ถ้าให้เลือกระหว่าง..........
- harry
- Verified User
- โพสต์: 4200
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าให้เลือกระหว่าง..........
โพสต์ที่ 1
1. หุ้นที่ทำกำไรต่อหุ้นต่อปีมาก สมมติ 15 บาทต่อหุ้น แล้วได้ปันผล 10-13 บาทต่อหุ้น แล้วปีต่อไปก็ได้ใกล้เคียงน้อยมากห่างกันเล็กน้อย แต่มีหนี้มาก อัตราส่วนหนี้ต่อทุน 1 เท่าหรือมากกว่า
2. หุ้นที่มีอัตราหนี้ต่ำมาก 0.1-0.4 เท่า การเงินดี ส่วนผู้ถือหุ้นมากมาย มีกำไรสะสมมากพอดู แต่ว่ากำไรต่อหุ้นแค่ 0.5-0.7 บาท ปันผล 0.2-0.5บาท และก็มีกำไรทุกปีเรื่อยๆในระดับนี้
2. หุ้นที่มีอัตราหนี้ต่ำมาก 0.1-0.4 เท่า การเงินดี ส่วนผู้ถือหุ้นมากมาย มีกำไรสะสมมากพอดู แต่ว่ากำไรต่อหุ้นแค่ 0.5-0.7 บาท ปันผล 0.2-0.5บาท และก็มีกำไรทุกปีเรื่อยๆในระดับนี้
แก้ไขล่าสุดโดย harry เมื่อ พฤหัสฯ. ธ.ค. 25, 2003 10:18 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Expecto Patronum!!!!!!
- sirivajj
- Verified User
- โพสต์: 985
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าให้เลือกระหว่าง..........
โพสต์ที่ 2
ถ้าต้องเลือกแบบไม่มีข้อต่อรอง ก็ขอลงทุนในหุ้นที่มีกำไรต่อหุ้นมากมากเมื่อเทียบกับราคาครับ มีหนี้ไม่เป็นไร ขอให้ทำกิจการรุ่งเรือง เติบโตก็แล้วกัน
พวกที่หนี้น้อย มีมรดกสะสมมาก ขอเลือกให้เป็นอันดับรองครับ
ยังไง ก็รอท่านผู้เชี่ยวชายการลงทุนท่านอื่นมาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมนะครับ
พวกที่หนี้น้อย มีมรดกสะสมมาก ขอเลือกให้เป็นอันดับรองครับ
ยังไง ก็รอท่านผู้เชี่ยวชายการลงทุนท่านอื่นมาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมนะครับ

What do you mean.?
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าให้เลือกระหว่าง..........
โพสต์ที่ 3
อ่านแล้วยังไม่เคลียร์ เพราะ ส่วนตัวแล้ว ถ้าจะถือยาว บริษัทนั้น ถ้าผลประกอบการดีจริง หนี้ก็ต้องน้อย
โดยเราก็คิดง่ายๆว่า หนี้ทั้งหมดหารด้วยกำไร จะเป็นเท่าไร หมายความว่า ต้องทำกำไรกี่ปีถึงจะจ่ายหนี้หมด
ซึ่ง ทำให้ไม่ทราบว่า บริษัทที่หนึ่งนั้น หนี้ 1:1 เมื่อเทียบกับกำไร แล้วเป็นเท่าไร
ส่วนบริษัทที่สองนั้น ก็ไม่ทราบอยู่ดีว่า หนี้ ต่อ กำไร เป็นสัดส่วนเท่าไร
ถ้าเราเป็นเจ้าของบริษัท ที่กำไร ปีหนึ่ง จ่ายหนี้ได้หมด เลย หรือ บริษัทที่ไม่มีหนี้เลย เพราะเหตุว่า กำไรเยอะ เงินสดเยอะ สามารถขยายงานได้ด้วยเงินสดของตัวเอง และยังมีเงินเหลือมาปันผล จนกระทั่ง ไม่รู้จะกู้ไปทำไม ไม่อยากจะเพิ่มทุน หรือ ออกวอแรนท์
บริษัทแบบนี้แหละ ที่วอเรนต้องการ
แต่ก็ต้องดู เพราะบางบริษัทมีหนี้มาก แต่ชั่วคราว เนื่องจากผู้ถือหุ้น ต้องการปันผลออกมา แต่ในที่สุด ผลประกอบการของบริษัทซึ่งดีมาก อย่างยาวนาน ก็จะล้างหนี้ได้หมด
เร็วๆนี้ก็มีบางบริษัทจ่ายปันผลออกมาเยอะมาก แน่นอน หนี้ก็ต้องไม่ลด (เดานะ) คงเพราะกู้น้อยอยู่แล้ว ถ้าเป็นบริษัทอื่นๆ ก็คงจะนำไปลดหนี้
ผมตอบคำถาม harry ไม่ได้ครับ
โดยเราก็คิดง่ายๆว่า หนี้ทั้งหมดหารด้วยกำไร จะเป็นเท่าไร หมายความว่า ต้องทำกำไรกี่ปีถึงจะจ่ายหนี้หมด
ซึ่ง ทำให้ไม่ทราบว่า บริษัทที่หนึ่งนั้น หนี้ 1:1 เมื่อเทียบกับกำไร แล้วเป็นเท่าไร
ส่วนบริษัทที่สองนั้น ก็ไม่ทราบอยู่ดีว่า หนี้ ต่อ กำไร เป็นสัดส่วนเท่าไร
ถ้าเราเป็นเจ้าของบริษัท ที่กำไร ปีหนึ่ง จ่ายหนี้ได้หมด เลย หรือ บริษัทที่ไม่มีหนี้เลย เพราะเหตุว่า กำไรเยอะ เงินสดเยอะ สามารถขยายงานได้ด้วยเงินสดของตัวเอง และยังมีเงินเหลือมาปันผล จนกระทั่ง ไม่รู้จะกู้ไปทำไม ไม่อยากจะเพิ่มทุน หรือ ออกวอแรนท์
บริษัทแบบนี้แหละ ที่วอเรนต้องการ
แต่ก็ต้องดู เพราะบางบริษัทมีหนี้มาก แต่ชั่วคราว เนื่องจากผู้ถือหุ้น ต้องการปันผลออกมา แต่ในที่สุด ผลประกอบการของบริษัทซึ่งดีมาก อย่างยาวนาน ก็จะล้างหนี้ได้หมด
เร็วๆนี้ก็มีบางบริษัทจ่ายปันผลออกมาเยอะมาก แน่นอน หนี้ก็ต้องไม่ลด (เดานะ) คงเพราะกู้น้อยอยู่แล้ว ถ้าเป็นบริษัทอื่นๆ ก็คงจะนำไปลดหนี้
ผมตอบคำถาม harry ไม่ได้ครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าให้เลือกระหว่าง..........
โพสต์ที่ 4
จะขอเปรียบเทียบ แบบเว่อๆ เพื่อให้เห็นภาพ ว่าพี่คิดแบบนี้นะ
บริษัท ก ทุน 1 ล้านบาท หนี้ 10 ล้านบาท กำไร ปีละ 1 ล้านบาท มา 10 ปีแล้ว ปันผลหมด 1 ล้านบาททุกปี
บริษัท ข ทุน 1 ล้านบาท หนี้ 5 แสนบาท กำไร ปีละ 5 แสนบาท มา 10 ปีแล้ว ปันผลหมด 5 แสนบาททุกปี
ถ้าเป็นพี่ พี่เลือกบริษัท ข
พี่เลือกที่ความมั่นคงก่อน
เพราะพี่คิดว่า บริษัท ก ตั้งอยู่บนความเสี่ยงเพราะหนี้มาก
ถึงแม้จะทำผลงานได้ดี แต่ก็ยังตั้งอยู่บนความเสี่ยง ในเรื่องความผันผวนของดอกเบี้ย
ในขณะที่บริษัท ข นั้น ถึงจะได้น้อย แต่โอกาสเจ๊ง จะยากมาก มีปัญหา ก็มี โอกาสแก้ไข โดยการกู้เพิ่มได้ ไม่ต้องเพิ่มทุน รบกวนผู้ถือหุ้น
ไม่ทราบว่าท่านอื่น คิดอย่างไรครับ
บริษัท ก ทุน 1 ล้านบาท หนี้ 10 ล้านบาท กำไร ปีละ 1 ล้านบาท มา 10 ปีแล้ว ปันผลหมด 1 ล้านบาททุกปี
บริษัท ข ทุน 1 ล้านบาท หนี้ 5 แสนบาท กำไร ปีละ 5 แสนบาท มา 10 ปีแล้ว ปันผลหมด 5 แสนบาททุกปี
ถ้าเป็นพี่ พี่เลือกบริษัท ข
พี่เลือกที่ความมั่นคงก่อน
เพราะพี่คิดว่า บริษัท ก ตั้งอยู่บนความเสี่ยงเพราะหนี้มาก
ถึงแม้จะทำผลงานได้ดี แต่ก็ยังตั้งอยู่บนความเสี่ยง ในเรื่องความผันผวนของดอกเบี้ย
ในขณะที่บริษัท ข นั้น ถึงจะได้น้อย แต่โอกาสเจ๊ง จะยากมาก มีปัญหา ก็มี โอกาสแก้ไข โดยการกู้เพิ่มได้ ไม่ต้องเพิ่มทุน รบกวนผู้ถือหุ้น
ไม่ทราบว่าท่านอื่น คิดอย่างไรครับ
- harry
- Verified User
- โพสต์: 4200
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าให้เลือกระหว่าง..........
โพสต์ที่ 5
คือตอนนี้ผมหาหุ้นแบบที่สองคือ หุ้นที่อัตราหนี้ต่อทุนน้อยมากๆๆ แต่กำไรแลวปันผลเกือบๆ 1 บาทครับ แล้วการเงินก็แข็งแกร่ง จริงๆก็อยากซื้อมากๆเลยครับ เพราะตอนนี้โอนเงินเข้าบัญชีแล้ว กำลังจะสั่งซื้อ
แต่ก็ได้ข้อมูลธุรกิจที่กำไรต่อหุ้นมากหน่อย รวมถึงเป็นธุรกิจที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน เป็นธุรกิจที่มีลูกค้าเป็นประชาชนทั่วไปและทั่วประเทศ มีความจำเป็นต้องใช้สินค้าของบริษัทนี้แน่นอน และก็มีส่วนแบ่งการตลาดสูง
ก็เลยมาถามความเห็นว่าควรเลือกอะไรดี
แล้วที่พี่เจ๋งบอกว่าธุรกิจที่แบบไม่ต้องเพิ่มทุน ไม่ต้องออกวอร์แรนท์ แล้วขยายงานด้วยเงินตัวเอง ผมก็เจอแล้วนะ แต่อาจไม่ใช่ทั้งหมด ตอนนี้ก็ดูๆอยู่ กลัวว่าตอนนี้มองแล้วว่าดี แต่ต่อไปเป็นของไม่ดี กลัวขาดทุน แต่ก็ยอมซื้อ เพื่อใช้สิทธิ์ประชุมผู้ถือหุ้นดูว่าจะมีอะไรให้รู้บ้าง
แต่ก็ได้ข้อมูลธุรกิจที่กำไรต่อหุ้นมากหน่อย รวมถึงเป็นธุรกิจที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน เป็นธุรกิจที่มีลูกค้าเป็นประชาชนทั่วไปและทั่วประเทศ มีความจำเป็นต้องใช้สินค้าของบริษัทนี้แน่นอน และก็มีส่วนแบ่งการตลาดสูง
ก็เลยมาถามความเห็นว่าควรเลือกอะไรดี
แล้วที่พี่เจ๋งบอกว่าธุรกิจที่แบบไม่ต้องเพิ่มทุน ไม่ต้องออกวอร์แรนท์ แล้วขยายงานด้วยเงินตัวเอง ผมก็เจอแล้วนะ แต่อาจไม่ใช่ทั้งหมด ตอนนี้ก็ดูๆอยู่ กลัวว่าตอนนี้มองแล้วว่าดี แต่ต่อไปเป็นของไม่ดี กลัวขาดทุน แต่ก็ยอมซื้อ เพื่อใช้สิทธิ์ประชุมผู้ถือหุ้นดูว่าจะมีอะไรให้รู้บ้าง
Expecto Patronum!!!!!!