"สมคิด" ยืนยันเศรษฐกิจยังมั่นคง ไม่ยึดตัวเลข GDP เ

[สุมาอี้]

"สมคิด" ยืนยันเศรษฐกิจยังมั่นคง ไม่ยึดตัวเลข GDP เน้นเสถียรภาพ

โดย กระแสหุ้น


รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยอมรับวิกฤตพลังงานจะเห็นผลชัดตั้งแต่ไตรมาส 2 ไม่เน้นกระตุ้น GDP โตแต่จะดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และราคาน้ำมัน เป็นหลัก

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง และความผันผวนจากค่าเงินบาทขณะนี้ ว่า ปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบไปทั่วโลก ซึ่งในส่วนของไทย หลายกลุ่มอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบบ้าง แต่ขณะนี้ทุกหน่วยงานกำลังหาแนวทางช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนต่างๆ แต่โดยภาพรวมยังเชื่อว่าน่าจะกลับมาดีขึ้นได้ในเร็วๆนี้ แม้ว่า ปัญหาดังกล่าวจะทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงไปบ้าง แต่เชื่อว่าเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองนิ่ง น่าจะทำให้ความเชื่อมั่นจากต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้นในอนาคต


"เชื่อว่าหากเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและมั่นคงก็ลดผลกระทบไปได้มาก ซึ่งการดูแลในเรื่องของค่าครองชีพในช่วงภาวะราคาน้ำมันแพงเช่นนี้ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในติดตามดูแลราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคอย่างใกล้ชิด หากรายการสินค้าไหนได้รับผลกระทบมากก็จะอนุมัติให้ปรับราคาได้ แต่หากสินค้าไหนยังเห็นว่ากระทบไม่มากก็จะมีการตรึงราคาต่อไปก่อน" นายสมคิด กล่าว


รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ยอมรับว่า แม้ในไตรมาสแรกปีนี้ตัวเลขเศรษฐกิจไทยออกมาค่อนข้างดี เนื่องจากการส่งออกขยายตัว 17% การท่องเที่ยวฟื้นตัว ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) คาดว่าจะออกมาดี แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างปัญหาพลังงานที่ส่อเค้าวิกฤตรุนแรง โดยขณะนี้ราคาน้ำมันสูงกว่า 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และการเมืองที่ยังไม่เรียบร้อย ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องเชื่อมั่นและอดทน รวมทั้งจะต้องฝ่าฟันไปด้วยกัน โดยผลกระทบดังกล่าวจะมีตั้งแต่ไตรมาส 2 ไปถึงครึ่งปีหลัง "ในช่วงที่เหลือนับว่าเป็นห่วงที่ต้องเร่งทุกทางให้ดีที่สุด ทั้งเรื่องการรณรงค์ลดการใช้น้ำมัน การส่งออก เป็นต้น สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือความไม่มั่นใจทางการเมืองและไม่เชื่อมั่นของผู้บริโภค จะต้องช่วยกันดูแล เพราะจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของประชาชนน้อยลง" นายสมคิด กล่าว


นายสมคิด ยังได้กล่าวแสดงทรรศนะ ว่า ภาครัฐจะต้องดูแลการใช้จ่ายงบประมาณควบคู่กันไปและจะจัดลำดับความสำคัญของโครงการลงทุน โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ (เมกะโปรเจกต์) ไม่ใช่เลื่อนการลงทุนทั้งหมด โครงการอะไรสำคัญก่อนต้องทำก่อน โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสำคัญ เนื่องจากภาษีที่รัฐบาลจัดเก็บจะได้จะน้อยลง ขณะเดียวกันซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงบประมาณจะดูแลเรื่องรายจ่ายให้เหมาะสม และในสถานการณ์ปัจจุบัน "รัฐบาลคงจะไม่พูดถึงการเติบโตของ GDP ดีว่าจะเป็นเท่าใด แต่จะดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และราคาน้ำมัน เป็นหลัก" นายสมคิด กล่าว

ดีใจจริงๆ ครับ ที่วันนี้ได้ยินคำนี้ ยังไม่ถือว่าสายเกินไปครับ