โพสต์
ของคุณ goodguy23 ขอบคุณนะคะ
-------------------------------------------
1877 - ปีที่ก่อตั้ง วอชิงตัน โพสท์
1886 - ปี่ที่ก่อตั้ง Coca-Cola
1921 - ปี่ที่ก่อตั้ง บริษัทขนมซีส์ (See's Candies)
1929 - ตลาดหุ้นล่มสลาย
1930 - ปีเกิดของบัฟเฟ็ทท์
1936 - ปีที่ก่อตั้งบริษัท ไกโค(GEICO)
1937 - ปีที่ก่อตั้งบริษัทผลิตและขายเฟอร์นิเจอร์ เนบลัสก้า (Nebraske)
1943 - บัฟเฟ็ทท์อายุ14ปีเริ่มอาชีพส่งหนังสือพิมพ์ มีรายได้สัปดาห์ละ175ดอลลาร์ เทียบเท่ากับรายได้ของผู้ใหญ่อายุ25
1946 - บัฟเฟ็ทท์เข้าเรียนมหาวิทยาลัยวาร์ตัน รัฐเพนซิลวาเนีย
1949 - ได้พบเบนจามิน เกรแฮม
1951 - อายุ21ปีเริ่มก่อตั้ง Buffett Folk & Co
1952 - แต่งงานกับ ซูซาน ซื้อหุ้น GEICO มูลค่า10000เหรียญ เพราะราคาในตลาดต่ำกว่ามุลค่าที่แท้จริง5เท่า
1953 - ขายหุ้นGEICO ได้เงินทั้งหมด15000เหรียญ
1954 - เข้าทำงานในบริษัทของเบนจามินเกรแฮม ชื่อ Graham-Newman
1955 - ปีที่บริษัท เบิร์กไชร์ ฮาธอเวย์ก่อตั้ง
1956 - เบนจามินเกรแฮม เกษียณ และปิดบริษัท
1957? - บัฟเฟ็ทท์เปิดกองทุนสำหรับพี่น้องและเพื่อน ด้วยเงินลงทุน105000เหรียญ
1962 - เข้าซื้อหุ้นเบิร์กไชน์ แฮทธาเวย์
1963 - กองทุนของบัฟเฟ็ทท์ คือผู้ถือหุ้นใหญ่ของ เบิร์กไชน์
1964 - ซื้อหุ้นของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส
1965 - อายุ35 มีเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น26ล้านเหรียญ และเป็นผู้ถือใหญ่ของเบิร์กไชน์ถือหุ้นทั้งหมด49% ซื้อหุ้นของวอล์ท ดิสนีย์
1967 - ซื้อหุ้นของบริษัท National Indemnity และ บริษัท National Fire & Marine เป็นเงิน 8.6ล้านเหรียญ
1969 - เลิกกองทุนบัฟเฟ็ทท์ และใช้เงินส่วนตัวถือหุ้นเบิร์กไชน์ 29 %
1972 - ซื้อหุ้นบริษัท See's Candies
1973 - ซื้อหุ้นวอชิงตัน โพสต์ 10%
1976 - เข้าเป็นหุ้นส่วน GEICO
1977 - ซื้อหนังสือพิมพ์บัฟฟ์โล นิวส์
1982 - อายุ52ปี ติดอันดับร่ำรวยที่82ของโลก ด้วยเงินลงทุน 250ล้าน ซื้อหุ้น 80%ของบริษัท Nebraske Furniture Mart และซื้อกิจการบริษัทบูลชิบแสตมป์
1985 - อายุ55 ติดอันดับร่ำรวยที่ 23ของโลก ด้วยเงินลงทุน660ล้าน บริษัทเบิร์กไชน์ปิดสายการผลิตสิ่งทอ ซื้อหุ้นแคปปิทอล ซิตี้ และ เอบีซี
1986 - อายุ56 ติดอันดับร่ำรวยที่ 5ของโลก ด้วยเงินลงทุน1400ล้าน ซื้อหุ้นScott Fetzer
1987 - ซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพและหุ้นบุริมสิทธิ์ของบริษัทโบรกเกอร์ ซาโลมอน บราเธอร์
1988 - ซื้อหุ้นบริษัท Coca-Cola และ เฟรดดี้แม็ค
1989 - อายุ 59 ติดอันดับร่ำรวยที่ 2 ของโลก ด้วยเงินลงทุน4200ล้าน ซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์บริษัท ยิลเล็ทท์
1990 - ซื้อหุ้นธนาคาร Well Fargo Bank
1991 - เกิดเหตุการณ์การฉ้อโกงในบริษัทซาโลมอน บราเธอร์ บัฟเฟ็ทท์ได้เข้ามาบริหารบริษัทชั่วคราว ทำให้รู้ว่าความเข็มแข็งบริษัทนี้อยู่ที่พนักงาน ซื้อหุ้นบริษัท H.H. Brown shoe
1992 - ซื้อหุ้น Lowell Shoe
1993 - ซื้อหุ้น Dexter Shoe
1995 - ขายหุ้นแคปปิทอล ซิตี้ส์ , เอบีซี , Helzberg Diamonds ซื้อหุ้น R.C.Willy Home Furnishings
1996 - ซื้อหุ้น McDonald's ซื้อหุ้น สายการบิน ไฟลท์ เซฟตี้
1997 - ขายหุ้น McDonald's ซื้อหุ้น สตาร์ เฟอร์นิเจอร์
1998 - ซื้อแร่เงิน เพื่อเก็งกำไร ซื้อหุ้น Executive Jet ซื้อหุ้นบริษัทแดรี่ควีน
1999 - ซื้อหุ้น วอล์ท ดิสนีย์ ซื้อหุ้น จอร์แดน เฟอร์นิเจอร์
2000 - ขายหุ้น เฟรดดี้ แม็ค ซื้อหุ้น มิด อเริกัน เอเจนซี่ , Wesco Financial , U.S. Liability , Justin industries
2001 - ซื้อหุ้น Shaw Industries , Benjamin Moore , John manwille , MITEC , EXtra Corporation ถือหุ้นของ Moody's กับ H&R Block
2003 - ซื้อหุ้น อัลเบ็คคา , Fruit of the Loom , Gallant , CBT International Corp , Pampered Chef ,
2004 - อายุ73 ติดอันดับร่ำรวยที่ 2 ของโลก ด้วยเงินลงทุน36000ล้าน ซื้อหุ้น เคลตัน โฮมส์ และ Petro china
-----------------------------------------------------------
:B :B
บันทึกไม่สำเร็จ