บริษัทประกันภัย

[CEO]

ในทุกวันนี้เท่าที่ดูในตลาดหุ้น ก็กลุ่มประกันนี่แหละครับที่ยังล้าหลังเขาอยู่

จากเดิมที่ผมไม่เคยได้สัมผัสเลย ก็บังเอิญว่ามีเรื่องเคลมประกัน จากการติดต่อ ทำให้ผมทราบว่าการทำงานนั้นห่วยสุด ๆ

ถ้าไม่มีการปรับปรุงขนานใหญ่แล้วรับรองได้ว่ามีหลายบริศัทต้องล้มหายตายจากไป ก็พวกที่อยู่ในตลาดนี่แหละครับ ไม่ใช่บริษัทเล็กๆนอกตลดแต่อย่างใด

ลองคิดดู ผมเสียเงินค่าประกันรถไปในแต่ละคันที่ซื้อมามากกว่าค่าน้ำมันที่ผมใช้เติมรถเสียอีก ผมมาคิดดูแล้วมันไม่คุ้มกัน

เลยครับกับการทำประกันภัยรถยนต์ แต่ผมคิดว่าทุกๆคนก็ทำ

แล้วหลายๆคนก็บ่นว่าโดนเอาเปรียบ
แต่ต่อไปนี้ผมเชื่อว่าจะไม่มีใครยอมให้เอาเปรียบอีกต่อไป จะเป็นเสือนอนกิน เอาเงินไปทำประโยชน์ง่ายๆหำม่ได้อีกต่อไป

แล้วครับ แม้ว่าดอกเบี้ยจะขึ้น บริษัทสามารถเอาเงินไปหารายได้เพิ่มขึ้นก็ตามครับ

เสือตัวนี้จะนอนกินแบบเดิมไม่ได้ จะต้องออกล่า และมีผู้แข็งแรงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่จะอยู่รอด หรือว่าหาเหยื่อกินได้อิ่ม

ใครทีถือหุ้นประกันอยู่หรือทำงานในแวดวงนี้อยู่ ผมก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ

เพราะว่าชาวบ้านเขาไปไกลกันแล้ว

[ปรัชญา]

พัฒนาการ  จะเป็นไปด้วยความระมัดระวัง  เซฟต้นทุน

เลยทำให้บริการช้า  ไม่ทันใจครับ


ที่จริงหากรถประกันทั้ง2คัน
ก็น่าจะจบลง  ไม่ยาก

มีเอกสารให้เซ็นต์กัน

แลกเปลี่ยนไว้

และถ้ารถประกันภัยทั้งคู่  
เห็นบริษัทเขามีข้อตกลง  ต่างบริษัทก็ซ่อมให้ลูกค้าตัวเอง


มีประสพการณ์ก็เล่ามาให้อ่านไว้ประดับความรู้ก็ดีครับ

[Doraemon]

ผมเองเพิ่งจะมาสนใจหุ้นกลุ่มประกันภัย เพราะเห็นว่าสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่อง แม้ในสภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ยังมีกำไร และราคาหุ้นหลายๆ ตัวยังค่อนข้างถูก

เรื่องที่คุณ CEO ว่ามาผมก็เป็นห่วงเหมือนกันครับ เพราะมีแนวโน้มว่าต่างชาติจะเข้ามาแข่งขันมากขึ้นตามลำดับ ได้แต่หวังว่าหุ้นประกันไทยๆ ที่มีอยู่ในพอร์ตจะเร่งปรับตัวพัฒนาบริการ การบริหาร

นอกจากเรื่องการบริหารจัดการ การบริการ รวมทั้งสภาพคล่องต่ำแล้ว เพื่อนๆ คนไหนมองเห็นข้อเสียอื่นๆ ของหุ้นกลุ่มประกันอีกช่วยเข้ามาแชร์กันหน่อยสิครับ

[miracle]

ในแง่ลูกค้าไม่ชอบให้ชนกันและแลกใบเครมเท่าไร
เนื่องจากฝ่ายที่ผิดต้องเสียค่าเบี้ยประกันเพิ่ม
(ปีหนึ่งได้ประมาณ3ครั้ง ถ้าหนักๆๆก็ครั้งเดียว)
จากที่ได้อัตราที่ลดลงแล้ว กลับไปเต็มขั้นเลย

บริษัทชอบที่จะซ่อมในอู่ของตัวเองหรืออู่กลาง เป็นอีกประเด็นหนึ่ง
เพราะเคยมีปัญหาซ่อมอู่ของบริษัทประกันภัยแล้วต้องซ่อมแล้วซ่อมอีก

ดูกันดีๆๆครับกลุ่มนี้ ประกันภัยดูยากกว่าประกันชีวิต

[CEO]

แผนแม่บทธุรกิจประกันสมคิดจวกไม่เกื้อหนุนศก.

เงินลงทุนมหาศาล แต่ไม่คืนประโยชน์ ติงธุรกิจต้องโปร่งใส

โพสต์ทูเดย์ สมคิด สับวงการประกันเละ ไร้น้ำยาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ จวกแผนแม่บทฯ เลื่อนลอย สวยหรูแต่ไม่พัฒนา
http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=98121


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แสดงความเห็นในระหว่างการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง การจัดทำกรอบแผนแม่บทการพัฒนาประกันภัย ร่วมกับผู้บริหารกรมการประกันภัยและภาคธุรกิจ ว่า แผนแม่บทการพัฒนาการประกันภัยยังขาดความชัดเจนด้านหลักการและความสำเร็จ

ต้องกล้าระบุเป้าหมายที่วัดผลได้และตีโจทย์ ให้แตก ไม่ใช่เป็นเพียงแผนแม่บทราคาคุย ลอยไปลอยมา ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้แผนจะออกมาสวยหรู แต่ธุรกิจจะไม่พัฒนา ธุรกิจประกันและประกันชีวิต ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า จะคืนประโยชน์หรือช่วยเศรษฐกิจในด้านใดบ้าง เพื่อแลกเปลี่ยนที่จะให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ นายสมคิด กล่าว

นอกจากนี้ นายสมคิด ยังระบุว่า ภาคธุรกิจประกันภัยมีพลังที่ใหญ่มาก แต่มีบทบาทในการช่วยภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยมาก

ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2548 ธุรกิจประกันชีวิตมีสินทรัพย์ลงทุน 578,160 ล้านบาท ธุรกิจประกันวินาศภัย มีสินทรัพย์ลงทุน 85,663 ล้านบาท

นายสมคิด กล่าวว่า ต้องทำให้แผนการดำรง เงินกองทุนตามประเภทและขนาดความเสี่ยง (Risk-Based Capital : RBC) ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อยกระดับความสามารถด้านการแข่งขันและมาตรฐานของธุรกิจประกันภัยให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล ซึ่งประเทศอื่นๆ นำมาใช้นานแล้ว

บริษัทประกันภัยต้องบริหารงานแบบมีธรรมาภิบาล ไม่นำเงินเพิ่มทุนไปใช้ผิดประเภท หรือเพิ่มทุนแล้วเงินหายไป ซึ่งภาครัฐจะต้องเข้าไปดำเนินการอย่างจริงจังกับบริษัทที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ เพื่อทำให้ธุรกิจประกันภัยพัฒนาแบบก้าวกระโดด โดยอย่างน้อยต้องเติบโตเทียบเท่ามาเลเซีย

อย่างไรก็ตาม ภาครัฐพร้อมสนับสนุนในเรื่อง ที่เอกชนจะเข้ามาช่วยด้านการประกันภัยพืชผล เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร รวมทั้งการมีส่วนร่วม ในการทำประกันสินเชื่อทางการค้า

ส่วนข้อเสนอที่ขอให้ลดหย่อนภาษีสำหรับลูก ที่ซื้อประกันชีวิตและประกันสุขภาพให้พ่อแม่นั้น จะต้องศึกษารายละเอียดก่อน แต่ยอมรับว่าการสนับสนุนด้วยมาตรการทางภาษีนั้นคงเป็นเรื่องยากในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งานสัมมนาดังกล่าว นับเป็นครั้งแรกที่นายสมคิดเข้าร่วมประชุมกับภาคธุรกิจประกันภัย นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพาณิชย์

[CEO]

รอให้รองสมคิดออกมาจี้แบบนี้ น่าเป็นห่วงจริงๆครับ

[CEO]

โพสต์ทูเดย์ ธุรกิจประกัน เร่งพัฒนา หลักสูตรการอบรม ยกระดับความเป็นมืออาชีพ สู้ต่างชาติ
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... e&id=98970

นายสุรชัย ศิริวัลลภ อุปนายกสมาคมประกันวินาศภัย กล่าวว่า ขณะนี้สมาคมฯ กำลังศึกษาหลักสูตรที่จะนำมาพัฒนาบุคลากร ให้ได้มาตรฐานสากล เพื่อแข่งขันกับบริษัทข้ามชาติที่จะเข้ามาอย่างเต็มที่ในยุคการเปิดเสรีทางการค้า ซึ่งจะนำระบบจากประเทศอังกฤษเข้ามาพัฒนาใช้กับไทย เนื่องจากระบบการประกันภัยของไทยเป็นระบบอังกฤษ หลักสูตรเบื้องต้นแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ความรู้ระดับกลาง และระดับสูง

ปัจจุบันบุคลากรในวงการประกันภัยมีทั้งหมด 23,000 คน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 3 หมื่นคน ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยจะต้องมีผู้จบหลักสูตรระดับสูงไม่ต่ำกว่า 3,500 คน และระดับกลางไม่ต่ำกว่า 7,500 คน

หากบุคลากรไม่มีประสิทธิภาพ แม้จะมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง ก็ไม่สามารถแข่งขันได้ นายสุรชัย กล่าว
นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ กรรมการบริหาร สมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า สมาคมฯ จะ ร่วมมือกับสถานศึกษาเป็นศูนย์กลางจัดติวเตรียมตัวสอบหลักสูตรต่างๆ เช่น หลักสูตร LOMA ที่พัฒนาร่วมกันจากบริษัทประกันภัย ประกันชีวิต สถาบันการเงิน ที่เป็นสมาชิกสมาคม LOMA กว่า 1,200 แห่ง ใน 80 ประเทศ นอกจากนี้ จะร่วมมือกับสถาน

ศึกษาจัด ทำหลักสูตรการพัฒนาบุคลากรในแต่ละระดับ โดยแบ่งเป็นระดับเริ่มต้นและระดับอาวุโส และแบ่งแยกความชำนาญแต่ละด้าน เช่น หลักสูตรพัฒนานักคณิตศาสตร์ประกันภัย นักกฎหมายประกันภัย นักบัญชีประกันภัย นักสินไหม ผู้พิจารณารับประกัน

สมาคมฯ จะจัดทำหลักสูตรการอบรมสำหรับการสัมมนา การบรรยายวิชาการ ซึ่งจะอิงกับของทางประเทศญี่ปุ่น นายสุทธิ กล่าว

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ภาคธุรกิจควรจะมีแผน ในการสร้างบุคลากรที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม

เช่น นักคณิตศาสตร์ประกันภัย ซึ่งมีน้อย เพราะเรียนยากมาก จะต้องร่วมกับสถาบัน การศึกษาเพื่อส่งเสริมคนกลุ่มนี้ออกมาโดยเฉพาะ ซึ่งการลงทุนในทรัพยากรบุคคล จะได้รับผลตอบแทนกลับมาสูงกว่าดอกเบี้ยที่ได้จากแบงก์อีก