กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ยอดใช้เอ็นจีวี5เดือนพุ่ง100%
เบนซินเพิ่มแค่0.6% แก๊สโซฮอล์โต8.5% ผลพวงเศรษฐกิจซบ

โพสต์ทูเดย์ เศรษฐกิจซบทำยอดจำหน่ายพลังงานทดแทน 5 เดือนแรกพุ่ง เอ็นจีวีเพิ่ม 100% แก๊สโซฮอล์ เพิ่ม 8.5% ส่วนเบนซินเพิ่มแค่ 0.6%

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สถานการณ์พลังงานในรอบ 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.2550) ประเทศไทยมีปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินเฉลี่ยวันละ 16.4 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 0.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่วันละ 16.3 ล้านลิตร ขณะที่ยอดการใช้น้ำมันเบนซินเดือน พ.ค.อยู่ที่วันละ 15.5 ล้านลิตร ลดลง 5.4% จากเดือน เม.ย.ที่ 16.4 ล้านลิตร
ด้านปริมาณการใช้น้ำมันดีเซล 5 เดือนเฉลี่ยวันละ 53.1 ล้านลิตร ลดลง 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 53.3 ล้านลิตร/วัน ยอดการใช้เดือน พ.ค.ตกวันละ 51.6 ล้านลิตร ลดลง 1.3% จากเดือน เม.ย.อยู่ที่ 52.3 ล้านลิตร
สำหรับปริมาณการใช้แก๊สโซฮอล์ 5 เดือนแรกของปีนี้มีปริมาณเฉลี่ยวันละ 3.8 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 8.5% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 3.5 ล้านลิตร ส่วนการใช้เดือน พ.ค.อยู่ที่ 4.1 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 2.5% จากเดือน เม.ย.อยู่ที่วันละ 4 ล้านลิตร
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=173021
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news21/06/07

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เอทานอลล้นเกิน ปัญหาเกิดจากใคร ?... ออกใบอนุญาต

คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้เคยมีการประชุมเพื่อพิจารณาการยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 95 มาแล้วในช่วงต้นปี 2550 ผลการประชุมที่ประชุมมีมติให้ "เลื่อน" การยกเลิกการจำหน่ายเบนซิน 95 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด พร้อมกับให้กระทรวงพลังงานกลับไปพิจารณาความเหมาะสมของช่วงเวลาในการยกเลิกด้วยการคำนึงถึง ความพอเพียงของปริมาณเอทานอลที่ผลิตได้ภายในประเทศ, การกำหนดราคาเอทานอล และผลกระทบที่จะมีต่อรถยนต์ที่ไม่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้ หากต้อง "ยกเลิก" การ จำหน่ายน้ำมันเบนซิน 95

จากสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน ที่มีโรงงานผลิตเอทานอล เปิดดำเนินการผลิตเอทานอลไปแล้ว 6 โรง ได้แก่ บริษัทพรวิไล อินเตอร์เนชั่นแนล (กำลังผลิตติดตั้ง 25,000 ลิตร/วัน), บริษัทไทยแอลกอฮอล์ (200,000 ลิตร/วัน), บริษัทไทยอะโกรเอนเนอร์จี (150,000 ลิตร/วัน), บริษัทไทยง้วน เอทานอล (130,000 ลิตร/วัน), บริษัทขอนแก่นแอลกอฮอล์ (150,000 ลิตร/วัน) และบริษัทเพโทรกรีน (200,000 ลิตร/วัน) รวมกำลังผลิตติดตั้ง 855,000 ลิตร/วัน แต่น่าจะมีการผลิตจริงเพียง 750,000 ลิตร/วันเท่านั้น

ในขณะที่ตลอดทั้งปี 2550 นี้ ตามแผนที่วางไว้จะมีโรงงานเอทานอลเปิดดำเนินการผลิตอีก 8 โรง ได้แก่ บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล แก๊สโซฮอล์ (150,000 ลิตร/วัน), บริษัทฟ้าขวัญทิพย์ (60,000 ลิตร/วัน), บริษัทเอกรัฐพัฒนา (100,000 ลิตร/วัน), บริษัทน้ำตาลไทย เอทานอล (100,000 ลิตร/วัน), บริษัทเคไอ เอทานอล (100,000 ลิตร/วัน), บริษัทราชบุรีเอทานอล (150,000 ลิตร/วัน), บริษัทไทยรุ่งเรืองพลังงาน (120,000 ลิตร/วัน และบริษัทเพโทรกรีน (200,000 ลิตร/วัน) รวมกำลังผลิตติดตั้งที่จะเกิดขึ้นมาใหม่อีก 980,000 ลิตร/วัน
http://www.matichon.co.th/prachachat/pr ... ionid=0203
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news21/06/07

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ยกเลิก เบนซิน 95 ดีหรือไม่ ? เรื่องที่รอการตัดสินใจจาก "ปิยสวัสดิ์"

ท่ามกลางระยะเวลาที่เหลือน้อยลงของรัฐบาลชุดนี้ เรื่องหนึ่งที่ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังไม่ได้ตัดสินใจก็คือ จะยกเลิกการจำหน่าย น้ำมันเบนซินออกเทน 95 ตามข้อเรียกร้องของ สมาคมการค้าผู้ผลิต เอทานอลไทย ในฐานะตัวแทนโรงงานเอทานอลภายในประเทศหรือไม่ ?

การไม่ตัดสินใจในเรื่องนี้ ได้กลายเป็นเรื่อง "กระอักกระอ่วน" ของกระทรวงพลังงาน เมื่อด้านหนึ่งรัฐบาลได้ประกาศให้มีการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ (น้ำมันเบนซินผสมเอทานอล 10% ทดแทนการเติมสารเพิ่มออกเทน MTBE) แต่ไม่ยอมยกเลิกการจำหน่าย น้ำมันเบนซินออกเทน 95 ขณะที่อีกด้านหนึ่งก็ส่งเสริมให้มีการลงทุนตั้งโรงงานผลิตเอทานอล ภายใต้นโยบายเปิดเสรีโดยไม่จำกัดจำนวนโรงงาน

ส่งผลให้การผลิตเอทานอลภายในประเทศตกอยู่ในสภาวะ "ล้นตลาด" การส่งออกเป็นไปได้ยากลำบากเพราะติดเงื่อนไขการขออนุญาตส่งออกจากกรมสรรพสามิตเป็นคราวๆ ไป
http://www.matichon.co.th/prachachat/pr ... ionid=0203
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news27/06/07

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ไทยเซ็นเอ็มโอยู อินเดีย พัฒนาพลังงานทดแทน

โดย วัน พุธ ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2550 02:55 น.

พลังงานเตรียมเซ็นสัญญาร่วมมืออินเดีย เน้นพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์และพลังงานทดแทน ตั้งคณะกรรมการร่วมในการพัฒนา
ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การเดินทางเยือนประเทศอินเดียอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และคณะ ระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายนนี้ กระทรวงพลังงานจะลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศไทยและประเทศอินเดีย โดยเฉพาะความร่วมมือในการพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ พลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการพัฒนาพลังงานทดแทนด้านอื่นๆ ได้แก่ ก๊าซชีวภาพ พลังงานชีวมวล พลังงานน้ำขนาดเล็ก พลังงานลม การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งอุปกรณ์ในสาขาพลังงานหมุนเวียน ตลอดจนมีการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญในสาขาพลังงานทดแทนและด้านอื่นๆ
รมว.พลังงาน กล่าวด้วยว่า ไทยและอินเดียจะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมในการกำกับและติดตามแผนความร่วมมือ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยความร่วมมือดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันลงนาม เป็นระยะเวลา 5 ปี และหากมีการต่ออายุ จะมีผลบังคับใช้ต่อไปอีก 5 ปีโดยอัตโนมัติ เว้นแต่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะขอยกเลิก
http://news.sanook.com/economic/economic_150807.php
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news27/06/07

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เอทานอลในประเทศล้น ผู้ค้าวอนรัฐหนุนส่งออก

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 27 มิถุนายน 2550 09:55 น.

สมาคมผู้ผลิตเอทานอล กระทุ้งภาครัฐส่งเสริมการส่งออกเอทานอล หลังผลิตเกินความต้องการในประเทศ เล็งสร้างโรงเก็บกลาง รวบรวมเอทานอลทุกเจ้าส่งออกล็อตเดียวลดต้นทุน เผยเจรจาเช่า ที่ ปตท. หรือ IRPC แล้ว แต่ยังติดระเบียบกรมสรรพสามิต
     
      นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี นายกสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการผลิตเอทานอลจากโรงงานรวม 7 แห่งประมาณ 9.5 แสนลิตรต่อวัน ขณะที่การนำไปใช้เป็นส่วนผสมกับน้ำมันเบนซิน เพื่อทำแก็สโซฮอล์ อี10 มีเพียง 4.5 แสนลิตรต่อวันเท่านั้น ส่งผลให้ตอนนี้เกิดปัญหาปริมาณเอทานอลล้นตลาด
     
      ส่วนหนึ่งมาจากรัฐบาลยุติแผนยกเลิกการใช้เบนซิน 95 ซึ่งเดิมจะมีผลบังคับใช้เมื่อ 1 มกราคม ที่ผ่านมา ทำให้แผนการผลิตที่วางไว้เพื่อรองรับการใช้แก๊สโซฮอล์เปลี่ยนไป ซึ่งขณะนี้โรงงานบางแห่งจำเป็นต้องผลิตไม่เต็มกำลัง เพราะความต้องการของตลาดมีจำกัด ดังนั้นในระยะสั้นจึงอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือ โดยผลักดันให้มีการส่งออกมากขึ้น
     
      นายสิริวุทธิ์ กล่าว่า กลุ่มผู้ผลิตเอทานอลในประเทศ กำลังศึกษาการสร้างโรงเก็บเอทานอลไว้ใกล้ท่าเรือ โดยจะมีแทงค์ที่จะเป็นศูนย์กลาง เพื่อรวบรวมเอทานอลของของผู้ผลิตแต่ละรายให้ได้ปริมาณมากๆ แล้วส่งออกไปล็อตเดียว เพราะถ้าผู้ผลิตแยกกันส่ง ทีละ 1-2 แสนลิตรต่อวันอาจไม่คุ้มค่าขนส่ง
 http://www.manager.co.th/Business/ViewN ... 0000074516
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news28/06/07

โพสต์ที่ 6

โพสต์

คาดกองทุนน้ำมันฯ ชำระหนี้น้ำมัน-ชดเชยก๊าซหมด มี.ค.2551

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 28 มิถุนายน 2550 16:27 น.
 
ผู้อำนวยการ สนพ.คาดกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะสามารถชำระหนี้ที่ชดเชยราคาน้ำมันและก๊าซแอลพีจีได้ทั้งหมดเดือนมีนาคม 2551 พร้อมระบุธุรกิจปั๊มน้ำมันจะต้องปรับตัวให้มีบริการเสริมมากขึ้น เพื่อให้อยู่รอด โดยในอนาคตปั๊มน้ำมันจะน้อยลงตามกลไกตลาด และปั๊มน้ำมันขนาดเล็กจะอยู่ลำบาก
     
      นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวในงานสัมมนา อนาคตธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน จัดโดยสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ว่าหลังจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้เข้าแทรกแซงราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา โดยต้องกู้เงินถึง 92,000 ล้านบาท ขณะนี้มียอดรายได้ดึงเข้าสู่กองทุนอย่างต่อเนื่องประมาณ 3,700 ล้านบาทต่อเดือน ขณะที่มีหนี้ติดค้างกับธนาคารจำนวน 4,000 ล้านบาท และเงินกู้พันธบัตรอายุ 2 และ 3 ปี อีกจำนวน 17,600 ล้านบาท เมื่อรวมกับภาระหนี้การชดเชยก๊าซแอลพีจี 9,000 ล้านบาท และหนี้เดิมที่ใช้แทรกแซงราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมาอีก 900 ล้านบาท ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีภาระหนี้ 30,000 ล้านบาท แต่เมื่อมีรายได้กลับเข้ากองทุนน้ำมันฯ น่าจะสามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมดช่วงเดือนมีนาคม 2551 หลังจากนั้นกองทุนน้ำมันฯ ก็จะหมดภาระหนี้
     
      นายวีระพล กล่าวว่า แนวโน้มการใช้แก๊สโซฮอล์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 3.5 ล้านลิตรต่อวัน ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เป็น 4.6 ล้านลิตร ขณะที่การใช้น้ำมันเบนซินยังอยู่ที่ 8 ล้านลิตร และแนวโน้มในอนาคตการดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมันจะลำบากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ยอดขายน้ำมันเติบโตประมาณร้อยละ 7-8 แต่ปัจจุบันขยายตัวร้อยละ 2-3 ดังนั้น ทุกสถานีบริการน้ำมันจึงต้องมีการปรับตัวให้บริการด้านอื่นเพิ่มเติม และเห็นว่าจำนวนสถานีบริการในปัจจุบันมีมากเกินไป ซึ่งตลาดจะเป็นตัวผลักดันให้จำนวนสถานีบริการน้อยลงในอนาคต และจะอยู่ได้เฉพาะสถานีบริการขนาดใหญ่
http://www.manager.co.th/Business/ViewN ... 0000075415
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news29/06/07

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ปั๊มน้ำมันเล็กส่อทยอยปิดตัว

โดย วัน ศุกร์ ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 02:54 น.

สนพ.มองปั๊มเล็กมีแนวโน้มปิดตัวมากขึ้น เหตุแข่งขันสูงและค่าการตลาดต่ำ ด้านผู้ค้ารายอื่นเรียกร้อง ปตท. แข่งขันให้เป็นธรรม
ดร.วีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยในงานเสวนาเรื่อง อนาคตธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง ว่า ปัจจุบันสถานีบริการน้ำมันมีจำนวนมาก ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันขยายตัวต่ำ และการแข่งขันที่สูงขึ้น ท่ามกลางค่าการตลาดในระดับต่ำ ทำให้สถานีบริการขนาดเล็กไม่สามารถอยู่รอด จึงมีแนวโน้มว่าสถานีบริการน้ำมันจะปิดตัวลงต่อเนื่อง

ด้านนายธีรพจน์ วัชราภัย ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า สาเหตุที่ค่าการตลาดที่ผู้ค้าน้ำมันได้รับต่ำมาก เนื่องจากต้องรอปรับราคาพร้อมกับ ปตท. เพื่อไม่ให้เสียส่วนแบ่งการตลาด ซึ่ง ปตท.สามารถนำเงินจากธุรกิจอื่นที่มีกำไรเข้ามาสนับสนุนธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน ถือเป็นระบบการค้าที่ไม่ถูกต้อง และ ปตท.ยังได้รับสิทธิต่างๆ มากมาย เช่น ไม่ต้องเสียภาษีป้าย เป็นต้น

ด้านนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากจะให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ค้าน้ำมันทุกราย ปตท.ควรมีการแยกตั้งบริษัทขึ้นมาดูแลการขายปลีกโดยเฉพาะ ซึ่งจะทำให้ปตท.ทราบว่าธุรกิจขายปลีกน้ำมันในสภาวะปัจจุบันขาดทุนอย่างไร
http://news.sanook.com/economic/economic_151274.php
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news03/07/07

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ระยองเพียวทุ่ม 500 ล.ลุยไบโอฯฝันประเทศไทยเดินหน้าสู่ B 100 [ ฉบับที่ 807 ประจำวันที่ 4-7-2007 ถึง 6-7-2007]  
นายศุภพงศ์ กฤษณกาญจน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) หรือ RPC เปิดเผย สยามธุรกิจ ว่าขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตไบโอดีเซลเพื่อป้อนให้กับปั๊มน้ำมันในเครือและขายให้กับโรงกลั่น โดยใช้เงินลงทุน 500 ล้านบาทกำลังการผลิตเบื้องต้น 1.5 แสนตันต่อวันและจะเพิ่มเป็น 3 แสนตันต่อวันในอนาคต

ปัจจุบันปาล์มซึ่งเป็นวัตถุดิบในการทำไบโอดีเซลมีปริมาณมากจนเกือบจะเรียกได้ว่าล้นตลาด ทำให้โรงงานไบโอดีเซลที่ไม่มีโรงกลั่นน้ำมันของตัวเองถูกกดราคาขายจากโรงกลั่นที่รับซื้อ ซึ่งระยองเพียวมองเห็นว่าหากบริษัทลงทุนผลิตไบโอดีเซลเองนอกจากจะเป็นการสนับสนุนปั๊มน้ำมันเพียวซึ่งเป็นปั๊มน้ำมันในเครือที่ขายน้ำมันดีเซลอยู่แล้ว ยังสามารถจำหน่ายให้กับโรงกลั่นน้ำมันเพื่อไปผสมเป็นไบโอดีเซลชนิด B2 และ B5 ตามนโยบายส่งเสริมของรัฐ ถือเป็นการลงทุน ที่คุ้มค่าในเชิงสังคมและเชิงพาณิชย์ นาย ศุภพงศ์ กล่าว

ปัจจุบันปั๊มน้ำมันหลายแห่งเริ่มจำหน่าย ไบโอดีเซล 2% (บี 2) แทนดีเซลปกติตามที่รัฐบาลขอความร่วมมือก่อนจะประกาศบังคับอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 เมษายน 2551 อย่างไรก็ตาม นายศุภพงศ์มองว่าประเทศไทยสามารถใช้น้ำมันไบโอดีเซล 100% (บี 100) ได้หากรัฐบาลมีระบบบริหารจัดการด้านวัตถุดิบอย่างเป็นระบบ เช่น ตรวจสอบให้ชาว ไร่ได้รับต้นพันธุ์ปาล์มดีที่นำไปปลูกแล้วให้ผลผลิตสมบูรณ์ ซึ่งเมื่อนำมาผลิตเป็นบี 100 ก็จะทำให้ได้น้ำมันที่มีประสิทธิภาพราคาใกล้เคียงกับดีเซล ลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ

ส่วนในด้านความสนใจสร้างโรงงาน เอธานอลเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบผลิตน้ำมันก๊าซโซฮอล์ นายศุภพงศ์กล่าวว่ายังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา เนื่องจากข้อมูลของรัฐยังไม่ชัดเจน ส่งผลให้คนจำนวนหนึ่งยังไม่เชื่อมั่นในการหันมาใช้น้ำมันก๊าซโซฮอล์ ประกอบกับเมื่อเอธานอล ล้นสต็อกก็ไม่สามารถส่งออกได้เนื่องจากติดขัดด้านกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันยังมีโรงงานจำนวนมาก ที่ขอใบอนุญาตไว้แล้วแต่ยังไม่ลงทุนสร้าง เนื่อง จากปัญหาดังกล่าว
http://www.siamturakij.com/home/index.html
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news04/07/07

โพสต์ที่ 9

โพสต์

กล่อมค่ายรถปรับเครื่องรองรับแก๊สโซฮอล์ 20 %

โดย เดลินิวส์ วัน พุธ ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 11:54 น.
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานนัดหารือร่วมกับผู้บริหารค่ายรถยนต์ บริษัทน้ำมัน และโรงกลั่นน้ำมันเพื่อผลักดันการใช้แก๊สโซฮอล์ 20% หรือ อี 20 จากปัจจุบันผสมแค่ในระดับ 10% หรืออี 10 และผลักดันการใช้แก๊สโซฮอล์ 91 ให้มากขึ้น หลังจากที่ปั๊ม ปตท. และบางจากนำมาขายระยะหนึ่งแล้วเห็นว่าประชาชนให้ความนิยมเพิ่มขึ้น จึงมอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปศึกษาข้อดีข้อเสียหากจะยกเลิกเบนซิน 91
นอกจากนี้จะหารือกับค่ายรถยนต์ และค่ายรถจักรยานยนต์ และผู้จำหน่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ให้แนะนำผู้ที่ซื้อรถใหม่ป้ายแดงเติมแก๊สโซฮอล์ พร้อมระบุรายละเอียดลงไปในสมุดคู่มือการใช้รถว่าสามารถใช้แก๊สโซฮอล์ได้ และติดสติกเกอร์ที่ฝาถังแก๊สโซฮอล์ทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ว่ารถคันดังกล่าวใช้แก๊สโซฮอล์ได้ เพราะขณะนี้รถใหม่ ยังไม่ปรับเปลี่ยนในสมุดคู่มือรถที่ระบุว่าให้เติมเบนซิน แม้ว่าค่ายรถจะออกมารับประกันแล้วก็ตาม

นายปราโมทย์ ญาณทักษะ ผู้อำนวยการสำนักคุณภาพเชื้อเพลิง กรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ได้นัดหารือกับผู้บริหารค่ายรถยนต์ ตัวแทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) ของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ทั่วประเทศประมาณ 100 ราย และ ผู้บริหารรถจักรยานยนต์ยี่ห้อต่าง ๆ พร้อมดีลเลอร์ ประมาณ 20 ราย มาประชุมเพื่อขอความร่วมมือส่งเสริมใช้แก๊สโซฮอล์ในรถจักรยานยนต์.
http://news.sanook.com/economic/economic_152385.php
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news05/07/07

โพสต์ที่ 10

โพสต์

23ไอพีพีตบเท้าเปิดศึก ชิงโรงไฟฟ้า3,000MW หั่นราคาขายไฟกระฉูด

ประมูลโรงไฟฟ้าใหม่ (IPP) ดุ อาทิตย์เดียว 23 ซอง เชื่อสู้ยิบตาเสนอค่าไฟถูกเป็นประวัติการณ์หวังได้สร้างโรงไฟฟ้า ด้านบริษัทลูก-หลาน กฟผ.ซื้อซองกันครบ ตั้งแต่บริษัทผลิตไฟฟ้า-ราชบุรีโฮลดิ้ง-กัลฟ์ อิเล็กตริก ขาใหญ่อิตาเลียนไทย จับมือล็อกซเล่ย์-BABCOCK BROWN จากฮ่องกง ยื่นประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินด้วย

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานเข้ามาหลังจากที่กระทรวงพลังงานออกประกาศที่จะรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) กำลังผลิต 3,200 เมกะวัตต์ เท่ากับจะมีโรงไฟฟ้า IPP ใหม่เกิดขึ้นประมาณ 4 โรง ซึ่งถือเป็นกำลังผลิตใหม่ที่น้อยมาก จนทำให้มีการคาดการณ์จะมี IPP ไม่กี่รายเท่านั้นที่จะเข้ายื่นประมูลโรงไฟฟ้าใหม่

ปรากฏหลังจากการเปิดขายซองประมูลอย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) มายื่นซื้อซองไปแล้วจำนวน 23 ซอง (ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2550) นั้น หมายความว่า การแข่งขันในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า IPP รอบนี้จะสูงมาก และ IPP ทุกรายจะสู้กันด้วยการเสนอราคาขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. "ต่ำสุด" เป็นประวัติการณ์ สาเหตุที่ IPP สามารถเสนอราคาต่ำได้นั้น เป็นเพราะเทคโนโลยีในการผลิตไฟฟ้ามี ประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญสามารถบริหารต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้นด้วย ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าถูกลง

สำหรับบริษัทในเครือของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เข้ามาซื้อซองประมูล ในครั้งนี้ ได้แก่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH รวมถึงบริษัทกัลฟ์ อิเล็กตริก จำกัด (มหาชน) ที่บริษัทผลิตไฟฟ้าเข้าไปถือหุ้นด้วย

นอกจากนี้ ยังมีบริษัท ไทยออยล์ พาวเวอร์ จำกัด บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ที่ร่วมมือกับบริษัท โกลว์พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW จัดตั้งบริษัทร่วมทุนโดยใช้ชื่อว่าบริษัท เก็คโค่-วัน จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าภายในประเทศและในประเทศเพื่อนบ้าน เริ่มต้นด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท และจะเพิ่มทุนเป็น 100 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 10 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยจะมีการเพิ่มทุนเป็น ทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วในปี 2550 นี้ เป็น 40 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนของบริษัทโกลว์พลังงาน จะลงเงินอัตราร้อยละ 64.99 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทร่วมทุนดังกล่าว ขณะที่บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ก็ได้เข้าซื้อซองประมูลด้วย
http://www.matichon.co.th/prachachat/pr ... ionid=0201
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news05/07/07

โพสต์ที่ 11

โพสต์

รง.พลาสติกขยับฐานไปญวน "บาทแข็ง"อย่างนี้อยู่ไทยไม่ได้

อุตสาหกรรมพลาสติก เจอพิษค่าเงินบาทแข็ง สินค้าส่งออกแข่งขันไม่ได้ ทยอยทัพขยายการผลิตไปในเวียดนาม เหตุค่าเงินแข็งน้อยกว่า ค่าแรงถูก ค่าไฟฟ้าถูกกว่าไทย แถมปลอดการทุ่มตลาด (AD) ระบุแม้มีผลกับการจ้างงานในประเทศ แต่ก็ยังดีกว่าต้องแบกรับภาระต้นทุน รายได้หด พาเศรษฐกิจโดยรวมย่ำแย่ เผยทิศทางอุตสาหกรรมอาจควบรวมเพิ่มความสามารถการแข่งขันมากขึ้น

นายสมศักดิ์ บริสุทธนะกุล ประธานกลุ่มอุตสาหกรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงสถานการณ์ของอุตสาหกรรมพลาสติกในขณะนี้ว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของสินค้าพลาสติกเป็นอย่างมาก โดยสินค้าที่ส่งออกไปจากไทยไม่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายปรับธุรกิจ หรือขยายฐานการผลิตไปสู่ประเทศเวียดนามเพิ่มมาก

เนื่องจากเวียดนามมีความแตกต่างจากประเทศอื่นในเรื่องของ "ค่าเงิน" กล่าวคือ ในขณะที่ค่าเงินของประเทศต่างๆ แข็งขึ้น แต่ค่าเงินของเวียดนามแข็งขึ้นน้อยกว่าและมีแนวโน้มที่จะอ่อนลงทุกปี ปีละ 1% ประกอบกับ "ค่าแรง" กับ "ค่าไฟฟ้า" ยังถูกกว่าในประเทศไทย รวมทั้งข้อได้เปรียบสินค้าส่งออกจากเวียดนามส่วนใหญ่ยังไม่ถูกการดำเนินมาตรการตอบโต้ทางการทุ่มตลาด (Anti-dumping หรือ AD) จากประเทศคู่ค้าสำคัญ ทั้งสหรัฐ-สหภาพยุโรป ส่งผลให้เวียดนามกลายเป็นประเทศที่เหมาะสมตั้งฐานการผลิตเพื่อส่งออก

"ก่อนที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมพลาสติกจะเริ่มขยายฐานการผลิตไปในเวียดนาม เราได้ประเมินสถานการณ์ไว้แล้วว่า ช่วง 1-2 ปีข้างหน้านี้ ค่าเงินบาท จะแข็งขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะอ่อนค่าลงก็คงยากที่จะอ่อนไปถึงระดับ 40 บาท ต่อ 1 เหรียญสหรัฐเหมือนในอดีต และคู่แข่งปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น จีน-มาเลเซีย-อินเดีย-ฟิลิปปินส์ แม้ค่าเงินเขาแข็งขึ้นแต่ก็ยังน้อยกว่าประเทศไทย ดังนั้นถ้าหากอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร การแข่งขันของไทยก็จะแย่ลงเรื่อยๆ การขยายฐานการผลิตไปเวียดนามจึงเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด" นายสมศักดิ์กล่าว
http://www.matichon.co.th/prachachat/pr ... ionid=0203
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news06/07/07

โพสต์ที่ 12

โพสต์

พืชพลังงานรุ่ง ราคาส่งออกดี ไม่สนบาทแข็ง

โพสต์ทูเดย์ แนวโน้มตลาดสินค้าเกษตร ในครึ่งปีหลังยังสดใส พืชพลังงานนำโด่ง ไม่กระเทือนแม้เงินบาทแข็งค่าขึ้น นายบรรพต หงษ์ทอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้ติดตาม และประเมินสถานการณ์ราคาสินค้าเกษต ครึ่งปีหลัง พบว่า ภาพรวมยังปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้เงินบาทจะแข็งค่าก็ตาม
พืชที่มีแนวโน้มตลาดอยู่ในเกณฑ์ดี คือ กลุ่มพืชพลังงาน ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน คาดว่า มูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้น 86.67% และ มันสำปะหลัง มูลค่าเพิ่ม 21.78% เมื่อเทียบกับปี 2549 เป็นผลจากความต้องการไบโอดีเซล ในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ความ ต้องการพืชพลังงานสูงขึ้นตามไปด้วย ขณะที่ราคาส่งออกจะปรับตัวเพิ่มเฉลี่ยอยู่ที่ 10%
ในส่วนของอ้อยโรงงาน แม้ราคาจะลดลงจากตันละ 688 บาท เหลือเพียง 680 บาท แต่ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น จาก 47,658,097 ตัน เป็น 64,365,482 ตัน ส่งผลให้ผู้ปลูกอ้อย มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 33.49%
สินค้าที่มีแนวโน้มราคาปรับลดลง ได้แก่ ข้าวนาปรัง กล้วยไม้ สุกร ลองกอง และเงาะ ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยปลายปี 2549 และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากวัฏจักรด้านราคา และความไม่สมดุลระหว่างกำลังการผลิต และความต้องการบริโภค
เบื้องต้นได้มอบหมายให้หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ผลิต เพื่อจัดทำแผนผลิตทั้งประเทศแล้ว คาดว่าจะบรรเทาความเดือดร้อนได้ระดับหนึ่ง
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=176961
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news06/07/07

โพสต์ที่ 13

โพสต์

เศรษฐกิจพอเพียง : เอธานอล จุดเปลี่ยนมูลค่าวัตถุดิบ ข้าวโพด [ ฉบับที่ 807 ประจำวันที่ 4-7-2007 ถึง 6-7-2007]  
ปัญหาเรื่องเชื้อเพลิงและพลังงานนับว่าเป็น ปัญหาที่สำคัญยิ่งของโลกในขณะนี้ เนื่อง จากโลกของเราในปัจจุบัน นับวันจะยิ่งมีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติด้านพลังงานลดน้อยลงไปทุกที ส่งผลให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามสภาพเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมที่เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ประเทศไทยเราก็เป็นประเทศหนึ่งที่มีอัตราการใช้เชื้อเพลิงและพลังงานสูง แม้ที่ผ่านมาในช่วงที่จะต้องประสบกับภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ แต่อัตราการใช้เชื้อเพลิงและพลังงาน ในประเทศก็ไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด ซึ่งหากคิดเป็นมูลค่าแล้วสูงกว่ารายได้จากการส่งออกสินค้าเกษตรหลายชนิดรวมกันเสียอีก

ปัญหาที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงของแต่ละประเทศที่มองข้ามเสียไม่ได้ ก็คือปัจจัยทางด้านราคาที่มีแนวโน้มสูงขึ้นตลอดมา ซึ่งนับเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ

การคิดค้นพัฒนาและสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนอย่างเอธานอล หรือไบโอดีเซล จึงดูจะเป็นแนวทางที่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในข้างต้นได้ และดูจะไปได้สวย เนื่องจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้มีการพัฒนาทั้งสนับ สนุนการใช้พลังงานทดแทนทั้งสองในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะประเทศผู้นำของโลกในหลายๆ ด้านอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มี นโยบายในการขยายโรงงานอุตสาหกรรมเอธานอล พลังงานน้ำมันที่มาจากข้าวโพด

ทิศทางในการลดอัตราการใช้เชื้อเพลิงและพลังงานด้วยการใช้พลังงานทดแทนอย่างเอธานอลหรือไบโอดีเซลดูแล้วกำลังเดินทางอย่างฉลุย โดยเฉพาะเอธานอลหากไร้ซึ่งอุปสรรควัตถุดิบในการผลิต อย่างมันสำปะหลัง อ้อย กากน้ำตาล ข้าวฟ่าง หรือข้าวโพดที่ไม่เพียงพอต่อการป้อนโรงงาน โดยเฉพาะข้าวโพด วัตถุดิบที่นอกจากจะใช้ในการผลิตเอธานอลแล้วยังเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์อีก

ผลที่ตามมาคือโลกของอาหารจะเปลี่ยนไป เพราะจากอดีตที่ต้องขุดน้ำมันจากใต้ดิน หรือ ใต้ทะเล แต่ปัจจุบันน้ำมันมาจากพืช การหันมา สนับสนุนการทำเอธานอลของสหรัฐฯ ทำให้ข้าวโพดในสหรัฐฯในปีที่ผ่านมาจาก 100% ที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ ถูกนำไปใช้ในการผลิตเอธานอลถึง 20% ขณะที่ความต้องการใช้ข้าวโพดโดยรวมอยู่ที่ 728 ล้านตัน แต่สามารถ ผลิตได้เพียง 629 ล้านตันเท่านั้น  
http://www.siamturakij.com/home/index.html
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news07/07/07

โพสต์ที่ 14

โพสต์

จี้ทุกสถานที่เก็บน้ำมัน ทำประกันชุมชน7ก.ค.

โพสต์ทูเดย์ กรมธุรกิจพลังงาน ระบุ 7 ก.ค. นี้ เจ้าของคลังน้ำมัน ปั๊ม และสถานที่เก็บรักษาน้ำมัน ทั่วประเทศต้องทำประกันให้ชุมชน
นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ออกประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดการให้มีการประกันภัยความเสียหายแก่ผู้ได้รับความเสียหายอันเกิดจากอัคคีภัย และการระเบิด โดยรอบของสถานประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 3 เพื่อเป็นการคุ้มครองประชาชนให้ได้รับความปลอดภัย ซึ่งจะครอบคลุมคลังน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งสิ้น 203 แห่ง สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไปมีอยู่ประมาณ 8 พันแห่ง และสถานที่เก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 4 พันแห่งทั่วประเทศ โดยสถานประกอบการดังกล่าวต้องชดเชยค่าเสียหายจากอุบัติเหตุให้แก่ประชาชนทันที

ทั้งนี้ กรมธุรกิจพลังงานขอเตือนให้ผู้ประกอบการเร่งดำเนินการตามประกาศฉบับนี้ ซึ่งจะมีผลใน ทางปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค. เพื่อ เป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนที่อาศัยในชุมชนที่ใกล้เคียงกับสถานประกอบการดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น และป้องกันอุบัติเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้

ปัจจุบัน มีคลังน้ำมันเชื้อเพลิง ที่อยู่ใกล้ชุมชน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชุมชน อาทิ ในเขต กทม. บริเวณชุมชนคลองเตย ชุมชนบางจาก เป็นต้น โดยกรมธุรกิจพลังงานต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น แม้ผู้ประกอบการคลังน้ำมัน หรือสถานีบริการน้ำมันแต่ละแห่งจะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดอยู่แล้ว ก็ตาม นายเมตตา กล่าว
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=177183
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news07/07/07

โพสต์ที่ 15

โพสต์

เบนซินพุ่งทะลุ30บาทต่อลิตร ปตท.สุดอั้น-ขึ้นตามตลาดโลก  

ราคาน้ำมันเบนซินปรับขึ้นอีก 40 สต.ต่อลิตร ขณะที่ แก๊สโซฮอล์ 91 -ดีเซล ยังไม่ปรับขึ้น สนพ. ชี้ผลดีช่วยกระตุ้นยอดผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์เพิ่มมากขึ้น


นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เปิดเผยว่า ผู้ค้าน้ำมันทุกรายได้แจ้งปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินอีก ลิตรละ 40 สต. โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 7 กรกกฏาคม2550 เป็นต้นไป ในขณะที่ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ปรับขึ้นลิตรละ 20 สตางค์ ยกเว้นราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ไม่มีการปรับขึ้น

ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 จากเดิมอยู่ที่ 29.99 บาทต่อลิตร เป็น 30.39 บาท ต่อลิตร ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 จากเดิมอยู่ที่ 26.69 บาทต่อลิตร เป็น 26.89 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซินออกเทน 91 จากเดิม 29.19 บาทต่อลิตร เป็น 29.59 บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ไม่มีการปรับขึ้นราคา

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากกลุ่มก่อการร้ายในประเทศไนจีเรียได้โจมตีแท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัท Shell ที่เกาะ Soku โดยได้ลักพาแรงงานต่างชาติ 5 ราย และลักพาเด็กหญิงอังกฤษเป็นตัวประกัน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยจากความต้องการใช้น้ำมันในช่วง Peak Driving Season ของสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มขึ้น รวมทั้งความต้องการใช้น้ำมันในประเทศจีนยังคงอยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้จากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน 95 กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่เพิ่มขึ้นจาก 3.20 เป็น 3.50 บาทต่อลิตร และเบนซิน 91 จาก 2.80 บาทต่อลิตร เป็น 3.20 บาทต่อลิตร เป็นผลดีทำให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์แทนน้ำมันเบนซินที่มีราคาแพงขึ้นได้ และยังเป็นการช่วยชาติประหยัดการนำเข้าพลังงานน้ำมันจากต่างประเทศได้อีกด้วย โดยช่วงที่ผ่านมาส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ในระดับ 3.30 บาทต่อลิตร ทำให้ยอดขายน้ำมันแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้น 3.49 ล้านลิตรต่อวันในเดือนเมษายน 2550 เพิ่มเป็น 4.5 ล้านลิตรต่อวันในเดือนมิถุนายน

นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน เนื่องจากค่าการตลาดอยู่ในเกณฑ์ต่ำมากทุกผลิตภัณฑ์ทั้งเบนซินและดีเซล แต่ ปตท.ต้องการลดภาระของประชาชนจึงไม่ปรับขึ้นดีเซล

ประกอบกับล่าสุดกระทรวงพลังงานได้ประกาศลดการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันในส่วนแก๊สโซฮอล์ลงอีก 20 สตางค์ต่อลิตร จึงทำให้ไม่ปรับขึ้นราคาแก๊สโซฮอล์ 91 และดีเซล ซึ่งจากการที่กระทรวงพลังงานปรับลดเงินกองทุนน้ำมันในส่วนแก๊สโซฮอล์และราคาเอทานอลลดลงได้ส่งผลทำให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน 95 และแก๊สโซฮอล์ 95 ขยับเพิ่มสูงมาเป็น 3.50 บาทต่อลิตร จากเดิม 3.30 บาทต่อลิตร ขณะที่เบนซิน 91 และแก๊สโซฮอล์ 91 ขยับเป็น 3.20 บาทต่อลิตร จากเดิม 2.80 บาทต่อลิตร

"ราคาน้ำมันตลาดโลกขณะนี้ผันผวนในเชิงปรับขึ้นค่อนข้างสูง โดยล่าสุดยังได้รับผลกระทบจากกรณีการจับตัวประกันต่างชาติจากโรงกลั่นน้ำมันในประเทศไนจีเรีย จึงส่งผลทำให้เบนซินมีค่าการตลาดเหลือเพียง 80 สตางค์ต่อลิตร ดีเซล 70 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น ดังนั้น แนวโน้มราคาน้ำมันจึงอยู่ในภาวะผันผวนและขอให้ประชาชนใช้น้ำมันอย่างประหยัดกันต่อไป" นายชัยวัฒน์ กล่าว
http://www.naewna.com/news.asp?ID=66692
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news07/07/07

โพสต์ที่ 16

โพสต์

6ชาติเปิดศึกชิงบ่อน้ำมันกัมพูชา [ ฉบับที่ 808 ประจำวันที่ 7-7-2007 ถึง 10-7-2007]  
>> ปตท.-ระยองเพียวร่วมตะลุมบอน

ยักษ์ใหญ่นานาชาติ รุมทึ้งบ่อแม่ทองดำ 2 พันล้าน บาร์เรลในกัมพูชา เสนอสารพัด ผลประโยชน์ล่อใจ ด้านนักวิชา การจวกปตท.สผ.ของไทยอืดเป็นเรือเกลือ ผู้บริหารขยับช้า หวั่นทำชาติเสียผลประโยชน์ โวยมัวแต่มองบ่อน้ำมันในตะวันออกกลาง ไม่สนบ่อน้ำมัน ใกล้บ้านที่ค่าขนส่งถูกกว่า ขณะ ที่ ระยองเพียว สร้างเซอร์ไพรส์เดินหน้าลุยร่วมลงทุนบริษัท น้ำมันเขมร TCS ออยล์ สร้างคลังน้ำมันนำร่อง เล็งมีส่วนร่วมต่อไปในอนาคต

ความคืบหน้าหลังเกิดกระแสข่าวการค้นพบแหล่งน้ำมันในประเทศกัมพูชาโดยกลุ่มบริษัทน้ำมันเชฟรอน ในเขตนอกชายฝั่งเมืองสีหนุวิลล์ในเขตทะเลอ่าวไทยของกัมพูชา จำนวน 6 บ่อ ที่คาดว่าจะมีน้ำ มันมากกว่า 2,000 ล้านบาร์ เรล โดยในปีนี้จะมีการเจาะทดสอบนำร่องก่อน 4 บ่อ และ จะมีการสำรวจเพิ่มให้ทันภายในปีนี้อีกกว่า 10 บ่อ ซึ่งบ่อ น้ำมันที่พบในประเทศกัมพูชาในครั้งนี้ มีหลายประเทศให้ความสนใจที่จะเข้าไปมีส่วนร่วม โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ทั้งในสหรัฐฯ รัสเซีย และอีกหลายประเทศในเอเชีย รวมถึงบริษัทน้ำมันในประเทศไทย ที่เริ่มมีท่าทีสนใจในการเข้าไป มี ส่วนร่วมในการค้นพบบ่อน้ำมันในครั้งนี้

แหล่งข่าวจากบริษัทน้ำมันรายหนึ่งในประเทศไทยเปิดเผยว่า แม้ว่ากระแสข่าวการค้นพบน้ำมันของเชฟรอน จะยังไม่ได้รับการยืนยัน ว่าในประเทศกัมพูชาจะมีน้ำมันดิบมากถึง 2,000 ล้านบารเรล แต่ในการประเมินจากบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่รายหนึ่งจากประเทศไทย ที่เคยสำรวจพบปริมาณน้ำมันในอ่าวไทย คาดการณ์ภถึงปริมาณฯมันดิบในพื้นที่อ่าวไทยในน่านน้ำของประเทศไทย กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย พบว่า ตัวเลขคาดการณ์ที่น้อยที่สุดน่าจะอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาร์เรล แต่ทั้งหมดไม่ได้อยู่ในเขตแดนของประเทศกัมพูชา

อย่างไรก็ตามบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่หลายรายในเอเชียและตะวันตก กำลังมีความพยายามที่จะเข้าหาบุคคลระดับสูงในรัฐบาลกัมพูชา เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมกับบ่อน้ำมันที่พบในครั้งนี้ เท่าที่ติดตามในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทมีศักยภาพที่น่าจะมีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจการน้ำมันของกัมพูชา มีอยู่ประมาณ 5-6 บริษัท เช่น เชฟรอของสหรัฐอเมริกาที่เป็นสำรวจพบบ. ซีนุก SPC จากประเทศสิงคโปร์ จาก Resourceful Petroleum ในเครือปิโตนาสประเทศ มาเลเซีย และบริษัท Cooper Energy จากประเทศออสเตรเลีย กลุ่มบริษัท โทเทิ่ล ประเทศฝรั่งเศส รวมถึงล่าสุดบริษัทน้ำมันจากประเทศรัสเซีย และปตท.สผ.จากประเทศไทย

บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ในประเทศ เกาหลี แหล่งข่าวจากประเทศกัมพูชาเปิดเผยผ่านสำนักข่าวแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญ ว่า ล่าสุดทางรัฐบาลกัมพูชา มีนโยบายที่จะสร้างมาตรฐานในธุรกิจน้ำมันให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ก่อนที่จะเข้าสู่ธุรกิจน้ำมันเต็มรูปแบบในปี 2553 ที่จะมีการขุดเจาะเอาน้ำมันดิบจากแหล่งน้ำมันที่พบโดยเชฟรอน ขึ้นมาทำประโยชน์ในเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ

ในขณะที่ปัจจุบันธุรกิจน้ำมันในกัมพูชายังไม่ได้มีการจัดระเบียบอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการลำเลียงน้ำมันเถื่อนตามแนวชายแดน ที่ยังไม่มีมาตรฐาน และไม่เสียภาษีอย่างถูกต้อง

ดังนั้นรัฐบาลกัมพูชาจึงมีนโยบายที่จะจัดระเบียบธุรกิจน้ำมันที่มีอยู่เพื่อรองรับกับทิศทางการเจริญเติบโตของธุรกิจน้ำมันในกัมพูชา โดยจะลงทุนสร้างคลังเก็บน้ำมัน ที่จะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับธุรกิจน้ำมันในกัมพูชาแหล่งข่าวกล่าว

ทั้งนี้จากกระแสข่าวดังกล่าว ็สยามธุรกิจิ ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวในกัมพูชา ถึงบริษัทปิโตเลียมจากประเทศไทย ขนาดเล็กรายหนึ่ง ที่จะเข้าไปร่วมธุรกิจและจัดระเบียบน้ำมันในประเทศกัมพูชาในครั้งนี้ โดยเป็นหนึ่งในแผนการเข้าไปมีส่วนร่วมกับบ่อน้ำมันมูลค่ามหาศาลค้นพบโดยเชฟรอน และถือเป็นการนำร่องของบริษัทน้ำมันไทย ที่จะเข้าไปมีส่วนกับธุรกิจน้ำมันในกัมพูชา ที่คาดว่าจะมีมูลค่ามหาศาลในอนาคต
http://www.siamturakij.com/home/news/di ... ws_id=4650
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news09/07/07

โพสต์ที่ 17

โพสต์

ปิโตรฯระยองโวยรัฐเก็บค่าปล่อยมลพิษ
 
โดย เดลินิวส์ วัน จันทร์ ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 02:53 น.

นายศุภชัย วัฒนางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า วันที่ 9 ก.ค.นี้ ตัวแทนกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะเข้าพบสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เพื่อที่จะสอบถามความชัดเจนเกี่ยวกับการจัดเก็บค่าการปล่อยมลพิษ ที่รัฐบาลจะประกาศนำร่องจัดเก็บใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมได้แก่ ปิโตรเคมี เหล็ก โรงไฟฟ้า โรงกลั่นและโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเอกชนต้องการให้มีการศึกษาและพิจารณาผลกระทบของมาตรการดังกล่าวให้ชัดเจนก่อนที่จะประกาศใช้
เอกชนพร้อมจะร่วมมือกับภาครัฐแต่ขอให้การนำมาซึ่งปฏิบัติได้มีการหารือกันก่อน เพราะที่ผ่านมาการกำหนดสูตรจัดเก็บนั้นภาครัฐแทบจะไม่ได้หารือเอกชนเลยดังนั้นหากจะมีการจัดเก็บทันทีเร็ว ๆ นี้ก็ขอให้เลื่อนออกไปก่อนเพื่อให้ทุกอย่างได้พิจารณาแล้วว่าเป็นไปอย่างรอบคอบและจะเกิดประโยชน์สูงสุด.
 
http://news.sanook.com/economic/economic_153339.php
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news12/07/07

โพสต์ที่ 18

โพสต์

กฟผ.เตรียมนำเข้าถ่านหินสร้างโรงไฟฟ้า  
โดย มติชน วัน พฤหัสบดี ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 09:51 น.
นายพายัพ พงศ์พิโรดม รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยภายหลังลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับบริษัท บทด. จำกัด เพื่อศึกษาความเหมาะสมของโครงการขนส่งถ่านหินนำเข้าสำหรับโรงไฟฟ้าว่า เป็นการศึกษารูปแบบและแนวทางการขนส่งถ่านหิน เพื่อรองรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2550-2564 (PDP 2007) ที่กำหนดให้ปี 2557-2559 กฟผ.ต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน 4 แห่ง กำลังการผลิต 2,800 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้ กฟผ.อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมในการนำเข้าถ่านหินจากประเทศใกล้เคียง เช่น อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย สำหรับปริมาณการนำเข้านั้นขึ้นอยู่กับประเภทของถ่านหินว่าเป็นชนิดใด เบื้องต้นประเมินว่าในปี 2557 จะมีความต้องการใช้ถ่านหิน 2-3 ล้านตันต่อปี ปี 2558 มีความต้องการประมาณ 6-9 ล้านตันต่อปี และปี 2559 มีความต้องการประมาณ 8-12 ล้านตันต่อปี (กรอบบ่าย)
http://news.sanook.com/economic/economic_155709.php
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news12/07/07

โพสต์ที่ 19

โพสต์

โยกเล่น RRC-EGCO ราคาห่างเป้า
สองเกลอ RRC- EGCO คึกคักราคาหุ้นพุ่งทะยานสวนดัชนีตลาดหุ้นที่ดิ่งลงกว่า 12 จุดหลังตลาดหุ้นเข้าสู่ช่วงพักฐานต่างชาติเริ่มขายทำกำไร

ขณะที่ราคาหุ้นทั้งคู่ยังมีอัพไซต์ราคาหุ้นยังขยับไม่มากดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติที่เหลือ ผุดบิ๊กล็อต RRC วานนี้ทั้งกระดานไทย-เทศกว่า 5 แสนหุ้น ด้านโบรกเกอร์ชี้ RRC- EGCO ยังน่าสนใจพร้อมขยับราคาเป้าหมายใหม่ทั้งกลุ่มพลังงาน ส่วนผู้บริหาร RRC ชายน้อย เผื่อนโกสุม ยังการันตีผลงานรับอานิสงค์ค่าการกลั่นยังสูงลิ่ว
รายงานหลังปิดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวานนี้ (11  ก.ค.2550) พบว่ามีการทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์บนกระดานใหญ่ (BIG LOT) หุ้น RRC รายการเดียวจำนวน  2.3 แสนหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 20.75 บาท มูลค่าทั้งสิ้น 4.77 ล้านบาท ส่วน RRC-F 1 รายการ จำนวน 3 แสนหุ้น ราคาหุ้นละ 20.70 บาท มูลค่าทั้งสิ้น 6.21 ล้านบาท ส่วน EGCO มีรายการเดียว  จำนวน 50,000 หุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 119 บาทมูลค่าทั้งสิ้น 5.95 ล้านบาท

นายพงศ์พันธุ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า   ภาพรวมตลาดหุ้นในช่วงนี้อาจจะมีการปรับฐานสั้นๆ หลังดัชนีปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง แต่โดยรวมตลาดก็ยังอยู่ในลักษณะที่ทุนใหม่ยังเข้ามาต่อเนื่องโดยเฉพาะหุ้นบูลชิพบางตัวที่ราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นมาไม่มากนักทำให้การปรับฐานรอบนี้จึงไม่น่าจะมาก
   
|หุ้นพลังงานคงมีการขาทำกำไรบ้างหลังขึ้นมาเยอะ เช่น TOP หรือ PTTEP แต่คงเป็นช่วงสั้นๆ เพราะหุ้นบลูชิพบางตัวยังมีทุนต่างชาติเข้ามาซื้ออย่างต่อเนื่อง เช่น EGCO และ  RRC หรือหุ้นดีที่ยังไม่ค่อยขึ้นจึงมีการเข้ามาซื้อนายพงศ์พันธ์กล่าว

EGCOพี/อีต่ำ-เป้าใหม่130บ.
   
สำหรับหุ้น EGCO ยังคงน่าสนใจจากราคาหุ้นที่ยังต่ำและพื้นฐานที่ยังแข็งแกร่งจากกำลังผลิตไฟฟ้าเข้ามาใหม่จะผลักดันคาดการณ์กำไรในปี 2550 ขึ้นได้ 19% และของปีหน้าขึ้นอีก 26% ทำให้ค่าพี/อี  ลดลงเหลือเพียง 9.5 เท่า และ 7.6 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับตลาดที่ 12 เท่า พร้อมด้วยศักยภาพกำไรที่โดดเด่น  นอกจากนั้นมูลค่าธุรกิจในระยะกลางก็จะดีขึ้นเพราะบริษัทมีโอกาสชนะการประมูลโรงไฟฟ้าอิสระใหม่ IPP อย่างน้อยประมาณ 800 เม็กกะวัตต์ จึงยังคงแนะนำซื้อ และได้ปรับราคาเหมาะสมขึ้นจากเดิม 108 บาท เป็น 130 บาท          
RRCขยับตัวช้ากว่าเพื่อน
   
ส่วนหุ้น RRC  ที่ยังปรับตัวขึ้นน้อยเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มน้ำมันตัวอื่น ๆ และยังได้รับประโยชน์จากความต้องการน้ำมันของโลกที่จะเพิ่มขึ้น ขณะที่คาดว่ากำลังการกลั่นของโลกอาจจะไม่สามารถรองรับได้ทันต่อความต้องการด้วยข้อจำกัดของต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจึงถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจอีกหนึ่งตัวในกลุ่มพลังงานถึงแม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาใกล้เต็มมูลค่าแล้ว
   
อย่างไรก็ตามสำหรับหุ้นในกลุ่มพลังงานในช่วงที่ผ่านมาถือว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากกระแสเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่เข้ามาประกอบกับทิศทางราคาน้ำมันที่ยังผันผวนและยังเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูงทำคาดว่าหลายโบรกคงเริ่มมีการทยอยปรับราคาเป้าหมายหุ้นในกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้นใหม่ ปรับเป้าหมายหุ้นพลังงาน
   
ในส่วนของฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง ได้มีการปรับราคาเป้าหมายหุ้นในกลุ่มพลังงานไปแล้วบางตัว เช่น PTTEP ปรับเพิ่มราคาที่เหมาะสมขึ้นจากการเติบโตของผลกำไรในปีหน้าจาก 106 บาท เป็น 135 บาท แต่จากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาเร็วจึงแนะนำแค่เก็งกำไร
   
ขณะที่ TOP ก็มีการปรับประมาณการผลกำไรทั้งปีและราคาเป้าหมายเป็น 86 บาท จากโน้มค่าการกลั่นในครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะอยู่ในช่วง 5-7 เหรียญต่อบาร์เรล ทำให้เรามีการปรับสมมติฐานค่าการกลั่นในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 6.7 เหรียญต่อบาร์เรล แต่ทั้งนี้ยังไม่รวมมูลค่าเพิ่มอีก 4 บาท หากชนะการประมูลโรงไฟฟ้าขนาด 800 เมกะวัตต์ที่จะทราบผลการประมูลปลายปีนี้ ดังนั้นจึงยังแนะนำซื้อลงทุนไตรมาส2ค่ากลั่นหนุน
   
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน) RRC เปิดเผยว่า ผลจากค่าการกลั่นที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง และล่าสุดยังทรงตัวในระดับสูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2550 จะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีจากไตรมาสแรกที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,996  ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 1/2549 ที่มีกำไรสุทธิ 2,337 ล้านบาท เนื่องจากมีการปิดซ่อมปรับปรุงโรงกลั่น

จากครึ่งปีแรกค่าการกลั่นก็ถือว่ายังอยู่ในระดับสูงก็คงสะท้อนในผลการดำเนินงานของบริษัท ส่วนครึ่งปีหลังทิศทางค่าการกลั่นจะยังคงสูงต่อเนื่องหรือไม่นั้นคงจะคาดเดายาก เพราะมีหลายตัวแปรอีกทั้งต้องขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกด้วยว่าจะเป็นในทิศทางใดซึ่งเป็นสิ่งที่กำหนดไม่ได้นายชายน้อยกล่าว  นายชายน้อย กล่าวต่อว่า ความคืบหน้าแผนการควบรวมกิจการกับ ATC คาดว่าภายใน 1-2 เดือนข้างหน้าคงจะได้ข้อสรุปเนื่องจากในขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางในการดำเนินการ รวมทั้งศึกษาถึงข้อดีข้อเสียของการควบรวมกิจการดังกล่าวด้วย        

ตอนนี้ก็ยังคงติดอยู่ที่ขั้นตอนการศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์รวมทั้งเรื่องภาษีหรือข้อกำหนดต่างๆ ว่าทางไหนจะได้ประโยชน์มากที่สุด ถ้าเรื่องนี้มีข้อยุติคงจะนำเข้าหารือกับคณะกรรมการบริษัท และผู้ถือหุ้นซึ่งคาดว่าถ้าจะแล้วเสร็จคงจะเป็นประมาณปลายปีนี้แต่ข้อสรุปหรือแนวทางในการควบรวม 1-2 เดือนคงจะชัดเจนนายชายน้อยกล่าว          

เตรียมปรับเป้าRRC

นางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ที่ราคาหุ้น RRC ปรับตัวขึ้นมาสวนกับทิศทางตลาดหุ้นวานนี้นั้นคงเป็นเพราะราคาหุ้นยังคงต่ำเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มเดียวกัน โดยเฉพาะ TOP ที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างเยอะแล้วทำให้วานนี้จึงมีการขายทำกำไรออกมา ขณะเดียวกันยังมองถึงประโยชน์ที่ RRC จะได้รับหลังเกิดการควบรวมกิจการกับ ATC ในช่วงปลายปี้ซึ่งยังถือเป็นตัวแปรสำคัญ
   
ไม่น่าแปลกที่วานนี้ RRC จะขึ้นมาเพราะก่อนหน้านี้ถือว่าขยับขึ้นมาช้ากว่าเพื่อนในกลุ่มโดยเฉพาะ TOP ที่ขึ้นมาเยอะมากแล้วและยังเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีแข็งแกร่งจึงยังมีอัพไซต์ให้เล่นเหมือนกับ IRPC ที่ขยับขึ้นมาเหมือนกันนางสาวมยุรีกล่าว
   
ทั้งนี้ยังคงแนะนำซื้อ RRC โดยเตรียมปรับราคาเป้าหมายให้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันให้ราคาเป้าหมายที่ 21.00 บาท เช่นเดียวกับหุ้นในกลุ่มพลังงานอื่นๆที่ราคาหุ้นขยับขึ้นมาค่อนข้างเต็มมูลค่าแล้ว  

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น RRC วานนี้ (11 ก.ค.2550) ปิดที่ราคา 20.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.49% มูลค่าการซื้อขายรวม 1,683 ล้านบาท  ส่วน EGCO ปิดตลาดที่119 บาท เพิ่มขึ้น 4.0 บาท หรือ 3.48% มูลค่าการซื้อขายรวม 307 ล้านบาท  
http://www.msnth.com/msn/money2/content ... 655&ch=225
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news12/07/07

โพสต์ที่ 20

โพสต์

Energy Sector : Oil and Gas business

12 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 10:33:00

More bullish on crude market during 2008 2012

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :     SCIBS มีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นกับราคาน้ำมันดิบในช่วงปี 2551 2555 หลังจากที่ได้มีการปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบปี 2550 ไปแล้วก่อนหน้านี้ มุมมองในครั้งนี้สอดคล้องกับรายงานของ International Energy Agency (IEA) ล่าสุดที่มีการปรับเพิ่มสมมติฐานความต้องการใช้น้ำมันดิบ โดยเฉพาะจากประเทศในแถบเอเชียและตะวันออกกลาง แต่ปรับลดอุปทานทั่วโลกลง ปัจจัยดังกล่าวเป็นการยืนยันถึงภาวะราคาน้ำมันในช่วง 5 ปีข้างหน้าว่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ปัจจัยดังกล่าวทำให้ SCIBS ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นในกลุ่มพลังงานขึ้นจาก Neutral เป็น Bullish นอกจากนั้นได้ทำการปรับปรุงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบขึ้นสอดคล้องกับมุมมองดังกล่าว โดยปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2551 2552 เพิ่มขึ้น 9 10% จากประมาณการเดิม เป็น US$60/bbl และ US$55/bbl ตามลำดับ นอกจากนั้นได้ทำการปรับลด Market Risk Premium ลงจาก 11.5% เป็น 9.55% สอดคล้องกับมุมมองของ SCIBS ที่มีต่อภาวะตลาดในปัจจุบัน ส่งผลให้ราคาเหมาะสมของ PTT ปรับเพิ่มขึ้น 12.6% เป็น 340 บาท SCIBS เลือก PTT เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มผู้ประกอบการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ คงคำแนะนำ ซื้อ ขณะที่ปรับราคาเหมาะสมปี 2550 ของ PTTEP เพิ่มขึ้น 12.5% เป็น 117 บาท ยังคงแนะนำ ถือ  

In Brief  

    IEA ประเมินแนวโน้มน้ำมันดิบตึงตัวกว่าประมาณการเดิม : ประมาณการล่าสุดของ International Energy Agency (IEA) ในเดือน ก.ค. 2550 มีมุมมองต่อตลาดน้ำมันดิบในช่วงปี 2550 - 2555 ว่าจะตึงตัวกว่าประมาณการเดิมที่จัดทำในเดือนก.พ. 2550 จากความต้องการใช้ในช่วงปี 2550 2555 ที่เพิ่มขึ้นในอัตรา 2.2% ต่อปี (บนสมมติฐานอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลก 4.5% ต่อปี) เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม 0.18 - 0.68 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในส่วนของอุปทานจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1% ในช่วงดังกล่าว ขณะที่การเพิ่มขึ้นของอุปทานน้ำมันดิบจากประเทศในกลุ่มโอเปกเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากข้อจำกัดของการลงทุนในประเทศอิรัก ไนจีเรีย และเวเนซูเอลา เป็นเหตุให้กำลังผลิตน้ำมันดิบสำรองจากกลุ่มประเทศในกลุ่มโอเปกจะลดลงจาก 3.09 ล้านบาร์เรลในปี 2550 เหลือเพียง 2.18 ล้านบาร์เรลในปี 2555 ลดลงจากประมาณการเดิมประมาณ  2 ล้านบาร์เรลต่อวัน

    ปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบปี 2551 2554 ขึ้น US$5/bbl : จากการปรับประมาณการภาวะอุปสงค์และอุปทานน้ำมันดิบของ IEA ทำให้ SCIBS มีมุมมองต่อแนวโน้มราคาน้ำมันดิบว่าจะอยู่ในระดับสูง จึงปรับเพิ่มสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2551 จาก US$55/bbl เป็น US$60/bbl และปี 2552 จาก US$50/bbl เป็น US$55/bbl ขณะที่คงประมาณการราคาน้ำมันดิบระยะยาวไว้ตามเดิมที่ US$50/bbl ส่งผลให้ประมาณการกำไรจากการดำเนินธุรกิจปกติปี 2551 - 2552 ของ PTTEP ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 7.10% - 9.58% และเพิ่มขึ้น 1.72% - 4.23% สำหรับ PTT

    แนะนำ ถือ PTTEP : จากการประมาณการกำไรจากการดำเนินธุรกิจปกติเพิ่มขึ้นตามสมมติฐานราคาน้ำมันดิบปี 2551 2552 และการปรับ Market Risk Premium ลดลงจาก 11.5% เป็น 9.55% สอดคล้องกับมุมมองของ SCIBS ที่มีต่อภาวะตลาดในปัจจุบัน ส่งผลให้ราคาเหมาะสมปี 2550 ของ PTTEP เพิ่มขึ้น 12.5% เป็น 117 บาท (DCF, WACC 9.3%) คงคำแนะนำ ถือ แต่ในเชิงกลยุทธ์สามารถซื้อเก็งกำไร PTTEP ตามราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากราคาหุ้นและราคาน้ำมันดิบมีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกัน โดยราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นทุกๆ US$5/bbl จากสมมติฐานจะทำให้ Fair Price เพิ่มขึ้น 8 บาทต่อหุ้น  

    คงคำแนะนำ ซื้อ  PTT จาก Upside อีก 11% : SCIBS ปรับราคาเหมาะสมปี 2550 ของ PTT เพิ่มขึ้นอีก 12.3% เป็น 340 บาท เนื่องจาก 1) การปรับเพิ่มสมมติฐานราคาน้ำมันดิบส่งผลให้ประมาณการผลประกอบการของ PTT และ PTTEP เพิ่มขึ้น และ 2) การปรับ Market Risk Premium ลดลงทำให้ราคาเหมาะสมของหุ้นในกลุ่ม PTT ได้แก่ ATC, BCP, IRPC, PTTCH, RRC และ TOP ปรับเพิ่มขึ้นส่งผลต่อเนื่องถึงมูลค่าเหมาะสมของ PTT ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ คงคำแนะนำ ซื้อ ของธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่เติบโตในอัตรา 7 8% ต่อปีตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับก๊าซธรรมชาติผ่านโรงแยก เพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี นอกจากนั้นประเด็นการควบรวมธุรกิจในเครือคาดว่าจะเป็น Upside ให้กับ PTT ได้ในอนาคต ทั้งจาก Synergy จากการควบรวม และการบันทึกกำไรพิเศษ โดยโครงการที่มีในแผนปัจจุบัน ได้แก่ การควบรวมระหว่าง ATC และ RRC และการลดสัดส่วนการถือหุ้นจากการนำโรงกลั่น SPRC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ  

ที่มา : บล.นครหลวงไทย
ภาพประจำตัวสมาชิก
dino
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1281
ผู้ติดตาม: 0

กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี

โพสต์ที่ 21

โพสต์

:cheers:  :cool:  :bow:  :bow:  :bow: ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูล
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news13/07/07

โพสต์ที่ 22

โพสต์

น้ำมันแพงไม่เกี่ยวโอเปกชี้โลกขาดน้ำมันที่กลั่นแล้ว - 13/7/2550

กาตาร์ - โอเปกปัดไม่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น พร้อมระบุโลกขาดแคลนน้ำมันก๊าซโซลีนและดีเซลมากกว่าน้ำมันดิบ ด้านคูเวตย้ำมีปริมาณน้ำมันดิบสำรองอีกอื้อ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมันปิโตรเลียมหรือโอเปก ออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทะยานพุ่งสูงขึ้น ณ เวลานี้ จนราคาขยับเข้าใกล้กับสถิติราคาน้ำมันที่เคยแพงที่สุด

โดยนายอับดุลเลาะฮ์ อัล อัตติเยาะฮ์ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของกาตาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในชาติสมาชิกโอเปก กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นในเวลานี้ ทางกลุ่มโอเปกไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และทางโอเปกก็ไม่สามารถจะทำการใดๆ ได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากโลกต้องการน้ำมันดิบจำนวนเพิ่มขึ้น ทางกลุ่มโอเปกก็พร้อมที่จะสนับสนุน ด้วยการจัดหาให้ตามความต้องการของตลาดพร้อมกันนี้ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของการตาร์ ยังระบุด้วยว่า ในความเป็นจริงโลกกำลังเผชิญหน้ากับความขาดแคลนน้ำมันก๊าซโซลีนและดีเซลมากกว่า แต่น้ำมันดิบยังมีปริมาณเหลือเฟือ

รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มโอเปกมีกำหนดการประชุมในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ เพื่อหารือเรื่องนโยบายการผลิตน้ำมันดิบป้อนสู่ตลาดโลก ขณะเดียวกัน ทางด้านนายโมฮัมหมัด อัล โอลาอิม รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของคูเวต หนึ่งในชาติสมาชิกโอเปก เปิดเผยว่า คูเวตมีปริมาณน้ำมันดิบสำรองมากกว่า 1 แสนล้านบาร์เรล ซึ่งปริมาณดังกล่าวมีจำนวนมากพอ และมากเป็นลำดับที่ 5 ของโลก รองจากซาอุดิอาระเบีย อิหร่าน อิรัก และสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์โดยการเปิดเผยครั้งนี้ มีขึ้นในระหว่างการประชุมรัฐสภา เพื่อหารือเรื่องปริมาณน้ำมันสำรองของกลุ่มประเทศรอบอ่าวเอมิเรสต์

http://www.siamrath.co.th/Economic.asp?ReviewID=177361
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news16/07/07

โพสต์ที่ 23

โพสต์

2โรงกลั่นน้ำมันเข้าตลาดหุ้นไม่ทันปีนี้

โดย มติชน วัน จันทร์ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 07:50 น.

- เอสโซ่เพิ่งจ้างที่ปรึกษา-เชฟรอนยื้อสตาร์ฯ
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงแผนการเร่งให้โรงกลั่น สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) และโรงกลั่นเอสโซ่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามที่บริษัทได้ให้พันธสัญญากับรัฐบาลในการเข้าลงทุนตั้งโรงกลั่นและขยายกำลังการผลิตในไทยว่า หลังจากมีการเจรจากับทางผู้บริหารของทั้ง 2 โรงกลั่น พบว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ทั้ง 2 แห่งจะไม่สามารถระดมทุนในตลาดหุ้นได้ทันปลายปี 2550 นี้ เนื่องจากยังมีขั้นตอนในการทำงาน และการเจรจาหารืออีกมาก อย่างเร็วที่สุดน่าจะสามารถเข้าตลาดหุ้นได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในส่วนของโรงกลั่นเอสโซ่นั้น การเจรจามีทิศทางที่ดีขึ้น ผู้บริหารให้ความร่วมมือมากกว่าเดิม จากที่ผ่านมามีท่าทีคัดค้าน ซึ่งล่าสุดก็ได้มีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว 2 บริษัท คือ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัท มอร์แกน สแตนเล่ย์ จำกัด จึงคาดว่าภายในปลายปี 2550 นี้จะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ได้ เพื่อจะได้กระจายหุ้นในตลาดได้ในต้นปี 2551 ซึ่งเบื้องต้นจะมีการกระจายหุ้นให้กับรายย่อยประมาณ 30%

ตอนนี้โรงกลั่นเอสโซ่กลับมีความคืบหน้ามากกว่าโรงกลั่นเอสพีอาร์ซี ดังนั้นหากจะเร่งให้โรงกลั่นเอสโซ่เข้าระดมทุนในปลายปีนี้จะมีโอกาสมากกว่าเอสพีอาร์ซี แต่ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลว่าจะต้องการให้เข้าตลาดในช่วงใด แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับโรงกลั่นเอสพีอาร์ซีนั้น ขณะนี้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยังไม่สามารถตกลงในรายละเอียดกับบริษัท เชฟรอน ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ โดยเฉพาะเงื่อนไขเรื่องการซื้อขายหุ้นระหว่าง ปตท.กับเชฟรอน โดยทางเชฟรอนต้องการให้ดำเนินการก่อนการเข้าตลาดหุ้น อย่างไรก็ตามกระทรวงพลังงานได้ยืนยันไปแล้วว่า กรณีดังกล่าวกับการเข้าตลาดเป็นคนละประเด็น สุดท้ายโรงกลั่นเอสพีอาร์ซีก็ต้องเข้าตลาดหุ้น เพราะที่ผ่านมารัฐบาลได้ผ่อนปรนให้นานแล้ว ทั้งที่ในสัญญาระบุว่าเมื่อโรงกลั่นมีกำไรระดับหนึ่งจะต้องระดมทุนในตลาดเพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยถือหุ้น
http://news.sanook.com/economic/economic_157125.php
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news17/07/07

โพสต์ที่ 24

โพสต์

ราคาน้ำมันดิบทะลุกว่า 78 US ด้าน Goldman Sachs คาดสิ้นปีอาจแตะ 95 US
Posted on Tuesday, July 17, 2007
ราคาน้ำมันดิบทะลุกว่า 78 เหรียญสหรัฐ

ราคาน้ำมันดิบส่งมอบล่วงหน้าเดือนสิงหาคม ที่ตลาดนิวยอร์ก สหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้น 22 เซ็นต์ต่อบาร์เรล ปิดที่บาร์เรลละ 74.15 เหรียญ สอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบที่ตลาดเบร็นท์ อังกฤษทะเลเหนือ ส่งมอบเดือนสิงหาคมเช่นกัน พุ่งขึ้นทะลุกว่า 78 เหรียญสหรัฐ ขึ้นไปสูงถึง 78.40 เหรียญต่อบาร์เรล ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาปิดที่บาร์เรลละ 77.33 เหรียญ เพิ่มสูงขึ้น 24 เซ็นต์ ทำให้ราคาทั้ง 2 ตลาดน้ำมันดิบสำคัญของโลก กลายเป็นระดับราคาปิดสูงสุดในรอบกว่า 11 เดือน

ระดับราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษทะเลเหนือในปัจจุบัน ได้รับการสะท้อนว่า เป็นราคาที่สะท้อนถึงความเป็นจริงของกลไกตลาดน้ำมันดิบโลกมากที่สุด โดยราคาซื้อขายสูงสุดระหว่างวัน ที่เบร็นท์อังกฤษทะเลเหนือ ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่บาร์เรลละ 78.40 เหรียญ เมื่อคืนที่ผ่านมานั้น อยู่ห่างจากราคาสูงสุดในปีที่ผ่านมาเพียง 20 เซ็นต์ต่อบาร์เรลเท่านั้น โดยเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมปี 2549 ซึ่งเป็นราคาสูงสุดประวัติการณ์

สาเหตุสำคัญที่กดดันราคาน้ำมันดิบอย่างหนัก มาจาก ความกังวลเกี่ยวกับกำลังการผลิตน้ำมันดิบในบริเวณทะเลเหนือ เนื่องจากจะต้องปิดซ่อมแซมบำรุงตามระยะเวลาที่กำหนด ท่ามกลางความต้องการใช้น้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น เสริมด้วย การปิดระบบขนส่งน้ำมันตอนกลาง หรือ แคทซ์ ในทะเลเหนืออย่างทันที นอกจากนี้ ท่าทีของกลุ่มโอเปก ที่เมินเฉยต่อคำขอของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบคาดราคาอาจผันผวนทั้งสัปดาห์

โกลด์แมน แซ็ค ชี้ราคาน้ำมันดิบอาจแตะ 95 เหรียญสิ้นปีนี้

โกลด์แมน แซ็ค สถาบันการเงินชั้นนำระดับโลกจากสหรับ เปิดเผยงานวิจัยเกี่ยวกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก พบว่า ราคาน้ำมันดิบอาจทะบานขึ้นทะลุระดับบาร์เรลละ 90 เหรียญสหรัฐ ในช่วงรอยต่อระหว่างปลายไตรมาสที่ 3 ไปช่วงต้นไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และสถานการณ์ราคาจะผันผวนมากขึ้น ซึ่งอาจทะลุไปถึง 95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในช่วงสิ้นปีนี้ หากกลุ่มโอเปกไม่ตัดสินในเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบ จากระดับปัจจุบัน ที่ได้รับการตัดลดมาระยะหนึ่ง

รายงานวิจัยดังกล่าวของโกลด์แมน แซ็ค ระบุเพิ่มเติมว่า สมาชิกกลุ่มโอเปก เช่น ซาอุดิอาระเบีย คูเวต และสหรัฐอาหรับ เอมิเรต ควรจะเพิ่มกำกลังการผลิตน้ำมันดิบอย่างช้าที่สุดในช่วงสิ้นสุดฤดูร้อนที่จะมาถึง ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่วิกฤติที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้สูง ที่ราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้นไปทะลุกว่า 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในช่วงสิ้นปีนี้ สำหรับกำลังการผลิตกลุ่มโอเปกปัจจุบันลดลงวันละ 1 ล้าน 7 แสนบาร์เรล เสริมด้วยกำลังผลิตนอกกลุ่มโอเปกที่ลดลงเช่นกัน

โกลด์แมน แซ็ค ประเมินว่า หากกลุ่มโอเปกรักษาระดับกำลังการผลิตในปัจจุบันจนถึงสิ้นปี สภาวะอากาศทั่วโลก ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด และความต้องการน้ำมันดิบทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างน้อยวันละ 1 ล้านบาร์เรล จะทำให้ปริมาณสำรองน้ำมันดิบลดลงมากกว่า 150 ล้านบาร์เรล หรือทรุดลงมากกว่า 6.5% ในสิ้นปีนี้ ทำให้เพิ่มโอกาสที่ราคา จะทะยานขึ้นแตะกว่า 95 เหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 51% จากต้นปีจนถึงราคาปิดเมื่อคืนที่ผ่านมา http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
ภาพประจำตัวสมาชิก
สุมาอี้
Verified User
โพสต์: 4576
ผู้ติดตาม: 0

Re: news17/07/07

โพสต์ที่ 25

โพสต์

chartchai madman เขียน:โกลด์แมน แซ็ค ชี้ราคาน้ำมันดิบอาจแตะ 95 เหรียญสิ้นปีนี้
:?
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news20/07/07

โพสต์ที่ 26

โพสต์

ราคาน้ำมันพุ่ง วิตกอุปทาน

    ราคาน้ำมันในตลาดล่วงหน้าทะยานขึ้นต่อ (เบรนท์อยู่ที่ 77.67 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ไนเม็กซ์ 75.92 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล) หลังเกิดความวิตกด้านอุปทานครั้งใหม่ จากเหตุเพลิงไหม้ในสถานีย่อยไฟฟ้าในรัฐโอไฮโอ ส่งผลให้กำลังการผลิตลดลงครึ่งหนึ่งของทั้งหมด 1.47 แสนบาร์เรล/วัน และปัญหาการผลิตในแอฟริกา ขณะที่จีนเปิดเผยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงถึง 11.9% ในไตรมาส 2/50 สูงสุดในรอบ 11 ปีครึ่ง ด้วยแรงหนุนจากภาคการส่งออก และการขยายตัวของภาคการลงทุน ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์มีแนวโน้มที่จะทะยานขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมบริเวณ 78.65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เมื่อเดือน ส.ค. 49 ได้ ซึ่งจะเป็นแรงหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน ยังคงแนะนำ PTT, RRC
ที่มา : บล.ซีมิโก้
http://www.bangkokbiznews.com/2007/07/2 ... wsid=85253
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news20/07/07

โพสต์ที่ 27

โพสต์

เชลล์ลงทุน 1,000 ลบ. ปรับโฉมปั้ม - ข่าว 18.00 น.

Posted on Friday, July 20, 2007
นายธีรพจน์ วัชราภัย ประธานบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย บอกว่า บริษัทมั่นใจเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวดีขึ้น จึงได้ตัดสินใจลงทุนปรับปรุงปั๊มน้ำมันรูปแบบใหม่ โดยเน้นสร้างความสดใสด้วยสีขาว ซึ่งเป็นนโยบายของบริษัทแม่ที่ปรับโฉมปั๊มน้ำมันใหม่ทั่วโลก
โดยในส่วนของไทย กำหนดจะเริ่มปรับปรุงตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ประมาณ 50 สถานี หรือใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท โดยเริ่มจากเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลก่อน หลังจากนั้นก็มีแผนที่จะขยายไปทั่วประเทศจำนวน 570 ปั๊ม ภายใน 3 ปี คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนรวมกว่า 1,000 ล้านบาท
  นอกจากการปรับโฉมปั๊มน้ำมันแล้ว บริษัทจะดำเนินการปรับปรุงร้านค้าสะดวกซื้อ โดยหาพันธมิตรร้านค้ามาเพิ่มขึ้นในปั๊ม รวมถึงการเจราเพื่อซื้อปั๊มน้ำมันจากผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการทำธุรกิจต่อ เพื่อสร้างรายได้และกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายธีรพจน์บอกว่า บริษัทมีเป้าหมายในการการเพิ่มยอดจำหน่ายน้ำมัน โดยในช่วง 2 ปีข้างหน้า จะเพิ่มยอดขายน้ำมันต่อปั๊มจากวันละ 450,000 ลิตร เป็น 500,000 ลิตร และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจาก 16.2% เป็น 18% ส่วนเรื่องพลังงานทดแทนนั้น เชลล์เห็นว่า หากรัฐไม่ยกเลิกการจำหน่ายเบนซิน 95 หรือเบนซิน 91 ก็อาจจะทำให้ยอดขายเอทานอลไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news20/07/07

โพสต์ที่ 28

โพสต์

TOLลงนามซื้อปาล์มผลิตB100 5พันตันจากปาล์มบีชส่งได้ทันที
บริษัทไทยโอลีโอเคมี (TOL) ลงนามในสัญญาซื้อซื้อขายน้ำมันปาลม กับ 4 โรงสกัด

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานการลงนามในสัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มระหว่าง บริษัทไทยโอลีโอเคมี (TOL) กับ 4 บริษัทประกอบด้วย บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน), บริษัท ชุมพรอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปาล์ม บิซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อป้อนน้ำมันปาล์มให้กับโรงงานผลิตไบโอดีเซล (B100) กำลังผลิต 600,000 ลิตร/วัน ของ TOL ที่จะเริ่มผลิตในช่วงปลายปี 2550
การลงนามซื้อขายน้ำมันปาล์มครั้งนี้ทั้ง 4 บริษัทจะจัดส่งน้ำมันปาล์ม ในปริมาณขั้นต่ำที่ 50,000-100,000 ตัน/ปี มูลค่า 60 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี พร้อมกันนี้ทาง TOL ยังเปิดเจรจากับโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม อีก 10 รายเพื่อจัดซื้อน้ำมันปาล์ม ให้เพียงพอกับความต้องการของ TOL ในช่วงแรกไม่ต่ำกว่า 300,000 ตันต่อปี

"ความจริงวันนี้ปัญหาของไบโอดีเซลยังอยู่ที่น้ำมันปาล์มดิบ ภายในประเทศยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในอุตสาหกรรม ทั้งประเทศมีกำลังการผลิตอยู่ประมาณ 1 ล้านตัน ในจำนวนนี้ใช้เพื่อการบริโภคไปแล้ว 900,000 ตัน ซึ่งมันไม่พอ ตอนนี้เราได้ทำเรื่องไปยัง กระทรวงพลังงาน เพื่อขอนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศ ซึ่งกระทรวงพลังงานเองก็มีนโยบายสนับสนุนการผลิต ไบโอดีเซลเป็นพลังงานทดแทนอยู่แล้ว" นายคงกระพัน อินทรแจ้ง กรรมการ บริษัทไทยโอลีโอเคมี หรือ TOL กล่าว

ทั้งนี้ทาง TOL ได้ประมาณการไว้ว่า หากจะต้องมีการนำเข้า น้ำมันปาล์ม เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังการผลิตของบริษัท จะต้องนำเข้าประมาณ 100,000-200,000 ตัน โดยมองไว้ที่การนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย ทั้งๆ ที่ TOL เองมีนโยบายที่จะรับซื้อ น้ำมันปาล์มในประเทศเป็นอันดับแรก แต่เมื่อผลผลิตไม่พอก็มี "ความจำเป็น" ที่จะต้องนำเข้าจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม โรงงานของ TOL นอกจากไปจากการผลิต B100 ในสัดส่วนร้อยละ 50 ของกำลังผลิตแล้ว ส่วนที่เหลือยังสามารถผลิต "แฟตตี้แอลกอฮอล์" หรือ สารตั้งต้นในการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและสุขอนามัย กำลังผลิต 20,000 ตัน/ปี ซึ่งใช้ปาล์มดิบเป็นวัตถุดิบเช่นเดียวกัน จากปัจจุบันที่มีการนำเข้าแฟตตี้แอลกอฮอล์ ปีละ 3,000 ล้านบาท

ด้านนายวัชรินทร์ สุทธิประภา กรรมการบริหาร บริษัท ปาล์มบิซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทและบริษัทสาขาในเครือมีความพร้อมที่ผลิตน้ำมันปาล์มให้กับ TOL โดยเฉพาะ โรงสกัดน้ำมันปาล์ม ของบริษัทที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์-นครศรีธรรมราช-ชุมพร

นอกจากนี้บริษัทยังมีความร่วมมือกับกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกปาล์ม ในหลายพื้นที่ที่ยืนยันที่จะป้อนผลปาล์มเพื่อการผลิตด้วย

รวมแล้วบริษัทจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 5,000 ตัน/เดือนและในอนาคตหากความต้องการเพิ่มขึ้น บริษัทยังมีแผนที่จะลงทุนขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมด้วย

พร้อมกันนี้ บริษัทปาล์ม บิซ ยืนยันว่า บริษัทไม่มีนโยบายที่จะนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแน่นอน ที่สำคัญบริษัทต้องการที่จะสนับสนุนเกษตรกรในประเทศ จากโครงการของบริษัทที่ให้ความช่วยเหลือด้านพันธุ์ปาล์มให้กับเกษตรกร สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันปาล์มเชื่อว่าจะยังคงยืนในราคาสูงจากปัจจุบันอยู่ที่ 500-700 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนผลปาล์มทะลายก็ปรับขึ้นไปถึง ก.ก.ละ 4 บาท และแม้ว่า ราคาน้ำมันปาล์มจะลดลง แต่ก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน
http://www.matichon.co.th/prachachat/pr ... ionid=0203
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news22/07/07

โพสต์ที่ 29

โพสต์

กลุ่มพลังงาน

ซื้อTOP,RRC
แม้ฝ่ายวิจัยฯบล.เอเซีย พลัส จะคาดการณ์แนวโน้มค่าการกลั่นว่าได้ผ่านจุดสูงสุดของปี 2550 ไปแล้วในงวดไตรมาส 2/50 ในกรณีสถานการณ์ปกติที่ไม่เกิดพายุเฮอริเคน (ทำสถิติสูงสุดของปีที่ 11.5 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ในวันที่ 9 พ.ค. 2550) แต่หากพิจารณาแนวโน้มค่าการกลั่นในปี 2550 เทียบกับในอดีตที่ผ่านมา พบว่าในปีนี้ค่าการกลั่นสามารถทรงตัวได้ในระดับสูงยาวนานกว่าในอดีตโดยในปัจจุบันยังอยู่ที่ระดับ 8-9 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เทียบกับในอดีตที่ค่าการกลั่นจะเริ่มอ่อนตัวตั้งแต่เดือนมิ.ย. เป็นต้นไปจนถึงไตรมาส 4 ของปี จึงทำให้ค่าการกลั่นเฉลี่ยอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเท่ากับ 8.16 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ทั้งนี้เหตุผลหลักๆยังคงมาจากภาวะตึงตัวด้านการผลิตเป็นหลัก เนื่องจากมีโรงกลั่นหลายแห่งในโลกมีการหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงทั้งตามแผนและไม่ตามแผน ประกอบกับความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปยังเติบโตต่อเนื่องเพราะยังอยู่ในช่วงฤดูกาลขับขี่ในอเมริกา และยังมีความวิตกกังวลเรื่องการเกิดพายุเฮอริเคนอยู่

ฝ่ายวิจัยฯได้ปรับเพิ่มประมาณการผลการดำเนินงานในปี 2550 ของทั้งบมจ.ไทยออยส์(TOP) และบมจ.โรงกลั่นน้ำมันระยอง(RRC) เพื่อสะท้อนค่าการกลั่นที่เกิดขึ้นจริงในตลาดโลก โดยค่าการกลั่นเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันอยู่ที่ 8.10 ดอลลาร์สหรัฐ ฯต่อบาร์เรล สูงกว่าสมมติฐานทั้งปี 2550 ที่ฝ่ายวิจัยกำหนดไว้ที่ 6 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ค่อนข้างมาก (ยังคงคาดการณ์แนวโน้มค่าการกลั่นจะอ่อนตัวลงในงวดไตรมาส 2/50 ทำให้ฝ่ายวิจัยฯปรับเพิ่มสมมติฐานค่าการกลั่นในปี 2550 ขึ้นเป็น 6.5 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล (โดยยังคงสมมติฐานค่าการกลั่นในปี 2551 ไว้เท่าเดิมที่ 6 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล)ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิของ TOP และ RRC ในปี 2550 เพิ่มขึ้น

คงคำแนะนำ ซื้อ ทั้ง TOP และ RRC ภายใต้ประมาณการใหม่ของทั้ง TOP และ RRC ส่งผลให้มูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2550 เท่ากับ 81.01 และ 22.24 บาท/หุ้น

ที่มา บล.เอเซีย พลัส
http://news.sanook.com/economic/economic_159630.php
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news23/07/07

โพสต์ที่ 30

โพสต์

เอกชนแห่ขอสัมปทานปิโตรฯ

โพสต์ทูเดย์ นักลงทุนแห่ขอยื่นคำขอสัมปทานปิโตรเลียมครั้งที่ 20 รวม 41 ราย แถบอ่าวไทย มีผู้สนใจมากสุด คาดจะเป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่
นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า ความคืบหน้าการเปิดยื่นคำขอสำรวจสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 20 มีกลุ่มนักลงทุนด้านพลังงานให้ความสนใจค่อนข้างมาก เนื่องจากมีแปลงสัมปทานให้สำรวจทั้งหมด 65 แปลง

ล่าสุดมีผู้มายื่นคำขอ 41 ราย ใน 21 แปลง ทั้งไทยและต่างประเทศ แบ่งเป็นสัมปทานบนบกบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 แปลง อ่าวไทย 7 แปลง โดยพื้นที่เปิดให้ยื่นสัมปทานที่มีผู้สนใจมาก คือ จี3 มีผู้ยื่นมาแข่งขัน 8 ราย และจี4 มีผู้ยื่นเข้ามา 7 ราย

สาเหตุที่ทำให้มีผู้สนใจเนื่องจากเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ เฉลี่ยแห่งละ 1 หมื่นตาราง กม.มีโอกาสที่จะเจอแหล่งน้ำมันดิบได้ เมื่อพิจารณาถึงศักยภาพของพื้นที่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมในปีนี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่อเนื่อง เพราะพื้นที่สัมปทานที่เปิดให้สำรวจยังมีศักยภาพที่ดีอยู่

สำหรับการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมครั้งที่ 20 มีทั้งหมด 65 แปลง แบ่งเป็นแปลงบนบก 56 แปลงและในอ่าวไทย 9 แปลง โดยการออกประกาศเชิญชวนมีกำหนดระยะเวลา 1 ปี ระหว่างวันที่ 23 พ.ค. 2550-22 พ.ค. 2551 กรมฯ จะรวบรวมคำขอสัมปทานในแปลงสำรวจที่มีผู้มายื่นขอสัมปทานภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน

ด้านนายไกรฤทธิ์ กล่าวว่า การต่ออายุสัมปทานปิโตรเลียมของเชฟรอนในแปลง 10, 11, 12 และ 13 และแหล่งบงกช ซึ่งจะหมดในปี 2555 นั้น คณะกรรมการปิโตรเลียมได้เห็นชอบต่ออายุสัมปทานอีก 10 ปี เชฟรอนจะให้ผลตอบแทนกับรัฐเพิ่มขึ้นประมาณ 750 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนแหล่งบงกชจ่ายเพิ่มตามปริมาณการผลิต คาดว่าจะได้เพิ่ม 400-500 ล้านเหรียญสหรัฐ

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ธุรกิจพลังงานยังเป็นกิจการที่น่าลงทุนต่อเนื่อง และการเปิดประมูลผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) ก็มีผู้สนใจซื้อซองประกวดราคาไปแล้วเกือบ 40 ราย ส่วนผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (เอสพีพี) ยื่นซองประมูลมา 19 ราย
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=180399