เหล็กราคาถูกจีนกลืนแหลกทั่วโลก
เอ๊กเซอร์เรย์อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศออกอาการหนาวสุดขั้ว หลังเจอแรงกระแทกจากพี่เบิ้มจีนระบายสต๊อกถล่มตลาดโลก จับตาหลังตรุษจีนราคาจะอ่อนตัวลงเต็มที่ ผู้ผลิตบางรายเริ่มเผชิญภาวะขาดทุน ตัดสินใจลดกำลังผลิตลงเหลือ60% ด้าน"สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง" ยอมรับกำลังสู้อยู่กับทุนนอก
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองกรรมการผู้จัดการบริษัท สยามยูไนเต็ดสตีล (1995)จำกัดหรือSUS ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็น ที่มีกลุ่มทุนจากบริษัท นิปปอน สตีล คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่นถือหุ้นใหญ่ เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ถึงสถานการณ์ภาพรวมของอุตสาหกรรมเหล็กในขณะนี้ว่า ได้รับแรงกระแทกจากจีนสูงมาก เนื่องจากจีนได้มีการระบายสะต๊อกเหล็กจำนวนมาก ออกมาขายในตลาดโลก หลังจากที่มีขนาดกำลังการผลิตเหล็กภายในประเทศเพิ่มขึ้นจากกว่า 230 ล้านตัน/ปี ขึ้นมาเป็น 300 ล้านตัน/ปีในขณะนี้
"การเติบโตดังกล่าวทำให้ผู้ผลิตเหล็กในภาคพื้นเอเซียได้รับผลกระทบหนักสุด เพราะไม่สามารถแข่งขันในแง่ของราคาขายให้เท่ากับราคาที่จีนขายได้ เนื่องจากต้นทุนด้านวัตถุดิบสูงกว่า อย่างไรก็ตามเวลานี้มองว่าทั้งภูมิภาคเอเซียยังมีความไม่สมดุลเกิดขึ้นในแง่กำลังการผลิตกับความต้องการใช้ โดยเฉพาะจีนที่มีขนาดกำลังผลิตสูงกว่าความต้องการใช้อยู่ในขณะนี้"
รองกรรมการผู้จัดการบริษัทสยามยูไนเต็ดสตีล (1995) กล่าวต่อว่า คาดว่าหลังเทศกาลตรุษจีนจะมองเห็นชัดเจนว่าอุตสาหกรรมเหล็กในจีนมีการเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป ทั้งในแง่ราคา ความต้องการใช้และกำลังการผลิตเหล็กโดยรวม ทั้งนี้มั่นใจว่าในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ ราคาเหล็กจะอยู่ในจุดที่อ่อนตัวลงเต็มที่ เนื่องจากผู้ผลิตหลายรายไม่มีกำไร บางรายอยู่ในภาวะขาดทุน โดยเฉพาะผู้ผลิตในภาคพื้นเอเซียที่เผชิญอยู่กับปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ฃ
ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการเหล็กทรงแบน เช่นเหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กแผ่นรีดเย็น และเหล็กทรงยาว เช่นเหล็กเส้น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบในราคาที่สูงมาสต๊อกไว้ ก่อนหน้านี้ ขณะที่ปัจจุบันราคาวัตถุดิบเช่นบิลเล็ตที่นำไปใช้ในการผลิตเหล็กทรงยาว และสแลป ซึ่งนำไปใช้ในการผลิตเหล็กทรงแบนได้อ่อนตัวลงแล้ว ดังนั้นเมื่อนำมาผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปกลับไม่สามารถขยับราคาได้เท่ากับภาระต้นทุนที่ยังสูงอยู่ในขณะนี้
"เวลานี้ผู้ประกอบการที่ขายเหล็กในราคาขาดทุนต่อเนื่องจะอยู่ไม่ได้ต้องลดกำลังผลิตลง ขณะที่ผู้ผลิตเหล็กแผ่นที่ใช้กับงานผลิตไฮเอนด์ ส่วนใหญ่ยังอยู่ในฐานะที่แข่งขันได้ แต่เหล็กคุณภาพทั่วไปจะแข่งขันยากขึ้นเพราะมีผู้เล่นจำนวนมาก "
แหล่งข่าวจากกลุ่มผู้ผลิตเหล็กแผ่นรายหนึ่งกล่าวเสริมว่า เวลานี้ผู้ผลิตเหล็กจากทั่วโลกต่างเฝ้าดูอาการของจีนอยู่ เพราะมีบทบาทต่อตลาดมาก และเวลานี้ราคาเหล็กในจีนอยู่ในภาวะที่ราคาตกต่ำที่สุดในโลก
ยกตัวอย่างราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนไต่ระดับอยู่ที่ 350-420 กว่าดอลลาร์สหรัฐ/ตัน เหล็กแผ่นรีดเย็นราคา เฉลี่ยอยู่ที่ 450-500กว่าดอลลาร์สหรัฐ/ตัน เปรียบเทียบกับราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 600 ดอลลาร์สหรัฐ/ตันขึ้นไป ขณะที่เหล็กแผ่นรีดเย็นยืนอยู่ที่ 550-750 ดอลาร์สหรัฐ ซึ่งราคาสูงกว่าเหล็กที่ผลิตจากจีน
"ที่ผ่านมาบริษัทได้ลดกำลังการผลิตเหล็กแผ่นลงเหลือ 60% จากที่ผลิตได้เต็มที่ 2.3 ล้านตัน/ปี เนื่องจากลูกค้าหันไปนำเข้าจากประเทศต่างๆโดยเฉพาะจีนแทนเพราะซื้อได้ราคาถูกกว่า ทำให้ในปี2548ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันมีการนำเข้ามากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เหล็กแผ่นรีดเย็นที่มีการนำเข้ามาประมาณ 2แสนตัน/ปี ขณะที่เหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศมีกำลังการผลิตเต็มอยู่ที่ประมาณ 2ล้าน ตัน แต่ปีที่แล้วผลิตเพียง 1.5 ล้านตัน เทียบกับความต้องการใช้ในประเทศอยู่ที่ 1.8-2 ล้านตัน/ปี ซึ่งพิจารณาแล้วกำลังผลิตในประเทศก็พอดีกับความต้องการใช้ โดยที่ไม่ต้องนำเข้ามา แต่ขณะนี้ผู้บริโภคหันไปพึ่งพาการนำเข้าส่วนหนึ่งและอยู่ในปริมาณที่มากขึ้น"
ด้านนายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท นครไทยสตริปมิล จำกัด (มหาชน)หรือNSM ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน กล่าวยอมรับว่าเวลานี้เรากำลังต่อสู้อยู่กับทุนนอกทั้งในรูปของการลงทุนและการตลาด ยกตัวอย่างที่เวลานี้ เอ็มเอส(บมจ.มิลเลนเนียมสตีล) ที่เอ็น.ที.เอส.สตีลควบรวมกิจการกับธุรกิจเหล็กในเครือปูนซีเมนต์ไทยเมื่อช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ล่าสุดเมื่อ2 เดือนที่แล้วกลุ่ม TATA จากอินเดียมาขอซื้อบริษัท ซึ่งทุนกลุ่มนี้มีเครือข่ายธุรกิจที่ใหญ่มากทั้งธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจไอที โทรคมนาคม
"ฉะนั้นเราจะเห็นว่าโลกใบนี้เล็กลงทุกวันเพราะเขา(TATA)มีอัพสตรีม และอินเดียมีตลาดใหญ่ และตอนนี้เศรษฐกิจในอินเดียขาขึ้น ซึ่งวันนี้TATAเข้ามาลงทุนในไทย แล้วส่งเหล็กออกไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน หรือส่งกลับไปป้อนตลาดอินเดียจะสะดวกมาก"
สำหรับบรรยากาศของธุรกิจเหล็กโดยรวมทั่วโลกนั้น ต้องยอมรับข้อเท็จจริงประการหนึ่งว่าค่อนข้างเหนื่อยมากขึ้น ยกเว้นประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากรัฐบาลเขาคุ้มครองอุตสาหกรรมเหล็กเขาไว้อย่างดี ที่บอกว่าเหนื่อยมากขึ้นนั้นเพราะว่าประเทศจีนจากที่เคยเป็นผู้นำเข้าเหล็กจากทั่วโลกรายใหญ่ กลายเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกในเวลานี้ หลังจากที่จีนได้เพิ่มอัตรากผลิตเหล็กได้มากถึง 300 ล้านตัน/ปีแล้ว ถือว่ามีบทบาทต่อธุรกิจเหล็กของโลกเป็นอย่างมาก เมื่อเป็นแบบนี้กำลังผลิตเหล็กในประเทศจีนค่อนข้างจะล้นตลาดจึงต้องหาหนทางระบายออกสู่ตลาดโลก
ดร.สมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหารบริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน กล่าวว่าสถานการณ์เหล็กที่มีปริมาณล้นตลาดโลก และมีราคาอ่อนตัวลงอย่างที่เป็นอยู่นี้น่าจะเป็นเพียงระยะสั้นๆ และราคาเหล็กในจีนก็เริ่มจะนิ่งแล้ว หลังจากที่รัฐบาลจีนสั่งทะยอยปิดกิจการเหล็กที่เก่าแก่ไปเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เชื่อว่าอีกไม่เกิน 1-2 ปีนับจากนี้ไป เหล็กจะกลับมาสู่ภาวะขาดตลาดอีก เนื่องจากจีน และอินเดีย มีความต้องการใช้สูงขึ้นมาก โดยเหล็กจะขยายตัวไปพร้อมกับงานก่อสร้างในระบบโครงสร้างพื้นฐานในประเทศดังกล่าวเป็นหลัก
ด้านนายวิกรม วัชระคุปต์ ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เผยว่าว่าปัญหาของกลุ่มผู้ผลิตเหล็กในประเทศไทยในเวลานี้ส่วนหนึ่งเกิดจากที่ไปซื้อวัตถุดิบมาตุนไว้ก่อน โดยที่ยังไม่มีการผลิต พอถึงเวลาที่สินค้าสำเร็จรูปราคาอ่อนตัวลง ราคาวัตถุดิบก็จะลงตาม แต่ผู้ผลิตไปซื้อวัตถุดิบไว้ก่อนซึ่งขณะนั้นราคาก็สูง ทำให้เกิดช่องว่างที่ต้นทุนวัตถุดิบราคาสูงกว่าสินค้าที่ผลิตออกมา
อย่างไรก็ตามเหล็กที่ใช้ในงานก่อสร้างในช่วงไตรมาแรกปีนี้จะยังชะลอตัวอยู่ เพราะโครงการเมกกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาลออกมาช้า แต่จะกลับมาในช่วงไตรมาสที่สอง เนื่องจากมีโครงการบ้านเอื้ออาทรขนาด 200,000 ยูนิตออกมา สำหรับภาพรวมของเหล็กที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม เช่นยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ยังมีการขยายตัวต่อเนื่อง
"เหล็กไหล" จะมีภาค2อีกไหม !!!!
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
"เหล็กไหล" จะมีภาค2อีกไหม !!!!
โพสต์ที่ 2
การเหล็กจากจีน ไหลเข้าตลาดโลกเป็นเรื่องดีคับ
ผมว่า แต่เหล็กจากจีน ไม่สามารถใช้ได้ทุกเกรด
น่าจะสะเทือน กลุ่มเหล็กเส้นในตลาดโลก
แต่เป็นเรื่องดีสำหรับไทยเรา เพราะเรามีโครงการ
อีกจำนวนมากที่ต้องการใช้เหล็ก อีกมาก
แต่ไม่รู้ผู้รับเหมา จะมั่ว ไม่ยอมลดค่าก่อสร้าง
อ้างน้ำมันแพงหรือเปล่า
ถ้ามั่วมาก มีหวังไม่ได้งาน เพราะ คนรับเหมาจาก
ต่างประเทศเริ่มเข้ามาเหมือนกัน
ผมว่า แต่เหล็กจากจีน ไม่สามารถใช้ได้ทุกเกรด
น่าจะสะเทือน กลุ่มเหล็กเส้นในตลาดโลก
แต่เป็นเรื่องดีสำหรับไทยเรา เพราะเรามีโครงการ
อีกจำนวนมากที่ต้องการใช้เหล็ก อีกมาก
แต่ไม่รู้ผู้รับเหมา จะมั่ว ไม่ยอมลดค่าก่อสร้าง
อ้างน้ำมันแพงหรือเปล่า
ถ้ามั่วมาก มีหวังไม่ได้งาน เพราะ คนรับเหมาจาก
ต่างประเทศเริ่มเข้ามาเหมือนกัน