มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ
- ขงเบ้ง
- Verified User
- โพสต์: 399
- ผู้ติดตาม: 0
มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ
โพสต์ที่ 1
มาเดากันสนุกสนุกดีกว่าฟองสบู่ทองคำแตก ไม่แตก
ผมว่า แตก เหตุผลเพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าไม่แตก
ผมก็มั่วครับ ช่วยเพิ่มratingให้web site มีเรื่องคุยซานุก ซานุกครับ
สงสัยโดนย้ายแน่เลย ไม่รู้อญู่หมวดไหนเหมือนกัน งง อยู่หมวดการลงทุนอ่ะเปล่า แบ่งเงินไปซื้อทองเก็บไว้เหมือนกันครับ ซื้อตอน9000 บาทครับ ซื้อตามเซียนดร.สุวรรณครับ
ผมว่า แตก เหตุผลเพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าไม่แตก
ผมก็มั่วครับ ช่วยเพิ่มratingให้web site มีเรื่องคุยซานุก ซานุกครับ
สงสัยโดนย้ายแน่เลย ไม่รู้อญู่หมวดไหนเหมือนกัน งง อยู่หมวดการลงทุนอ่ะเปล่า แบ่งเงินไปซื้อทองเก็บไว้เหมือนกันครับ ซื้อตอน9000 บาทครับ ซื้อตามเซียนดร.สุวรรณครับ
ไม่มีกลยุทธ์ใดตายตัวขึ้นอยู่กับสภาวะการณ์
เวลารุกคิดให้นานแต่เวลาถอยต้องเร็วไร้เงา
อิสรภาพทางการเงินเป็นแค่การเริ่มต้น
ปลายทาง คือ ความหลุดพ้น
ชีวิต คือ ความว่างเปล่า
ไม่มีใครหนีพ้นความตาย
แม้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1ของโลก
เวลารุกคิดให้นานแต่เวลาถอยต้องเร็วไร้เงา
อิสรภาพทางการเงินเป็นแค่การเริ่มต้น
ปลายทาง คือ ความหลุดพ้น
ชีวิต คือ ความว่างเปล่า
ไม่มีใครหนีพ้นความตาย
แม้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1ของโลก
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ
โพสต์ที่ 4
ผมมายกมือครับ มีอยู่ครับ นี่ว่าจะเอาเพิ่มนิดหน่อย :D
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- ขงเบ้ง
- Verified User
- โพสต์: 399
- ผู้ติดตาม: 0
มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ
โพสต์ที่ 5
ผมว่าปันผลที่ได้ คือ เอาไว้ขอสาวแต่งงานครับ :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
ไม่มีกลยุทธ์ใดตายตัวขึ้นอยู่กับสภาวะการณ์
เวลารุกคิดให้นานแต่เวลาถอยต้องเร็วไร้เงา
อิสรภาพทางการเงินเป็นแค่การเริ่มต้น
ปลายทาง คือ ความหลุดพ้น
ชีวิต คือ ความว่างเปล่า
ไม่มีใครหนีพ้นความตาย
แม้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1ของโลก
เวลารุกคิดให้นานแต่เวลาถอยต้องเร็วไร้เงา
อิสรภาพทางการเงินเป็นแค่การเริ่มต้น
ปลายทาง คือ ความหลุดพ้น
ชีวิต คือ ความว่างเปล่า
ไม่มีใครหนีพ้นความตาย
แม้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1ของโลก
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ
โพสต์ที่ 9
ซื้อทองแท่งครับ ที่ 9,150
ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมารู้สึกอยากซื้อเพิ่ม
แต่ไม่ซื้อ เพราะกลัวติดดอย
ไปๆมาๆ เสียดายจัง ตอนมันอยู่ 10,000 นานๆ ไม่รู้จักซื้อ
ว่าแต่ดูเทคนิกแล้วเหมือนจะยังซื้อได้อยู่นะครับ
แต่สงสัยถ้าซื้อแล้วต้องติดตามรายวันเลย วันละ 2 ครั้ง เช้า-เที่ยง
เพราะไม่รู้จะลงเมื่อไร 555
ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมารู้สึกอยากซื้อเพิ่ม
แต่ไม่ซื้อ เพราะกลัวติดดอย
ไปๆมาๆ เสียดายจัง ตอนมันอยู่ 10,000 นานๆ ไม่รู้จักซื้อ
ว่าแต่ดูเทคนิกแล้วเหมือนจะยังซื้อได้อยู่นะครับ
แต่สงสัยถ้าซื้อแล้วต้องติดตามรายวันเลย วันละ 2 ครั้ง เช้า-เที่ยง
เพราะไม่รู้จะลงเมื่อไร 555
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
คัดมาให้อ่านคับ วันนี้คง13000บาทเพราะค่าเงินบาทอ่อนค่า
โพสต์ที่ 12
"แมลงเม่า"ในตลาดทองคำ
« เมื่อ: วันนี้ เวลา 03:13:12 »
--------------------------------------------------------------------------------
"ราคาทองคำ" ยังคงดีกรีความร้อนแรงเอาไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย แม้ว่า Fundamentals เคยนำเสนอเรื่องทองคำไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ด้วยความฮอตฮิตติดลมบนของทองคำ ทำให้ต้องหยิบเรื่องนี้มารีวิวกันอีกครั้ง เพื่อตอกย้ำความแรง
ในปี 2548 ทั้งปีราคาทองคำปรับตัวขึ้นมา 18.30% แต่ผ่านปี 2549 ไปเพียง 4 เดือน ราคาทองคำปรับขึ้นมาแล้ว 26.51% เรียกว่า แรงข้ามปีเลยทีเดียว จนมีกระแสคาดการณ์ว่าผลตอบแทนจากทองคำในปี 2549 นี้ไม่น่าจะน้อยกว่าปี 2548 อย่างแน่นอน
บนแนวโน้มขาขึ้นของราคาทองคำ แม้จะเต็มไปด้วยความผันผวน แต่ราคาที่หวือหวาทำให้นักลงทุนหลายคน กระโจนเข้าไปเล่นทองคำกันมากขึ้น มีทั้งพวกที่มากประสบการณ์บ้าง ขาดประสบการณ์บ้าง ปรากฏการณ์"แมลงเม่า"ในตลาดทองคำจึงเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
สัปดาห์นี้ มาดูเรื่องราวความร้อนแรงของราคาทองคำกันอีกครั้ง และถ้าไม่อยากเป็นแมลงเม่าในตลาดทองคำ ต้องทำอย่างไรบ้าง Fundamentals มีคำตอบมานำเสนอ
.......................
"ทองคำ" โลหะมีค่าที่นักลงทุนเชื่อว่ามี "ราคา" และมี "คุณค่า" ในตัวเอง ซึ่งกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้งในฐานะที่เป็นอีกหนึ่งช่องทางของการออมและการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ตลาดมีความผันผวนมีความไม่แน่นอน หรือสภาพเศรษฐกิจมีความไม่ชัดเจน อัตราเงินเฟ้อและราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเช่นในปัจจุบัน เพราะทองคำเองจัดเป็นสินทรัพย์ที่สามารถต่อสู้กับเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี
"โดยปกติแล้วราคาทองคำจะปรับขึ้นเฉลี่ย 8-10% ต่อปี เพราะราคาทองมีมูลค่าเพิ่มขึ้นโดยปกติมากกว่าการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้ออยู่แล้ว แต่ในปี2548 ราคาทองโลกบวกขึ้นมาแล้ว 18.30% จากระดับ 437.20 ดอลลาร์สหรัฐ/เอานซ์ เมื่อสิ้นปี 47 เพิ่มขึ้นเป็น 517.20 ดอลลาร์สหรัฐ/เอานซ์ เมื่อสิ้นปี48 และยังคงทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านเข้าปี2549 ได้เพียง 4 เดือน(สิ้นสุด 28 เม.ย.)ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวขึ้นมาเป็น 654.30 ดอลลาร์สหรัฐ/เอานซ์ หรือเพิ่มขึ้น 26.51% สูงกว่าผลตอบแทนของทองคำตลอดทั้งปี 2548 เสียอีก"
การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมานั้น เป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้นักลงทุนบางส่วนหันเข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้น เพราะตัวเลขของผลตอบแทนที่ดึงดูดใจนั่นเอง จนทำให้เกิดปรากฏการณ์แปลกใหม่ขึ้นในตลาดทองคำบ้านเรา นั่นก็คือ การเข้าไป "ติดดอย" ในตลาดทองคำ ซึ่งดูเหมือนจะคล้ายกับการติดดอยในตลาดหุ้น เมื่อกลุ่มนักลงทุนแมลงเม่าที่ชื่นชอบการเก็งกำไร กระโดดเข้าไปลงทุนในหุ้นในช่วงที่ราคาขึ้นไปสูงแล้วนั่นเอง เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลง จึงทำให้นักลงทุนเหล่านี้เกิดอาการติดดอยเข้าให้
"ปรากฏการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นในตลาดทองคำเช่นเดียวกัน เมื่อมีกลุ่มนักลงทุนบางคนกระโดดเข้ามาเก็งกำไรในทองคำช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นมามากแล้วนั่นเอง เช่น ลงทุนซื้อทองคำแท่งที่ราคาบาทละ 11,350 บาท ในขณะที่ราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นมานั้นก็ยังไม่ไปไหนเลย จึงเริ่มมีปรากฏการณ์ แมลงเม่าในตลาดทองคำขึ้น"
ถ้าไม่อยากจะเป็นแมลงเม่าในตลาดทองคำลองมาฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในวงการทองคำกันดู
@กระจายการลงทุนและลงทุนระยะยาว โดย "โชติกา สวนานนท์" กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย แนะว่า สำหรับผู้ที่ติดดอยในตลาดทองคำอยู่ตอนนี้ ให้ถือลงทุนระยะยาวไปเลย และต้องยาวจริงๆ ในระดับ 1 ปีขึ้นไป เชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ในระดับหนึ่งทีเดียว แต่ถ้าจะคิดเข้ามาเล่นเก็งกำไรในตลาดทองคำแล้วไม่ควรทำ เพราะอาจจะได้ไม่คุ้มเสีย เพราะว่าถูกค่าคอมมิชชั่นกินหมด
นอกจากนี้ ตลาดทองคำเป็นการเคลื่อนไหวในระดับโลก ไม่เหมือนกับเล่นหุ้นที่เป็นระดับประเทศเท่านั้น คุณเก็งกำไรในตลาดหุ้น คุณยังพอคาดเดาตลาดได้บ้างว่าจะเป็นอย่างไร แต่ตลาดทองคำคุณคาดเดาตลาดไม่ได้เลย ตรงนี้จึงเป็นความเสี่ยงมากหากคิดจะเข้ามาเก็งกำไรในตลาดทอง
"แต่จุดดีของตลาดทอง คือเป็นตลาดที่มีความลึกมาก ราคาจึงผันผวนไม่มากนัก ในระดับหนึ่งเท่านั้นเอง เพราะผู้คนสามารถที่จะคิดต่างกันได้ แต่หากคุณจะเข้ามาเก็งกำไรก็มีโอกาสเจ็บตัวได้เช่นกัน การลงทุนในทองคำควรจะแบ่งเงินมาลงทุน และเป็นการลงทุนระยะยาวในระดับ 1 ปีขึ้นไปถึงจะไม่เจ็บตัวจากการเข้ามาลงทุน"
@ทำการบ้านก่อนเข้ามาลงทุน เช่นเดียวกับ "น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ" ประธานกรรมการ ห้างทองแม่ทองสุก เยาวราช ในฐานะรองเลขาธิการสมาคมค้าทองคำ แนะว่า ถ้าไม่อยากเป็นแมลงเม่าในตลาดทองคำก็อย่าหลับหูหลับตาเข้ามาเก็งกำไรในตลาดทองคำ แต่ควรจะศึกษาหาข้อมูลก่อนที่จะเข้ามาลงทุน มีเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงที่เพียงพอ การลงทุนก็จะไม่น่ากลัว เพราะคนที่เข้ามาลงทุนก็ล้วนปรารถนาผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากด้วยกันทั้งนั้น
"จริงๆ แล้วการลงทุนในทองคำควรจะลงทุนในระยะปานกลางถึงยาว แต่หากคุณชื่นชอบการเก็งกำไร ก็ต้องศึกษาดู ไม่ใช่หลับหู หลับตาเล่น เพราะจะทำให้มีความเสี่ยงและอาจจะเจ็บตัวได้เช่นกัน"
ส่วนใครที่ "ติดดอย" ในตลาดทองคำอาจจะสบายใจขึ้น เพราะราคาทองคำนั้นยังคงอยู่ในแนวขาขึ้นเพียงแต่มีความผันผวนมากขึ้นเท่านั้นเอง ลองมาฟังผู้รู้ในแวดวงทองคำมองความเคลื่อนไหวของราคาทองคำกันดูดีกว่า
@มั่นใจผลตอบแทนของทองคำปี 2549 ดีกว่าปี 2548 เกี่ยวกับเรื่องนี้น.พ.กฤชรัตน์ มองว่า การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำนี้ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด เพราะเป็นการปรับขึ้นโดยมีปัจจัยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง และยังมีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ ในทิศทางเดียวกันกับโลหะมีค่าอื่นๆ เช่น เงิน และทองแดง เป็นต้น การที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมามากในช่วงที่ผ่านมานั้น ก็เนื่องมาจาก 3 ปัจจัยด้วยกัน คือ
1)ความไม่สงบในอิหร่าน เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาน้ำมันและราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
2)ทั่วโลกเริ่มไม่มั่นใจในเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างรุนแรงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ ทั่วโลก ส่วนหนึ่งก็มาจากปัญหาการขาดดุลการค้าที่ต่อเนื่องของสหรัฐอเมริกาเอง ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
"นอกจากนี้ ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ เปลี่ยนมาถือครองทองคำมากขึ้นแทนการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือเงินยูโร ทำให้มีความต้องการมหาศาลเข้ามาในทองคำจนราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้เพราะว่าซัพพลายของทองคำเองมีจำกัดและไม่เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นมาก"
3)ภาวะทางเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้บรรดากองทุนต่างๆ เข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้นซึ่งก็มีทั้งพวกที่เข้ามาลงทุนจริงและเข้ามาเก็งกำไรในตลาดทองคำ
"จากปัจจัยสนับสนุนดังกล่าว ทำให้เชื่อว่าราคาทองคำในปี2549 นี้จะปรับตัวสูงขึ้นกว่าในปี2548 โดยบรรดานักวิเคราะห์มองว่าราคาทองคำมีโอกาสแตะ 800 ดอลลาร์สหรัฐ/เอานซ์ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข 2 อย่าง คือ 1)สถานการณ์อิหร่านยังไม่สงบ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าน่าจะเป็นเกมที่ยืดเยื้อ และ2)สหรัฐยังแก้ปัญหาเศรษฐกิจของตัวเองไม่ได้ เพราะปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเองนั้นคงไม่สามารถแก้ไขให้คลี่คลายไปได้โดยง่าย นั่นย่อมจะเป็นปัจจัยที่กดดันทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อไป และจะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำในระยะยาวไม่มากก็น้อย"
@คาดราคาทองคำทะยานตามราคาน้ำมัน ทั้งนี้หากพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างกราฟราคาน้ำมันและราคาทองคำในตลาดโลก จะเห็นว่าราคาของทองคำและน้ำมันนั้นมีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจน ในปี2548 ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น 40.48% จากระดับ 43.45 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ณ สิ้นปี 2547 เพิ่มขึ้นเป็น 61.04 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เมื่อสิ้นปี2548 ในขณะเดียวกันราคาทองคำเองก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 18.30%
"ผ่าน 4 เดือนแรกปี 2549 ไปแล้ว ราคาน้ำมันและราคาทองคำในตลาดโลกดูจะไม่ได้ลดดีกรีความร้อนแรงลงแม้แต่น้อย โดยราคาน้ำมันขยับขึ้นแตะระดับ 71.88 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 17.76% จากสิ้นปี2548 ในขณะเดียวกันราคาทองคำก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 26.51% แซงหน้าอัตราการเพิ่มของราคาน้ำมันโลกไปเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามหากนับตั้งแต่สิ้นปี2547 จนถึงปัจจุบัน(28 เม.ย.) ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้ว 65.43% ในขณะที่ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 49.66% ซึ่งแสดงว่าราคาทองคำยังมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้นได้อีกพอสมควร"
โดยน.พ.กฤชรัตน์ เชื่อว่าราคาทองคำยังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นได้อีกในทิศทางเดียวกันกับราคาน้ำมัน เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ต่อสู้กับเงินเฟ้อได้ดี เมื่อราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นย่อมส่งผลกระทบมาถึงเงินเฟ้อของโลกให้สูงขึ้นตามไปด้วย นั่นย่อมจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกันต่อเนื่องไป
@เงินบาทแข็งค่ากดดันราคาทองคำในประเทศ เนื่องจากราคาทองคำในประเทศถูกกำหนดจาก 2 ปัจจัย คือ 1)ราคาทองคำโลก และ2)ค่าเงินบาท ในปี2548 นั้นราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นมา 18.30% และค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทาง "อ่อนค่า" ลง 5.26% จากระดับ 38.97 บาท/ดอลลาร์สหรัฐเมื่อสิ้นปี2547 เป็น 41.02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อสิ้นปี2548 ดังนั้นเมื่อแปลงราคาทองคำโลกออกมาในรูปเงินบาทจึงส่งผลให้ราคาทองคำแท่งในประเทศปี2548 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 22.56% จากบาทละ 8,200 บาท เป็นบาทละ 10,050 บาท สูงกว่าการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำโลก
แต่ผ่านไป 4 เดือนแรกของปี 2549 (สิ้นสุดวันที่ 28 เม.ย.) ราคาทองคำโลกปรับขึ้นมาแล้ว 26.51% แต่ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางที่ "แข็งค่า" ขึ้น 8.53% กดดันทิศทางการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในประเทศให้เพิ่มขึ้นมาสู่บาทละ 11,400 บาท เพิ่มขึ้นเพียง 13.43% เท่านั้น ต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำโลก ทั้งนี้ หากราคาทองคำในประเทศเพิ่มขึ้นในสัดส่วนเดียวกันแล้ว ราคาทองคำในประเทศจะขยับขึ้นมาอยู่ในระดับ 12,714.26 บาท เลยทีเดียว
"อัตราแลกเปลี่ยนโดยปกติจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับบวกลบ 2-5% ซึ่งเมื่อนำมาแปลงเป็นราคาทองในประเทศก็ยังถือว่าปกติ แต่การที่เงินบาทผันผวนมากในระดับนี้โดยแข็งขึ้นมาถึง 8.53% นั้น จึงไม่เป็นผลดีต่อราคาทองคำเมื่อแปลงกลับมาอยู่ในรูปเงินบาทเท่าไรนัก อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำในประเทศเองก็ยังเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับทองคำโลกอยู่นั่นเอง" โชติกาให้ความเห็น
ในขณะที่น.พ.กฤชรัตน์ บอกว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากในช่วง 4 เดือนแรกปี 2549 นี้ เพราะหากเงินบาทไม่แข็งค่าระดับนี้และเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับปี 2548 ราคาทองคำในประเทศอาจจะทะลุระดับบาทละ 14,000 บาท ไปเรียบร้อยแล้วก็ได้ ดังนั้น ผู้ที่ลงทุนในทองคำแท่งในประเทศไว้ หากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงผลตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้น เพราะหากมองจากค่าเงินบาทในปัจจุบันโอกาสที่เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นไปกว่านี้แม้จะมีอยู่ แต่ก็มีไม่มากนัก เพราะฉะนั้นราคาทองคำก็คงจะไม่ต่างไปจากระดับปัจจุบันมากนัก แต่ทั้งนี้ก็คงต้องดูเงินหยวนด้วย เพราะหากเงินหยวนแข็งค่าขึ้น เงินบาทก็อาจจะแข็งค่าขึ้นไปได้อีกเช่นเดียวกัน
"อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำแท่งในประเทศเองก็ยังจะขยับขึ้นไปได้ตามราคาทองคำโลก และน่าจะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีกว่าในปี 2548 ด้วยเช่นเดียวกัน"
@ราคาทองคำมีความผันผวนมากกว่าในอดีต โดยโชติกา บอกว่า ในอดีตผู้เล่นหลักในตลาดทองคำจะเป็นผู้ที่มีความต้องการใช้ทองคำจริงๆ เช่นผู้ค้าทองคำ เป็นต้น แต่ในปัจจุบันผู้เล่นในตลาดทองคำมีมากขึ้น เช่น เฮดจ์ ฟันด์ ,กองทุนรวม หรือผู้ลงทุนเองที่มีการกระจายการลงทุนมาในทองคำมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าผู้เล่นแต่ละกลุ่มก็อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกันนั่นก็คือ ทองคำยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น แต่การลงทุนบางครั้งก็ต้องมีการขายทำกำไรสลับออกมาบ้าง ซึ่งผู้เล่นแต่ละกลุ่มอาจจะมีการ Take Profit ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป จึงทำให้ราคาทองคำมีความผันผวนมากขึ้นต่างจากในอดีต
@ราคาทองคำในประเทศจะยิ่งผันผวนเมื่อมีผู้เล่นมากขึ้น ปัจจุบันพบว่ามีนักลงทุนเข้ามาลงทุนในทองคำแท่งมากขึ้น ทั้งนี้โชติกามองว่า หากผู้เล่นในตลาดทองคำในประเทศมีความหลากหลายมากขึ้น จะส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศมีความผันผวนมากขึ้นได้เช่นเดียวกัน แต่การลงทุนในทองคำแท่งในประเทศยังค่อนข้างมีข้อจำกัดในเรื่องของสภาพคล่องและความสะดวกในการซื้อขาย เพราะคุณซื้อทองแท่งจากร้านไหนก็ต้องไปขายคืนจากร้านเดิม ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดในการลงทุน แล้วในอนาคตถ้ามีผู้ลงทุนมากขึ้น การเตรียมสภาพคล่องของร้านทองเองจะมีเพียงพอหรือไม่ เพราะปัจจุบันผู้ซื้อทองส่วนใหญ่จะซื้อไปเพื่อเป็นเครื่องประดับ ร้านทองสามารถจะรู้ว่าปริมาณซื้อขายทองคำแต่ละวันอยู่ระดับไหน ช่วงไหนที่จะมีการนำทองมาขายคืนร้านมาก เช่น ช่วงเปิดเทอม หรือเทศกาล เป็นต้น
"แต่ในอนาคตหากมีผู้เล่นมากขึ้น มีผู้เข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้น ร้านทองเองได้เตรียมสภาพคล่องที่จะรองรับในส่วนนี้เพียงพอหรือไม่ เพราะหากมีผู้ลงทุนเข้ามาไถ่ถอนทองคำพร้อมกันมากๆ ตรงนี้ร้านทองนั้นมีความพร้อมและมีสภาพคล่องเพียงพอหรือไม่ ตรงนี้คือสิ่งที่จะต้องคิดถึงหากมีผู้เข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้น ส่วนตัวเชื่อว่าการลงทุนผ่านกองทุนทองคำนั้นมีความสะดวกสบายสำหรับผู้ลงทุน เพราะสามารถที่จะทำการซื้อขายได้หลายช่องทาง และมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะรองรับการลงทุนของผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี"
ใครที่ไม่อยากจะเป็นแมลงเม่าในตลาดทองคำคงต้องทำการบ้าน จัดสรรเงินลงทุน และเน้นลงทุนระยะยาวเป็นหลักน่าจะช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อย
By From krungthep Business""""""
« เมื่อ: วันนี้ เวลา 03:13:12 »
--------------------------------------------------------------------------------
"ราคาทองคำ" ยังคงดีกรีความร้อนแรงเอาไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย แม้ว่า Fundamentals เคยนำเสนอเรื่องทองคำไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ด้วยความฮอตฮิตติดลมบนของทองคำ ทำให้ต้องหยิบเรื่องนี้มารีวิวกันอีกครั้ง เพื่อตอกย้ำความแรง
ในปี 2548 ทั้งปีราคาทองคำปรับตัวขึ้นมา 18.30% แต่ผ่านปี 2549 ไปเพียง 4 เดือน ราคาทองคำปรับขึ้นมาแล้ว 26.51% เรียกว่า แรงข้ามปีเลยทีเดียว จนมีกระแสคาดการณ์ว่าผลตอบแทนจากทองคำในปี 2549 นี้ไม่น่าจะน้อยกว่าปี 2548 อย่างแน่นอน
บนแนวโน้มขาขึ้นของราคาทองคำ แม้จะเต็มไปด้วยความผันผวน แต่ราคาที่หวือหวาทำให้นักลงทุนหลายคน กระโจนเข้าไปเล่นทองคำกันมากขึ้น มีทั้งพวกที่มากประสบการณ์บ้าง ขาดประสบการณ์บ้าง ปรากฏการณ์"แมลงเม่า"ในตลาดทองคำจึงเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
สัปดาห์นี้ มาดูเรื่องราวความร้อนแรงของราคาทองคำกันอีกครั้ง และถ้าไม่อยากเป็นแมลงเม่าในตลาดทองคำ ต้องทำอย่างไรบ้าง Fundamentals มีคำตอบมานำเสนอ
.......................
"ทองคำ" โลหะมีค่าที่นักลงทุนเชื่อว่ามี "ราคา" และมี "คุณค่า" ในตัวเอง ซึ่งกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้งในฐานะที่เป็นอีกหนึ่งช่องทางของการออมและการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ตลาดมีความผันผวนมีความไม่แน่นอน หรือสภาพเศรษฐกิจมีความไม่ชัดเจน อัตราเงินเฟ้อและราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเช่นในปัจจุบัน เพราะทองคำเองจัดเป็นสินทรัพย์ที่สามารถต่อสู้กับเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี
"โดยปกติแล้วราคาทองคำจะปรับขึ้นเฉลี่ย 8-10% ต่อปี เพราะราคาทองมีมูลค่าเพิ่มขึ้นโดยปกติมากกว่าการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้ออยู่แล้ว แต่ในปี2548 ราคาทองโลกบวกขึ้นมาแล้ว 18.30% จากระดับ 437.20 ดอลลาร์สหรัฐ/เอานซ์ เมื่อสิ้นปี 47 เพิ่มขึ้นเป็น 517.20 ดอลลาร์สหรัฐ/เอานซ์ เมื่อสิ้นปี48 และยังคงทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านเข้าปี2549 ได้เพียง 4 เดือน(สิ้นสุด 28 เม.ย.)ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวขึ้นมาเป็น 654.30 ดอลลาร์สหรัฐ/เอานซ์ หรือเพิ่มขึ้น 26.51% สูงกว่าผลตอบแทนของทองคำตลอดทั้งปี 2548 เสียอีก"
การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมานั้น เป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้นักลงทุนบางส่วนหันเข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้น เพราะตัวเลขของผลตอบแทนที่ดึงดูดใจนั่นเอง จนทำให้เกิดปรากฏการณ์แปลกใหม่ขึ้นในตลาดทองคำบ้านเรา นั่นก็คือ การเข้าไป "ติดดอย" ในตลาดทองคำ ซึ่งดูเหมือนจะคล้ายกับการติดดอยในตลาดหุ้น เมื่อกลุ่มนักลงทุนแมลงเม่าที่ชื่นชอบการเก็งกำไร กระโดดเข้าไปลงทุนในหุ้นในช่วงที่ราคาขึ้นไปสูงแล้วนั่นเอง เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลง จึงทำให้นักลงทุนเหล่านี้เกิดอาการติดดอยเข้าให้
"ปรากฏการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นในตลาดทองคำเช่นเดียวกัน เมื่อมีกลุ่มนักลงทุนบางคนกระโดดเข้ามาเก็งกำไรในทองคำช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นมามากแล้วนั่นเอง เช่น ลงทุนซื้อทองคำแท่งที่ราคาบาทละ 11,350 บาท ในขณะที่ราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นมานั้นก็ยังไม่ไปไหนเลย จึงเริ่มมีปรากฏการณ์ แมลงเม่าในตลาดทองคำขึ้น"
ถ้าไม่อยากจะเป็นแมลงเม่าในตลาดทองคำลองมาฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในวงการทองคำกันดู
@กระจายการลงทุนและลงทุนระยะยาว โดย "โชติกา สวนานนท์" กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย แนะว่า สำหรับผู้ที่ติดดอยในตลาดทองคำอยู่ตอนนี้ ให้ถือลงทุนระยะยาวไปเลย และต้องยาวจริงๆ ในระดับ 1 ปีขึ้นไป เชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ในระดับหนึ่งทีเดียว แต่ถ้าจะคิดเข้ามาเล่นเก็งกำไรในตลาดทองคำแล้วไม่ควรทำ เพราะอาจจะได้ไม่คุ้มเสีย เพราะว่าถูกค่าคอมมิชชั่นกินหมด
นอกจากนี้ ตลาดทองคำเป็นการเคลื่อนไหวในระดับโลก ไม่เหมือนกับเล่นหุ้นที่เป็นระดับประเทศเท่านั้น คุณเก็งกำไรในตลาดหุ้น คุณยังพอคาดเดาตลาดได้บ้างว่าจะเป็นอย่างไร แต่ตลาดทองคำคุณคาดเดาตลาดไม่ได้เลย ตรงนี้จึงเป็นความเสี่ยงมากหากคิดจะเข้ามาเก็งกำไรในตลาดทอง
"แต่จุดดีของตลาดทอง คือเป็นตลาดที่มีความลึกมาก ราคาจึงผันผวนไม่มากนัก ในระดับหนึ่งเท่านั้นเอง เพราะผู้คนสามารถที่จะคิดต่างกันได้ แต่หากคุณจะเข้ามาเก็งกำไรก็มีโอกาสเจ็บตัวได้เช่นกัน การลงทุนในทองคำควรจะแบ่งเงินมาลงทุน และเป็นการลงทุนระยะยาวในระดับ 1 ปีขึ้นไปถึงจะไม่เจ็บตัวจากการเข้ามาลงทุน"
@ทำการบ้านก่อนเข้ามาลงทุน เช่นเดียวกับ "น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ" ประธานกรรมการ ห้างทองแม่ทองสุก เยาวราช ในฐานะรองเลขาธิการสมาคมค้าทองคำ แนะว่า ถ้าไม่อยากเป็นแมลงเม่าในตลาดทองคำก็อย่าหลับหูหลับตาเข้ามาเก็งกำไรในตลาดทองคำ แต่ควรจะศึกษาหาข้อมูลก่อนที่จะเข้ามาลงทุน มีเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงที่เพียงพอ การลงทุนก็จะไม่น่ากลัว เพราะคนที่เข้ามาลงทุนก็ล้วนปรารถนาผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากด้วยกันทั้งนั้น
"จริงๆ แล้วการลงทุนในทองคำควรจะลงทุนในระยะปานกลางถึงยาว แต่หากคุณชื่นชอบการเก็งกำไร ก็ต้องศึกษาดู ไม่ใช่หลับหู หลับตาเล่น เพราะจะทำให้มีความเสี่ยงและอาจจะเจ็บตัวได้เช่นกัน"
ส่วนใครที่ "ติดดอย" ในตลาดทองคำอาจจะสบายใจขึ้น เพราะราคาทองคำนั้นยังคงอยู่ในแนวขาขึ้นเพียงแต่มีความผันผวนมากขึ้นเท่านั้นเอง ลองมาฟังผู้รู้ในแวดวงทองคำมองความเคลื่อนไหวของราคาทองคำกันดูดีกว่า
@มั่นใจผลตอบแทนของทองคำปี 2549 ดีกว่าปี 2548 เกี่ยวกับเรื่องนี้น.พ.กฤชรัตน์ มองว่า การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำนี้ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด เพราะเป็นการปรับขึ้นโดยมีปัจจัยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง และยังมีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ ในทิศทางเดียวกันกับโลหะมีค่าอื่นๆ เช่น เงิน และทองแดง เป็นต้น การที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมามากในช่วงที่ผ่านมานั้น ก็เนื่องมาจาก 3 ปัจจัยด้วยกัน คือ
1)ความไม่สงบในอิหร่าน เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาน้ำมันและราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
2)ทั่วโลกเริ่มไม่มั่นใจในเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างรุนแรงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ ทั่วโลก ส่วนหนึ่งก็มาจากปัญหาการขาดดุลการค้าที่ต่อเนื่องของสหรัฐอเมริกาเอง ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
"นอกจากนี้ ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ เปลี่ยนมาถือครองทองคำมากขึ้นแทนการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือเงินยูโร ทำให้มีความต้องการมหาศาลเข้ามาในทองคำจนราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้เพราะว่าซัพพลายของทองคำเองมีจำกัดและไม่เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นมาก"
3)ภาวะทางเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้บรรดากองทุนต่างๆ เข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้นซึ่งก็มีทั้งพวกที่เข้ามาลงทุนจริงและเข้ามาเก็งกำไรในตลาดทองคำ
"จากปัจจัยสนับสนุนดังกล่าว ทำให้เชื่อว่าราคาทองคำในปี2549 นี้จะปรับตัวสูงขึ้นกว่าในปี2548 โดยบรรดานักวิเคราะห์มองว่าราคาทองคำมีโอกาสแตะ 800 ดอลลาร์สหรัฐ/เอานซ์ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข 2 อย่าง คือ 1)สถานการณ์อิหร่านยังไม่สงบ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าน่าจะเป็นเกมที่ยืดเยื้อ และ2)สหรัฐยังแก้ปัญหาเศรษฐกิจของตัวเองไม่ได้ เพราะปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเองนั้นคงไม่สามารถแก้ไขให้คลี่คลายไปได้โดยง่าย นั่นย่อมจะเป็นปัจจัยที่กดดันทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อไป และจะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำในระยะยาวไม่มากก็น้อย"
@คาดราคาทองคำทะยานตามราคาน้ำมัน ทั้งนี้หากพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างกราฟราคาน้ำมันและราคาทองคำในตลาดโลก จะเห็นว่าราคาของทองคำและน้ำมันนั้นมีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจน ในปี2548 ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น 40.48% จากระดับ 43.45 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ณ สิ้นปี 2547 เพิ่มขึ้นเป็น 61.04 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เมื่อสิ้นปี2548 ในขณะเดียวกันราคาทองคำเองก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 18.30%
"ผ่าน 4 เดือนแรกปี 2549 ไปแล้ว ราคาน้ำมันและราคาทองคำในตลาดโลกดูจะไม่ได้ลดดีกรีความร้อนแรงลงแม้แต่น้อย โดยราคาน้ำมันขยับขึ้นแตะระดับ 71.88 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 17.76% จากสิ้นปี2548 ในขณะเดียวกันราคาทองคำก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 26.51% แซงหน้าอัตราการเพิ่มของราคาน้ำมันโลกไปเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามหากนับตั้งแต่สิ้นปี2547 จนถึงปัจจุบัน(28 เม.ย.) ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้ว 65.43% ในขณะที่ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 49.66% ซึ่งแสดงว่าราคาทองคำยังมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้นได้อีกพอสมควร"
โดยน.พ.กฤชรัตน์ เชื่อว่าราคาทองคำยังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นได้อีกในทิศทางเดียวกันกับราคาน้ำมัน เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ต่อสู้กับเงินเฟ้อได้ดี เมื่อราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นย่อมส่งผลกระทบมาถึงเงินเฟ้อของโลกให้สูงขึ้นตามไปด้วย นั่นย่อมจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกันต่อเนื่องไป
@เงินบาทแข็งค่ากดดันราคาทองคำในประเทศ เนื่องจากราคาทองคำในประเทศถูกกำหนดจาก 2 ปัจจัย คือ 1)ราคาทองคำโลก และ2)ค่าเงินบาท ในปี2548 นั้นราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นมา 18.30% และค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทาง "อ่อนค่า" ลง 5.26% จากระดับ 38.97 บาท/ดอลลาร์สหรัฐเมื่อสิ้นปี2547 เป็น 41.02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อสิ้นปี2548 ดังนั้นเมื่อแปลงราคาทองคำโลกออกมาในรูปเงินบาทจึงส่งผลให้ราคาทองคำแท่งในประเทศปี2548 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 22.56% จากบาทละ 8,200 บาท เป็นบาทละ 10,050 บาท สูงกว่าการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำโลก
แต่ผ่านไป 4 เดือนแรกของปี 2549 (สิ้นสุดวันที่ 28 เม.ย.) ราคาทองคำโลกปรับขึ้นมาแล้ว 26.51% แต่ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางที่ "แข็งค่า" ขึ้น 8.53% กดดันทิศทางการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในประเทศให้เพิ่มขึ้นมาสู่บาทละ 11,400 บาท เพิ่มขึ้นเพียง 13.43% เท่านั้น ต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำโลก ทั้งนี้ หากราคาทองคำในประเทศเพิ่มขึ้นในสัดส่วนเดียวกันแล้ว ราคาทองคำในประเทศจะขยับขึ้นมาอยู่ในระดับ 12,714.26 บาท เลยทีเดียว
"อัตราแลกเปลี่ยนโดยปกติจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับบวกลบ 2-5% ซึ่งเมื่อนำมาแปลงเป็นราคาทองในประเทศก็ยังถือว่าปกติ แต่การที่เงินบาทผันผวนมากในระดับนี้โดยแข็งขึ้นมาถึง 8.53% นั้น จึงไม่เป็นผลดีต่อราคาทองคำเมื่อแปลงกลับมาอยู่ในรูปเงินบาทเท่าไรนัก อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำในประเทศเองก็ยังเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับทองคำโลกอยู่นั่นเอง" โชติกาให้ความเห็น
ในขณะที่น.พ.กฤชรัตน์ บอกว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากในช่วง 4 เดือนแรกปี 2549 นี้ เพราะหากเงินบาทไม่แข็งค่าระดับนี้และเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับปี 2548 ราคาทองคำในประเทศอาจจะทะลุระดับบาทละ 14,000 บาท ไปเรียบร้อยแล้วก็ได้ ดังนั้น ผู้ที่ลงทุนในทองคำแท่งในประเทศไว้ หากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงผลตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้น เพราะหากมองจากค่าเงินบาทในปัจจุบันโอกาสที่เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นไปกว่านี้แม้จะมีอยู่ แต่ก็มีไม่มากนัก เพราะฉะนั้นราคาทองคำก็คงจะไม่ต่างไปจากระดับปัจจุบันมากนัก แต่ทั้งนี้ก็คงต้องดูเงินหยวนด้วย เพราะหากเงินหยวนแข็งค่าขึ้น เงินบาทก็อาจจะแข็งค่าขึ้นไปได้อีกเช่นเดียวกัน
"อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำแท่งในประเทศเองก็ยังจะขยับขึ้นไปได้ตามราคาทองคำโลก และน่าจะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีกว่าในปี 2548 ด้วยเช่นเดียวกัน"
@ราคาทองคำมีความผันผวนมากกว่าในอดีต โดยโชติกา บอกว่า ในอดีตผู้เล่นหลักในตลาดทองคำจะเป็นผู้ที่มีความต้องการใช้ทองคำจริงๆ เช่นผู้ค้าทองคำ เป็นต้น แต่ในปัจจุบันผู้เล่นในตลาดทองคำมีมากขึ้น เช่น เฮดจ์ ฟันด์ ,กองทุนรวม หรือผู้ลงทุนเองที่มีการกระจายการลงทุนมาในทองคำมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าผู้เล่นแต่ละกลุ่มก็อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกันนั่นก็คือ ทองคำยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น แต่การลงทุนบางครั้งก็ต้องมีการขายทำกำไรสลับออกมาบ้าง ซึ่งผู้เล่นแต่ละกลุ่มอาจจะมีการ Take Profit ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป จึงทำให้ราคาทองคำมีความผันผวนมากขึ้นต่างจากในอดีต
@ราคาทองคำในประเทศจะยิ่งผันผวนเมื่อมีผู้เล่นมากขึ้น ปัจจุบันพบว่ามีนักลงทุนเข้ามาลงทุนในทองคำแท่งมากขึ้น ทั้งนี้โชติกามองว่า หากผู้เล่นในตลาดทองคำในประเทศมีความหลากหลายมากขึ้น จะส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศมีความผันผวนมากขึ้นได้เช่นเดียวกัน แต่การลงทุนในทองคำแท่งในประเทศยังค่อนข้างมีข้อจำกัดในเรื่องของสภาพคล่องและความสะดวกในการซื้อขาย เพราะคุณซื้อทองแท่งจากร้านไหนก็ต้องไปขายคืนจากร้านเดิม ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดในการลงทุน แล้วในอนาคตถ้ามีผู้ลงทุนมากขึ้น การเตรียมสภาพคล่องของร้านทองเองจะมีเพียงพอหรือไม่ เพราะปัจจุบันผู้ซื้อทองส่วนใหญ่จะซื้อไปเพื่อเป็นเครื่องประดับ ร้านทองสามารถจะรู้ว่าปริมาณซื้อขายทองคำแต่ละวันอยู่ระดับไหน ช่วงไหนที่จะมีการนำทองมาขายคืนร้านมาก เช่น ช่วงเปิดเทอม หรือเทศกาล เป็นต้น
"แต่ในอนาคตหากมีผู้เล่นมากขึ้น มีผู้เข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้น ร้านทองเองได้เตรียมสภาพคล่องที่จะรองรับในส่วนนี้เพียงพอหรือไม่ เพราะหากมีผู้ลงทุนเข้ามาไถ่ถอนทองคำพร้อมกันมากๆ ตรงนี้ร้านทองนั้นมีความพร้อมและมีสภาพคล่องเพียงพอหรือไม่ ตรงนี้คือสิ่งที่จะต้องคิดถึงหากมีผู้เข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้น ส่วนตัวเชื่อว่าการลงทุนผ่านกองทุนทองคำนั้นมีความสะดวกสบายสำหรับผู้ลงทุน เพราะสามารถที่จะทำการซื้อขายได้หลายช่องทาง และมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะรองรับการลงทุนของผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี"
ใครที่ไม่อยากจะเป็นแมลงเม่าในตลาดทองคำคงต้องทำการบ้าน จัดสรรเงินลงทุน และเน้นลงทุนระยะยาวเป็นหลักน่าจะช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อย
By From krungthep Business""""""
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ
โพสต์ที่ 13
ดูราคาวันนี้
ใครซื้อไว้ที่ 13000-12000 คงเริ่มหนาวๆครับ
ผมก็เกือบไปแล้วเหมือนกัน
รออยู่ๆๆๆๆ จะจริงหรือหลอก
ใครซื้อไว้ที่ 13000-12000 คงเริ่มหนาวๆครับ
ผมก็เกือบไปแล้วเหมือนกัน
รออยู่ๆๆๆๆ จะจริงหรือหลอก
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- Verified User
- โพสต์: 511
- ผู้ติดตาม: 0
มีใครซื้อทองเก็บไว้กันมั่งครับ
โพสต์ที่ 14
โอม จงลงๆๆ
VI ฝึกหัด
-
- Verified User
- โพสต์: 777
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คัดมาให้อ่านคับ วันนี้คง13000บาทเพราะค่าเงินบาทอ่อนค่า
โพสต์ที่ 15
hot เขียน:ราคาจะปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ ในทิศทางเดียวกันกับโลหะมีค่า
อื่นๆ เช่น เงิน และทองแดง เป็นต้น การที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมามากใน
ช่วงที่ผ่านมานั้น ก็เนื่องมาจาก 3 ปัจจัยด้วยกัน คือ
1)ความไม่สงบในอิหร่าน เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาน้ำมันและราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
2)ทั่วโลกเริ่มไม่มั่นใจในเงินดอลลาร์สหรัฐ
.
.
3)ภาวะทางเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อโลก
.
.
@คาดราคาทองคำทะยานตามราคาน้ำมัน
.
.
.
@เงินบาทแข็งค่ากดดันราคาทองคำในประเทศ
.
.
ผมว่า...ถ้าจบปัญหาอิหร่านได้ ราคาน้ำมันที่ผันผวน กับ ราคาทองคงจะปรับ
ระดับความร้อนแรงลงมามากขึ้นนะครับ!!!

คำถามคือว่า...เมื่อไหร่!...เมื่อไหร่!...ประธานาธิบดีบุชถึงจะแก้ปัญหานี้ได้ซะที?
