ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 1
ทั้ง bigboat และ small boat ดูเหมือนว่าจะเงียบกันไปหมด
กำลังซื้อสะสมกันรึเปล่า
ช่วงนี้ BDI ที่ 2,600 กับ 2,800 ดูเหมือนจะเป็นจุดวัดใจ
ถ้าทะลุขึ้นไปก็น่าจะขึ้นแรง
ถ้าหลุดลงมาก็น่าจะลงยาว
ลุ้นกันเองนะครับ
แต่จากกราฟ RCL ยังลงไม่สุด คงจะมี low ใหม่ (ต่ำกว่า 20 ได้)
TTA ก็คงต่ำกว่า 20 เหมือนกัน
ส่วน PSL ดูกราฟแล้ว แข็งสุดครับ
กำลังซื้อสะสมกันรึเปล่า
ช่วงนี้ BDI ที่ 2,600 กับ 2,800 ดูเหมือนจะเป็นจุดวัดใจ
ถ้าทะลุขึ้นไปก็น่าจะขึ้นแรง
ถ้าหลุดลงมาก็น่าจะลงยาว
ลุ้นกันเองนะครับ
แต่จากกราฟ RCL ยังลงไม่สุด คงจะมี low ใหม่ (ต่ำกว่า 20 ได้)
TTA ก็คงต่ำกว่า 20 เหมือนกัน
ส่วน PSL ดูกราฟแล้ว แข็งสุดครับ
- เพื่อน
- Verified User
- โพสต์: 1826
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 2
TTA เพิ่งขายเรือออกไป2ลำเมื่อวันวานครับ มีเป้าหมายจะขายให้ครบ4ลำในปีนี้ ในขณะที่เรือเริ่มหมดอายุ เห็นธนชาติวิเคราะห์ว่ากำลังสั่งต่อเรือใหม่แทน แต่คงต้องใช้เวลาถึง3ปีแหนะครับ....ปกติเค้าซื้อเรือใหม่เหรอครับ PSLยังซื้อเรือมือ2เลย
ข้อมูลของPSLที่แจกเอกสารในวันOP Day ดูดีนะครับ สามารถดาว์โหลดได้ที่ http://www.set.or.th/th/education/activ ... es_p1.html
ดูแล้วน่าซื้อขึ้นเยอะเลยครับ... :lol: ถึงแนวโน้มกำไรไม่เท่าเมื่อก่อนแล้ว แต่ราคาดูจะUnderเกินไปอยู่เหมือนกัน
มีบริษัทฯอื่นๆให้ดาว์นโหลดด้วยนะครับผม ลองเข้าไปเลือกกันเองเลย
อ้อ PSL อยู่อันดับ5ของโลก ...TTA ก็ติดTop ten อยู่อันดับ10ครับ(ดูจากที่โหลดมานั่นแหละครับ)
ข้อมูลของPSLที่แจกเอกสารในวันOP Day ดูดีนะครับ สามารถดาว์โหลดได้ที่ http://www.set.or.th/th/education/activ ... es_p1.html
ดูแล้วน่าซื้อขึ้นเยอะเลยครับ... :lol: ถึงแนวโน้มกำไรไม่เท่าเมื่อก่อนแล้ว แต่ราคาดูจะUnderเกินไปอยู่เหมือนกัน
มีบริษัทฯอื่นๆให้ดาว์นโหลดด้วยนะครับผม ลองเข้าไปเลือกกันเองเลย
อ้อ PSL อยู่อันดับ5ของโลก ...TTA ก็ติดTop ten อยู่อันดับ10ครับ(ดูจากที่โหลดมานั่นแหละครับ)
- เพื่อน
- Verified User
- โพสต์: 1826
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 3
โอ๊ะโอว...เพิ่งเห็นว่าลงซ้ำกับกระทู้ของคุณWoodyครับ ขออภัยด้วย ลบไม่ได้อะครับข้อมูลของPSLที่แจกเอกสารในวันOP Day ดูดีนะครับ สามารถดาว์โหลดได้ที่ http://www.set.or.th/th/education/activ ... es_p1.html
-
- Verified User
- โพสต์: 1250
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 4
ถืออยู่แต่ไม่ค่อยเข้าใจ ความสัมพันธ์ เลยครับ
อ่านแล้ว งงๆ
ส่วนอันนี้ก็ ..
อ่านแล้ว ท่าทางจะดี ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ :oops: :oops:
แต่ยังถืออยู่ครับ แถมแพงซะด้วย เอิ๊กๆๆๆ :twisted:
โค้ด: เลือกทั้งหมด
สำหรับอนาคต อุปทานของเรือสร้างใหม่มีมากกว่าที่เคยมีในอดีตที่ผ่านมา ในกลุ่มเรือประเภทเคปไซร์มีเรือต่อ
ใหม่ 50 ลำหรือร้อยละ 7.5 ของกองเรือประเภทนี้ ที่มีกำหนดส่งมอบในปี 2549 นี้ และมีอีก 36 ลำหรือร้อย
ละ 5.4 ที่มีกำหนดส่งมอบในปี 2550 ในเรือประเภทเคปไซร์นี้มีจำนวน 68 ลำหรือประมาณร้อยละ 10.2
ของกองเรือในปัจจุบันที่มีอายุเกิน 22 ปีและมีโอกาสถูกปลดระวางลงในระหว่างปี 2549 นี้ ซึ่งอาจทำให้
อัตราค่าระวางเรือลดลงถึงระดับที่เหมาะสม ในกลุ่มเรือประเภทปานาเมกซ์มีเรือต่อใหม่จำนวน 116 ลำ
หรือร้อยละ 10.1 ของกองเรือประเภทนี้ มีกำหนดส่งมอบในปี 2549 นี้ และอีก 95 ลำ หรือร้อยละ 8.3
มีกำหนดส่งมอบในปี 2550 ส่วนที่ช่วยให้สถานการณ์ของกองเรือกลุ่มปานาแมกซ์ปลอดภัยคือมีเรือ 118 ลำ
หรือร้อยละ 10.3 มีอายุเกิน 24 ปี ที่อาจจะถูกปลดระวางในระหว่างปี 2549 ถ้าอัตราค่าระวางเรือที่ลดลง
และจะทำให้เกิดการปรับสมดุลย์จนกระทั่งได้ดุลยภาพกับอุปทานเรือที่จะเข้ามาใหม่ในตลาด
หลังจากนั้นอัตราค่าระวางเรืออาจดีดตัวกลับขึ้นมาใหม่ได้เร็วขึ้นสำหรับเรือประเภทซูเปอร์แฮนดี้แมกซ์
มีเรือใหม่จำนวน 107 ลำหรือประมาณร้อยละ 8.2 ของกองเรือประเภทนี้ มีกำหนดส่งมอบในปี 2549.......
ส่วนอันนี้ก็ ..
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ดัชนีบอลติค (Baltic Dry Index, BDI) ณ สิ้นปีอยู่ที่ 2,407 จุดโดยต่ำลงจากจุดเริ่มเมื่อต้นปีที่
4,639 จุด ถึงร้อยละ 48 อย่างไรก็ตามผลกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในปี 2548 นี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากถึง
ร้อยละ 40 ซึ่งเป็นการยืนยันอีกครั้งว่าผลกำไรสุทธิของบริษัทฯ นั้นไม่มีส่วนสัมพันธ์กับดัชนีบอลติค (BDI)
รายได้ต่อวันต่อลำเรือ ในระหว่างปี 2548 รายได้ค่าเช่าค่าระวางต่อวันต่อลำเรือของกองเรือบริษัทฯ
ได้ สะท้อนกลยุทธ์ในการทำธุรกิจของบริษัทฯ ที่เปลี่ยนจากการทำสัญญาให้บริการเป็นรายเที่ยวเป็นการทำ
สัญญาให้เช่าเรือระยะยาวเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของอัตราค่าเช่าเรือต่อวันต่อลำที่เปลี่ยนไปตามการ
ขึ้นลงของดัชนี BDI ณ ไตรมาสแรกของปี 2548 ตัวเลขรายได้เฉลี่ยต่อวันต่อลำเรืออยู่ที่ 15,928
เหรียญสหรัฐ ในไตรมาสที่สอง ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 15,638 เหรียญสหรัฐ ในไตรมาสที่สาม ลดลง
ไปเป็น 13,406 เหรียญสหรัฐ และในไตรมาสที่สี่อยู่ที่ 13,087 เหรียญสหรัฐ ดังนั้นสำหรับปี 2548
บริษัทฯ รายได้ค่าเช่าเรือเฉลี่ยต่อวันต่อลำเรืออยู่ที่ 14,449 เหรียญสหรัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2547
ที่จำนวน 13,248 เหรียญสหรัฐ และปี 2546 ที่จำนวน 7,870 เหรียญสหรัฐ ปี 2545 ที่จำนวน 5,854
เหรียญสหรัฐ และ ปี 2544 ที่ 5,855 เหรียญสหรัฐ
ปัจจัยจากประเทศจีน ยังคงอิทธิพลต่อการขนส่งสินค้าทางทะเลอยู่ต่อไป แม้ว่าจะมีการพูดถึง การชะลอตัว
อยู่ตลอดทั้งปี ตัวเลขผลผลิตเหล็กในปี 2548 สูงถึง 349 ล้านตัน สูงขึ้นร้อยละ 25 ของผลผลิตประมาณ
280.5 ล้านตันที่ผลิตได้ในระหว่างปี 2547 ปัจจุบันนักวิเคราะห์มีความเห็นว่าในปี 2549 นี้ ประเทศจีน
จะผลิตเหล็กระหว่าง 390-400 ล้านตัน จากกำลังความสามารถในการผลิตรวม 450 ล้านตัน เป็นไปได้
มากที่ประเทศจีนจะทำได้ตามคำทำนายนี้ นอกจากนี้ยังมีประเทศอินเดีย บราซิล และรัสเซีย ที่ช่วยสร้าง
คลื่นเศรษฐกิจโลกอีกแรงหนึ่ง เคนเน็ธ ร็อคออฟ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะแห่ง
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้แสดงความเห็นเปรียบเทียบความเหมือนและความต่างระหว่างประเทศอินเดียกับ
ประเทศจีนไว้ และได้ลงพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ฉบับวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2549 ดังนี้
"โดยผิวเผินประเทศจีนเปิดประเทศมาก่อนอินเดีย เมื่อ 25 ปีที่แล้ว ผลผลิตของประเทศอินเดีย
และประเทศจีนนั้นอยู่ในปริมาณใกล้เคียงกัน ปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะวัดโดยวิธีการใด ประเทศจีนนั้น
ร่ำรวยกว่าประเทศอินเดียเป็นสองเท่า ประเทศอินเดียจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อที่จะลดช่องว่างนี้ได้
เรื่องจำเป็นเบื้องต้นก็คือเรื่องของการขาดแคลนถนน สะพาน ท่าเรือและโครงสร้างสาธารณูปโภค
พื้นฐานอื่นๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้แตกต่างจากประเทศจีนอย่างมาก ถ้าประเทศอินเดียจะตามประเทศจีนให้ทัน
ประเทศอินเดียจะต้องทำให้ประชาชนของตนมีความเป็นสากลมากขึ้น โดยให้ประชาชนของตนมีคุณภาพ
ชีวิตที่ดีขึ้นทั้งในด้านสุขภาพอนามัย การศึกษา และโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน และเมื่อนั้นเราจึง
สามารถเริ่มมองเห็นอินเดียในทุกๆที่"
แต่ยังถืออยู่ครับ แถมแพงซะด้วย เอิ๊กๆๆๆ :twisted:
-
- Verified User
- โพสต์: 2938
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 5
มาส่งเสียงครับ
ตอนนี้มีแต่psl พรุ่งนี้ไม่รู้จะมีรึเปล่า
จากที่ดู rcl แล้วก็รู้สึกว่าน่าจะลงได้มากกว่านี้ แต่ จุ๊จุ๊ บางท่านอาจจะรู้หรือไม่รู้เรื่องนี้กัน ถ้ารู้แล้วก็อย่าส่งเสียงดังไป สาเหตุหนึ่งที่ผลประกอบการไตรมาส 4 ออกมาต่ำเนื่องจาก1. บริษัทมีการปรับปรุงการบันทึกจำนวนตู้สินค้าเนื่องจากมีการวิ่งระยะไกลมากขึ้น โดยตัดรายได้บางส่วนไปบันทึกในเดือนมกราคม 49 จำนวน 450 ล้านบาท หรือเท่ากับ 33,585 ตู้ และก็ค่าระวางที่ลดลงด้วย เฉลี่ยที่ 228 เหรียญ/ตู้ (ยังไงก็ยังหาโอกาสขึ้นเรือลำนี้อีก)
ส่วนtta รู้สึกบริษัททำกำไรได้น่าผิดหวังจริงๆ รวมทั้งจำนวนเรือก็ลดลง
หนี้ก็ยังเยอะอยู่ แต่ก็ยังดีที่อนาคตยังมีเรือขุดเจาะเข้ามาช่วยเพิ่มรายได้
คงต้องดูกันไปต่อ อนาคตก็เป็นเรื่องอนาคต
ตอนนี้มีแต่psl พรุ่งนี้ไม่รู้จะมีรึเปล่า
จากที่ดู rcl แล้วก็รู้สึกว่าน่าจะลงได้มากกว่านี้ แต่ จุ๊จุ๊ บางท่านอาจจะรู้หรือไม่รู้เรื่องนี้กัน ถ้ารู้แล้วก็อย่าส่งเสียงดังไป สาเหตุหนึ่งที่ผลประกอบการไตรมาส 4 ออกมาต่ำเนื่องจาก1. บริษัทมีการปรับปรุงการบันทึกจำนวนตู้สินค้าเนื่องจากมีการวิ่งระยะไกลมากขึ้น โดยตัดรายได้บางส่วนไปบันทึกในเดือนมกราคม 49 จำนวน 450 ล้านบาท หรือเท่ากับ 33,585 ตู้ และก็ค่าระวางที่ลดลงด้วย เฉลี่ยที่ 228 เหรียญ/ตู้ (ยังไงก็ยังหาโอกาสขึ้นเรือลำนี้อีก)
ส่วนtta รู้สึกบริษัททำกำไรได้น่าผิดหวังจริงๆ รวมทั้งจำนวนเรือก็ลดลง
หนี้ก็ยังเยอะอยู่ แต่ก็ยังดีที่อนาคตยังมีเรือขุดเจาะเข้ามาช่วยเพิ่มรายได้
คงต้องดูกันไปต่อ อนาคตก็เป็นเรื่องอนาคต
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
-
- Verified User
- โพสต์: 100
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 6
ผมว่าราคาที่ 20 บาท น่าจะเป็นจุดรับเพื่อรอรีบาวน์ได้นะครับ แต่อยากทราบความเห็นท่านที่ยังสนใจหุ้นกลุ่มนี้อยู่ว่า ถ้าจำเป็นจะต้องเลือกลงเรือเพียงลำเดียว ท่านจะเลือกลงลำไหนจากกราฟ RCL ยังลงไม่สุด คงจะมี low ใหม่ (ต่ำกว่า 20 ได้)
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 10
ผมก็รอ psl ต่ำกว่า 20 บาทอยู่ครับ ไม่รู้จะได้เห็นหรือปล่าวรอบนี้
เพราะลองประเมินดูแล้วโอกาสที่ psl จะทำกำไรต่ำกว่า 500 ล้านบาท หรือประมาณ 1 บาทต่อหุ้น นั้นน้อยมากๆ ดังนั้นถ้าราคาต่ำกว่า 20 ก็จะได้ p/e กรณีเลวร้ายสุดๆ ที่ 20 เท่า ก็ถือว่าโอเคที่จะเริ่มทะยอยลงทุนเพื่อรอค่าระวางขาขึ้นครั้งใหญ่นะครับ
เพราะลองประเมินดูแล้วโอกาสที่ psl จะทำกำไรต่ำกว่า 500 ล้านบาท หรือประมาณ 1 บาทต่อหุ้น นั้นน้อยมากๆ ดังนั้นถ้าราคาต่ำกว่า 20 ก็จะได้ p/e กรณีเลวร้ายสุดๆ ที่ 20 เท่า ก็ถือว่าโอเคที่จะเริ่มทะยอยลงทุนเพื่อรอค่าระวางขาขึ้นครั้งใหญ่นะครับ
It's earnings that count
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 16
โอ้... ไม่น่าเชื่อว่า TVI ยังมีคนซื้อหุ้นเรือช่วงนี้กันอยู่แน่นหนา
แวะมาทักทายเฉยๆ ครับ ขำ ขำ...
แวะมาทักทายเฉยๆ ครับ ขำ ขำ...
-
- Verified User
- โพสต์: 91
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 17
ผมชอบ เรือ TTA กับ RCL มากกว่าครับ ความเสี่ยง
เรื่องขาลงน้อยกว่า PSL
PSL ราคายังถูกดันเพื่อ รอรับปันผล
ผมว่าปีนี้ สิ้นสุดยุค boom ของ เรือแล้ว คนซื้อคงลุ้นปันผลเท่านั้น
แต่คิดว่า ภายในปีนี้ เรือทั้ง 3 ลำจะมีราคาใกล้เคียงกัน ต่างกัน
ไม่เกิน 2 บาท เพราะประมาณกำไรของเรือทั้ง 3 จะใกล้กันมาก
ไม่ PSL ลงมาหา หรือ TTA กับ RCL ก็ขึ้นไปสู้ด้วยละครับ
เรื่องขาลงน้อยกว่า PSL
PSL ราคายังถูกดันเพื่อ รอรับปันผล
ผมว่าปีนี้ สิ้นสุดยุค boom ของ เรือแล้ว คนซื้อคงลุ้นปันผลเท่านั้น
แต่คิดว่า ภายในปีนี้ เรือทั้ง 3 ลำจะมีราคาใกล้เคียงกัน ต่างกัน
ไม่เกิน 2 บาท เพราะประมาณกำไรของเรือทั้ง 3 จะใกล้กันมาก
ไม่ PSL ลงมาหา หรือ TTA กับ RCL ก็ขึ้นไปสู้ด้วยละครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 18
อ้าว ผมมองตรงกันข้ามเลยครับRifle เขียน:ผมชอบ เรือ TTA กับ RCL มากกว่าครับ ความเสี่ยง
เรื่องขาลงน้อยกว่า PSL
ผู้รู้เคยบอกมาว่า ในธุรกิจเรือขาลง
คนที่มีหนี้น้อยที่สุด จะกำไรมากที่สุด
PSL คงจะปลดหนี้หมดในปีหน้า
ถ้าขาลงจริง PSL น่าจะเสี่ยงน้อยกว่านาครับ
เพราะหนี้น้อยกว่าเยอะ
- เพื่อน
- Verified User
- โพสต์: 1826
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 19
เค้าว่าน่าจะปลดหนี้หมด ภายในไตรมาส2ปีนี้ไม่ใช่เหรอครับ (ถ้าไม่ซื้อเรือเพิ่มอีก)PSL คงจะปลดหนี้หมดในปีหน้า
แต่ที่จริงถ้าได้เรือเพิ่มมาในราคาถูก ขณะที่คนอื่นทิ้ง(รายเล็กที่ไม่แข็งถอย).....PSLโตขึ้น เมื่อเวลามาถึงPSLอาจกลายเป็นยักษ์ใหญ่ได้เหมือนกันนะครับ...ไม่รู้หวังมากไปหรือปล่าว
-
- Verified User
- โพสต์: 2938
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 21
[quote="Rifle"]ผมชอบ เรือ TTA กับ RCL มากกว่าครับ ความเสี่ยง
เรื่องขาลงน้อยกว่า PSL
PSL ราคายังถูกดันเพื่อ รอรับปันผล
ผมว่าปีนี้ สิ้นสุดยุค boom ของ เรือแล้ว คนซื้อคงลุ้นปันผลเท่านั้น
แต่คิดว่า ภายในปีนี้ เรือทั้ง 3 ลำจะมีราคาใกล้เคียงกัน ต่างกัน
ไม่เกิน 2 บาท เพราะประมาณกำไรของเรือทั้ง 3 จะใกล้กันมาก
ไม่ PSL ลงมาหา หรือ TTA กับ RCL
เรื่องขาลงน้อยกว่า PSL
PSL ราคายังถูกดันเพื่อ รอรับปันผล
ผมว่าปีนี้ สิ้นสุดยุค boom ของ เรือแล้ว คนซื้อคงลุ้นปันผลเท่านั้น
แต่คิดว่า ภายในปีนี้ เรือทั้ง 3 ลำจะมีราคาใกล้เคียงกัน ต่างกัน
ไม่เกิน 2 บาท เพราะประมาณกำไรของเรือทั้ง 3 จะใกล้กันมาก
ไม่ PSL ลงมาหา หรือ TTA กับ RCL
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 22
:lovl: ผมก็ลืมไปครับ ว่าปีหน้ามาตั้งแต่ปีที่แล้ว :lovl:เพื่อน เขียน:เค้าว่าน่าจะปลดหนี้หมด ภายในไตรมาส2ปีนี้ไม่ใช่เหรอครับ (ถ้าไม่ซื้อเรือเพิ่มอีก)
การที่ PSL ยืนได้แข็งแรงกว่าเพื่อน น่าจะมีเหตุหลสองอย่าง
คือหนึ่ง หนี้กำลังจะหมด และสอง free float ต่ำกว่าเพื่อน
ประกอบกับเจ้าของดักซื้ออยู่แถว 24-26 ราคานี้ถือว่ามี safety พอใช้
แต่ผมไม่ได้เข้านะครับ คุณหมู
ไม่สันทัดเรื่องเรือ แค่หาประเด็นคุยเท่านั้นเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 91
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 25
ปีนี้ PSL ประมาณกำไรไว้ที่ 80 ล้าน US dollars
คำนวนแล้วตกประมาณ 6 บาทต่อหุ้น
ผมเลยคิดว่าเรือทุกลำปีนี้กำไรพอ ๆ กันหมด
PSL เป็นหุ้นเรือที่มีสัญญาระยะยาวน้อยเพียง 17 % เมื่อเทียบกับ TTA ที่มีประมาณ 37 % ช่วงไหน BDI ดี ๆ PSL จะให้ลูกค้าเซ็น contract หุ้น PSL จึงได้กำไรดี
แต่ปีนี้ คิดว่า พอ ๆ กัน แต่ผมอาจจะคิดผิดก็ได้
คำนวนแล้วตกประมาณ 6 บาทต่อหุ้น
ผมเลยคิดว่าเรือทุกลำปีนี้กำไรพอ ๆ กันหมด
PSL เป็นหุ้นเรือที่มีสัญญาระยะยาวน้อยเพียง 17 % เมื่อเทียบกับ TTA ที่มีประมาณ 37 % ช่วงไหน BDI ดี ๆ PSL จะให้ลูกค้าเซ็น contract หุ้น PSL จึงได้กำไรดี
แต่ปีนี้ คิดว่า พอ ๆ กัน แต่ผมอาจจะคิดผิดก็ได้
- วัวแดง
- Verified User
- โพสต์: 1429
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 27
แล้วคุณไปสนใจ หุ้นที่ทำกำไรไม่ดี ไปทำไมRifle เขียน:ช่วงไหน BDI ดี ๆ PSL จะให้ลูกค้าเซ็น contract หุ้น PSL จึงได้กำไรดี
สาเหตุที่สัญญาระยะยาวน้อย อาจจะดีกว่าก็ได้ ใครจะรู้ :lol:
ความคิดผมนะ เรือยังไปได้อีก2ปีเป็นอย่างน้อย(ทำกำไรได้ดี) ดังนั้น ณ ขณะนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว
- tom
- Verified User
- โพสต์: 691
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 28
RCL ประกาศกำไรปกติไตรมาส 4/48 น่าผิดหวังลดลง 58% yoy เป็น 568 ล้านบาท (0.86 บาท/หุ้น)สาเหตุที่ผลประกอบการไตรมาส 4 ออกมาต่ำกว่าคาดเนื่องจาก
1) บริษัทมีการปรับปรุงการบันทึกจำนวนตู้สินค้าเนื่องจากมีการวิ่งระยะไกลมากขึ้น โดยตัดรายได้บางส่วนไปบันทึกในเดือนมกราคม 49 จำนวน 450 ล้านบาท หรือเท่ากับ 33,585 ตู้
2) ค่าระวางต่ำกว่าคาดเฉลี่ยที่ 228 เหรียญ/ตู้ หรือลดลง 7.3% qoq และ
3) ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือ เพิ่มขึ้น 5.7% qoq เป็น 168 เหรียญ/ตู้ อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 20.8% จาก 30.7% ไตรมาสก่อน หากไม่มีการปรับปรุงการบันทึกบัญชี RCL จะมีกำไรปกติไตรมาส 4 เท่ากับ 848 ล้านบาท (1.28 บาท/หุ้น) หรือลดลง 41% yoy และ 37% qoq อัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงเป็น 24.3%
รวมแล้วปี 2548 RCL มีกำไรปกติเท่ากับ 4,762 ล้านบาท (7.18 บาท/หุ้น) เติบโต 27.5% จากปีก่อน มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 41 ล้านบาท แต่รวมแล้วมีกำไรจากรายการพิเศษเท่ากับ 38 ล้านบาท ดังนั้นจึงมีกำไรสุทธิเท่ากับ 4,800 ล้านบาท (7.24 บาท/หุ้น) เพิ่มขึ้น 30.5% จากปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 29% จากปีก่อนที่ 28%
แนวโน้มในปี 2549 บริษัทมีแผนที่ให้บริการขนส่งสินค้าเส้นทางไกลขึ้น เช่น เส้นทางอเมริกา ยุโรป และ ออสเตรเลีย ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้ามากกว่าการวิ่งส่งสินค้าระยะสั้นเพียงขาเดียว เราได้ปรับประมาณการจำนวนตู้สินค้าเติบโต 5% เป็น 2.3 ล้านตู้ แต่ปรับลดค่าระวางเฉลี่ยทั้งปีให้อนุรักษ์นิยมมากขึ้นเป็น 228 เหรียญ/ตู้ หรือลดลง 5% จากปี 48
คาดหมายว่า RCL จะจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 1.40 บาท/หุ้น รวมเงินปันผลจ่ายทั้งปีที่ 2.40 บาท/หุ้น (อัตราการจ่ายปันผลที่ 33%) คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ 10.3%
น่ากลัว มั้ยครับ
--------------------------
เหตุผลและความคิดเห็น ส่วนตั๊ว ส่วนตัว
1) บริษัทมีการปรับปรุงการบันทึกจำนวนตู้สินค้าเนื่องจากมีการวิ่งระยะไกลมากขึ้น โดยตัดรายได้บางส่วนไปบันทึกในเดือนมกราคม 49 จำนวน 450 ล้านบาท หรือเท่ากับ 33,585 ตู้
2) ค่าระวางต่ำกว่าคาดเฉลี่ยที่ 228 เหรียญ/ตู้ หรือลดลง 7.3% qoq และ
3) ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือ เพิ่มขึ้น 5.7% qoq เป็น 168 เหรียญ/ตู้ อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 20.8% จาก 30.7% ไตรมาสก่อน หากไม่มีการปรับปรุงการบันทึกบัญชี RCL จะมีกำไรปกติไตรมาส 4 เท่ากับ 848 ล้านบาท (1.28 บาท/หุ้น) หรือลดลง 41% yoy และ 37% qoq อัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงเป็น 24.3%
รวมแล้วปี 2548 RCL มีกำไรปกติเท่ากับ 4,762 ล้านบาท (7.18 บาท/หุ้น) เติบโต 27.5% จากปีก่อน มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 41 ล้านบาท แต่รวมแล้วมีกำไรจากรายการพิเศษเท่ากับ 38 ล้านบาท ดังนั้นจึงมีกำไรสุทธิเท่ากับ 4,800 ล้านบาท (7.24 บาท/หุ้น) เพิ่มขึ้น 30.5% จากปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 29% จากปีก่อนที่ 28%
แนวโน้มในปี 2549 บริษัทมีแผนที่ให้บริการขนส่งสินค้าเส้นทางไกลขึ้น เช่น เส้นทางอเมริกา ยุโรป และ ออสเตรเลีย ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้ามากกว่าการวิ่งส่งสินค้าระยะสั้นเพียงขาเดียว เราได้ปรับประมาณการจำนวนตู้สินค้าเติบโต 5% เป็น 2.3 ล้านตู้ แต่ปรับลดค่าระวางเฉลี่ยทั้งปีให้อนุรักษ์นิยมมากขึ้นเป็น 228 เหรียญ/ตู้ หรือลดลง 5% จากปี 48
คาดหมายว่า RCL จะจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 1.40 บาท/หุ้น รวมเงินปันผลจ่ายทั้งปีที่ 2.40 บาท/หุ้น (อัตราการจ่ายปันผลที่ 33%) คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ 10.3%
น่ากลัว มั้ยครับ
--------------------------
เหตุผลและความคิดเห็น ส่วนตั๊ว ส่วนตัว
-
- Verified User
- โพสต์: 1647
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 29
เอามาฝากครับ อันนี้เทียบได้กับ RCL ครับ เรือตู้เหมือนกัน
๑ ผมรอให้ supply มากกว่า demand มากจนทุกคนรู้สึกก่อนดีกว่า แล้วผมค่อยเก็บ
๒ บริษัทนี้ไม่ต่อเรือใหม่เลยครับ แล้วล้างหนี้หมดแล้ว เป็นผมผมก็คงจ้องบริษัทปลอดหนี้ในยามขาลง
๓ สังเกตุดูครับ เค้าไปไกลแล้วจริงๆ ลงทุนใน train service ที่อินเดียกับ UAE เมืองไทย น่าจะมี train cargo ไปจีนหรือพม่าหรือลาวบ้าง รถไฟก็ถูกพอกัน
http://today.reuters.com/stocks/QuoteCo ... 2006+RTRS;
Singapore's NOL sees first drop in cargo in 30 months
Mon Mar 6, 2006 5:19 AM ET
SINGAPORE, March 6 (Reuters) - Neptune Orient Lines, the world's sixth-biggest container liner, in January recorded the first decline in the number of containers carried on its ships in two-and-a-half years in the latest sign that the shipping industry is heading for a downturn.
Singapore state-controlled NOL (NEPS.SI: Quote, Profile, Research) said in a statement on Monday that its container shipping arm APL carried 211,200 40-foot units (FEUs) on its ships between December 31 and February 10, down 2 percent from a year ago.
Average revenue per container fell 2 percent to $2,745 in the same period compared with a year ago.
The last time NOL recorded a decline in container volume was in July 2003, when it declined 2 percent to 119,000 boxes, while average revenue per container jumped 27 percent to $2,664.
NOL and rivals such as Maersk Sealand (MAERSKb.CO: Quote, Profile, Research) and Evergreen Marine (2603.TW: Quote, Profile, Research) have benefited from surging freight rates on strong global demand for cheap textiles, toys and other goods from China. But the industry faces a slowdown as the supply of container ships is set to exceed demand this year.
NOL, controlled by Singapore's state-owned investment firm Temasek [TEM.UL], last week prepared investors for a slide in profits this year, after a slump in quarterly earnings profits due to a jump in fuel costs.
NOL said revenues in its logistics business, which it has identified as a growth business to lessen its dependence on economic cycles in shipping, rose 15 percent to $102.2 million in contract logistics and 12 percent to $46.9 million in international services in the period.
NOL plans to invest $60-$70 million in a railway freight service running between Mumbai and New Delhi over the next two years, giving it a foothold in the domestic freight market of Asia's third-largest economy.
Shares in NOL, which operates around 100 ships, have lost 6.5 percent in value since the start of the year and are trading more than a quarter below their March 2005 peak.
๑ ผมรอให้ supply มากกว่า demand มากจนทุกคนรู้สึกก่อนดีกว่า แล้วผมค่อยเก็บ
๒ บริษัทนี้ไม่ต่อเรือใหม่เลยครับ แล้วล้างหนี้หมดแล้ว เป็นผมผมก็คงจ้องบริษัทปลอดหนี้ในยามขาลง
๓ สังเกตุดูครับ เค้าไปไกลแล้วจริงๆ ลงทุนใน train service ที่อินเดียกับ UAE เมืองไทย น่าจะมี train cargo ไปจีนหรือพม่าหรือลาวบ้าง รถไฟก็ถูกพอกัน
http://today.reuters.com/stocks/QuoteCo ... 2006+RTRS;
Singapore's NOL sees first drop in cargo in 30 months
Mon Mar 6, 2006 5:19 AM ET
SINGAPORE, March 6 (Reuters) - Neptune Orient Lines, the world's sixth-biggest container liner, in January recorded the first decline in the number of containers carried on its ships in two-and-a-half years in the latest sign that the shipping industry is heading for a downturn.
Singapore state-controlled NOL (NEPS.SI: Quote, Profile, Research) said in a statement on Monday that its container shipping arm APL carried 211,200 40-foot units (FEUs) on its ships between December 31 and February 10, down 2 percent from a year ago.
Average revenue per container fell 2 percent to $2,745 in the same period compared with a year ago.
The last time NOL recorded a decline in container volume was in July 2003, when it declined 2 percent to 119,000 boxes, while average revenue per container jumped 27 percent to $2,664.
NOL and rivals such as Maersk Sealand (MAERSKb.CO: Quote, Profile, Research) and Evergreen Marine (2603.TW: Quote, Profile, Research) have benefited from surging freight rates on strong global demand for cheap textiles, toys and other goods from China. But the industry faces a slowdown as the supply of container ships is set to exceed demand this year.
NOL, controlled by Singapore's state-owned investment firm Temasek [TEM.UL], last week prepared investors for a slide in profits this year, after a slump in quarterly earnings profits due to a jump in fuel costs.
NOL said revenues in its logistics business, which it has identified as a growth business to lessen its dependence on economic cycles in shipping, rose 15 percent to $102.2 million in contract logistics and 12 percent to $46.9 million in international services in the period.
NOL plans to invest $60-$70 million in a railway freight service running between Mumbai and New Delhi over the next two years, giving it a foothold in the domestic freight market of Asia's third-largest economy.
Shares in NOL, which operates around 100 ships, have lost 6.5 percent in value since the start of the year and are trading more than a quarter below their March 2005 peak.
-
- Verified User
- โพสต์: 1250
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเสียงชาวเรือหน่อยคร๊าบ
โพสต์ที่ 30
PSL มีที่ 23 % 12000 เหรียญ/ลำPSL เป็นหุ้นเรือที่มีสัญญาระยะยาวน้อยเพียง 17 % เมื่อเทียบกับ TTA ที่มีประมาณ 37 %
ส่วน TTA มี 37 % ที่มีงานแล้ว รอบปีนี้ทั้งปี แต่ว่าไม่เห็นบอก เลยว่ารับรายได้ที่เท่าไหร่ แต่รอบปลายปีที่ผ่านมาค่าระวางเฉลี่ยที่ TTA รับ อยู่ที่ 11535 ก็ยังน้อยกว่าที่ PSL ไปเซ็นล่วงหน้าอีก
ส่วนค่าระวางที่ลดลงทาง TTA บอกว่าเป็นที่ จำนวนเรือที่มากขึ้น ไม่ใช่เป็นที่ความต้องการลดลง มันก็จะเข้าไปเปรียบเทียบกับ รายงาน ของ PSL ที่บอกจำนวนเรื่อที่จะปลด และ กองเรือที่รอเข้ามาภายในปีนี้ พอดี
สงสัยผมเห็นด้วยกับ คุณวัวแดงที่มองว่า มันยัง น่าจะไปได้ อีก
ส่วนตัว ก็เชื่อว่า TTA ปลอดภัย แต่ PSL น่าจะทำเงินมากกว่า