ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
honighonig
Verified User
โพสต์: 22
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

จากการติดตามอ่านกระทู้มานาน รู้สึกว่าพี่ๆในนี้จะจบวิศวะกันเป็นส่วนใหญ่ พอดีตอนนี้มีน้องชายที่กำลังจะเอนทรานซ์ในอีกปีสองปีนี้น่ะค่ะ ก็เลยอยากสอบถามความเห็นพี่ๆหน่อยว่า วิศวะแต่ละสาขาเนี่ยจบออกมาแล้วทำงานแตกต่างกันอย่างไรคะ แล้วในส่วนตัวจากที่พี่ๆได้เรียนจบออกมาและทำงานกันแล้ว คิดว่าสาขาอะไรน่าเรียนในตอนนี้หรือว่าสาขาอะไรที่น่าจะเป็นที่ต้องการหรือกำลังขาดแคลนคะ คือว่าที่บ้านไม่มีใครเรียนวิศวะเลย ก็เลยต้องขอนอกเรื่องเพื่ออนาคตของน้องหน่อยค่ะ หวังว่าคงไม่โกรธเคืองกันที่มาถามนอกเรื่องนะคะ ขอบคุณมากๆล่วงหน้าเลยค่ะสำหรับความก กรุณาของพี่ๆทุกคน :oops: :oops: :oops: :oops: :oops:
VIB007
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 2035
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ผมว่าเรียน Industrial Engineer แล้วต่อ MBA Workสุดๆ เพราะจะมีพื้นฐานบริหารโรงงานอยู่แล้ว เรียนต่อ MBA เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

พี่Chatchai ก็ IE + MBA ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
tk
Verified User
โพสต์: 343
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ผมว่าสายไหนก็เหมือนกัน แต่เน้นเขาให้ทำรีเสริชมากๆ ความรู้ที่เรียนจะได้ใช้ก็ตอนนี้แหละ ดีกว่าเอาแค่เรียนให้จบๆไปครับ
เด็กคอม
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

Computer Engineer ก้อดีนะครับ เพราะว่างาน It ไม่มีวันตายนะ มีแต่ (อะไร ก้อไม่รู้) ใหม่ๆๆ มาให้ศึกษา อยู่เรื่อยๆๆ เลย
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ทำไมต้องเป็นวิศวะด้วยละครับ

ถามน้องคุณก่อนไม่ดีหรือครับว่าอยากทำงานอะไร ลักษณะไหน

ผมว่าทำงานอาชีพไหน สาขาไหน ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จเหมือนกันทั้งนั้นละครับ แต่ที่สำคัญกว่าคือตื่นเช้าขึ้นมาแล้วแต่งตัวไปทำงานอย่างมีความสุข มีความกระตือรือร้น มีความมุ่งมั่น ดีกว่าที่จะต้องทนทำงานอย่างเซ็งๆไปตลอดชีวิตครับ
THiNK
Verified User
โพสต์: 107
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

วิศวะเองมีหลายสาขา เช่น ไฟฟ้า คอม ก่อสร้าง เครื่องกล โรงงาน ... ออกมาทำงานต่างๆกันไป ... เป็นช่างไฟ ช่างคอม ช่างยนต์ ...
แต่วิศวะไม่ได้สอนแบบนักเรียนช่างนะครับที่เน้นลงมือทำ
แต่เรียนเชิงวิเคราะห์ ออกแบบ และจัดการ มากกว่า
(โดนว่าเรื่อยตอนเรียน ว่าเรียนแล้ว ซ่อมอะไรไม่เป็นสักอย่าง เฮ้อ!)
ที่ออกมาแล้วไม่ได้ทำงานทางวิศวะเลยก็มีไม่น้อย (หรือมากน่ะ)

ุถ้าน้องชายอยากเรียนวิศวะ แสดงว่ามีข้อมูลบางส่วนอยู่แล้ว
ลองคุยกับน้องดูครับว่าเขาสนใจในด้านไหนของวิศวะ
ให้เขาค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม เช่นอ.แนะแนว หรือถามต่อในนี้
ส่วนงานในอนาคต อีกหกปีข้างหน้า คงคาดเดาได้ลำบาก
ที่คุณฉัตรชัยว่าก็ถูก ถ้าไม่ชอบแล้วต้องเลือก ก็ลำบาก
เอาที่เขาชอบก่อน แล้วค่อยมาคัดอีกทีว่า อันไหนมีแววดี

ผมเองคิดว่าเรียนในโรงเรียนเป็นแค่เตรียมตัวเพื่อที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเองได้
ออกมาแล้ว ก็ต้องมาเรียนเพิ่มอีกมาก

ถ้ามีคำถามเฉพาะส่วน คงตอบได้มากกว่านี้ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Banchap
Verified User
โพสต์: 247
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ผมจบ EE แต่ทำงาน IE ครับ
อย่างที่คุณ Chatchai บอก ดูว่าน้องเขาชอบอะไรดีกว่า น่าจะทำให้เขามีความสุขมากกว่านะ ผมว่าจบอะไรก็ได้ ขอให้รู้จริงในสิ่งที่เรียน และสามารถขยายกรอบความคิดได้
thanwa
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1011
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

เห็นด้วยกะคุณ chatchai ครับ
ผมเองจบวิศวะ คอมพิวเตอร์ ตอนนี้งานที่ทำก็ไม่ค่อยตรงนัก
แถมตอนที่เรียนมา จำแต่คำสั่ง dos คนรุ่นใหม่มี window ใช้ง่ายกว่าเยอะ

ส่วนตัวแล้วคิดว่า เรียนทาง finance ก็น่าจะดีนะครับ
จะได้ฟ้งคุณวิบูลย์ กะ คุณมน แล้วก็ร้อง อ๋อ เลยไงครับ :wink:
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ผมว่าควรบรรจุ วิชาที่สำคัญที่สุดเลย คือวิชาเลือก ว่าชีวิตนี้ ฉันจะเลือกอาชีพอะไร ที่เหมาะกับศักยภาพ ในตัวเอง ที่มีมาตั้งแต่เด็กๆ

โดยต้องตัดความชอบส่วนตัวของผู้แนะนำทิ้งไป

เพราะเจอเสมอคนอยากเป็นวิศวะ ก็แนะนำให้เป็นวิศวะ

คนที่ไม่อยากเป็นวิศวะก็แนะนำว่า ไปเรียนอย่างอื่นก็ดีนะ

สิ่งที่สำคัญจริงๆ มีกรอบทางความคิดในระดับไหนกันแน่

เช่น

1. ดูที่ความสามารถเฉพาะตัวของเด็กคนนั้น เช่น เก่งด้านไหน คณิตศาสตร์ หรือศิลปศาสตร์
2. ดูที่ความชอบของเด็ก เขาอยากเป็นอะไร ทำไมถึงอยากแบบนั้น ตามเพื่อน หรือฝังใจเรื่องอะไร
3. ดูความจำเป็น เช่นเป็นลูกคนโต ต้องหาเงินเลี้ยงน้อง หรือเป็นลูกคนเล็ก หรือเป็นลูกคนเดียว
4. ดูอนาคตว่าลักษณะงานที่เลือกนั้น เหมาะกับอนาคตที่กำลังจะมามากน้อยแค่ไหน เช่น เลือกวิศวะโยธาเพราะบ้านบูม พอจบปั๊ป บ้านก็ไม่บูม วิศวะโยธาก็จบมาเยอะอีก โอเวอร์ซัพพลาย

อย่างไรก็ตาม ดูตามหลักพระพุทธเจ้าดีกว่า คือ ฉันทะ ครับ ให้เลือกในเรื่องที่เด็กคนนั้นเขาชอบ เมื่อเขาได้ทำในสิ่งที่เขาชอบ เขาจะฉายความเป็นอัจฉริยะ ของเขาออกมาเองครับ
honighonig
Verified User
โพสต์: 22
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่เข้ามาให้ความเห็นมากเลยนะคะ น้องชายเองรู้สึกว่าจะชอบคณิตศาสตร์อยู่พอสมควรนะคะ จะไม่ค่อยชอบพวกวิชาที่ต้องท่องจำมากๆ เขาก็เลยไม่เลือกที่จะเรียนพวกสายแพทย์อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ แล้วก็วันๆก็เห็นเอาแต่เล่นเกมส์หรือไม่ก็อ่านการ์ตูน เลยไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาชอบอะไร พอดีเขาบอกเองว่าจะเลือกเรียนวิศวะน่ะค่ะ จากที่บอกไว้ตอนต้นน่ะค่ะ คือไม่ค่อยทราบรายละเอียดว่าแต่ละสาขาจะเน้นเรียนอะไรเป็นหลักหรือจบมาแล้วทำอะไร ก็เลยอยากขอรายละเอียดจากพี่ๆในเวบนี้ล่ะค่ะ เพราะถ้าไม่รู้รายละเอียดของสาขาต่างๆก็ยากที่จะตัดสินใจเลือกอะไรให้ตรงกับที่น้องเขาชอบจริงๆค่ะ พอดีครูแนะแนวเขาแนะนำมาว่าให้เลือกวิศวะอุตสาหการ เพราะรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว กลับมาเยี่ยมโรงเรียนเขาบอกว่ารายได้ดี เห็นน้องบอกว่าจะเป็นแนวแบบเรียนหลายๆอย่างครอบคลุมกันไป ใจก็เลยกลัวว่าเรียนแบบนี้จะเหวี่ยงแหไปรึเปล่าคะ เดี๋ยวออกมาจะกลายเป็นเป็ดคือรู้หมดแต่รู้ไม่จริง แก้ปัญหาไม่ได้ ส่วนตัวรู้สึกว่าเรียนอะไรให้ลึกและเฉพาะเจาะจงไปเลยจะดีกว่าหรือเปล่า แล้วค่อยไปต่อ MBA ถ้าเข้าใจผิดไปก็ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ ขอบคุณจากใจจริงอีกครั้งสำหรับความกรุณาค่ะ
honighonig
Verified User
โพสต์: 22
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

พี่วิบูลย์คะ industrial engineer นี่ใช่วิศวะอุตสาหการหรือเปล่าคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
kotaro
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1495
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ปกติเขาเรียนกันตอนปี 2 ไม่ใช่เหรอครับ น้องผมก็เรียนวิศวะ เห็นตอนเลือกก็เลือกตอนปี 2

ถ้าชอบวิศวะ ก็ลองเรียนไปปี 1 ก่อน แล้วค่อนตัดสินใจว่าจะเรียนทางไหน จะเห็นภาพได้ดีขึ้นครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Banchap
Verified User
โพสต์: 247
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

คุณ honighonig ครับ การเลือกเรียนวิศวะ เพราะเป็นคนชอบคณิตศาสตร์นั้นยังไม่เพียงพอนะครับ
ผมขออธิบายในสาขาไฟฟ้าที่ผมจบมานะครับ
1. รักคณิตศาสตร์ เพราะวิชาไฟฟ้า ส่วนมากใช้สมการอธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ต้องเข้าใจถึงความเป็นมาของแต่ละสมการ ขอบเขตที่ใช้งานได้ (ตัวแปรบางตัวในสมการ บางครั้งมีผลน้อยมาก เราตัดทิ้งไปไม่นำมาคิด แต่บางสถานการณ์เจ้าตัวแปรนั้นกลับมามีผลมาก ต้องนำกลับมาคิดอีก ดังนั้นต้องเข้าใจขนาดนั้น)
2. จินตนาการเก่ง เพราะมันจับต้องไม่ได้ (ถ้าจับอาจตายได้) เพื่อนผมบางคนไม่มีความสุขเพราะเรื่องนี้
3. ต้องอึด เพราะจะมีตำราเยอะมากที่คุณต้องอ่าน เด็กสมัยนี้ที่เลือกเก่งคนเดียวแล้วไม่แบ่งปันคนอื่น จะเรียนไม่ไหวเพราะข้อนี้ แต่ถ้าจับกลุ่มช่วยกันเรียนได้ ก็ไม่ลำบากเท่าไหร่
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปฏวี
Verified User
โพสต์: 12
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

เลือกเรียนเลือกงานเลือกที่ชอบ ถ้าทำสิ่งที่ถูก ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ต้องสนกระแสสังคม เช่น ส่วนมากพอมีบ้านใหม่ต้องจัดงานขึ้นบ้านใหม่ประกาศฐานะ ถ้าเราเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์ก็ไม่ต้อง
VIB007
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 2035
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

Industrial Engineer คือ วิศวอุตสาหการครับ ถ้าสนใจวิศวต้องชอบวิชาฟิสิกส์และคำนวณครับ ส่วนชีวะไม่ได้ใช้ เคมีเรียนกันแค่ปีเดียว

ปีแรก จะเป็นวิชาวิดยา 80%

ตั้งแต่ปีสองไป จะเป็นวิชาวิศว เกือบทั้งหมด

วิศวอุตสาหการจะเรียนเกี่ยวกับการบริหารโรงงาน เรื่องของการบริหารคน การผลิต และ เศรษฐศาสตร์ บัญชีเล็กน้อย

อย่าไปคิดว่าจบมาแล้วจะมีเงินเยอะๆ จะเสียใจภายหลัง

ผมทำงานปีแรก เงินเดือน 9,000 บาทเองครับ

เลือกสิ่งที่ชอบแล้วมีความสุขกับมัน เงินจะตามมาเอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
MO101
Verified User
โพสต์: 3226
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 16

โพสต์

พี่ VIB007
ไม่ระบุ พศ แบบนี้แย่นะครับ
กะไม่ค่อยถูกเลย
ผมเดาว่าพี่คงจบปี 30 (ไม่รู้ถูกหรือเปล่า)

คิดอัตราเงินเฟ้อที่ 3 % เป็นระยะเวลา 17 ปี จะได้เงินเดือน
14442 บาทครับ

ข้อมูลปัจจุบัน รุ่นน้องผมพึงจบได้รับ ประมาณ 15000 ครับ
VIB007
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 2035
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 17

โพสต์

ผมจบมา 12 ปีครับ

ถ้าเงินเฝ้อ 3% ตอนนี้เท่ากับ 12,832
ถ้าเงินเฝ้อ 4% ตอนนี้เท่ากับ 14,409
ถ้าเงินเฝ้อ 5% ตอนนี้เท่ากับ 16,163
ถ้าเงินเฝ้อ 6% ตอนนี้เท่ากับ 18,110

ผมไม่รู้ค่าเงินเฝ้อจริงเลยเฉลี่ยทั้งสี่ค่า เท่ากับ 15,378 บาท
ใกล้เคียงกับเงินเดือนตอนนี้เลย

ยังไงก็ตาม ผมก็ยังสรุปเหมือนเดิม

"อย่าไปคิดว่าจบมาแล้วจะมีเงินเยอะๆ จะเสียใจภายหลัง

เลือกสิ่งที่ชอบแล้วมีความสุขกับมัน เงินจะตามมาเอง"
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mon money
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 3134
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 18

โพสต์

จากประสบการณ์ของผมแล้ว เด็กวัยนี้ยังสับสนกับอนาคตอยู่มาก หลายคนเห็นเพื่อนเรียนก็เอาตาม หลายคนเรียนเพราะชอบ หลายคนเรียนเอาใจพ่อแม่ สวนผมไม่เรียนไม่ได้ครับ เพราะผมเรียนช่างกลมาหากไม่เรียนวิศวฯต่อคงเรียนอย่างอื่นไม่ได้

แต่แล้วที่เรียนจบมาก็ใช้วิชาความรู้ด้านนี้แค่ 3 ปี เปรียบกับหมอแล้วยังใช้ทุนรัฐไม่ครบเลย ผมเบื่อการที่จะต้องจำเจอยู่ในโรงงาน ห้องออกแบบเขียนแบบ จริงๆผมชอบอิสระ พูดคุยกับผู้คน แลกเปลี่ยนความคิดกัน เลยหันไปทำงานขาย ทำมานานมากครับเป็นสิบปีจนได้เป็นผจก.ขาย แล้วก็ออกมาทำเอง ซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับความรู้ที่เรียนมาอยู่ดี ซึ่งตอนนี้จำอะไรไม่ได้แล้วครับ ลงหม้อฝังดินปลูกคอนโดทับอีกต่างหาก

เรื่องการศึกษาจริงๆเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเตรียมตัวเดินทางที่แสนไกล จะเริ่มเดินทางจริงๆเมื่อเริ่มทำงานแล้วนั่นแหละ จะพบเจออะไรที่มากระทบเราอีกมาก ซึ่งอาจทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลงไปตามนั้น ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้เรารับกับการเปลี่ยนแปลงได้ดีคืออย่าหยุดศึกษาหาความรู้อย่างไม่รู้จักจบสิ้น สิ่งที่ผมได้มาจากการเรียนช่างก็คือ ความอยากรู้อยากเห็น เมื่อรู้แล้วต้องทดลองทำ การคิดที่เป็นระบบและมีเหตุผลครับ นี่คือแก่นของการศึกษาจริงๆ
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 19

โพสต์

ชอบคณิตศาสตร์ก็ไม่จำเป็นต้องเรียนวิศวะนี่ครับ เรียน สถาปัต บัญชี การเงิน เศรษศาสตร์ก็ได้

บางทีเด็กที่เรียนมัธยมปลายก็ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในแต่ละอาชีพ เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ วันๆก็ใช้เวลากับการอ่านหนังสือเตรียมสอบ คณะที่เลือกก็ตามเพื่อนๆ ตามคะแนนที่คาดว่าจะทำได้ ตามค่านิยม เรียนเก่งก็ไม่จำเป็นต้องเป็น แพทย์ หรือวิศวะก็ได้ครับ

ผมว่าลองให้น้องได้สัมผัสกับอาชีพการทำงานอย่างจริงๆ ที่เค้าจะต้องประสบไปตลอดชีวิต อาทิตย์ละ 5 วัน แล้วให้เค้าตัดสินใจเลือกเอง จะดีมากเลยครับ

ถ้าเรียน IE งานที่หาง่ายก็เป็นวิศวกรโรงงาน ประจำโรงงาน หรือเป็น Sale ก็ได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Meeja
Verified User
โพสต์: 333
ผู้ติดตาม: 0

ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะพี่ๆ

โพสต์ที่ 20

โพสต์

บอกเท่าที่ประสบมาล่ะกันครับ
ผมเข้าเรียนรุ่นปี 40 จบ วศ. เครื่องกลครับ แต่เป็นภาคงาน Control
เข้าทำงานเป็นวศ. ส่วนซ่อมบำรุงครับ
...ไม่ได้ใช้อะไรที่เรียนแม้แต่นิดเดียว
ต้องเริ่มใหม่หมด เพราะอุปกรณ์ที่ใช้ในโรงงานไม่มีสอนครับ เรียนมาไม่ตรง Field
งานในโรงงานจะเป็นงานตาม Routine ครับ เปิด Manual ซ่อม อะไรเสียก็ซ่อมไป
ถ้าเป็นงาน Project ก็จะได้พอใช้ความรู้ที่เรียนบ้างเพราะต้อง Design
ความรู้ที่ได้รับอยู่ที่โรงงานที่เลือกครับ โรงงานไหนทำ ISO ก็ได้ความรู้ ISO ทำ TPM, TQM ก็ได้อันนั้น
ถ้าเลือกโรงงานเล็กๆ ก็คงได้ความรู้เรื่องการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

เรื่องเลขที่พอทราบระหว่างเรียนนะครับ
เนื่องจากเลขมีหลายสาขา เช่น เรขาคณิต พีชคณิต อัลกอริทึ่ม ฯลฯ
ต้องเข้าใจก่อนที่ว่าชอบ คือชอบอะไร
ไฟฟ้า...หินสุดๆ เป็นเลขแบบศาสตร์ชั้นสูงมากๆ ครับ ทั้งแก้สมการ หรือ Logic ต่างๆ
เครื่องกล...กลาง เลขเป็นสมการตายตัว เปิดตารางๆๆๆๆๆ (น่าเบื่อ)
โยธา...ไม่ทราบเลย แต่คงคล้ายเครื่องกลแบบยากกว่า
อุตสาหการ...เลขง่ายๆ ครับ แต่มักจะมีวิชาเครื่องกล ไฟฟ้า มาแอบให้เรียน
คอมพิวเตอร์...เลขแบบพวก Logic อัลกอริทึ่ม ตรรกศาสตร์ ถ้าชอบก็คงง่ายครับ
เคมี...บ่อฮู้
อื่นๆ...บ่อฮู้

เรื่องการเลือกภาควิชา อยู่ที่แต่ละมหาวิทยาลัยครับ
ถ้าเป็นจุฬา จะเลือกภายในหลังเรียน General จบปีหนึ่งแล้ว
ถ้าเป็นลาดกระบัง เลือกตั้งแต่ Ent เลย
ที่อื่นไม่รู้

ผมว่าเรื่องความต้องการในตลาดงานไม่ใช่เรื่องสำคัญครับ
อยากเรียนอะไรแล้วไปทำอย่างนั้นดีกว่า
ปัญหาคือ เด็กๆ ไม่รู้หรอกครับว่าอยากเรียนอะไร
ผมก็เคยเป็นอย่างนั้น และทุกวันนี้ก็รู้ตัวว่าเลือกผิด
ไว้แก้ใหม่ป. โท
แนะนำให้ไปฝึกงานแต่เนิ่นๆ เอาภาคบริการก่อน เข้าง่ายดี ดูว่าชอบงานบริการไหม
ไปเดินเล่นโรงงานซักเดือน ดูว่าชอบโรงงานไหม
จับทำบัญชี จับไปคุยกับหมอ ฯลฯ
ให้โอกาสเด็กได้เจอผุ้ที่จบแต่ละสาขาวิชามากๆ จะได้เปรียบครับ

และสุดท้ายพี่ Genie บอกว่า
เป็นคนบริหารพวกที่จบมาอยากเป็นนู่นเป็นนี่ดีกว่า
และเป็นเจ้าของคนบริหารเสียเลยดีกว่า
ล็อคหัวข้อ