http://www.newswit.com/news/2006-06-26/0955-newswit.com เขียน:ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แนะนักลงทุนไทยว่าอินโดนีเซียนับเป็นประเทศหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้ฐานทรัพยากรธรรมชาติ เนื่องจากเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ดีบุก ทองแดง นิกเกิล บ็อกไซต์ ทอง เงิน และเหล็ก ทั้งที่สำรวจแล้วและยังไม่ได้สำรวจ รวมถึงยังมีทรัพยากรสัตว์น้ำจำนวนมาก อีกทั้งมีขนาดตลาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มอาเซียนด้วยประชากรเกือบ 200 ล้านคน แม้ว่าอินโดนีเซียให้สิทธิประโยชน์ในด้านการลงทุนน้อยมากคือ มีเฉพาะการยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบเป็นเวลา 2 ปีเท่านั้น แต่จากผลตอบแทนการลงทุนที่สูง ทำให้อินโดนีเซียเป็นจุดหมายหนึ่งของนักลงทุนต่างประเทศ
อินโดนีเซียมาแรงจัง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
อินโดนีเซียมาแรงจัง
โพสต์ที่ 1
-
- ผู้ติดตาม: 0
อินโดนีเซียมาแรงจัง
โพสต์ที่ 2
กลับไปอ่าน "As the futures cash you" แล้ว
ทำให้รู้สึกว่าคนเขียนหนังสือดังๆก็ไม่ได้เก่งเสมอไป
ทำให้รู้สึกว่าคนเขียนหนังสือดังๆก็ไม่ได้เก่งเสมอไป
-
- ผู้ติดตาม: 0
อินโดนีเซียมาแรงจัง
โพสต์ที่ 4
เค้ามองประเทศที่ล้าหลังทางเทคโนโลยีไว้อย่างย่ำแย่เลยคับ แต่ไม่เห็นจะแย่ขนาดนั้น ส่วนประเทศเจริญๆก็ไม่เห็นจะเจริญไปไกลอย่างที่ว่าเหมือนกัน
ณ วันนี้ให้ไปอยู่อเมริกา คงไม่เอาคับ
คุณชิงเหวินอ่านแล้วคิดว่าไงคับ
ณ วันนี้ให้ไปอยู่อเมริกา คงไม่เอาคับ
คุณชิงเหวินอ่านแล้วคิดว่าไงคับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
อินโดนีเซียมาแรงจัง
โพสต์ที่ 5
กลับมาที่อินโดนีเซีย
ประเทศไทยสนิทสนมกับประเทศนี้น้อยไปนะคับทั้งที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน
สมัยวิกฤติก็กอดคอกันลงเหวพร้อมกัน นักการเมืองก็คล้ายๆกัน
เรามีธุรกิจอะไรต่อกันบ้างนอกจากบ้านปูไปมีเหมืองที่นั่น ท่องเที่ยว?บาหลี?
ท่านซีเคไปเที่ยวมามั้ยคับ
ประเทศไทยสนิทสนมกับประเทศนี้น้อยไปนะคับทั้งที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน
สมัยวิกฤติก็กอดคอกันลงเหวพร้อมกัน นักการเมืองก็คล้ายๆกัน
เรามีธุรกิจอะไรต่อกันบ้างนอกจากบ้านปูไปมีเหมืองที่นั่น ท่องเที่ยว?บาหลี?
ท่านซีเคไปเที่ยวมามั้ยคับ
-
- Verified User
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
อินโดนีเซียมาแรงจัง
โพสต์ที่ 7
เท่าที่ทราบ อินโดนีเซีย กลายเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันไปแล้ว แทนที่จะกลายเป็นผู้ผลิต เห็นว่า จะถอนตัวจากกลุ่มโอเปก หากว่ายังบริโภคเยอะกว่าผลิต
ธุรกิจพวก สำรวจ ปิโตรเลียม น่าจะยังไปได้ดีนะครับ
ในบทความนี้ ผมว่า ผุ้เขียน น่าจะลองเขียนถึง พม่าบ้างนะครับ เมื่อไหร่ ประเทศนี้การเมืองสงบ พี่ไทยหนาวแน่ เค้าอุดมสมบูรณ์จริงๆ
ธุรกิจพวก สำรวจ ปิโตรเลียม น่าจะยังไปได้ดีนะครับ
ในบทความนี้ ผมว่า ผุ้เขียน น่าจะลองเขียนถึง พม่าบ้างนะครับ เมื่อไหร่ ประเทศนี้การเมืองสงบ พี่ไทยหนาวแน่ เค้าอุดมสมบูรณ์จริงๆ
หุ้นนี่ เรียนรู้ได้ทั้งชีวิต จริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
อินโดนีเซียมาแรงจัง
โพสต์ที่ 8
ผมว่า เราก็ได้มุมมอง ใหม่ๆ จากหนังสือ "As the future catches you"
พอสมควรนะครับ
หนังสือพูดถึงวิวัฒนาการ ที่จะเป็นไปในอนาคต <ออกแนวเว่อร์ไปนิด>
แต่ก็อิงกับความเป็นจริงมากทีเดียว
---เนื้อเรื่องส่วนหนึ่ง พูดประมาณว่า สมัยก่อนเราสื่อสาร กันด้วยสัญลักษณ์ใช่ไหมครับ ดูทีแรกเข้าใจง่ายมากๆ เช่นรูปนก ก็เข้าใจได้เลยว่าต้องพูดถึงนกละ แต่นกทำอะไรละ นี้แหละที่สื่อเข้าไปไม่ถึง
ทำให้เราต้องมีพัฒนาการมาเป็นตัว อักษร ซึ่งมองทีแรก ก็ไม่เข้าใจหรอก เช่น ตัว A อย่างเนี้ย ก็ไม่รู้ว่าสื่อถึงตัวอะไร แต่พอเราได้ศึกษา ก็สามารถเข้าไปถึงรายละเอียดได้มากกว่า เช่น Ant ก็คือ มด
แค่นั้นยังไม่พอ พอนานเข้าไปคนเราก็เริ่มศึกษา ภาษาดิจิตัล เช่น00100110 งง ละซิครับว่าเขียนบ้าอะไร มีแต่ 0 กับ 1 นั่นแหละครับ ตอนแรกอาจจะดูเข้าใจยาก แต่พอมาใช้ในการคำนวน<ผ่านคอมพิวเตอร์> ก็ทำให้เราสามารถเข้าใจอะไรได้รวดเร็วขึ้น เราสามารถคำนวนข้อมูลได้เป็น ล้านคำ ในหนึ่งวินาที
แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ใช้ประเด็นครับ ประเด็นคือ ในตอนนี้อเมริกา ได้คิดค้นภาษาใหม่ขึ้นมาอีก นั้นก็คือ ภาษาพันธุกรรม ซึ่งมีตัว หลักอยู่แค่
A C G D < ผมจำได้ว่ามี4ตัวหลักอะครับ แต่ไม่แน่ใจว่า 4ตัวนี้หรือเปล่า> ซึ่ง แต่ละตัวประกอบไปด้วยโมเลกุล ของมันเองซึ่งตายตัว <ต้องไปเปิดหนังสือดูนะครับ จะให้เขียนสูตรโมเลกุลตรงนี้คงมั่วน่าดู>
และเอาเจ้า 4 ตัวนี้มาเรียงกันไปเรื่อยๆ สลับไปสลับมา เราก็จะได้พันธุกรรม สัตว์ต่างๆ รวมถึงคนด้วยครับ ซึ่ง สัตว์บางประเภทอาจจะใช้ 5หมื่นตัวเรียงกัน แต่มนุษย์ใช้ 20กว่าล้านๆตัวเรียงกันครับ<ไม่แน่ใจว่าเยอะอย่างนั้นหรือเปล่า> ซึ่งถ้าเปลี่ยนแค่ตัวนึง ใน20กว่าล้านๆตัวนี้ ก็อาจทำให้คนผมดำกลายเป็นคนผมขาวไปได้เลย
และตอนนี้ในอเมริกา ก็แข่งกันจดลิขสิทธิ์เจ้ารูปแบบพันธุกรรมกันน่าดูเลยครับ จากตอนแรก มีไม่กี่พันแบบ จนเป็นพันล้านรูปแบบ อาจจะมากขึ้นไปเรื่อยๆ
สรุปได้ก็ประมาณนี้แหละครับ อาจจะมั่วไปหน่อยก็ขอโทษนะครับ พอดีอ่านนานแล้ว ก็ลืมๆ ผิดๆไปบ้างครับ
...แล้วผมว่าอเมริกานำเราไปเยอะมากเลยครับ จนเรียกได้ว่า ยิ่งนานวัน ยิ่งห่าง ๆๆขึ้นไปเรื่อยๆ
ที่เรามีรถยนตร์ใช้ มีรถไฟฟ้า มีเครื่องบินนั่ง ก็เพราะว่าเขาเอาความคิดมาขายเรานะครับ ถ้าเขาไม่เอามาขาย ปล่อยให้เรานั่งคิดเอง ทุกวันนี้เราอาจคิดว่าโลกแบนอยู่เลยก็ได้ครับ <เว่อร์เล็กน้อย ให้รู้สึกว่าล้าหลังจริงๆ>
ปล.ความคิดเห็นส่วนตัวเล็กๆน้อยๆครับ อย่าคิดมาก
พอสมควรนะครับ
หนังสือพูดถึงวิวัฒนาการ ที่จะเป็นไปในอนาคต <ออกแนวเว่อร์ไปนิด>
แต่ก็อิงกับความเป็นจริงมากทีเดียว
---เนื้อเรื่องส่วนหนึ่ง พูดประมาณว่า สมัยก่อนเราสื่อสาร กันด้วยสัญลักษณ์ใช่ไหมครับ ดูทีแรกเข้าใจง่ายมากๆ เช่นรูปนก ก็เข้าใจได้เลยว่าต้องพูดถึงนกละ แต่นกทำอะไรละ นี้แหละที่สื่อเข้าไปไม่ถึง
ทำให้เราต้องมีพัฒนาการมาเป็นตัว อักษร ซึ่งมองทีแรก ก็ไม่เข้าใจหรอก เช่น ตัว A อย่างเนี้ย ก็ไม่รู้ว่าสื่อถึงตัวอะไร แต่พอเราได้ศึกษา ก็สามารถเข้าไปถึงรายละเอียดได้มากกว่า เช่น Ant ก็คือ มด
แค่นั้นยังไม่พอ พอนานเข้าไปคนเราก็เริ่มศึกษา ภาษาดิจิตัล เช่น00100110 งง ละซิครับว่าเขียนบ้าอะไร มีแต่ 0 กับ 1 นั่นแหละครับ ตอนแรกอาจจะดูเข้าใจยาก แต่พอมาใช้ในการคำนวน<ผ่านคอมพิวเตอร์> ก็ทำให้เราสามารถเข้าใจอะไรได้รวดเร็วขึ้น เราสามารถคำนวนข้อมูลได้เป็น ล้านคำ ในหนึ่งวินาที
แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ใช้ประเด็นครับ ประเด็นคือ ในตอนนี้อเมริกา ได้คิดค้นภาษาใหม่ขึ้นมาอีก นั้นก็คือ ภาษาพันธุกรรม ซึ่งมีตัว หลักอยู่แค่
A C G D < ผมจำได้ว่ามี4ตัวหลักอะครับ แต่ไม่แน่ใจว่า 4ตัวนี้หรือเปล่า> ซึ่ง แต่ละตัวประกอบไปด้วยโมเลกุล ของมันเองซึ่งตายตัว <ต้องไปเปิดหนังสือดูนะครับ จะให้เขียนสูตรโมเลกุลตรงนี้คงมั่วน่าดู>
และเอาเจ้า 4 ตัวนี้มาเรียงกันไปเรื่อยๆ สลับไปสลับมา เราก็จะได้พันธุกรรม สัตว์ต่างๆ รวมถึงคนด้วยครับ ซึ่ง สัตว์บางประเภทอาจจะใช้ 5หมื่นตัวเรียงกัน แต่มนุษย์ใช้ 20กว่าล้านๆตัวเรียงกันครับ<ไม่แน่ใจว่าเยอะอย่างนั้นหรือเปล่า> ซึ่งถ้าเปลี่ยนแค่ตัวนึง ใน20กว่าล้านๆตัวนี้ ก็อาจทำให้คนผมดำกลายเป็นคนผมขาวไปได้เลย
และตอนนี้ในอเมริกา ก็แข่งกันจดลิขสิทธิ์เจ้ารูปแบบพันธุกรรมกันน่าดูเลยครับ จากตอนแรก มีไม่กี่พันแบบ จนเป็นพันล้านรูปแบบ อาจจะมากขึ้นไปเรื่อยๆ
สรุปได้ก็ประมาณนี้แหละครับ อาจจะมั่วไปหน่อยก็ขอโทษนะครับ พอดีอ่านนานแล้ว ก็ลืมๆ ผิดๆไปบ้างครับ
...แล้วผมว่าอเมริกานำเราไปเยอะมากเลยครับ จนเรียกได้ว่า ยิ่งนานวัน ยิ่งห่าง ๆๆขึ้นไปเรื่อยๆ
ที่เรามีรถยนตร์ใช้ มีรถไฟฟ้า มีเครื่องบินนั่ง ก็เพราะว่าเขาเอาความคิดมาขายเรานะครับ ถ้าเขาไม่เอามาขาย ปล่อยให้เรานั่งคิดเอง ทุกวันนี้เราอาจคิดว่าโลกแบนอยู่เลยก็ได้ครับ <เว่อร์เล็กน้อย ให้รู้สึกว่าล้าหลังจริงๆ>
ปล.ความคิดเห็นส่วนตัวเล็กๆน้อยๆครับ อย่าคิดมาก
-
- Verified User
- โพสต์: 487
- ผู้ติดตาม: 0
อินโดนีเซียมาแรงจัง
โพสต์ที่ 9
ผมไม่เคยอ่านครับ เลยต้องอาศัยความเห็นคนอื่น (เอาเปรียบหน่อย)jaychou เขียน:เค้ามองประเทศที่ล้าหลังทางเทคโนโลยีไว้อย่างย่ำแย่เลยคับ แต่ไม่เห็นจะแย่ขนาดนั้น ส่วนประเทศเจริญๆก็ไม่เห็นจะเจริญไปไกลอย่างที่ว่าเหมือนกัน
ณ วันนี้ให้ไปอยู่อเมริกา คงไม่เอาคับ
คุณชิงเหวินอ่านแล้วคิดว่าไงคับ
ผมเลิกอ่านหนังสือเล่มๆแบบนี้มากี่สิบปีแล้วจำไม่ได้ เล่มสุดท้ายน่าจะเป็นพ่อรวยสอนลูกนะครับ
对不起,请问一下.
存货是什么意思 ?
存货是什么意思 ?