เล่นรอบ

[Mon money]

เมื่ออาทิตย์ก่อนสหายจากเชียงราย เริ่มหงุดหงิดกับ port ที่เปี่ยมไปด้วยแสงสีเขียววับๆแวมๆ จนไม่อาจสะกดใจได้ จึงคิดจะเล่นรอบหาตังส์ไปเที่ยวไนท์ซาฟารีบ้าง แต่เผอิญนึกถึงหน้าดุๆของผมได้จึงยังลังเลอยู่ จึงโทรมาคุยว่าเอาไงดี ระหว่าง

1 ขายทำกำไรและไปรอรับถูกๆ

2 ยึดมั่น ถือจนกว่าจะถึงเป้าหมาย

ข้อแรก ข้อดีคือ ถ้าขายอาจได้กำไร เพื่อลดแรงกดดัน(คลายเครียด) และถ้าหุ้นลงอาจได้หุ้นเพิ่ม  ข้อเสียคือ อาจเป็นหมูน้อย หรือ หุ้นขึ้นก็เป็นการเพิ่มต้นทุน

ข้อสอง ข้อดีคือ ถ้าไม่มีเวลาก็ไม่ต้องห่วง ทำงานไป ข้อเสียคือ เสียโอกาสทำกำไร หรือเพิ่มหุ้น

พวกเรามาออกความคิดเห็นกันดีกว่าว่าเอาไงดี

[sitti]

1 ขายทำกำไรและไปรอรับถูกๆ

2 ยึดมั่น ถือจนกว่าจะถึงเป้าหมาย

ข้อแรก ข้อดีคือ ถ้าขายอาจได้กำไร เพื่อลดแรงกดดัน(คลายเครียด) และถ้าหุ้นลงอาจได้หุ้นเพิ่ม

[sunrise]

ถ้า พอร์ตไม่ใหญ่มากๆ ผมเชื่อว่าแบบแรกดีกว่าครับ
เพราะว่าจริงๆแล้วหุ้นมีรูปแบบของการวิ่งขึ้นๆ ลงๆ ครับ

แต่ข้อแรกจะไม่ดีสำหรับหุ้นที่ไม่มีสภาพคล่องเพราะถ้าขึ้นจะขึ้นรุนแรง
ทำให้เราอาจผลลัพท์ที่อยากให้เป็นได้

[Tiger]

ข้อสองครับ

เพราะข้อแรกผมทำทีไร ไม่ทันกินทุ๊ก.. ที  

[ksnk]

ข้อสองครับ
  เพราะผมว่าข้อแรกมันมีข้อเสีย
     - สร้างนิสัยเกร็งกำไร ซึ่งในระยะยาวเป็นผลเสีย
     - สร้างความเครียดในการลงทุนโยไม่จำเป็น
     - เสียเวลาในการเฝ้าราคา
     - อาจได้ไม่ค้มเสีย

[thana1823]

ข้อสองครับ   เพราะข้อหนึ่งมีผลมากในเรื่องทัศนคติและคุณภาพชีวิต

มีเหตุผลเดียวที่จะเลือกข้อหนึ่งคือมาร์เก็ตติ้งสวย และนิสัยน่ารัก บางทีผมเก็งกำไรเล่นรอบบ้างถึงขาดทุนก็ได้ยินเสียงเขา แล้วเขาก็ได้ค่าต๋ง

[ขงเบ้ง]

ผมทำ 2 ข้อเลยครับขึ้นกับสถานการณ์ครับ

[ForrestGump]

ผมว่าที่สหายสองท่านของพี่มนเกิดลังเลคือ
1. โลภมาก เลย หวั่นไหวกับการเคลื่อนไหวของราคา
2. ความรู้น้อย เพราะ ทำการบ้านและแสวงหาความรู้ต่างๆ น้อย
3. ยังไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกหุ้นด้วยตัวเอง ยังอาศัยลอกการบ้าน และ เป็นนักลงทุนประเภท ข. จึงยังไม่มีความมั่นใจในตัวเอง
4. ยังไม่ค้นพบสไตล์การลงทุน ของตัวเอง

ผมว่าวิธีแก้ไขคือ
1. ทำใจให้สงบ ควบคุมความโลภของตัวเองให้ได้สมดุลกับความรู้ที่ตัวเองมี
2. ทำการบ้าน วิเคราะห์ธุรกิจ อ่านงบ มีวินัยการลงทุน
3. หมั่นถามผู้รู้เช่น พี่มนตรี ฯลฯ เพื่อรู้ให้มากขึ้น ไม่ ข. อย่างเดียว (แต่ผมขอละกันนะครับ ) อิอิ
4. ค้นหาสไตล์การลงทุนของตัวเองให้พบ

เท่าที่ผมมีข้อมูลเกี่ยวกับสหายจากเชียงรายของพี่มน เป็นคนนิสัยดี คนแต่งงานแล้วก็รักลูกรักเมีย อยากประสบความสำเร็จการลงทุนเร็วๆ อีกคนโสด ไม่กินเหล้า ไม่เจ้าชู้ ไม่เล่นการพนัน แต่ยังขาดความมุ่งมั่น

ดังนั้น request เฮียมน จัดคอร์ส กลลวง(เมีย) งบการเงิน โดยด่วนก่อนจะโดน นักบัญชีศรีธนนญชัยงาบไปกิน ซึ่งผมได้ข่าวว่า คุณ sitti มีความจำเป็นอย่างยิ่ง

ท้ายนี้ก็ขอให้พี่มน และเพื่อนๆชาว thaivi.com ชี้แนะสหายจากเมืองเหนือ รวมถึงแมงเม่าบ้านนอกอย่างผมด้วยครับ

ขอบคุณครับ

[naris]

ดังนั้น request เฮียมน จัดคอร์ส กลลวง(เมีย) งบการเงิน โดยด่วนก่อนจะโดน นักบัญชีศรีธนนญชัยงาบไปกิน ซึ่งผมได้ข่าวว่า คุณ sitti มีความจำเป็นอย่างยิ่ง


5555555

จัดอบรมเมื่อไหร่ บอกด้วย จะจองคนแรกเลย
ว่าแต่คนไหนจะกล้าเป็น คนสอนหล่ะ


ส่วนหนุ่มเมืองเลยอยากขอบอกญาติๆบ้านใกล้เรือนเคียงว่า

ทำใจให้เย็นๆเหมือนอากาศบ้านเราดีกว่า
ทอง ยังไงก็เป็นทอง   แต่มีข้อแม้ว่า ทองนั้นเป็นทองจริง หรือ ทองเก๊แค่นั้นเอง

[Penguins]

กรณ๊หุ้นมีสภาพคล่อง (ปริมาณของสภาพคล่อง = เป็น fuzzy)
ซื้อ หรือ ขาย เมื่อมีการเปลี่ยนแนวโน้ม หรือ ราคาหุ้นเกิดการวกกลับของราคา ดังนั้น
..........ขายเพื่อให้ต้นทุนหุ้นเป็น 0
..........ขายออกครึ่งหนึ่ง เผื่อ มองแนวโน้มพลาด + และยังได้ลดต้นทุนหุ้นในพอร์ทฯ ด้วย
 ไม่ได้อยู่ในตัวเลือกของเฮียเลยอะ

[Penguins]

 หุ้นตัวใหนครับ
 แอบถามซะเยย

[nano]

หุ้นที่ใช้ท่อทองแดง    ปีที่แล้วผมเลือกข้อ 2

             แต่ปีนี้เลือกขัอหนึ่งครับ    ไว้ดูเหตุการณ์อีกทีดีกว่า

[Blueblood]

สำหรับผมจะไม่ค่อยมีโชคด้านนี้ครับ

เวลากะถือมักจะมีรอบให้เห็นชัดๆ เหมือนกับที่คิดไว้บ่อยมากๆครับ แต่ก็เลือกถือยาวไปแล้วเลยอด

ส่วนเวลาที่กะเล่นรอบ ก็ต้องพลาดขายหมูแทบทุกทีไป

สุดท้ายคงต้องแล้วแต่หุ้นมั้งครับ  :D

[parallel]

ถ้าไม่มั่นใจก็ขายส่วนหนึ่ง ผื่อเล่นรอบได้ครับ

[Dr.T]

request เฮียมน จัดคอร์ส กลลวง(เมีย)

จะสอนได้เร้อ  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol: ท่านมนตรีทำไม่เป็นม้าง...  :lol:  :lol:  :lol:

[chansaiw]

คือผมมองแบบนี้นะ

ถึงแม้เราเข้าใจ บริษัทดี ซึ่งนี่อาจเป็นเหตุให้เราทำข้อ 1 ก็ได้

เช่น ต้นทุนบริษัทสูงขึ้น แน่ๆ แล้วคาดว่าปรับราคาขายแล้วก็ยัง

ไม่อาจชดเชยได้

และคาดว่ากำไรจะลดลงแน่ๆ และราคาคงลงแน่ แม้ว่าอาจเป็นช่วงสั้น

3เดือน 6 เดือน

ทุกท่านจะทำตามข้อ 1 ก่อนมั้ย

[sitti]

กลลวงเมีย  น่าสน ขอคำชี้แนะด้วยพี่  :D

[por_jai]

ผมว่าที่สหายสองท่านของพี่มนเกิดลังเลคือ

3. ยังไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกหุ้นด้วยตัวเอง ยังอาศัยลอกการบ้าน และ เป็นนักลงทุนประเภท ข. จึงยังไม่มีความมั่นใจในตัวเอง
3. หมั่นถามผู้รู้เช่น พี่มนตรี ฯลฯ เพื่อรู้ให้มากขึ้น ไม่ ข. อย่างเดียว (แต่ผมขอละกันนะครับ ) อิอิ


เท่าที่ผมมีข้อมูลเกี่ยวกับสหายจากเชียงรายของพี่มน เป็นคนนิสัยดี คนแต่งงานแล้วก็รักลูกรักเมีย อยากประสบความสำเร็จการลงทุนเร็วๆ อีกคนโสด ไม่กินเหล้า ไม่เจ้าชู้ ไม่เล่นการพนัน แต่ยังขาดความมุ่งมั่น

8) น้องฟอเรส พี่ก็นักลงทุนประเภท ข. เหมือนกัน
    แต่ของพี่เป็นแบบ ข. ขำ ขำ อ่ะ

    โสดหรือว่าขายไม่ออก
    ฮุ..ฮุ..ล้อเล่น..

[sunrise]

คือผมมองแบบนี้นะ

ถึงแม้เราเข้าใจ บริษัทดี ซึ่งนี่อาจเป็นเหตุให้เราทำข้อ 1 ก็ได้

เช่น ต้นทุนบริษัทสูงขึ้น แน่ๆ แล้วคาดว่าปรับราคาขายแล้วก็ยัง

ไม่อาจชดเชยได้

และคาดว่ากำไรจะลดลงแน่ๆ และราคาคงลงแน่ แม้ว่าอาจเป็นช่วงสั้น

3เดือน 6 เดือน

ทุกท่านจะทำตามข้อ 1 ก่อนมั้ย

นี่คือมุมของผมครับ
รู้แล้วว่า ปีที่แล้วกำไรเยอะแล้ว
ปีนี้ก็กำไร แต่ที่ราคาสูงกว่าเดิมอีก
แต่ว่าการคาดหวังสูงมากๆ ไปแล้ว
อย่างนี้ขายไปก่อนเตรียมซื้อหลัง
กำไรไม่เป็นไปตามที่คาดดีกว่าไหม
ก็เป็นการเล่นรอบเหมือนกัน

[ต.หยวนเปียว]

ในพอร์ตมี2ตัวที่ยังไม่เคยเล่นรอบ
คือ ยกนม กับ หนมปัง  :lol:  
นอกนั้นเล่นถูกมั่งผิดมั่ง ปนๆกันไป
แต่โดยรวมๆแล้ว หากเล่นแบบ2
แม้จะมีตัวที่เสียหายบ้าง แต่จะมีอีกหลายตัวที่ดีมากๆ
รวมๆแล้วน่าจะดีกว่า แบบแรก
จุดที่จะทำให้ประสบความสำเร็จน่าจะคือ
ต้องไม่ซื้อแต่แรก หากไม่ดี และถูกพอ

:lol:

[Mon money]

ถึงแม้เราเข้าใจ บริษัทดี ซึ่งนี่อาจเป็นเหตุให้เราทำข้อ 1 ก็ได้

ผมชอบเหตุผลนี้นะ คุณจันทร์เสี้ยว อยากได้รางวัลอะไรว่ามา จะจัดให้ ถ้าทำได้ ถ้าให้ไม่ได้ก็เอาคำชมไป

นายแน่มาก!!!

เวลานี้ผมกำลังตรวจต้นฉบับ อ่านก่อนฯเล่มสอง อยู่เจอเรื่องหนึ่งเขียนลง BIZ weekไว้นานโขอยู่ อยากเอามาให้อ่านกัน ก่อนขายลิขสิทธ์

อยู่ไม่สุข

ช่วงที่เขียนบทความนี้เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นค่อนข้างคึกคัก ดัชนีทะเล็ด 700 จุด และไม่นานก็กลับลงไปมุดอยู่ได้ 700 และก็กลับมา โผล่หัวหายใจแถว700 กว่าๆอีกครั้ง พร้อมๆกับความเมามันของแมงเม่า และพวกต่างชาติที่ยัดเงินใส่ตลาดหุ้นไทยแบบที่เรียกได้ว่าไม่รู้จะเอาเงินไปไว้ไหนกระมัง
ช่วงเวลาอย่างนี้ผมและเพื่อนๆ Value Investor มักไม่ค่อยมีอะไรจะทำ เพราะหุ้นใหญ่น้อยทั้งหลายได้ปรับตัวขึ้นมาอยู่สูงสุดเอื้อมสำหรับพวกเราเหล่า Value Investor เสียแล้ว ดังนั้นช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ว่างสุดๆ เหงาและหว้าเหว่มากๆ
หลายท่านคงคิดว่า ก็แล้วตลาดหุ้นคึกคักอย่างนี้ไม่เข้าไปตะลุมบอนกับเขาแล้วเราไม่เสียโอกาสหรือ?
ก็อาจจะเสียโอกาสบ้างไม่มากก็น้อย... แต่เรามองไม่เห็นโอกาสอย่างที่ว่ามาครับ พวกเรามักเห็นโอกาสตอนที่ตลาดหุ้นซบเซา หว้าเหว่ ขาดผู้ร่วมสร้างความเมามันในตลาด เราคิดว่าเราจะได้กำไรเมื่อซื้อเท่านั้น ตอนซื้อไม่ได้กำไร แต่ได้ความเสียวไส้ เราไม่เอาเด็ดขาด!
เรื่องความอยู่ไม่สุขกับตลาดหุ้นนี้ ผมมีเพื่อนผมท่านหนึ่งแกชอบอยู่ไม่สุขกับตลาดหุ้นครับ ไม่ว่าตลาดหุ้นจะอยู่ในสภาพใด แกก็จะอยู่ไม่สุข....แกจะต้องสร้างการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ในวันนั้นๆให้จงได้...ไม่มากก็น้อยเพื่อสร้างสรรค์ความเสียวไส้ให้กับชีวิตที่ไร้รสชาติ
เวลาอยากรู้ว่าหุ้นอะไรเคลื่อนไหวอย่างไร...ผมจะโทรไปถามแก...แกจะตอบได้อย่างครบถ้วนกระบวนความ...ไม่ว่า เสนอซื้อ เสนอขาย เท่าไร ปริมาณการซื้อขาย รวมไปถึงรูปแบบของการซื้อขาย.... มันกำลังไล่กันสุดๆไปเลยว่ะ...หรือโห...มันทิ้งกันไม่ใยดีเลยว่ะ...แต่ดูแล้วมันต้องเอากลับแหง่ๆ และถ้าอยากรู้ผลว่าจะออกมาทรงใดให้โทรไปถามตอนหลังสี่โมงครึ่ง จะได้คำตอบหลากหลายมาก... หลังคารถพร้อมยางสี่เส้นหายไปเลยว่ะ...  หรือวันนี้จะกินอะไรดีวะ...มน..เฮียจะเลี้ยงเอง เอิ๊กๆ คงเดาได้นะครับว่าอารมณ์ไหนเป็นอารมณ์ไหน
ถ้าเฮียอ่านเจอก็อย่าได้ต่อว่าอะไรกับผมเลยนะ...ถือว่าเป็นประสบการณ์แบ่งปันกันได้
สำหรับชีวิตผมและอีกหลายๆคนคงไม่ตื่นเต้นเร้าใจเท่าไรนัก เพราะเรากลัวความเสี่ยงทุกประเภท สิ่งที่เราเลือกทำคืออยู่เฉยๆ เมื่อไม่รู้จะทำอะไร...ก็อยู่เฉยๆ หรือ ไม่มีหุ้นดีๆราคาสมเหตุสมผลให้ซื้อ...ก็อยู่เฉยๆจะดีกว่า
การอยู่ไม่สุขในการลงทุนนี่ไม่ใช่ว่าจะไม่เสียอะไรนะครับ ความจริงแล้วเสียครับ คือเสียค่าคอมมิสชั่นให้นายหน้าแน่นอน หรือถ้าหุ้นที่ซื้อลงก็จะเสียสองต่อคือเสียเงินและเสียอารมณ์ความรู้สึก ส่วนคนที่จำเป็นจะต้องอยู่ไม่สุขก็มีครับคือถ้าอยู่สุขเห็นทีจะโดนไล่ออกแน่นอน คือเจ้าหน้าที่การตลาดที่ลูกค้าซื้อขายมากก็ได้มาก นักวิเคราะห์..อย่างไรก็ต้องออกบทวิเคราะห์...ไม่อย่างนั้นไม่มีผลงาน ตลาดหุ้นจะดีไม่ดีอย่างไรก็ต้องออกมาวิเคราะห์ไว้ก่อน ผู้จัดการกองทุนก็ต้องซื้อขายหุ้นครับ เพราะเอาเงินลูกค้าไปสร้างผลตอบแทน...จะเอาไปกองรับดอกเบี้ยก็ไม่ได้นาน
สำหรับนักลงทุนอิสระแล้วสามารถเลือกได้ว่าจะลงทุนหรือไม่ลง ไม่มีโอกาสดีๆก็ไม่ลงทุนอยู่เฉยๆ Warren Buffett บอกว่า เคล็ดลับของเขาคือ เมื่อไม่มีอะไรจะทำ...ไม่ทำอะไรเลยจะดีที่สุด ส่วน George Soros บอกว่า เพื่อให้ประสบความสำเร็จ...เราควรมีเวลาหย่อนใจและมีเวลาเป็นของตัวเองมากๆ
ที่กล่าวมานี่ไม่ได้หมายความว่าอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลยนะครับ เซียนพวกนี้เขาไม่ทำอะไรกับการลงทุนเท่านั้นแต่เขาคอยมองหาโอกาสเหมาะๆวิ่งเข้าชนบังตอตลอดเวลา
ผมเองก็ลอกเลียนแบบเขามาอีกที แต่กว่าจะเลียนแบบได้อย่างแนบเนียนนี่ก็แย่เหมือนกันนะครับ คืออยู่ไม่เป็นสุขเหมือนกัน เห็นไม่ได้เป็นต้องหาอะไรลุยสักหน่อย แต่ตอนนี้เอาธรรมชาติเข้าขย่ม คือข่มอย่างเดียวเอาไม่อยู่ ตอนนี้ก็รดน้ำพรวนดินปลูกต้อนไม้ไปพรางๆ รอโอกาสเหมาะมาหา
แต่...เอ.....ไม่เห็นหมูวิ่งมาชนบังตอนานแล้วนะเนี่ย!

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

เรื่องราวของการอยู่ไม่สุขไม่ใช่มีแค่การไม่รู้จะไปทำอะไรถ้าไม่ซื้อขายหุ้น การที่อยู่ไม่สุขยิ่งขึ้นไปอีกก็คือการซื้อๆขายๆ

[Dech]

เล่นแล้วแพ้ ทุกตัว ไม่เคยได้ซื้อกลับเลยครับ

[Dr.T]

ส่วนกลลวงเมีย ไม่บังอาจจัดทำเป็นหลักสูตร กลัวตาย

กร๊ากกกกกก  :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:

อืม.. ความกลัวเมียเป็นคุณสมบัติ (อันน่าภาคภูมิใจ?) ของ value investor เหรอครับ  :roll:

[chansaiw]

สำหรับผมนะครับ

จริงๆก็ไม่ถึงกับอยู่ไม่สุขครับ พี่มน

นานๆพิจารณาครั้ง ดูอนาคตประกอบ

อย่างในพอร์ตผมตอนนี้มีตัวนึง ที่คาดว่า เป็นแบบที่ยกตัวอย่าง

เลยสำเร็จโทษไปบางส่วน ก็ไม่ขายหมดนะครับ

คือมองว่าจะทำก็เมื่อมองแล้วปัจจัยลบยังกดดันอยู่

และมีผลจริงๆ  ถ้าเป็นปัจจัยลบแบบไร้ นน. อย่าหวังว่าจะขายเลย
แต่ถ้ามีผล ผมยอมขายออกก่อนครับ