ทางหนึ่งที่น่าจะช่วยลดความเสี่ยง เพิ่มความสุขในการลงทุนได้บ้างก็คือ การน้อมนำหลักธรรมตามหลักพระพุทธศาสนามาปรับใช้
แม้ว่าระดับของกิเลส ตัณหา หรือความโลภ ความอยากได้ อยากมีของแต่ละคนอาจจะแตกต่างอยู่บ้าง แต่คนกับความโลภก็มีอยู่คู่กันมาช้านานตั้งแต่สมัยพุทธกาล ดังมีพุทธพจน์ที่ว่า นตฺถิ ตณฺหาสมา นที หรือแม่น้ำเสมอด้วยตัณหาไม่มี
เรื่องของเงินๆ ทองๆ กับธรรมะ เป็นเรื่องที่สัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง ถ้าไม่เชื่อลองพลิกไปอ่านหนังสือเรื่อง "อ สตางค์ ทุกขัง มรณัง" ที่เขียนโดยอาจารย์อัจฉรา โยมสินธุ์
Bangkokbiznews

[August]

ขอบคุณครับ    
   

[contrarian]

ซื้อยามเมื่อเลือดนองถนน

พอร์ตใหญ่คงเริ่มสะสมหุ้นกันละครับ

[...]

ขอบคุณครับ

[the_add]

ขอบคุณมากครับ จะพยายาม (ตั้งสติให้มั่นแล้วเข้าไปซื้อเก็บ)