Bill Miller,จอมยุทธทางการเงิน ตอน 1-5
-
- Verified User
- โพสต์: 435
- ผู้ติดตาม: 0
Bill Miller,จอมยุทธทางการเงิน ตอน 1-5
โพสต์ที่ 1
เรื่องเล่าขานถึง Bill Millr จอมยุทธทางการเงินอีกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียง อ่านดูคร่าวๆ เขายังคงแนะให้ยึดแนวทางและหลักการที่ Warren Buffett เขียยนไว้ใน จดหมายถึงผู้ถือหุ้น รวมทั้งหนังสือคลาสสิก 2 เล่ม ของ Ben Graham : Security Analysis และ The Intelligent Invetstor
Part I:
http://www.fool.com/news/commentary/200 ... 072418.htm
Part II:
http://www.fool.com/news/commentary/200 ... 072517.htm
Part III:
http://www.fool.com/news/commentary/200 ... 072605.htm
Part IV:
http://www.fool.com/news/commentary/200 ... it=y&npu=y
Part V:
http://www.fool.com/news/commentary/200 ... 072806.htm
Part I:
http://www.fool.com/news/commentary/200 ... 072418.htm
Part II:
http://www.fool.com/news/commentary/200 ... 072517.htm
Part III:
http://www.fool.com/news/commentary/200 ... 072605.htm
Part IV:
http://www.fool.com/news/commentary/200 ... it=y&npu=y
Part V:
http://www.fool.com/news/commentary/200 ... 072806.htm
"The man who doesn't read has no advantage over the man who cannot read." Mark Twain
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
Bill Miller,จอมยุทธทางการเงิน ตอน 1-5
โพสต์ที่ 2
สุดยอดครับ Bill Miller
สิ้นปีนี้น่าสนใจครับ เพราะ Bill อาจจะไม่ beat market เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี เนื่องจาก dotcom จำนวนมากที่ Bill ถืออยู่ร่วงแรง และ Bill ไม่มีหุ้นพลังงานในพอร์ตเลย
ปีที่แล้ว Bill beat แค่ 1% เท่านั้น ก็เพราะไม่มีหุ้นพลังงานเลย Bill บอกว่านโยบายการลงทุนของเขาไม่สนใจหุ้น commodities เพราะถือไว้ในระยะยาวแล้วไม่จะสามารถสร้างผลตอบแทนเกิน cost of capital ได้
แม้ว่าถ้าปีนี้เขาจะไม่ beat จริงๆ เพราะเขาไม่มีหุ้นพลังงาน ผมก็ยังชอบที่ทุกวันนี้เขาก็ยังยืนกรานอยู่ว่าจะไม่มีหุ้นพลังงาน ไม่ได้เกี่ยวกับว่าหุ้นพลังงานดีหรือไม่ดีแต่ชอบที่เขาไม่เปลี่ยนนโยบายการลงทุนไปเปลี่ยนเรือยๆ ตามภาวะตลาด ผู้จัดการกองทุนน้อยคนนักที่จะทำได้แบบนี้
สิ้นปีนี้น่าสนใจครับ เพราะ Bill อาจจะไม่ beat market เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี เนื่องจาก dotcom จำนวนมากที่ Bill ถืออยู่ร่วงแรง และ Bill ไม่มีหุ้นพลังงานในพอร์ตเลย
ปีที่แล้ว Bill beat แค่ 1% เท่านั้น ก็เพราะไม่มีหุ้นพลังงานเลย Bill บอกว่านโยบายการลงทุนของเขาไม่สนใจหุ้น commodities เพราะถือไว้ในระยะยาวแล้วไม่จะสามารถสร้างผลตอบแทนเกิน cost of capital ได้
แม้ว่าถ้าปีนี้เขาจะไม่ beat จริงๆ เพราะเขาไม่มีหุ้นพลังงาน ผมก็ยังชอบที่ทุกวันนี้เขาก็ยังยืนกรานอยู่ว่าจะไม่มีหุ้นพลังงาน ไม่ได้เกี่ยวกับว่าหุ้นพลังงานดีหรือไม่ดีแต่ชอบที่เขาไม่เปลี่ยนนโยบายการลงทุนไปเปลี่ยนเรือยๆ ตามภาวะตลาด ผู้จัดการกองทุนน้อยคนนักที่จะทำได้แบบนี้
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 435
- ผู้ติดตาม: 0
Bill Miller,จอมยุทธทางการเงิน ตอน 1-5
โพสต์ที่ 3
ที่เขาไม่ลงทุนหุ้นพลังงาน ผมเข้าใจว่าเขาคงเข็ดเขี้ยวกับการลงทุนใน Enron ซื่งเป็นบริษัทค้าพลังงาน ที่ตกแต่งบัญชีบริษัทให้พองเป็นฟองสบู่ เสร็จแล้วพอฟองสบู่แตก คนที่เป็นที่ยอมรับนับถือว่าเจ๋งในเรื่องการลงทุนอย่างBill Miller ยังเจ๊งกับบริษัท Enron นี้อย่างไม่เป็นท่า แม้แต่เซียนก็ยังพลาด ลองไปอ่าน Part II ที่เขาตอบคำถามเกี่ยวกับการลงทุนใน Enron ของเขา ทำเอาผู้ฟังฮากันตรึม :lol:สุมาอี้ เขียน:........แม้ว่าถ้าปีนี้เขาจะไม่ beat จริงๆ เพราะเขาไม่มีหุ้นพลังงาน ผมก็ยังชอบที่ทุกวันนี้เขาก็ยังยืนกรานอยู่ว่าจะไม่มีหุ้นพลังงาน ไม่ได้เกี่ยวกับว่าหุ้นพลังงานดีหรือไม่ดีแต่ชอบที่เขาไม่เปลี่ยนนโยบายการลงทุนไปเปลี่ยนเรือยๆ ตามภาวะตลาด ผู้จัดการกองทุนน้อยคนนักที่จะทำได้แบบนี้
..............................................................................................
..........................................................................................
Miller was also asked how he knew when he made an incorrect stock pick. To much crowd laughter, he said you know things haven't gone well when you can't get a quote anymore. This occurred when he purchased shares in Enron in late 2001 on a hunch that it may be able to recover if it could maintain access to the capital markets. His $300 million commitment went up in smoke, but he stated that the team calibrated its position so it could still outperform for the year, which it did.
...........................
ข้อมูลสังเขปเกี่ยว Enron หาอ่านได้ที่นี่
http://www.answers.com/enron
"The man who doesn't read has no advantage over the man who cannot read." Mark Twain
-
- Verified User
- โพสต์: 2938
- ผู้ติดตาม: 0
Bill Miller,จอมยุทธทางการเงิน ตอน 1-5
โพสต์ที่ 5
แต่ผมกลับไม่ชอบสุมาอี้ เขียน:สุดยอดครับ Bill Miller
แม้ว่าถ้าปีนี้เขาจะไม่ beat จริงๆ เพราะเขาไม่มีหุ้นพลังงาน ผมก็ยังชอบที่ทุกวันนี้เขาก็ยังยืนกรานอยู่ว่าจะไม่มีหุ้นพลังงาน ไม่ได้เกี่ยวกับว่าหุ้นพลังงานดีหรือไม่ดีแต่ชอบที่เขาไม่เปลี่ยนนโยบายการลงทุนไปเปลี่ยนเรือยๆ ตามภาวะตลาด ผู้จัดการกองทุนน้อยคนนักที่จะทำได้แบบนี้
ผมคิดว่านักลงทุนหรือผู้บริหาร ต้องสามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายไปได้เรื่อยๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดหรือธุรกิจ
เพราะไม่มีอะไรที่รุ่งโรจน์ได้ตลอดเวลา และตกต่ำได้ตลอดไป
คำว่าเปลี่ยนนี่ ไม่ได้หมายถึงเปลี่ยนพร่ำเพรื่อนะครับ
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
Bill Miller,จอมยุทธทางการเงิน ตอน 1-5
โพสต์ที่ 6
น่าตกใจที่นอกจาก bill จะไม่ซื้อหุ้นพลังงานแล้ว ยัง short หุ้นพลังงานสูงถึง 6% ของพอร์ต พายเรือทวนน้ำขนาดนี้น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งเพราะถ้าน้ำมันทะลุ 100 ขึ้นมา bill จะขาดทุนอย่างหนัก
http://www.leggmason.com/funds/ourfunds ... _trust.asp
http://www.leggmason.com/funds/ourfunds ... _trust.asp
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
Bill Miller,จอมยุทธทางการเงิน ตอน 1-5
โพสต์ที่ 7
Excerpt from Bill Miller's June Commentary เขียน:
Our investment process is valuation driven. We focus on the assessment of intrinsic value and the risk adjusted return potential of our portfolio companies. We are long term investors and not traders. Ourcontrarian approach often puts us at odds with the prevailing views in the market. When our approach leads to underperformance, such as in the current market, there is increasing pressure to change or do something different.
As long-term investors, we typically dont make a lot of changes to the portfolio, especially changes motivated by a desire to bring the portfolio in line with current investment trends and outlook, which have the habit of changing when you least expect it. Our turnover rate has been running between 15 and 20 percent a year, implying a holding period longer than 5 years. Undervalued implies that you will earn an excess return over your forecast time horizon. We are very patient and will own a company as long as we are confident of the business value and of managements ability to execute the strategies they have outlined.
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
Bill Miller,จอมยุทธทางการเงิน ตอน 1-5
โพสต์ที่ 8
ผลตอบแทนของกองทุน LMVTX ของ Bill Miller
เงิน 10K กลายเป็น 354K หรือโตขึ้น 35 เท่าใน 24 ปี
ถ้าในหนึ่งปีโตได้ 100% ผมว่าไม่แปลก แต่ถ้า 24 ปี โตได้ 35 เท่า นี่ผมว่าแปลก แสดงว่าโดย"เฉลี่ย"โตมากกว่าปีละหนึ่งเท่า ขนาด "เฉลี่ย" นะเนี่ย พระแม่เจ้า
ที่แปลกกว่านั้นก็คือ Bill ถือหุ้นเต็มพอร์ตตลอดเวลา ไม่เคย short against port มาถือเงินสดรอไว้ (ที่เห็นวูบลงไปช่วงปี 2000 ก็คือตอน NASDAQ Bubble กองทุนของ Bill ก็วูบด้วย)
ทำได้ไงอ่ะ
เงิน 10K กลายเป็น 354K หรือโตขึ้น 35 เท่าใน 24 ปี
ถ้าในหนึ่งปีโตได้ 100% ผมว่าไม่แปลก แต่ถ้า 24 ปี โตได้ 35 เท่า นี่ผมว่าแปลก แสดงว่าโดย"เฉลี่ย"โตมากกว่าปีละหนึ่งเท่า ขนาด "เฉลี่ย" นะเนี่ย พระแม่เจ้า
ที่แปลกกว่านั้นก็คือ Bill ถือหุ้นเต็มพอร์ตตลอดเวลา ไม่เคย short against port มาถือเงินสดรอไว้ (ที่เห็นวูบลงไปช่วงปี 2000 ก็คือตอน NASDAQ Bubble กองทุนของ Bill ก็วูบด้วย)
ทำได้ไงอ่ะ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
Bill Miller,จอมยุทธทางการเงิน ตอน 1-5
โพสต์ที่ 9
[quote="สุมาอี้"]ผลตอบแทนของกองทุน LMVTX ของ Bill Miller
เงิน 10K กลายเป็น 354K หรือโตขึ้น 35 เท่าใน 24 ปี
ถ้าในหนึ่งปีโตได้ 100% ผมว่าไม่แปลก แต่ถ้า 24 ปี โตได้ 35 เท่า นี่ผมว่าแปลก แสดงว่าโดย"เฉลี่ย"โตมากกว่าปีละหนึ่งเท่า ขนาด "เฉลี่ย" นะเนี่ย
เงิน 10K กลายเป็น 354K หรือโตขึ้น 35 เท่าใน 24 ปี
ถ้าในหนึ่งปีโตได้ 100% ผมว่าไม่แปลก แต่ถ้า 24 ปี โตได้ 35 เท่า นี่ผมว่าแปลก แสดงว่าโดย"เฉลี่ย"โตมากกว่าปีละหนึ่งเท่า ขนาด "เฉลี่ย" นะเนี่ย
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
Bill Miller,จอมยุทธทางการเงิน ตอน 1-5
โพสต์ที่ 10
อึ่ม 16% ต่อปีนี่ตัวเลขดูเหมือนน้อย แต่ต้องโตให้ได้ปีละกว่าหนึ่งเท่าโดยเฉลี่ยถึงจะได้
อย่างนั้นผมต้องลดเป้า 15% ของตัวเองลงมาแล้ว เอาแค่ 10% ก็พอ
อย่างนั้นผมต้องลดเป้า 15% ของตัวเองลงมาแล้ว เอาแค่ 10% ก็พอ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
Bill Miller,จอมยุทธทางการเงิน ตอน 1-5
โพสต์ที่ 12
อยากบอกลุงทีมว่า ตลาดหุ้นไทยระดับ 35 เท่าหรือ 3500% มีคนทำได้นะ ผมอาจจะไม่ถึงขั้นนั้นแต่คนที่ผมรู้จักหลายๆคนทำได้ระดับตัวเลขแถวๆนี้ หลายๆคนอาจจะเป็นเพียงฟังเค้าเล่ามาอีกทีว่าคนนั้นคนนี้กำไรมากน้อยเท่านั้นเท่านี้ แต่ก็มี 2 คนที่ผมรู้จักที่ทำได้แบบนี้ และไม่ใช่แต่ในตลาดหุ้นไทย ในตลาด Dowjones ก็มีคนไทยทำได้เช่นกัน แต่ตัวเลขแบบนี้ไม่ใช่ตัวเลขกำไรในพอร์ตนะ เราจะแทบไม่มีโอกาสเปิดพอร์ตมาแล้วเห็นตัวเลขในพอร์ตโชว์ว่ากำไรบวก 3500% แต่หากไปเปิดในสมุดบัญชีธนาคารอาจจะเห็นตัวเลขแบบนั้น คนแรกที่ผมได้มีโอกาสเจอ ได้มีโอกาสได้คุย เพราะนัดเจอแลกประสบการณ์การลงทุนเพราะมีรูปแบบการมองตลาดคล้ายๆกัน เค้าเริ่มลงทุนจากการเก็บสะสมเงินเดือนเล็กๆน้อยๆจน 4-5 ปีที่แล้วมีเงินอยู่ 5 แสนบาท เริ่มลงทุนช่วงที่ SET อยู่ 300 เศษๆ และคงเป็นจังหวะพอดีที่เข้ามาในช่วงตลาดหุ้นไทยกำลังเป็นขาขึ้นรุนแรง ณ.เวลานี้เปิดดูในพอร์ตเค้ายังเป็นตัวเลขสีแดงเพราะเห็นว่าขาดทุนจากเจ้า TPI พอสมควร ซึ่งเราก็ไปสรุปไม่ได้ว่านักลงทุนคนนี้ "ขาดทุน" แต่หากดูสรุปการลงทุนของเค้าในเวลา 4-5 ปี หรือดูในสมุดบัญชีธนาคารยังคงมีเงินสดสุทธิเกิน 40 ล้านอยู่ แต่เวลานี้ลดหายไป 10 กว่าล้านจากการไปซื้อบ้าน รถ ปัจจุบันเค้าก็ยังนั่งทำงานประจำกินเงินเดือน 2 หมื่นกว่าบาท และมีความสุขกับการลงทุน แต่สไตล์การลงทุนของเค้ากับของผมคนละเรื่องคนละทางกันเลยนะ เพียงแต่มีมุมมองรูปแบบการลงทุนแบบเดียวกันเท่านั้น ส่วนขั้นตอนของเค้ามันนักเก็งกำไรระยะสั้นๆมากเกินไป ผมไม่ถนัดแบบนั้นนัก เพราะบางวันเค้าโทรมาถามเรื่องหุ้น ผมถามว่ากำไรหรือขาดทุน บางวันเค้าบอกว่าวันนี้เค้าขาดทุนจากการเล่น Net ล้านกว่าบาท บางวันก็กำไรล้านกว่าบาท คนอะไรโคตรบ้าบิ่นเลย แต่ที่แน่ๆตอนนี้โดน TPI เงินในบัญชีหายไป 7 หลักแล้ว ก็หวังว่าเพื่อนผมคนนี้คนไม่มือเติบไปมากกว่านี้ ส่วนเพื่อนอีกคน คนนี้เป็นคนไทยที่ไปทำงานที่อเมริกา วันแรกที่ลงทุนในตลาดหุ้นคือวันที่ตึก Worls Trade ถล่ม แฟนเค้าเล่าให้ฟังว่า พอมีข่าวว่าตึก WorldTrade ถล่ม สามีเค้าก็เดินมาบอกว่าเราไปลงทุนในตลาดหุ้นกันเถอะ แต่ในครอบครัวมีเงินไม่เยอะ เค้าบ้าบิ่นขนาดว่าใช้เงินจากบัตรเครดิตทุกใบที่มี ผมไม่ได้คุยรายละเอียดว่าเค้าซื้อหุ้นกลุ่มไหนยังไง รู้แต่ว่าเวลานี้เค้ากลับมาอยู่เมืองไทยพร้อมกับเงินสดในบัญชีเฉียดๆ 200 ล้านซึ่งเค้าบอกว่ามันได้มาจากตลาดหุ้นอเมริกาทั้งหมดเลย เวลานี้เค้ากำลังสร้างบ้านที่เมืองไทย และก็ลองมาเล่นหุ้นไทย ผมถามเค้าว่าเค้าเลือกหุ้นจากอะไร เค้าบอกว่าเค้าจะนั่งเปิดดูผลประกอบการต่างๆ ลืมบอกไปว่าคนๆนี้จบบัญชีมา เค้ามองงบดุลในแบบฉบับของตัวเอง ตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่เคยสนใจอ่านบทวิเคราะห์ของโบรกฯต่างๆ อย่าว่าแต่อ่านเลย ชื่อโบรกฯเค้ายังไม่รู้จักเลย ตัวแรกในชีวิตกับการกลับมาลงทุนครั้งแรกในตลาดหุ้นไทยเค้าเลือกหุ้น BAY ลงทุนไว้ที่ราคา 10 กว่าบาท นี่ผ่านมาร่วมๆ 8 เดือนแล้ว บ้านเค้ายังสร้างไม่เสร็จ BAY ยังไม่ได้ขาย แถมซื้อหุ้นอื่นๆเพิ่มเข้ามาแต่โดยรวมเค้าบอกว่าในพอร์ตมี BAY ตัวเดียวที่กำไรนอกนั้นขาดทุนทั้งหมด แถมบ่นว่าตลาดหุ้นไทยเล่นยากกว่าของอเมริกา ผมกระว่าหากลงไป กทม จะแวะไปคุยกับเพื่อน 2 คนนี้อีกครั้ง ถึงแม้นรูปแบบการเล่นเก็งกำไรของทั้งสองคนอาจจะแตกต่างกัน เพราะคนนึงเก็งกำไรสั้นมากๆ อีกคนเก็งกำไรยาวหน่อย เพราะเรื่องแบบนี้มันต้องใช้ปัจจัยการตัดสินใจเยอะมาก แต่ผมอยากให้มองว่าตลาดหุ้นไทยมันเป็น Open Market ที่เปิดอิสระให้ทุกๆคน ทุกๆคนมีสิทธิ์จะคิดได้อิสระแต่ผลของมันไม่ควรใช้การเปรียบเทียบแต่น่าจะใช้ความพอใจมากกว่า เพื่อน 2 คนนี้ประสบความสำเร็จทางตัวเลขกำไรในบัญชีธนาคาร แต่ไม่สำเร็จหากไปดูตัวเลขการลงทุนในพอร์ต และผมก็เพิ่งจะมีเพื่อนลักษณะนี้เพียง 2 คน ส่วนอีกมากมายที่ได้คุยล้วนขาดทุนทั้งตัวเลขในพอร์ตและตัวเลขในบัญชี ทั้งๆที่มุมมองการลงทุนก็ไม่ได้มองแตกต่างกันมากเลยแต่ที่เห็นชัดๆคือเรื่องการตัดสินใจ ความกลัวและความดีใจที่ทำให้การตัดสินใจพลาด ก็เอามาเล่าให้ฟังสนุกๆครับ ไว้มีโอกาสลงไป กทม อีกอาจจะขอไปบันทึกเทปให้เค้าเล่ารายละเอียดเยอะๆมาเล่าให้ฟัง ก็หวังว่าน่าจะจุดประกายให้เพื่อนๆได้ลองคิดกันดูว่าตลาดหุ้นมันเป็นดาบสองคมที่หากใช้ถูกด้าน ถูกจังหวะ ถูกเวลา ประโยชน์มันก็มหาศาลเหมือนกัน ส่วนจะใช้ยังไง ตอนไหน แบบไหน ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ถามและหายากจริงๆสำหรับคำว่าสูตรสำเร็จอยู่ตรงไหน เพราะสิ่งเดียวที่เราโยนคำตอบไปรอตอบคือเรื่องของเวลา คำถามของเรามักจะไปอยู่ที่เวลาในอนาคต !!!!
-
- Verified User
- โพสต์: 689
- ผู้ติดตาม: 0
Bill Miller,จอมยุทธทางการเงิน ตอน 1-5
โพสต์ที่ 13
ขอบคุณพี่rockriverarmครับที่อุตส่าห์เล่าให้ฟัง... :D :D
อยากทราบว่าคนที่เล่นสั้นมากๆนี่เค้าเล่นหุ้นปั่นหรือเล่นหุ้นพื้นฐานครับ
และต้องอาศัยข่าว หรือ วงในรึป่าวครับ... อยากรู้จิงๆครับ... :shock: :shock:
อยากทราบว่าคนที่เล่นสั้นมากๆนี่เค้าเล่นหุ้นปั่นหรือเล่นหุ้นพื้นฐานครับ
และต้องอาศัยข่าว หรือ วงในรึป่าวครับ... อยากรู้จิงๆครับ... :shock: :shock:
-
- Verified User
- โพสต์: 77
- ผู้ติดตาม: 0
Bill Miller,จอมยุทธทางการเงิน ตอน 1-5
โพสต์ที่ 14
ผมเป็นแฟนเวปของคุณRockriverarms ครับ อ่านทุกวันเลย
และค่อนข้างเห็นด้วยกับเรื่องทิศทางของกระแสเงิน
โดยเฉพาะเมื่อไปดูสภาพคล่องของโลก ในช่วงที่ผ่านมา
มันช่างพอเหมาะพอเจาะกับกับวิ่งขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก
แต่ที่ทำให้เห็นด้วยจริงๆคือ ตอนที่หุ้นตกช่วงที่ผ่านมานี่แหละครับ
จุดเริ่มเล็กๆ อัตราเงินเฟ้ออเมริกาสูงกว่าที่คาด
เท่านั้นแหละ การคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นทันที
เท่านี้ สภาพคล่องหด กระแสเงินไหลกลับจากตลาดหุ้น
ผลก็อย่างที่เห็น ดัชนีปักหัวลงกันทั่วโลก
และค่อนข้างเห็นด้วยกับเรื่องทิศทางของกระแสเงิน
โดยเฉพาะเมื่อไปดูสภาพคล่องของโลก ในช่วงที่ผ่านมา
มันช่างพอเหมาะพอเจาะกับกับวิ่งขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก
แต่ที่ทำให้เห็นด้วยจริงๆคือ ตอนที่หุ้นตกช่วงที่ผ่านมานี่แหละครับ
จุดเริ่มเล็กๆ อัตราเงินเฟ้ออเมริกาสูงกว่าที่คาด
เท่านั้นแหละ การคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นทันที
เท่านี้ สภาพคล่องหด กระแสเงินไหลกลับจากตลาดหุ้น
ผลก็อย่างที่เห็น ดัชนีปักหัวลงกันทั่วโลก
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
Bill Miller,จอมยุทธทางการเงิน ตอน 1-5
โพสต์ที่ 15
เห็นใน wikipedia แล้วทึ่ง
Net worth ของบัฟเฟต
อายุ Net worth($)
14 1200
19 9800
26 140000
36 6.8mil
39 25mil
49 140mil
53 620mil
59 3800mil
76 44000mil
ทำไมถึงมีโอกาสให้รวยขึ้นอยู่ตลอดเวลา ไม่เข้าใจอ่ะ
Net worth ของบัฟเฟต
อายุ Net worth($)
14 1200
19 9800
26 140000
36 6.8mil
39 25mil
49 140mil
53 620mil
59 3800mil
76 44000mil
ทำไมถึงมีโอกาสให้รวยขึ้นอยู่ตลอดเวลา ไม่เข้าใจอ่ะ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ