ประจำวันที่ 14 สิงหาคม 2550
ก.ล.ต.อนุญาตให้ผู้ลงทุนทั่วไป ลงทุน ตปท.ได้เป็นครั้งแรก
17:26 น.
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า หลังจากที่ ก.ล.ต.ประชุมร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.) เพื่อหาแนวทางส่งเสริมผู้ลงทุนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ ได้ข้อสรุปว่า ก.ล.ต.จะขยายขอบเขตให้กว้างขึ้น โดยจะอนุญาตให้ผู้ลงทุนประเภทสถาบัน เช่น มูลนิธิ สหกรณ์ออมทรัพย์ สามารถลงทุนได้ในวงเงินรายละไม่เกิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และผู้ลงทุนทั่วไปสามารถลงทุนได้ในวงเงินรายละไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ ก.ล.ต.อนุญาตให้ผู้ลงทุนทั่วไป สามารถลงทุนในตราสารการเงินและหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยเพิ่มเติมจากในปัจจุบันที่ ธปท.อนุญาตให้กองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บล.และ บลจ.สามารถลงทุนในต่างประเทศได้อยู่แล้ว
สำหรับรูปแบบการลงทุนนั้น ผู้ลงทุนประเภทสถาบันให้ลงทุนผ่านบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ส่วนผู้ลงทุนทั่วไป ให้ลงทุนผ่านผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคลในกรณีที่ลงทุนหลักทรัพย์ที่มีความซับซ้อน และมีความเสี่ยงสูง เช่น ตราสารที่อ้างอิงสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) โดย ก.ล.ต.กำหนดให้ผู้ลงทุนต้องรายงานการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศต่อ ธปท.ตามที่กำหนด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการหาผลประโยชน์จากส่วนต่างค่าเงินบาทในตลาดต่างประเทศ (ออฟชอร์) และตลาดในประเทศ (ออนชอร์) หากพบว่ามีการหาผลประโยชน์ก็จะมีมาตรการปราบปรามและป้องกันอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ก.ล.ต.จะมีการแก้ประกาศ ก.ล.ต.และคาดว่าจะเริ่มได้ในเดือนกันยายน นี้
นายธีระชัย กล่าวด้วยว่า ก.ล.ต.จะอนุญาตให้มีการนำหลักทรัพย์ต่างประเทศมาจดทะเบียนซื้อขายเป็นเงินบาทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในรูปแบบใบรับฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศที่เปลี่ยนมือได้ โดยอาจเป็นหุ้นรายตัวของบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ หรือเป็น ETF และรูปแบบหุ้นของบริษัทต่างประเทศที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์
ทางสมาคม บลจ.ประเมินตัวเลขประมาณการของเงินที่สามารถไปในต่างประเทศได้ภายใต้กองทุนส่วนบุคคล น่าจะอยู่ที่ 120,000 ล้านบาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 5 ของเงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์สำหรับเงินฝากของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่มียอดเงินฝากตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2550 ซึ่งมียอดเงินประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท ส่วนยอดเงินฝากของมูลนิธิ สหกรณ์ออมทรัพย์ และประกันภัย ประกันชีวิต อีกจำนวน 7.2 แสนล้านบาท
ส่วนปัญหาสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้อยคุณภาพนั้น ทาง ก.ล.ต.ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบผลประกอบการไตรมาส 2 ของธนาคารพาณิชย์ว่า มีการบันทึกบัญชีตามราคาตลาดหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นไม่พบว่าธนาคารพาณิชย์ไทยมีปัญหาแต่อย่างใด
เนชั่นทันข่าว
พัฒนาไปอีกขั้น :)
ข่าวนี้มัน George จริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 898
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าวนี้มัน George จริงๆ
โพสต์ที่ 1
bid please!!