trubb ปีนี้มาแรงจังแปลกจัง
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
trubb ปีนี้มาแรงจังแปลกจัง
โพสต์ที่ 1
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่2(F45-3)
บ.ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอเรชั่น(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน (หน่วย : พันบาท)
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
ปี 2549 2548 2549 2548
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 98,526 (79,265) 187,736 (64,744)
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 3.61000 (2.91000) 6.89000 (2.37000)
บ.ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอเรชั่น(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน (หน่วย : พันบาท)
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
ปี 2549 2548 2549 2548
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 98,526 (79,265) 187,736 (64,744)
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 3.61000 (2.91000) 6.89000 (2.37000)
-
- Verified User
- โพสต์: 2938
- ผู้ติดตาม: 0
trubb ปีนี้มาแรงจังแปลกจัง
โพสต์ที่ 2
ผลการดำเนินงานของบริษัท ในไตรมาสที่ 2/2549 บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 98.53 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้นจาก
งวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีขาดทุนสุทธิ 79.26 ล้านบาท คิดเป็นกำไรเพิ่มขึ้น 177.79 ล้านบาท เกินร้อยละ 20
สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากการที่ บริษัทมีรายได้รวม 2,043.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,100.89 ล้าน
บาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 117 ในขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 1,943.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 917.02 ล้าน
บาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 90 ทำให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 98.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 177.79 ล้านบาท สาเหตุของผล
กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น ประการที่หนึ่ง เกิดจากปริมาณขายและราคาขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามความต้องการยาง
ธรรมชาติของผู้ใช้ ทั้งผู้ใช้น้ำยางข้นและผลิตภัณฑ์ยางประเภทอื่นๆ ประกอบกับ ต้นทุนขายสินค้าเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่ต่ำ
กว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้า เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีต้นทุนต่ำจากการเก็บสินค้าในเดือนก่อนหน้า
ประการที่สอง ในไตรมาสนี้ บริษัทย่อยที่ปิดกิจการมีกำไรจากการขายทรัพย์สิน 85.81 ล้านบาท จึงทำให้เกิดกำไรสุทธิ
63.95 ล้านบาท เมื่อหักกำไรที่เกิดขึ้นจากการปิดกิจการออกไป ในไตรมาสที่ 2/2549 ธุรกิจที่ดำเนินกิจการตามปกติ
จึงมีกำไรสุทธิ 34.58 ล้านบาท
Margin Crot ต่ำเลย
เหมือน tks เลยนิน่า
อย่างนี้อีกไม่นาน ก็คงมีขาดทุน
ฮิ
งวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีขาดทุนสุทธิ 79.26 ล้านบาท คิดเป็นกำไรเพิ่มขึ้น 177.79 ล้านบาท เกินร้อยละ 20
สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากการที่ บริษัทมีรายได้รวม 2,043.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,100.89 ล้าน
บาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 117 ในขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 1,943.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 917.02 ล้าน
บาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 90 ทำให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 98.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 177.79 ล้านบาท สาเหตุของผล
กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น ประการที่หนึ่ง เกิดจากปริมาณขายและราคาขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามความต้องการยาง
ธรรมชาติของผู้ใช้ ทั้งผู้ใช้น้ำยางข้นและผลิตภัณฑ์ยางประเภทอื่นๆ ประกอบกับ ต้นทุนขายสินค้าเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่ต่ำ
กว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้า เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีต้นทุนต่ำจากการเก็บสินค้าในเดือนก่อนหน้า
ประการที่สอง ในไตรมาสนี้ บริษัทย่อยที่ปิดกิจการมีกำไรจากการขายทรัพย์สิน 85.81 ล้านบาท จึงทำให้เกิดกำไรสุทธิ
63.95 ล้านบาท เมื่อหักกำไรที่เกิดขึ้นจากการปิดกิจการออกไป ในไตรมาสที่ 2/2549 ธุรกิจที่ดำเนินกิจการตามปกติ
จึงมีกำไรสุทธิ 34.58 ล้านบาท
Margin Crot ต่ำเลย
เหมือน tks เลยนิน่า
อย่างนี้อีกไม่นาน ก็คงมีขาดทุน
ฮิ
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
trubb ปีนี้มาแรงจังแปลกจัง
โพสต์ที่ 4
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่2(F45-3)
บริษัท ประกิต โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน (หน่วย : พันบาท)
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
ปี 2549 2548 2549 2548
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 15,207 5,907 29,323 20,923
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.26 0.10 0.49 0.35
กำไรดีเหมือนกันแฮะ
chuo จะเป็นไงนะ
บริษัท ประกิต โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน (หน่วย : พันบาท)
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
ปี 2549 2548 2549 2548
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 15,207 5,907 29,323 20,923
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.26 0.10 0.49 0.35
กำไรดีเหมือนกันแฮะ
chuo จะเป็นไงนะ
-
- Verified User
- โพสต์: 893
- ผู้ติดตาม: 0
trubb ปีนี้มาแรงจังแปลกจัง
โพสต์ที่ 5
ไม่เข้าใจเลย ราคายางขึ้นมากก็กำไร ลงเยอะก็ยิ่งกำไร แล้วทำไม หลายปีที่ผ่านมาขาดทุนตลอดUpdate/บิ๊ก TRUBB ฟุ้งปี 49 พลิกเป็นกำไรชัวร์ จากยอดขายเพิ่มต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตร
มาสแรกของปี
บิ๊ก TRUBB คุยครึ่งปีหลังเป็นช่วง High Season โชว์รายได้-กำไรไฉไลกว่าครึ่งปี
แรกมั่นใจปี 49 โชว์รายได้โต 30% ตามเป้า จากครึ่งปีแรกโชว์ผลงานเยี่ยม มองราคายาง
ธรรมชาติครึ่งปีหลังกลับสู่กลไกปกติ ที่ราคา 50 - 60 บาท/กิโลกรัม พร้อมลั่นเปิดกว้างรับ
พันธมิตรใหม่ คุยมีต่างชาติรุมจีบหลายรายแล้วแต่ยังไม่สรุป
นายวรเทพ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอเรชั่น
(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TRUBB กล่าวกับ eFinanceThai.com ว่าแนวโน้มผล
ประกอบการปี 2549 บริษัทฯจะสามารถพลิกเป็นกำไรสุทธิได้ หลังจากมีขาดทุนต่อเนื่องติดต่อ
กันถึง 3 ปีตั้งแต่ในปี 2546 ขณะเดียวกันคาดการณ์รายได้ปีนี้เติบโต 30% จากปีก่อนหน้าที่มี
รายได้ 5,806.53 ล้านบาท โดยผลประกอบการครึ่งปีแรกที่เป็นไปตามเป้าหมาย หลังจากยอด
ขายเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้ จึงมั่นใจว่ารายได้ทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายได้
'ไตรมาส2/49 น่าจะยังได้เห็นกำไรเหมือนไตรมาสแรกที่มีกำไรสุทธิ 89.21 ล้านบาท
ซึ่งผลประกอบการครึ่งปีหลังมีแนวโน้มน่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรกทั้งในส่วนรายได้ และกำไร หลังเป็น
ช่วง High -Season ของธุรกิจ ขณะเดียวกับราคายางธรรมชาติที่มีแนวโน้มปรับลดลงจากช่วงที่
ผ่านมาจึงน่าเอื้อให้ผลประกอบการดีขึ้น'นายวรเทพ กล่าว อย่างไรก็ดี กลางเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทฯจะมีการประชุมพิจาณาจ่ายเงินปันผลระหว่าง
กาลให้กับผู้ถือหุ้นงวดปี 2549 แต่ทั้งนี้ต้องรอดูผลประกอบการอย่างเป็นทางการก่อนว่าครึ่งปีแรก
เป็นเช่นใด โดยบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายปันผลไม่เกิน 60% ของกำไรสุทธิ
โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนส่งออกต่างประเทศ 50% ส่วนอีก 50% เป็นสัดส่วนใน
ประเทศ โดยในปีนี้เน้นส่งออกไปประเทศจีนมากขึ้น หลังพบความต้องการขยายตัวสูง ขณะที่
ประเทศมาเลเซีย เกาหลี อเมริกา ก็ยังมีอยู่
ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลังบริษัทฯ มีแผนขยายพื้นที่รับวัตถุดิบในการผลิตสินค้าของโรงงาน 9
แห่งที่มีอยู่ เพื่อเป็นการรองรับสต็อกสินค้าให้เพิ่มขึ้นตามกำลังผลิตที่ขยายตัว โดยไม่ได้เป็นการ
ขยายเพิ่มเติมในส่วนของเครื่องจักรแต่อย่างใด
นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนปรับลดอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ให้ลดลง โดยคาดว่าในสิ้นปี
หน้าบริษัทฯ จะมี D/E ต่ำกว่า 2 เท่าได้
อย่างไรก็ดี ราคายางธรรมชาติในปัจจุบันมีการปรับลดลงจากก่อนหน้านี้ โดยราคายาง
ธรรมชาติเดือนกรกฎาคมซื้อขายอยู่ที่ 70 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงจากช่วงเดือนมิถุนายนที่ราคา
ซื้อขายอยู่ที่ 90 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ ประเมินว่าครึ่งปีหลังราคายางธรรมชาติจะกลับเข้าสู่กลไก
ปกติ เนื่องจากปริมาณยางออกสู่ตลาดเพิ่มทำให้กำลังผลิตขยายตัวมากขึ้น จึงทำให้ราคามีโอกาส
ไม่ขยับสูงมากเช่นเดียวกับช่วงก่อนหน้านี้ โดยคาดว่าราคาจะกลับมาซื้อขายที่ระดับ 50 - 60
บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งถือเป็นราคาเหมาะสม
'ช่วงที่ผ่านมาเรียกได้ว่าราคายางสูงไปผิดปกติ ครึ่งปีหลังราคายางน่าจะกลับมาปกติ
ได้ ซึ่งยิ่งส่งผลดีต่อธุรกิจ' นายวรเทพ กล่าว
นายวรเทพ กล่าวด้วยว่า พร้อมจะเปิดกว้างหาพันธมิตรร่วมธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมามี
พันธมิตรต่างชาติเข้ามาเจรจาหลายราย โดยเฉพาะพันธมิตรจากประเทศจีนแต่ยังไม่ได้สรุปแน่
ชัด ซึ่งบริษัทฯ ก็ไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใดในการหาพันธมิตรดังกล่าว เนื่องจากมีเงินทุนหมุนเวียน
ในเกณฑ์ดี และมีเทคโนโลยีการผลิตเป็นที่ยอมรับ
ส่วนราคาหุ้น TRUBB ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลจากการ
เข้าซื้อหลังนักลงทุนเห็นแนวโน้มธุรกิจที่ดี และมีการเติบโตต่อเนื่อง
โดยปิดการซื้อขายช่วงเช้า เวลา 12.30 น. ราคาหุ้น TRUBB อยู่ที่ 20.40 บาท เพิ่ม
ขึ้น 1 บาท มูลค่าการซื้อขาย 7.26 ล้านบาท
เรากำลังตามหา หุ้นดีๆ
หุ้นดีๆ ก็กำลังตามหาเราอยู่
หุ้นดีๆ ก็กำลังตามหาเราอยู่
-
- Verified User
- โพสต์: 190
- ผู้ติดตาม: 0
trubb ปีนี้มาแรงจังแปลกจัง
โพสต์ที่ 6
เอาข่าวเก่า ที่ copy เก็บไว้มาฝากครับ
ผมคิดว่า
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ราคายาง สูงหรือต่ำ
แต่ปัญหา อยู่ที่ราคามันอยู่ในกรอบที่ผู้ประกอบการคาดการณ์ได้ถูกต้องหรือไม่
ปีที่แล้ว ไม่มีใครคิดว่า จะกระโดด จาก 50 บาทเมื่อต้นปี กลายเป็น 100 บาท
ส่วนหนึ่งเกิดจากการเก็งกำไรของกองทุนต่างๆ ด้วย
ลองแกะงบ STA ดูสิครับ จะเห็นภาพ
ปีที่แล้ว ธุรกิจแปรรูปยาง ทำถุงมือยาง กระฉุด
แต่ขายยางดิบเจ๊ง เพราะต้องหาซื้อในราคาขาดทุน มาส่งมอบ
ไตรมาศที่แล้ว ทำถุงมือยางเจ๊ง เพราะขึ้นราคาไม่ทัน ราคาวัตถุดิบ
แต่ขายยางดิบกำไรกระฉูด ทั้ง STA (ยางดิบรมควัน) และ TRUBB (น้ำยาง)
แนวโน้ม น้ำมันแพงขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต
ผมคิดว่า
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ราคายาง สูงหรือต่ำ
แต่ปัญหา อยู่ที่ราคามันอยู่ในกรอบที่ผู้ประกอบการคาดการณ์ได้ถูกต้องหรือไม่
ปีที่แล้ว ไม่มีใครคิดว่า จะกระโดด จาก 50 บาทเมื่อต้นปี กลายเป็น 100 บาท
ส่วนหนึ่งเกิดจากการเก็งกำไรของกองทุนต่างๆ ด้วย
ลองแกะงบ STA ดูสิครับ จะเห็นภาพ
ปีที่แล้ว ธุรกิจแปรรูปยาง ทำถุงมือยาง กระฉุด
แต่ขายยางดิบเจ๊ง เพราะต้องหาซื้อในราคาขาดทุน มาส่งมอบ
ไตรมาศที่แล้ว ทำถุงมือยางเจ๊ง เพราะขึ้นราคาไม่ทัน ราคาวัตถุดิบ
แต่ขายยางดิบกำไรกระฉูด ทั้ง STA (ยางดิบรมควัน) และ TRUBB (น้ำยาง)
แนวโน้ม น้ำมันแพงขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต
ผู้เชี่ยวชาญชี้ยางได้อานิสงส์น้ำมันแพงยิ่งขายดี เหตุยางสังเคราะห์ที่ทำจาก
สารปิโตรเคมี แพงลิ่วตามราคาน้ำมัน ขณะที่มาเลย์ห่วงหากเร่งปลูกยางพารามากๆ อาจเผชิญปัญหาผลผลิตล้นลาด และราคาตกต่ำในเวลาไม่กี่ปีข้างหน้า
นายสุรินทร์ พิสิทธิ์พยัตต์ ผู้บริหารบริษัท อาร์วัน อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศ
ไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านยางพารา ให้ความเห็นเกี่ยวกับทิศทางราคายางในช่วงนี้ว่า
คาดว่าราคายางในประเทศจะอยู่ที่ประมาณ 75-80 บาท น่าจะอยู่ในกรอบนี้ เนื่องจากเป็นราคาที่สูงมากแล้ว ประกอบกับปริมาณยางอาจจะออกมามากในรอบการกรีดยางใหม่ ส่งผลให้ราคาลดลงได้
"ตอนนี้ยางราคาสูง แต่หลังจากยางผลัดใบแล้ว ราคาอาจจะปรับตัวลงมาบ้าง
เพราะปริมาณยางคงออกมาพอสมควร ช่วงภาวะยางน้อยผ่านไปแล้ว และจะเข้าสู่ภาวะ
ปกติ ซึ่งราคาตอนนี้โรงงานขนาดใหญ่อาจไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่โรงงานขนาด
เล็กอาจได้รับผลกระทบบ้างเพราะต้นทุนสูง ในส่วนของราคาน้ำมันนั้น หลายฝ่ายคาดว่า
จะไปถึง 100 เหรียญฯ แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่น่าจะถึง เพราะน้ำมันเป็นเรื่องที่ส่ง
ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเงินเฟ้อ คิดว่าคงมีการพูดจากันระหว่างประเทศใหญ่ๆ ซึ่งอาจทำให้ราคาน้ำมันชะลอลงได้บ้าง" นายสุรินทร์ กล่าวและว่า
สำหรับเรื่องการป้องกันความเสี่ยงผ่านตลาดล่วงหน้า ได้มีการป้องกันความเสี่ยงผ่านตลาด TOCOM และ SYCOM ไว้แล้ว ส่วน AFET สภาพคล่องยังน้อยเกินไป
มองว่าน่าจะเป็นหน้าที่ของทาง AFET ที่จะต้องดึงดูดให้กองทุนและนักเก็งกำไรเข้ามา
อย่าง TOCOM เองยังสามารถชักจูงให้กองทุนเหล่านี้เข้ามาในตลาดได้ ทำให้ตลาดมี
ความคึกคักและน่าสนใจ ส่วนผู้ประกอบการที่จะใช้ป้องกันความเสี่ยงไม่เข้ามาก่อนนั้น
ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง เนื่องจากผู้ประกอบการเองมีไม่มากนัก ถ้าจะทำให้ตลาดน่าเล่นต้องมี
พวกกองทุน และนักเก็งกำไรเข้ามา จึงจะทำให้ตลาดมีความน่าสนใจได้ การที่จะทำให้
ตลาดมีความน่าสนใจ และชักชวนเข้ามาลงทุนได้นั้น จะต้องอาศัยหลายปัจจัย ไม่ใช่พ่อค้ายางอย่างเดียว ซึ่งขณะนี้สภาพคล่องของผู้ประกอบการยังมีน้อย
นางสาวกานดา ตะเพาพงศ์ นักวิเคราะห์จาก บริษัท รีพเอเซีย จำกัด
กล่าวถึงสภาวะตลาดยางพาราว่า อยู่ในช่วงทิศทางขาลงมาตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงช่วง
เมษายน โดยช่วงเดือนเมษายนจะขึ้นลงในกรอบ เนื่องจากขณะนี้ผู้ซื้อต่างประเทศเริ่ม
สต็อกได้มากขึ้นแล้ว จึงเป็นแรงกดดันให้ราคายางในช่วงนี้ปรับตัวลดลง ส่วนช่วงเดือน
พฤษภาคมมองว่าราคาจะเริ่มดีดตัวขึ้น และจะปรับพอร์ตเป็นซื้อ และช่วงนี้มีข่าวทาง
อินโดนีเซีย กำลังประสบปัญหาเรื่องปริมาณน้ำฝนมากเกินไป ขณะที่ทางมาเลเซียปริมาณ
ยางหายไปกว่า 50% เหตุจากฝนตกหนัก ทำให้ซัพพลายหายไปส่วนหนึ่ง คาดว่าอาจจะทำให้ปริมาณยางจะลดลง
ซึ่งตามข่าวพยากรณ์อากาศ ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีปรากฏการณ์
ลานีญ่า จะทำให้มีฝนตก และประเทศไทยจะได้รับผลกระทบ คือฝนตกเร็วกว่าปกติ
ดังนั้น จะทำให้ปริมาณยางออกมามาก รวมทั้งปริมาณผลผลิตจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10%ในบางพื้นที่ จึงทำให้สต็อกของทางผู้ซื้อเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
อนึ่ง จากการประชุม เวิลด์ รับเบอร์ ซัมมิต ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา ฮิดเด สมิต ประธานกลุ่มศึกษาเรื่องยางระหว่าง
ประเทศ(ไออาร์เอสจี) อันเป็นองค์กรระดับระหว่างประเทศ ที่ประกอบด้วย 17 ชาติสมาชิกบวกด้วยสหภาพยุโรป(อียู) กล่าวว่า ความต้องการยางพาราที่กำลังเพิ่มขึ้นไม่ยอมหยุด ได้ทำให้ราคายางไต่ขึ้นอย่างสม่ำเสมอในช่วงปีเศษที่ผ่านมา จนมาถึงแถวๆ กิโลกรัมละ 2.0 ดอลลาร์อยู่แล้วเวลานี้ โดยเฉพาะเมื่อบรรดาผู้ผลิตอุตสาหกรรม ต่างไม่สามารถยอมรับราคาอันสูงลิบของยางสังเคราะห์ ซึ่งทำขึ้นจากสารปิโตรเคมี และก็แพงลิ่วตามราคาน้ำมันไปด้วย
ผู้คนกำลังลั่นสัญญาณระฆังเตือนอันตรายกันแล้วในขณะนี้ เพราะราคา 2.0
ดอลลาร์ต้องถือว่าสูงมากๆ ซึ่งยางพารามีความจำกัดในเรื่องว่าจะผลิตได้มากน้อยแค่ไหน
แต่ดีมานด์กลับกำลังขยายตัวด้วยฝีก้าวสม่ำเสมอ ดังนั้น ผู้คนจึงกำลังหวาดเกรงกันว่า
ในอนาคตอันใกล้จะต้องเกิดการขาดแคลนขึ้นมา
"ราคาอันสูงลิ่วซึ่งคุณกำลังเห็นอยู่แล้วในขณะนี้ ทำให้เป็นเรื่องชัดเจนมากๆ ว่า ตลาดกำลังตึงตัว พวกนักวิเคราะห์อธิบายว่า การที่มีดีมานด์ในยางพารา จนทำให้ราคา
ทำลายสถิติครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้ เนื่องจากความต้องการใช้ทั้งจากพวกชาติเศรษฐกิจ
พัฒนาแล้ว ตลอดจนจากอินเดียและจีน ซึ่งภาครถยนต์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วยิ่ง จีน
ซึ่งกลายเป็นผู้บริโภคยางและผู้นำเข้ายางรายใหญ่ที่สุดของโลกมาตั้งแต่ปี 2001 มี
ปริมาณการใช้ยางทะยานไปถึงระดับ 2.04 ล้านตันในปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน ซัปพลาย
ยางพาราที่ออกสู่ตลาดโลก กำลังมีอันลดต่ำลง ด้วยสาเหตุเรื่องอากาศไม่เอื้ออำนวยใน
หลายประเทศผู้ผลิต"
ดาร์เรน คูเปอร์ นักสถิติอาวุโสของไออาร์เอสจี กล่าวในที่ประชุม เวิลด์ รับเบอร์ ซัมมิตว่า ราคายางในเดือนกุมภาพันธ์สูงขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่แล้วถึง 54% มาอยู่ที่ระดับตันละ 2,103 ดอลลาร์ ในตลาดนิวยอร์ก จากการที่การบริโภคมีปริมาณเกิน
เลยการผลิตยางในปี 2005 อยู่แล้ว ตนจึงคาดการณ์ว่า เมื่อถึงปี 2010 ทั่วโลกจะ
ขาดแคลนยาง 820,000 ตัน
"ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่าง ถ้าไม่มีสิ่งที่จะมาทดแทนยางพารา และไม่มีการผลิตยางเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว ก็จะต้องมีการขาดแคลนแน่นอน"
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีอุตสาหกรรมสวนเกษตรและสินค้าโภคภัณฑ์ ปีเตอร์ ชิน แห่งมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศเจ้าภาพการประชุมคราวนี้ กลับแถลงเตือนไม่ให้ประมาณการดีมานด์ยางพาราสูงเกินความจริงไป พร้อมกับชี้ว่า หากรีบเร่งปลูกยางพารากันมากๆ ก็อาจเผชิญปัญหาผลผลิตล้นลาด และราคาตกต่ำในช่วงเวลาไม่กี่ปีข้างหน้า
"เราจำเป็นต้องมีความระมัดระวัง และมีความรับผิดชอบในการคาดหมายและ
พยากรณ์ของเรา และควรต้องพยายามทำให้สมเหตุสมผลในการวางแผนของเรา ไม่ให้
มองโลกในแง่สดใสเกินไป สืบเนื่องจากราคาอันสูงลิ่วในปัจจุบัน แล้วก็รีบเดินหน้าปลูก
ยางกันใหม่อย่างมโหฬาร"
โดย Focus Team เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2549 16:31:41 น.
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
trubb ปีนี้มาแรงจังแปลกจัง
โพสต์ที่ 7
ให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน
2549 ในอัตราหุ้นละ 2.00 บาท รวมเป็นเงิน 54.526 ล้านบาท โดยจ่ายจากกำไรสุทธิที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการ
ลงทุน กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 8 กันยายน 2549
ปันผลรอบนี้ก็เครดิตภาษีได้ไหมคับ