คุณลูกอิสาน คุณweerapongครับ SCNYL ครับ !!!!
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
คุณลูกอิสาน คุณweerapongครับ SCNYL ครับ !!!!
โพสต์ที่ 1
กระทู้ก่อนๆเกี่ยวกับSCNYL ......
*** เห็นพี่เจ๋งสงสัยเรื่องตัวเลขเบี้ยประกันสำรองที่นำไปลงทุน 146,000ล้านบาท ในปี2558 ว่าคํานวนมาได้อย่างไร***
วันนี้ผมว่างๆเลยลองคํานวนจริงจังดู ..............
ผมลองคํานวนตามที่คุณลูกอิสานตั้งสมมุติฐานไว้ว่า ........
" ปีต่อๆไปเราสมมุติให้ SCNYL มีเบี้ยปีแรก 4,000 ล้านทุกปี และสัดส่วนเบี้ยประกันอย่างละ 50:50 "
และข้อเท็จจริงที่คุณลูกอิสานบอกว่า ............
อัตราส่วนที่จะทำให้เบี้ยประกันรับลดลง คืออัตราการต่อประกัน เนื่องจากจะมีลูกค้าบางส่วนที่ไม่ส่งเบี้ยประกันในปีถัดไป ตัวเลขส่งประกันเฉลี่ยทั่วไปของบริษัทประกันชีวิตคือ 90% ดังนั้นหากคิดลดด้วยอัตราการต่อประกัน (renewal) ทุกปี ในปีที่ 7 จะมีลูกค้าที่ส่งครบ 7 ปีประมาณ 53 คนจาก 100 คนในปีแรก
ผมคํานวนได้ตัวเลขเบี้ยรับรวม 10 ปี ตั้งแต่ปี2549-2558..........
*** เป็นเงิน 102,761.212ล้านบาท ***
**** ซึ่งยอดนี้ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวเงินนะครับ ***
*** เห็นพี่เจ๋งสงสัยเรื่องตัวเลขเบี้ยประกันสำรองที่นำไปลงทุน 146,000ล้านบาท ในปี2558 ว่าคํานวนมาได้อย่างไร***
วันนี้ผมว่างๆเลยลองคํานวนจริงจังดู ..............
ผมลองคํานวนตามที่คุณลูกอิสานตั้งสมมุติฐานไว้ว่า ........
" ปีต่อๆไปเราสมมุติให้ SCNYL มีเบี้ยปีแรก 4,000 ล้านทุกปี และสัดส่วนเบี้ยประกันอย่างละ 50:50 "
และข้อเท็จจริงที่คุณลูกอิสานบอกว่า ............
อัตราส่วนที่จะทำให้เบี้ยประกันรับลดลง คืออัตราการต่อประกัน เนื่องจากจะมีลูกค้าบางส่วนที่ไม่ส่งเบี้ยประกันในปีถัดไป ตัวเลขส่งประกันเฉลี่ยทั่วไปของบริษัทประกันชีวิตคือ 90% ดังนั้นหากคิดลดด้วยอัตราการต่อประกัน (renewal) ทุกปี ในปีที่ 7 จะมีลูกค้าที่ส่งครบ 7 ปีประมาณ 53 คนจาก 100 คนในปีแรก
ผมคํานวนได้ตัวเลขเบี้ยรับรวม 10 ปี ตั้งแต่ปี2549-2558..........
*** เป็นเงิน 102,761.212ล้านบาท ***
**** ซึ่งยอดนี้ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวเงินนะครับ ***
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
คุณลูกอิสาน คุณweerapongครับ SCNYL ครับ !!!!
โพสต์ที่ 2
เมื่อหักเบี้ยรับรวมด้วยค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวเงินจะเหลือเป็นเงินที่จะนําไปลงทุนต่อของบริษัท ............
ค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวเงินในธุรกิจประกัน
1.ค่าคอมมิสชั่น คิดปีแรก 30% ของเบี้ยและคิด 20% 10% และ 5% ในปีที่ 4 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ต้องจ่ายค่าคอม
2.อัตราการจ่ายสินไหมทดแทน รวมถึงการจ่ายปันผล ประมาณ 30% ของเบี้ยรับแต่ละปี
3.ค่าใช้จ่ายในการประกัน กรณี AIA ประมาณ 5% ของเบี้ยรับ แต่ SCNYL มีขนาดเล็กกว่าคิดที่ 8% ของเบี้ยรับ
ค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวเงินในธุรกิจประกัน
1.ค่าคอมมิสชั่น คิดปีแรก 30% ของเบี้ยและคิด 20% 10% และ 5% ในปีที่ 4 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ต้องจ่ายค่าคอม
2.อัตราการจ่ายสินไหมทดแทน รวมถึงการจ่ายปันผล ประมาณ 30% ของเบี้ยรับแต่ละปี
3.ค่าใช้จ่ายในการประกัน กรณี AIA ประมาณ 5% ของเบี้ยรับ แต่ SCNYL มีขนาดเล็กกว่าคิดที่ 8% ของเบี้ยรับ
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
คุณลูกอิสาน คุณweerapongครับ SCNYL ครับ !!!!
โพสต์ที่ 3
เมื่อหักค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวเงินแล้ว ........
เหลือเงินที่บริษัทจะนําไปลงทุนต่อ 49,245.464 ล้านบาท ...........
และตามที่คุณลูกอิสานบอกมาว่า ............
"ทุกบริษัทประกันชีวิตขาดทุนจากกิจกรรมประกันชีวิต แต่มีรายได้หลักจากการนำเบี้ยประกันที่ยังไม่ถึงกำหนดทดแทนสินใหม-ชำระคืน ไปหาดอกผล ส่วนใหญ่จะนำไปลงทุนในพันธบัตร หุ้นกู้เอกชน และส่วนน้อยในหุ้น จากตัวเลขเฉลี่ยบริษัทประกันชีวิตจะมีกำไรสุทธิเป็น 50% ของรายได้จากกิจกรรมการลงทุน "
*** หากSCNYL นําเงิน49,245.464 ล้านบาท ไปลงทุนได้ดอกเบี้ย5%หรือ2462.273ล้านบาท ดังนั้นจะมีกําไรประมาณ 1231.1366 ล้านบาท หรือ18.51บาทต่อหุ้น (66.5 ล้านหุ้น) ****
*** ถ้าให้เทรดที่พีอี10เท่า จะได้ราคาหุ้นใน10ปีข้างหน้าหรือปี2558 ประมาณ 185 บาท ***
** ราคาปิดวันนี้ 57 บาทเหลือgapอีก 128บาทกับระยะเวลา 10 ปี **
เหลือเงินที่บริษัทจะนําไปลงทุนต่อ 49,245.464 ล้านบาท ...........
และตามที่คุณลูกอิสานบอกมาว่า ............
"ทุกบริษัทประกันชีวิตขาดทุนจากกิจกรรมประกันชีวิต แต่มีรายได้หลักจากการนำเบี้ยประกันที่ยังไม่ถึงกำหนดทดแทนสินใหม-ชำระคืน ไปหาดอกผล ส่วนใหญ่จะนำไปลงทุนในพันธบัตร หุ้นกู้เอกชน และส่วนน้อยในหุ้น จากตัวเลขเฉลี่ยบริษัทประกันชีวิตจะมีกำไรสุทธิเป็น 50% ของรายได้จากกิจกรรมการลงทุน "
*** หากSCNYL นําเงิน49,245.464 ล้านบาท ไปลงทุนได้ดอกเบี้ย5%หรือ2462.273ล้านบาท ดังนั้นจะมีกําไรประมาณ 1231.1366 ล้านบาท หรือ18.51บาทต่อหุ้น (66.5 ล้านหุ้น) ****
*** ถ้าให้เทรดที่พีอี10เท่า จะได้ราคาหุ้นใน10ปีข้างหน้าหรือปี2558 ประมาณ 185 บาท ***
** ราคาปิดวันนี้ 57 บาทเหลือgapอีก 128บาทกับระยะเวลา 10 ปี **
- worapong
- Verified User
- โพสต์: 929
- ผู้ติดตาม: 0
ขอบคุณครับ
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณมากครับคุณโลโซที่ช่วยชี้แนะ และคำนวณให้ดูด้วย ผมเองคำนวณไม่เก่งเลยไม่มีความเห็นสักเท่าไร แต่ถ้าราคาหุ้นในปัจจุบันมีดิสเคาท์มากๆ พวกผู้บริหารคงแย่งกันซื้อหมดแล้วครับ แต่ถ้าสิบปีขึ้นไปประมาณ4เท่าก็ให้ผลตอบแทนประมาณ15% ต่อปี ก็ไม่เลวนักนะครับ ตอนนี้ไม่ทราบว่าคุณโลโซคิดว่ามีหุ้นตัวไหนน่าสนใจบ้างครับ แล้วคิดว่ามูลค่าเหมาะสมควรเป็นเท่าไรครับ :twisted: :twisted:
margin of safety
circle of competence
waiting for the perfect pitch
circle of competence
waiting for the perfect pitch
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
คุณลูกอิสาน คุณweerapongครับ SCNYL ครับ !!!!
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณคุณ LOSO ที่สละเวลาตรวจสอบตัวเลขครับ
ผมกลับไปดูและทบทวนตัวเลขแล้ว
ปรากฎว่าผมหน้าแตกครับ คือคำนวณตัวเลขบางส่วนไม่ถูกต้อง ทำให้ตัวเลขเงินลงทุนสูงเกินจริง สาเหตุคือเนื่องจากเบี้ยรับปีแรก 50% เป็นเบี้ยชำระครั้งเดียว (Single premium) แต่ผมคำนวณเบี้ยส่วนนี้เสมือนเป็นเบี้ยที่ลูกค้าต้องชำระต่อเนื่อง 7 ปี ต้องขอโทษทุกท่านด้วยครับ สำหรับความสะเพร่าครั้งนี้ :oops:
ที่ถูกต้องน่าจะเป็นอย่างนี้ครับ..
และได้ปรับเปลี่ยนตัวแปรบางตัวให้มีความถูกต้องมากขึ้นครับ
1.การต่อประกัน 90% 3 ปีแรก หลังจากนั้นต่อ 100% เพราะปกติการไม่ต่อประกันมักเกิดในช่วง 1-2 ปีแรกเท่านั้น จากสมมุติฐานนี้ 100 คน จะส่งประกันครบ 7 ปี 73 คน
2.ค่าคอมมิสชั่น จากสมมุติฐานเดิมคิดเป็น 7.6% ของเบี้ยรับ ซึ่งคิดว่าน้อยเกินไป (บริษัทั่วไป 20%) ดังนั้นปรับขึ้นมาเป็น 13%
3.ค่าสินใหมคิดเท่าเดิม 30% สำหรับประกันสามัญ และคิด 3.5% สำหรับ Credit life เนื่องจากผมคิดว่าประกันส่วนนี้เป็นประกันบังคับซื้อ ไม่ควรมีผลขาดทุน ดังนั้นหลักหักค่าใช้จ่ายประมาณ 30% แล้วเหลือ 70% คุ้มครองการผ่อนนาน 20 ปี หรือ 3.5% ต่อปี
4.ค่าใช้จ่ายประกัน 7% สำหรับประกันทั่วไป และ 10% สำหรับ Credit life
5.ผลตอบแทนการลงทุน 5.5% เพราะดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้นมามาก ไม่น่าจะน้อยกว่า 5.5% 10 ปีข้างหน้า
6.กำไร 50% จากผลตอบแทนการลงทุนประกันสามัญ และ 70% สำหรับเงินลงทุน Credit life เนื่องจากประกันส่วนนี้ ไม่ควรจะมีผลขาดทุน (สังเกตุได้ว่าการขาดทุนจากประกันลดลงหลายไตรมาสแล้ว และไตรมาสล่าสุดมีกำไรด้วยครับ)
สรุปว่าเงินลงทุนลดลงเกือบๆครึ่งนึงจากการคำนวณผิดพลาดครับ เหลือประมาณ 75,000 ล้าน ในปี 2558 และกำไรก็ลดลงเช่นกันเหลือ 2,150 ล้าน แต่ก็ยังน่าจะให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจประมาณ 23% ต่อปี
ตัวเลขข้างต้น คงไม่รับประกันได้ว่าจะถูกต้องนะครับ กำไรอาจจะมากหรือน้อยกว่าคาด เพราะขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายตัว นอกจากนั้นยังทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าถึง 10 ปี แต่ผมก็พยายามรวบรวมเท่าที่จะเป็นไปได้นะครับ คงต้องรอดูว่าจะเป็นไปตามที่คาดหรือเปล่า
สำหรับเพื่อนๆทีได้ซื้อหุ้นเร็วๆนี้ ก็ดูตัวเลขทบทวนได้นะครับว่า ผลตอบแทนระดับนี้ยังเป็นที่น่าพอใจหรือเปล่า :D
ขอบคุณท่าน LOSO อีกครั้งครับ ถ้าไม่มีคนท้วงติง อาจจะพาเข้าป่าเข้าพงไปแล้วครับ
ผมกลับไปดูและทบทวนตัวเลขแล้ว
ปรากฎว่าผมหน้าแตกครับ คือคำนวณตัวเลขบางส่วนไม่ถูกต้อง ทำให้ตัวเลขเงินลงทุนสูงเกินจริง สาเหตุคือเนื่องจากเบี้ยรับปีแรก 50% เป็นเบี้ยชำระครั้งเดียว (Single premium) แต่ผมคำนวณเบี้ยส่วนนี้เสมือนเป็นเบี้ยที่ลูกค้าต้องชำระต่อเนื่อง 7 ปี ต้องขอโทษทุกท่านด้วยครับ สำหรับความสะเพร่าครั้งนี้ :oops:
ที่ถูกต้องน่าจะเป็นอย่างนี้ครับ..
และได้ปรับเปลี่ยนตัวแปรบางตัวให้มีความถูกต้องมากขึ้นครับ
1.การต่อประกัน 90% 3 ปีแรก หลังจากนั้นต่อ 100% เพราะปกติการไม่ต่อประกันมักเกิดในช่วง 1-2 ปีแรกเท่านั้น จากสมมุติฐานนี้ 100 คน จะส่งประกันครบ 7 ปี 73 คน
2.ค่าคอมมิสชั่น จากสมมุติฐานเดิมคิดเป็น 7.6% ของเบี้ยรับ ซึ่งคิดว่าน้อยเกินไป (บริษัทั่วไป 20%) ดังนั้นปรับขึ้นมาเป็น 13%
3.ค่าสินใหมคิดเท่าเดิม 30% สำหรับประกันสามัญ และคิด 3.5% สำหรับ Credit life เนื่องจากผมคิดว่าประกันส่วนนี้เป็นประกันบังคับซื้อ ไม่ควรมีผลขาดทุน ดังนั้นหลักหักค่าใช้จ่ายประมาณ 30% แล้วเหลือ 70% คุ้มครองการผ่อนนาน 20 ปี หรือ 3.5% ต่อปี
4.ค่าใช้จ่ายประกัน 7% สำหรับประกันทั่วไป และ 10% สำหรับ Credit life
5.ผลตอบแทนการลงทุน 5.5% เพราะดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้นมามาก ไม่น่าจะน้อยกว่า 5.5% 10 ปีข้างหน้า
6.กำไร 50% จากผลตอบแทนการลงทุนประกันสามัญ และ 70% สำหรับเงินลงทุน Credit life เนื่องจากประกันส่วนนี้ ไม่ควรจะมีผลขาดทุน (สังเกตุได้ว่าการขาดทุนจากประกันลดลงหลายไตรมาสแล้ว และไตรมาสล่าสุดมีกำไรด้วยครับ)
สรุปว่าเงินลงทุนลดลงเกือบๆครึ่งนึงจากการคำนวณผิดพลาดครับ เหลือประมาณ 75,000 ล้าน ในปี 2558 และกำไรก็ลดลงเช่นกันเหลือ 2,150 ล้าน แต่ก็ยังน่าจะให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจประมาณ 23% ต่อปี
ตัวเลขข้างต้น คงไม่รับประกันได้ว่าจะถูกต้องนะครับ กำไรอาจจะมากหรือน้อยกว่าคาด เพราะขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายตัว นอกจากนั้นยังทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าถึง 10 ปี แต่ผมก็พยายามรวบรวมเท่าที่จะเป็นไปได้นะครับ คงต้องรอดูว่าจะเป็นไปตามที่คาดหรือเปล่า
สำหรับเพื่อนๆทีได้ซื้อหุ้นเร็วๆนี้ ก็ดูตัวเลขทบทวนได้นะครับว่า ผลตอบแทนระดับนี้ยังเป็นที่น่าพอใจหรือเปล่า :D
ขอบคุณท่าน LOSO อีกครั้งครับ ถ้าไม่มีคนท้วงติง อาจจะพาเข้าป่าเข้าพงไปแล้วครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
คุณลูกอิสาน คุณweerapongครับ SCNYL ครับ !!!!
โพสต์ที่ 6
นี่หล่ะ ข้อดีของเวปเราที่มีปราชญ์มากมาย
ท่านหนึ่งเห็นข้อมูลที่ไม่ถูกไม่ควร ก็หวังจะช่วยเหลืออย่างสร้างสรรค์
ท่านหนึ่งเมื่อเห็นผิด ก็ยอมรับความผิดอย่างเต็มที่
ผมภูมิใจมากๆที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเวปนี้
อย่างน้อยที่สุดถึงแม้นเราจะไม่มีข้อมูลที่จะให้ แต่ก็มีความจริงใจที่จะรับ
ท่านหนึ่งเห็นข้อมูลที่ไม่ถูกไม่ควร ก็หวังจะช่วยเหลืออย่างสร้างสรรค์
ท่านหนึ่งเมื่อเห็นผิด ก็ยอมรับความผิดอย่างเต็มที่
ผมภูมิใจมากๆที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเวปนี้
อย่างน้อยที่สุดถึงแม้นเราจะไม่มีข้อมูลที่จะให้ แต่ก็มีความจริงใจที่จะรับ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
คุณลูกอิสาน คุณweerapongครับ SCNYL ครับ !!!!
โพสต์ที่ 8
คุณลูกอิสานครับ ................
ค่าที่ใช้จ่ายในธุรกิจนี้มี 2 ส่วนนะครับ ..........
1.ค่าใช้จ่ายในการรับประกันชีวิต ซึ่งประกอบด้วย
1.1เงินจ่ายตามกรมธรรม์ประกันชีวิต
1.2ค่าจ้างและค่าบําเหน็จ
1.3ค่าใช้จ่ายในการรับประกันชีวิต
ซึ่งคุณลูกอิสานพูดถึงทั้ง 3 ส่วนนี้ไปแล้วครับ ............
แต่ยังไม่ได้คิดถึงค่าใช้จ่ายในการรับประกันชีวิตอีกอันนึงครับ ที่ผมคิดว่าสําคัญมาก ...............
*** นั่นก็คือ เงินสํารองประกันชีวิต ****
ซึ่งเงินสํารอง(ตามที่ทางราชการกําหนดหลักเกณฑ์ไว้)นี้ก็เพื่อความมั่นคงของบริษัทเพื่อให้สามารถคุ้มครองดูแลผู้ถือกรมธรรม์ได้ในระยะยาวตามอายุกรมธรรม์ .......
*** ถ้าลองไปดูงบการเงินของSCNYLจะเห็นรายการนี้อยู่ครับ ****
**** ดังนั้นเบี้ยประกันที่รับเข้ามาแล้วหักด้วยค่าใช้จ่าย 3 ข้อ 1.1 1.2 1.3 แล้วเหลือเท่าไหร่เอาไปลงทุนต่อ น่าจะไม่ใช่ คงต้องหักเงินที่หักไว้เป็นเงินสํารองประกันชีวิตก่อน *****
***ถ้าดูงบQ3/48 จะเห็นรายการนี้ว่า เงินสํารองประกันชีวิตเพิ่มจากปีก่อนถึง1436ล้านกว่าบาท ***
*** ดังนั้นเงินที่นําไปลงทุนที่คุณลูกอิสานคิดออกมาที่ 75,000ล้านบาทนั้น น่าจะมากเกินความจริงไปเยอะนะครับ ***
** ซึ่งจะทําให้การforecast กําไรในอนาคต ปันผลในอนาคตและราคาหุ้นในอนาคตที่ทําออกมาคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไปเยอะนะครับ *****
ค่าที่ใช้จ่ายในธุรกิจนี้มี 2 ส่วนนะครับ ..........
1.ค่าใช้จ่ายในการรับประกันชีวิต ซึ่งประกอบด้วย
1.1เงินจ่ายตามกรมธรรม์ประกันชีวิต
1.2ค่าจ้างและค่าบําเหน็จ
1.3ค่าใช้จ่ายในการรับประกันชีวิต
ซึ่งคุณลูกอิสานพูดถึงทั้ง 3 ส่วนนี้ไปแล้วครับ ............
แต่ยังไม่ได้คิดถึงค่าใช้จ่ายในการรับประกันชีวิตอีกอันนึงครับ ที่ผมคิดว่าสําคัญมาก ...............
*** นั่นก็คือ เงินสํารองประกันชีวิต ****
ซึ่งเงินสํารอง(ตามที่ทางราชการกําหนดหลักเกณฑ์ไว้)นี้ก็เพื่อความมั่นคงของบริษัทเพื่อให้สามารถคุ้มครองดูแลผู้ถือกรมธรรม์ได้ในระยะยาวตามอายุกรมธรรม์ .......
*** ถ้าลองไปดูงบการเงินของSCNYLจะเห็นรายการนี้อยู่ครับ ****
**** ดังนั้นเบี้ยประกันที่รับเข้ามาแล้วหักด้วยค่าใช้จ่าย 3 ข้อ 1.1 1.2 1.3 แล้วเหลือเท่าไหร่เอาไปลงทุนต่อ น่าจะไม่ใช่ คงต้องหักเงินที่หักไว้เป็นเงินสํารองประกันชีวิตก่อน *****
***ถ้าดูงบQ3/48 จะเห็นรายการนี้ว่า เงินสํารองประกันชีวิตเพิ่มจากปีก่อนถึง1436ล้านกว่าบาท ***
*** ดังนั้นเงินที่นําไปลงทุนที่คุณลูกอิสานคิดออกมาที่ 75,000ล้านบาทนั้น น่าจะมากเกินความจริงไปเยอะนะครับ ***
** ซึ่งจะทําให้การforecast กําไรในอนาคต ปันผลในอนาคตและราคาหุ้นในอนาคตที่ทําออกมาคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไปเยอะนะครับ *****
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
คุณลูกอิสาน คุณweerapongครับ SCNYL ครับ !!!!
โพสต์ที่ 9
ค่าใช้จ่ายอีกประการหนึ่งที่คุณลูกอิสานยังไม่ได้พูดถึงก้อคือ ........
2ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานครับ ซึ่งประกอบด้วย
2.1ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน
หลายคนอาจคิดว่าอ้าวก็ใช้พนักงานแบงค์ไทยพาณิชย์นี่นา ไทยพาณิชย์จ่ายเงินเดือนให้นี่นา SCNYLต้องจ่ายด้วยหรือ???
*** ต้องจ่ายครับเพราะมีสํานักงานใหญ่และสํานักงานสาขาอีก37แห่ง ซึ่งต้องใช้บุคลากร ต้องจ่ายเงินเดือนครับ *********
ในงบQ3/48 รายจ่ายนี้กว่า96ล้านบาทนะครับ ***
2.2ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคาร สถานที่และอุกรณ์
ในงบQ3/48รายจ่ายนี้อีกกว่า 34 ล้านบาท
2.3 ค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาด
2.4 ค่าตอบแทนกรรมการ
2.5 ค่าภาษีอากร
2.6อื่นๆ
ถ้าคิดรายจ่ายประการที่2 ผมว่าตัวเลขที่ประเมินออกมาน่าจะคลาดเคลื่อนไปแยะนะครับ .......
2ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานครับ ซึ่งประกอบด้วย
2.1ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน
หลายคนอาจคิดว่าอ้าวก็ใช้พนักงานแบงค์ไทยพาณิชย์นี่นา ไทยพาณิชย์จ่ายเงินเดือนให้นี่นา SCNYLต้องจ่ายด้วยหรือ???
*** ต้องจ่ายครับเพราะมีสํานักงานใหญ่และสํานักงานสาขาอีก37แห่ง ซึ่งต้องใช้บุคลากร ต้องจ่ายเงินเดือนครับ *********
ในงบQ3/48 รายจ่ายนี้กว่า96ล้านบาทนะครับ ***
2.2ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคาร สถานที่และอุกรณ์
ในงบQ3/48รายจ่ายนี้อีกกว่า 34 ล้านบาท
2.3 ค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาด
2.4 ค่าตอบแทนกรรมการ
2.5 ค่าภาษีอากร
2.6อื่นๆ
ถ้าคิดรายจ่ายประการที่2 ผมว่าตัวเลขที่ประเมินออกมาน่าจะคลาดเคลื่อนไปแยะนะครับ .......
- Hero_man
- Verified User
- โพสต์: 270
- ผู้ติดตาม: 0
คุณลูกอิสาน คุณweerapongครับ SCNYL ครับ !!!!
โพสต์ที่ 10
คุ้น ๆ นะครับว่าทุกบริษัทที่ธุรกิจประกันชีวิต จะต้อง ส่ง การประกันไปยังบริษัทรับประกันภัยต่อ เพื่อลดความเสี่ยงในการชำระค่าสินไหม และ ต้องส่งทุกเคสด้วยมั้งครับ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเวลาคำนวณเบี้ยประกันโดยประมาณได้หักเบี้ยประกันส่วนที่ต้องส่งให้กับบริษัทรับประกันต่อแล้วหรือยัง :?:
กระแสน้ำเปลี่ยนใจปลา..
กาลเวลาเปลี่ยนใจคน...
กาลเวลาเปลี่ยนใจคน...
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
คุณลูกอิสาน คุณweerapongครับ SCNYL ครับ !!!!
โพสต์ที่ 11
งบการเงินของบริษัท ไตรมาส 3 ล่าสุดครับ
ประเด็นแรกเรื่องเงินสำรองประกันชีวิต
อันนี้เข้าใจได้ไม่ยากครับ เงินสำรองนี้กรมการประกันภัยกำหนดให้สำรอง เพื่อชดใช้สินไหมหรือคืนให้กับผู้เอาประกันในอนาคต เงินสำรองนี้จะบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน และเป็นหนี้สินในงบดุล แต่สำรองส่วนนี้ยังไม่ได้จ่ายเป็นเงินสดออกไปจริง คล้ายๆกับค่าเสื่อมในงบบริษัททั่วไปครับ และสำรองส่วนนี้นี่เอง ที่บริษัทจะนำไปหาประโยชน์ซึ่งเป็นรายได้หลักของธุรกิจประกันครับ
ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน อาคาร หรือ อื่นๆ ได้รวมอยู่ใน คชจ หรือค่าใช้จ่ายที่แสดงแล้วครับ (7% สำหรับประกันสามัญและ 10% สำหรับ Credit life) จากงบจะเป็นได้ว่า ค่าใช้จ่ายส่วนนี้คิดเป็น 7.9% ของเบี้ยรับ ในไตรมาสล่าสุด และ 8.9% ในงบ 9 เดือน ค่าใช้จ่ายส่วนนี้มักจะเป็น fix cost ดังนั้นหากฐานเบี้ยประกันรับเพิ่มขึ้น % ค่าใช้จ่ายจะลดลง กรณี scnyl ตัวเลขนี้มีแนวโน้มลดลงตลอดตามเบี้ยประกันรับที่เพิ่มขึ้นครับ หากไปดูบริษัทที่ mature อย่าง AIA จะมีตัวเลขประมาณ 5 % ของเบี้ยรับครับ
ส่วนการส่งประกันภัยต่อ มักพบในประกันภัย ที่มีวงเงินการเอาประกันสูงๆครับ หากไม่ส่งต่อประกัน เกิดการเคลมขึ้นมา บริษัทอาจจะเสียหายหนักได้ครับ จำเป็นต้องส่งต่อประกัน แต่ในกรณีที่มีลูกค้าจำนวนมาก วงเงินการเอาประกันไม่สูง จะไม่ส่งต่อประกันครับ เช่น ประกันรถยนย์ ประกันชีวิต
ประเด็นแรกเรื่องเงินสำรองประกันชีวิต
อันนี้เข้าใจได้ไม่ยากครับ เงินสำรองนี้กรมการประกันภัยกำหนดให้สำรอง เพื่อชดใช้สินไหมหรือคืนให้กับผู้เอาประกันในอนาคต เงินสำรองนี้จะบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน และเป็นหนี้สินในงบดุล แต่สำรองส่วนนี้ยังไม่ได้จ่ายเป็นเงินสดออกไปจริง คล้ายๆกับค่าเสื่อมในงบบริษัททั่วไปครับ และสำรองส่วนนี้นี่เอง ที่บริษัทจะนำไปหาประโยชน์ซึ่งเป็นรายได้หลักของธุรกิจประกันครับ
ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน อาคาร หรือ อื่นๆ ได้รวมอยู่ใน คชจ หรือค่าใช้จ่ายที่แสดงแล้วครับ (7% สำหรับประกันสามัญและ 10% สำหรับ Credit life) จากงบจะเป็นได้ว่า ค่าใช้จ่ายส่วนนี้คิดเป็น 7.9% ของเบี้ยรับ ในไตรมาสล่าสุด และ 8.9% ในงบ 9 เดือน ค่าใช้จ่ายส่วนนี้มักจะเป็น fix cost ดังนั้นหากฐานเบี้ยประกันรับเพิ่มขึ้น % ค่าใช้จ่ายจะลดลง กรณี scnyl ตัวเลขนี้มีแนวโน้มลดลงตลอดตามเบี้ยประกันรับที่เพิ่มขึ้นครับ หากไปดูบริษัทที่ mature อย่าง AIA จะมีตัวเลขประมาณ 5 % ของเบี้ยรับครับ
ส่วนการส่งประกันภัยต่อ มักพบในประกันภัย ที่มีวงเงินการเอาประกันสูงๆครับ หากไม่ส่งต่อประกัน เกิดการเคลมขึ้นมา บริษัทอาจจะเสียหายหนักได้ครับ จำเป็นต้องส่งต่อประกัน แต่ในกรณีที่มีลูกค้าจำนวนมาก วงเงินการเอาประกันไม่สูง จะไม่ส่งต่อประกันครับ เช่น ประกันรถยนย์ ประกันชีวิต
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
คุณลูกอิสาน คุณweerapongครับ SCNYL ครับ !!!!
โพสต์ที่ 12
คุณลูกอิสานครับ รบกวนนิดนึงครับ ที่บอกว่า ............
" จากตัวเลขเฉลี่ย บริษัทประกันชีวิตจะมีกำไรสุทธิเป็น 50% ของรายได้จากกิจกรรมการลงทุน "
*** และใช้อันนี้ในการคาดการณ์กําไร ***
***** อยากทราบที่มาที่ไปและreferenceในการสรุปความอย่างนั้นหน่อยครับ ผมจะได้หายสงสัยว่ามันมาจากไหน มาได้ยังไง และเพื่อนๆที่ถือหรือคิดจะเข้าซื้อจะได้ทราบและเข้าใจเช่นกัน *****
***เพราะความตรงนี้มีผลกับตัวเลขกําไรบรรทัดสุดท้ายและราคาที่ควรเป็น ซึ่งอาจจะ underไปมาก overไปมากหรือใกล้เคียงแล้ว *****
ขอบคุณล่วงหน้าครับผม..........
**** แล้วพรุ่งนี้ผมมีประเด็นข้อที่ผมสงสัย กังวล concernและมันดูแปลกๆ มาคุยกันต่อครับ ซึ่งผมไม่ทราบว่าคนที่ซื้อไปแล้วทราบหรือเคยคิดบ้างไหม****
" จากตัวเลขเฉลี่ย บริษัทประกันชีวิตจะมีกำไรสุทธิเป็น 50% ของรายได้จากกิจกรรมการลงทุน "
*** และใช้อันนี้ในการคาดการณ์กําไร ***
***** อยากทราบที่มาที่ไปและreferenceในการสรุปความอย่างนั้นหน่อยครับ ผมจะได้หายสงสัยว่ามันมาจากไหน มาได้ยังไง และเพื่อนๆที่ถือหรือคิดจะเข้าซื้อจะได้ทราบและเข้าใจเช่นกัน *****
***เพราะความตรงนี้มีผลกับตัวเลขกําไรบรรทัดสุดท้ายและราคาที่ควรเป็น ซึ่งอาจจะ underไปมาก overไปมากหรือใกล้เคียงแล้ว *****
ขอบคุณล่วงหน้าครับผม..........
**** แล้วพรุ่งนี้ผมมีประเด็นข้อที่ผมสงสัย กังวล concernและมันดูแปลกๆ มาคุยกันต่อครับ ซึ่งผมไม่ทราบว่าคนที่ซื้อไปแล้วทราบหรือเคยคิดบ้างไหม****
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
คุณลูกอิสาน คุณweerapongครับ SCNYL ครับ !!!!
โพสต์ที่ 13
กำไร 50% ของรายได้จากเงินลงทุน มาได้อย่างไร
ผมก็อ้างอิงจากบริษัทประกันชีวิตอื่นๆครับ
ตัวเลขเท่าที่ผมมี ปี 2546 เป็นดังนี้ครับ (กำไรสุทธิ/รายได้เงินลงทุน)
เอไอเอ (8249/15799)= 52.21%
ไทยประกันชีวิต (1492/3063) = 48.71%
กรุงเทพประกันชีวิต (253/753) = 31.2%
เมืองไทยประกันชีวิต (269/1152) = 23.35%
AACP (124/1962)= 6.3%
SCNYL 9 เดือน 2548 (211/356) = 59.27%
SCNYL 3 เดือน 2548 (142/139) = 100.72%
**รายได้จากเงินลงทุน 100 บาท เหลือเป็นกำไรสุทธิ 50 บาท อีก 50 บ.นำไปชดเชยผลขาดทุนจากการประกันและการเสียภาษีนิติบุคคล
จากตัวเลขข้างต้นผมคิดว่ากำไรที่ 50% ของรายได้ลงทุนสำหรับ SCNYL น่าจะ conservative เพียงพอครับ และผมก็ยังมีข้อสมมุติฐานสนับสนุนอีกหลายข้อครับเช่น
1.สัดส่วนกำไรของ SCNYL ควรจะสูงกว่าบริษัทอื่นๆ เพราะไม่ต้องเสียงบโฆษณาในตลาด mass(เช่นทีวี) เหมือนบริษัทอื่นๆ อาศัยเชื่อเสียงและฐานลูกค้าของบริษัทแม่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ก็เพียงพอ
2. ระยะ 2-3 ปีทีผ่านมาอยู่ในยุคดอกเบี้ยต่ำ ทำให้รายได้จากการลงทุนลดลง หากดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นเหมือนในปัจจุบัน รายได้จากเงินลงทุนของบริษัทประกันก็ควรจะสูงขึ้น ส่งผลให้กำไรสูงขึ้นเช่นกัน
3.บริษัทประกันที่เน้นการครองส่วนแบ่งการตลาด เช่น AACP จะทำกำไรได้น้อย เพราะมีค่าใช้จ่ายมากกว่าปกติ
4.SCNYL มีสัดส่วนลูกค้าประกันสินเชื่อ Credit life จำนวนมาก ซึ่งเป็นประกันที่ลูกค้าถูกบังคับให้ซื้อเมื่อต้องการขอสินเชื่อ ดังนั้น SCNYL สามารถออกแบบกรรมธรณ์ให้ได้กำไรหรืออย่างน้อยเท่าทุนได้ ทำให้กำไรจากเงินลงทุนส่วนนี้ 100% ไม่ต้องนำไปชดเชยการขาดทุนจากประกันสามัญอีก 50% เหมือนบริษัททั่วไปครับ
ขอบคุณท่าน LOSO และเพื่อนๆ :D ที่ช่วยทักท้วงและสอบถามข้อสมมุติฐาน ผมยินดีที่จะตอบ เท่าที่มีความรู้จะตอบได้นะครับ แต่แน่นอนที่สุดว่าเรากำลังคาดการณ์จากข้อมูลความ-เข้าใจเท่าที่มี ดังนั้นผิด-ถูกย่อมเกิดขึ้นได้ และผมยังเชื่อว่า แม้ในระยะสั้นราคาหุ้นอาจจะผันผวนตามแรงเชียร์ซื้อ-แรงเชียร์ขาย แต่สุดท้าย กำไรจะเป็นตัวกำหนดราคาหุ้นเสมอครับ
ผมก็อ้างอิงจากบริษัทประกันชีวิตอื่นๆครับ
ตัวเลขเท่าที่ผมมี ปี 2546 เป็นดังนี้ครับ (กำไรสุทธิ/รายได้เงินลงทุน)
เอไอเอ (8249/15799)= 52.21%
ไทยประกันชีวิต (1492/3063) = 48.71%
กรุงเทพประกันชีวิต (253/753) = 31.2%
เมืองไทยประกันชีวิต (269/1152) = 23.35%
AACP (124/1962)= 6.3%
SCNYL 9 เดือน 2548 (211/356) = 59.27%
SCNYL 3 เดือน 2548 (142/139) = 100.72%
**รายได้จากเงินลงทุน 100 บาท เหลือเป็นกำไรสุทธิ 50 บาท อีก 50 บ.นำไปชดเชยผลขาดทุนจากการประกันและการเสียภาษีนิติบุคคล
จากตัวเลขข้างต้นผมคิดว่ากำไรที่ 50% ของรายได้ลงทุนสำหรับ SCNYL น่าจะ conservative เพียงพอครับ และผมก็ยังมีข้อสมมุติฐานสนับสนุนอีกหลายข้อครับเช่น
1.สัดส่วนกำไรของ SCNYL ควรจะสูงกว่าบริษัทอื่นๆ เพราะไม่ต้องเสียงบโฆษณาในตลาด mass(เช่นทีวี) เหมือนบริษัทอื่นๆ อาศัยเชื่อเสียงและฐานลูกค้าของบริษัทแม่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ก็เพียงพอ
2. ระยะ 2-3 ปีทีผ่านมาอยู่ในยุคดอกเบี้ยต่ำ ทำให้รายได้จากการลงทุนลดลง หากดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นเหมือนในปัจจุบัน รายได้จากเงินลงทุนของบริษัทประกันก็ควรจะสูงขึ้น ส่งผลให้กำไรสูงขึ้นเช่นกัน
3.บริษัทประกันที่เน้นการครองส่วนแบ่งการตลาด เช่น AACP จะทำกำไรได้น้อย เพราะมีค่าใช้จ่ายมากกว่าปกติ
4.SCNYL มีสัดส่วนลูกค้าประกันสินเชื่อ Credit life จำนวนมาก ซึ่งเป็นประกันที่ลูกค้าถูกบังคับให้ซื้อเมื่อต้องการขอสินเชื่อ ดังนั้น SCNYL สามารถออกแบบกรรมธรณ์ให้ได้กำไรหรืออย่างน้อยเท่าทุนได้ ทำให้กำไรจากเงินลงทุนส่วนนี้ 100% ไม่ต้องนำไปชดเชยการขาดทุนจากประกันสามัญอีก 50% เหมือนบริษัททั่วไปครับ
ขอบคุณท่าน LOSO และเพื่อนๆ :D ที่ช่วยทักท้วงและสอบถามข้อสมมุติฐาน ผมยินดีที่จะตอบ เท่าที่มีความรู้จะตอบได้นะครับ แต่แน่นอนที่สุดว่าเรากำลังคาดการณ์จากข้อมูลความ-เข้าใจเท่าที่มี ดังนั้นผิด-ถูกย่อมเกิดขึ้นได้ และผมยังเชื่อว่า แม้ในระยะสั้นราคาหุ้นอาจจะผันผวนตามแรงเชียร์ซื้อ-แรงเชียร์ขาย แต่สุดท้าย กำไรจะเป็นตัวกำหนดราคาหุ้นเสมอครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
คุณลูกอิสาน คุณweerapongครับ SCNYL ครับ !!!!
โพสต์ที่ 14
ผมคิดว่าคนที่ซื้อแล้วและคนที่คิดจะเข้าซื้อ ต้องเข้าใจนะครับว่า........
ตัวเลขกําไรหรือปันผลหรือราคาที่คุณลูกอิสานประเมิน อยู่บนสมมุติฐานหรือassumptionอะไรและอย่างไร ...........
ที่สําคัญที่สุด คนที่ซื้อแล้วและคนที่คิดจะเข้าซื้อต้องติดตาม ต้องmonitorตัวเลขต่างๆที่เป็นสมมุติฐานในการคํานวน .............
อย่างเช่น สมมุติฐานที่ว่า " เบี้ยปีแรกของประกันแบบสามัญ สมมุติฐานที่ใช้ในการคํานวนกําหนดไว้ 2000 ล้านบาท "
ผมขอถามคนที่ถือหุ้นหรือคนที่คิดจะเข้าซื้อ นิดนึงครับ ว่า .................
ท่านทราบหรือไม่ว่า เดือนสิงหาคม2548ที่ผ่านมา เบี้ยประกันสามัญของSCNYLโตติดลบเป็นครั้งแรก .............
"เปิดผลงาน 8 เดือนค่ายประกันชีวิต เบี้ยรวมทะลุ 105,154 ล้านบาท ส่วนเบี้ยใหม่หายใจคล่องโตขึ้นเป็นเลขสองหลัก 10% แม้ตลาดสามัญยังฝืดกระหน่ำค่ายใหญ่ไม่พ้นบ่วงติดลบ เร่งขยายตลาดอื่นเก็บเบี้ยชดเชยทุกทาง ตะลึง! ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ฯ ผลงานติดลบเป็นครั้งแรก ส่อเค้าลูกค้าแบงก์แอสชัวรันส์ถึงคราวอิ่มตัว จับตากรุงเทพประกันชีวิต หยิบชิ้นปลามันขึ้นแท่นดาวเด่นแบงก์แอสชัวรันส์เป็นรายต่อไปหลังเปิดเกมรุกเบี้ยทะยานกลับมาอยู่อันดับห้าตามเดิม"
ท่านทราบหรือไม่ว่า เบี้ยประกันสามัญปีแรก SCNYLทําไว้สูงสุดเดือนมีนาคม 2548 ที่ 367.4 ล้านบาท ............
แล้วท่านทราบหรือไม่ว่า เดือนตุลาคม 2548 ที่ผ่านมา SCNYL เก็บเบี้ยประกันสามัญปีแรกได้เท่าไร 109 ล้านบาทครับ ถ้าเป็นอย่างนี้1ปีข้างหน้าจะได้เบี้ยประกันสามัญปีแรกเท่าไรครับ ............
แล้วท่านทราบหรือไม่ว่า เดือนพฤศจิกายน 2548 ที่ผ่านมา SCNYL เก็บเบี้ยประกันสามัญปีแรกได้เท่าไร 100.8 ล้านบาทครับ ถ้าเป็นอย่างนี้ 1ปีข้างหน้าจะได้เบี้ยประกันสามัญปีแรกเท่าไรครับ ............
ถ้าท่านซื้อหุ้นไปแล้วหรือคิดจะซื้อ แล้วบอกว่าไม่ทราบเลย ผมว่าไม่ดีกับตัวท่านนะครับ ..........
ที่ผมเขียนมาทั้งหมด มิได้มีเจตนาจะทุบหุ้น มิได้มีเจตนาจะต่อว่าคุณลูกอิสาน อย่างที่คุณลูกอิสานบอกนะครับว่าการประเมินมีผิดมีถูก มีคลาดเคลื่อนบ้างเพราะเราประเมินตามความเข้าใจ ตามความรู้ ตามการคาดการณ์ของเรา บนสมมุติฐานตัวเลขต่างๆ และอย่างที่ผมบอกนะครับ คนที่ซื้อแล้วและคนที่คิดจะเข้าซื้อต้องติดตาม ต้องmonitorตัวเลขต่างๆที่เป็นสมมุติฐานในการคํานวน ................
แล้ววันหลังผมจะเข้ามาคุยต่อในประเด็นอื่นครับ ..............
ตัวเลขกําไรหรือปันผลหรือราคาที่คุณลูกอิสานประเมิน อยู่บนสมมุติฐานหรือassumptionอะไรและอย่างไร ...........
ที่สําคัญที่สุด คนที่ซื้อแล้วและคนที่คิดจะเข้าซื้อต้องติดตาม ต้องmonitorตัวเลขต่างๆที่เป็นสมมุติฐานในการคํานวน .............
อย่างเช่น สมมุติฐานที่ว่า " เบี้ยปีแรกของประกันแบบสามัญ สมมุติฐานที่ใช้ในการคํานวนกําหนดไว้ 2000 ล้านบาท "
ผมขอถามคนที่ถือหุ้นหรือคนที่คิดจะเข้าซื้อ นิดนึงครับ ว่า .................
ท่านทราบหรือไม่ว่า เดือนสิงหาคม2548ที่ผ่านมา เบี้ยประกันสามัญของSCNYLโตติดลบเป็นครั้งแรก .............
"เปิดผลงาน 8 เดือนค่ายประกันชีวิต เบี้ยรวมทะลุ 105,154 ล้านบาท ส่วนเบี้ยใหม่หายใจคล่องโตขึ้นเป็นเลขสองหลัก 10% แม้ตลาดสามัญยังฝืดกระหน่ำค่ายใหญ่ไม่พ้นบ่วงติดลบ เร่งขยายตลาดอื่นเก็บเบี้ยชดเชยทุกทาง ตะลึง! ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ฯ ผลงานติดลบเป็นครั้งแรก ส่อเค้าลูกค้าแบงก์แอสชัวรันส์ถึงคราวอิ่มตัว จับตากรุงเทพประกันชีวิต หยิบชิ้นปลามันขึ้นแท่นดาวเด่นแบงก์แอสชัวรันส์เป็นรายต่อไปหลังเปิดเกมรุกเบี้ยทะยานกลับมาอยู่อันดับห้าตามเดิม"
ท่านทราบหรือไม่ว่า เบี้ยประกันสามัญปีแรก SCNYLทําไว้สูงสุดเดือนมีนาคม 2548 ที่ 367.4 ล้านบาท ............
แล้วท่านทราบหรือไม่ว่า เดือนตุลาคม 2548 ที่ผ่านมา SCNYL เก็บเบี้ยประกันสามัญปีแรกได้เท่าไร 109 ล้านบาทครับ ถ้าเป็นอย่างนี้1ปีข้างหน้าจะได้เบี้ยประกันสามัญปีแรกเท่าไรครับ ............
แล้วท่านทราบหรือไม่ว่า เดือนพฤศจิกายน 2548 ที่ผ่านมา SCNYL เก็บเบี้ยประกันสามัญปีแรกได้เท่าไร 100.8 ล้านบาทครับ ถ้าเป็นอย่างนี้ 1ปีข้างหน้าจะได้เบี้ยประกันสามัญปีแรกเท่าไรครับ ............
ถ้าท่านซื้อหุ้นไปแล้วหรือคิดจะซื้อ แล้วบอกว่าไม่ทราบเลย ผมว่าไม่ดีกับตัวท่านนะครับ ..........
ที่ผมเขียนมาทั้งหมด มิได้มีเจตนาจะทุบหุ้น มิได้มีเจตนาจะต่อว่าคุณลูกอิสาน อย่างที่คุณลูกอิสานบอกนะครับว่าการประเมินมีผิดมีถูก มีคลาดเคลื่อนบ้างเพราะเราประเมินตามความเข้าใจ ตามความรู้ ตามการคาดการณ์ของเรา บนสมมุติฐานตัวเลขต่างๆ และอย่างที่ผมบอกนะครับ คนที่ซื้อแล้วและคนที่คิดจะเข้าซื้อต้องติดตาม ต้องmonitorตัวเลขต่างๆที่เป็นสมมุติฐานในการคํานวน ................
แล้ววันหลังผมจะเข้ามาคุยต่อในประเด็นอื่นครับ ..............
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
คุณลูกอิสาน คุณweerapongครับ SCNYL ครับ !!!!
โพสต์ที่ 15
เห็นด้วยกับท่าน LOSO ครับ นักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรครับ หากมัวแต่ฟังหรือเชื่อคนอื่น โดยไม่คิดไตร่ตรอง หรือไม่รู้ที่มาที่ไป ไม่รู้ว่าคนอื่นอาจจะพูดแต่แง่ดี แต่ละเลยไม่พูดข้อเสียทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตการลงทุนก็มีน้อยครับ ขอยกคำพูดเตือนใจของ Graham ที่พี่ PP เคยโพสต์ไว้นะครับ
"You are neither right nor wrong because the crowd disagrees with you. You are right because your data and reasoning are right."
- Benjamin Graham, The Intelligent Investor (Fourth Revised Edition, page 287)
มาดู SCNYL กันต่อนะครับ
ประเด็นเรื่องเบี้ยปีแรก ตัวเลขย้อนหลัง 23 เดือน ทั้งประกันสามัญและประกัน Credit Life เป็นดังนี้ครับ
จากตัวเลขเราพอจะคาดการณ์แนวโน้มได้ครับว่า เบี้ยประกันสามัญปีแรกมีแนวโน้มลดลง ส่วนเบี้ยประกันปีแรก Credit life มีแนวโน้มทรงตัว-เพิ่มขี้นเล็กน้อย ความเสี่ยงนี้ผมเคยโพสต์ไว้ชัดเจนในหัวข้อความเสี่ยงดังนี้ครับ
ข้างต้นเป็นการมองโลกในแง่ร้ายนิดนึงนะครับ เพราะจากตัวเลข 23 เดือนที่ผ่านมา ตัวเลขรายเดือนจะค่อนข้างผันผวน และตัวเลขที่เรานำมาใช้ก็เป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดแล้ว แต่แน่นอนว่าในอนาคตตัวเลขเบี้ย 100 ล.ต่อเดือนไม่ใช่ตัวเลขที่จะต่ำที่สุด หรือจะเป็นตัวเลขสูงสุดแล้วที่จะทำได้
ข้อดีของการคาดการณ์อนาคตโดยใช้ตัวเลขล่าสุดคือมีความเป็นไปได้สูง แต่ข้อเสียคือหากตัวเลขล่าสุดนั้น มีความผันผวนมาก ก็จะส่งผลให้การคาดการณ์นั้นผิดเพี้ยนไปได้มากเช่นกัน เช่นหากเบี้ยประกัน 100 ล./เดือนเป็นการมองโลกในแง่ร้าย การมองโลกในแง่ดีคือไตรมาสล่าสุด SCNYL มีกำไร 142 ล้าน หาก*4 ไตรมาส เท่ากับ 570 ล.หรือ 8.54 บ./หุ้น ราคาหุ้น 61 บาท p/e 7.14 เท่า ครับ
ข้อดีของประกันที่มีธนาคารเป็นผู้ถือหุ้นอย่าง SCNYL คือเหมือนต้นไม้ที่มีรากมากมายครับ หากรากส่วนใดส่วนหนึ่งหายหรือลดไป ก็ยังมีส่วนอื่นๆมาชดเชยได้ เช่นประกันสามัญ Banc assurance ลดลงก็ยังประกันสามัญที่ขายผ่านตัวแทน และนอกจากประกันสามัญ ก็ยังมีเบี้ยประกัน Credit Life และหาก Credit Life บางส่วนลดลงเช่น สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ก็ยังมีสินเชื่ออื่นๆอีกเช่น สินเชื่อ SME สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เป็นต้น
อย่างที่คุณ LOSO พูดนะครับ เราจะซื้ออะไร ต้องเข้าใจธุรกิจนั้นนะครับ ถ้าไม่เข้าใจอย่าเพิ่งซื้อ ให้ศึกษาให้เข้าใจถ่องแท้เสียก่อน และจะเข้าใจได้ก็ต้องศึกษาและมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือครับ
หากมีประเด็นอื่นๆที่ต้องระวัง ก็รบกวนคุณ LOSO ช่วยแนะนำด้วยครับ
"You are neither right nor wrong because the crowd disagrees with you. You are right because your data and reasoning are right."
- Benjamin Graham, The Intelligent Investor (Fourth Revised Edition, page 287)
มาดู SCNYL กันต่อนะครับ
ประเด็นเรื่องเบี้ยปีแรก ตัวเลขย้อนหลัง 23 เดือน ทั้งประกันสามัญและประกัน Credit Life เป็นดังนี้ครับ
จากตัวเลขเราพอจะคาดการณ์แนวโน้มได้ครับว่า เบี้ยประกันสามัญปีแรกมีแนวโน้มลดลง ส่วนเบี้ยประกันปีแรก Credit life มีแนวโน้มทรงตัว-เพิ่มขี้นเล็กน้อย ความเสี่ยงนี้ผมเคยโพสต์ไว้ชัดเจนในหัวข้อความเสี่ยงดังนี้ครับ
หากนำตัวเลขล่าสุดคือเดือนกันยายนใช้เป็นฐาน SCNYL จะทำเบี้ยประกันปีแรกเฉพาะเบี้ยสามัญเท่ากับ 1,200 ล้านบาทต่อปี หากใช้ตัวเลขนี้ตั้งแต่ปี 2549 ถึง 2558 SCNYL ก็ยังมีเงินลงทุนสุทธิประมาณ 56,000 ล้านบาทและมีกำไรประมาณ 1,650 ล้าน ราคาหุ้นพีอี 10 เท่า 248 บาทต่อหุ้น ปันผลสะสม 69 บาท รวม 318 บาท หรือให้ผลตอบแทน 20% คิดแบบทบต้นไม่มีหุ้นตัวใดในโลก ไม่มีความเสี่ยง
มากน้อยแตกต่างกันไปตัวนี้ก็เช่นกัน
1.ความเสี่ยงของเบี้ยประกันรับปีแรก ซึ่งจะกำหนดเบี้ยในปีต่อๆไป ต้องยอมรับว่าเบี้ยปีแรก 4,000 ล้าน เป็นปริมาณที่สูงมาก ติด 1 ใน 4 ทั้งที่บริษัทเพิ่งเริ่มธุรกิจไม่นาน เปรียบเทียบกับเจ้าตลาดที่ทำตลาดมาก่อนหลายสิบปี
ประเด็นที่ทำให้เบี้ยปีแรกลด..
-ฐานลูกค้าขายประกันลดลง คือที่มีอยู่ก็ซื้อประกันไปหมดแล้ว ประเด็นนี้เป็นเรื่องจริงแน่นอน แต่ผมคิดว่าในระยะยาว เบี้ยประกันปีแรกปีละ 2-3 พันล้าน ก็นับว่าสูงอยู่ดี
-ธนาคารแลนแอนด์เฮ้า จะแย่งลูกค้าไปบางส่วน เพราะปัจจุบันลูกค้า LH ผ่อนกับ SCB เป็นส่วนใหญ่
-ธนาคารอื่นๆ เริ่มรุกธุรกิจ Bancassurance ทำให้แย่งลูกค้าที่เปิดบัญชีหลายธนาคาร
-ดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ประกันแบบสะสมทรัพย์ขายได้ยากขึ้น
โอกาสเพิ่มเบี้ย...
-การเร่งเข้าหาลูกค้ารายย่อยของ SCB โดยโหมขยายสาขาถึงปีละ 120 สาขาต่อปี ทำให้ได้ลูกค้าใหม่ๆ ทั้งลูกค้าผ่อนบ้านและลูกค้าประกันสามัญ
-การรุกขายประกันในฐานลูกค้าใหม่ๆ เช่นลูกค้า sME ที่ยังไม่ได้ทำ ลูกค้าผ่อนรถยนต์ของ SPL ลูกค้าจากธนาคารอาคารสังเคราะห์
-ลูกค้าที่เปิดบัญชีเงินฝาก เพิ่มขึ้นทุกปี
ข้างต้นเป็นการมองโลกในแง่ร้ายนิดนึงนะครับ เพราะจากตัวเลข 23 เดือนที่ผ่านมา ตัวเลขรายเดือนจะค่อนข้างผันผวน และตัวเลขที่เรานำมาใช้ก็เป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดแล้ว แต่แน่นอนว่าในอนาคตตัวเลขเบี้ย 100 ล.ต่อเดือนไม่ใช่ตัวเลขที่จะต่ำที่สุด หรือจะเป็นตัวเลขสูงสุดแล้วที่จะทำได้
ข้อดีของการคาดการณ์อนาคตโดยใช้ตัวเลขล่าสุดคือมีความเป็นไปได้สูง แต่ข้อเสียคือหากตัวเลขล่าสุดนั้น มีความผันผวนมาก ก็จะส่งผลให้การคาดการณ์นั้นผิดเพี้ยนไปได้มากเช่นกัน เช่นหากเบี้ยประกัน 100 ล./เดือนเป็นการมองโลกในแง่ร้าย การมองโลกในแง่ดีคือไตรมาสล่าสุด SCNYL มีกำไร 142 ล้าน หาก*4 ไตรมาส เท่ากับ 570 ล.หรือ 8.54 บ./หุ้น ราคาหุ้น 61 บาท p/e 7.14 เท่า ครับ
ข้อดีของประกันที่มีธนาคารเป็นผู้ถือหุ้นอย่าง SCNYL คือเหมือนต้นไม้ที่มีรากมากมายครับ หากรากส่วนใดส่วนหนึ่งหายหรือลดไป ก็ยังมีส่วนอื่นๆมาชดเชยได้ เช่นประกันสามัญ Banc assurance ลดลงก็ยังประกันสามัญที่ขายผ่านตัวแทน และนอกจากประกันสามัญ ก็ยังมีเบี้ยประกัน Credit Life และหาก Credit Life บางส่วนลดลงเช่น สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ก็ยังมีสินเชื่ออื่นๆอีกเช่น สินเชื่อ SME สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เป็นต้น
อย่างที่คุณ LOSO พูดนะครับ เราจะซื้ออะไร ต้องเข้าใจธุรกิจนั้นนะครับ ถ้าไม่เข้าใจอย่าเพิ่งซื้อ ให้ศึกษาให้เข้าใจถ่องแท้เสียก่อน และจะเข้าใจได้ก็ต้องศึกษาและมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือครับ
หากมีประเด็นอื่นๆที่ต้องระวัง ก็รบกวนคุณ LOSO ช่วยแนะนำด้วยครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- worapong
- Verified User
- โพสต์: 929
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมพี่โลโซถึงสนใจตัวนี้ครับ
โพสต์ที่ 16
ผมสงสัยนิดนึงนะครับว่าทำไมนักลงทุนระดับพี่โลโซถึงมาช่วยวิเคราะห์หุ้นตัวนี้ครับ เพราะว่าพอร์ตใหญ่ระดับพี่โลโซ ถึงซื้อหุ้นตัวนี้ทั้งสัปดาห์ก็ไม่น่ามีผลต่อพอร์ตของพี่ แต่ผมก็ดีใจนะครับที่คนเก่งๆขนาดพี่มาช่วยชี้แนะ
margin of safety
circle of competence
waiting for the perfect pitch
circle of competence
waiting for the perfect pitch
- worapong
- Verified User
- โพสต์: 929
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเรียนถามพี่โลโซครับ
โพสต์ที่ 17
ผมเคยอ่านข้อคิดเห็นของพี่โลโซมานาน และนับถือความสามารถของพี่ครับ เพราะผลตอบแทนเฉลี่ยของพี่ถือได้ว่าสุดยอดครับ ผมอยากจะขอความรู้หน่อยนะครับ พี่โลโซคิดว่า ถ้าพี่เป็นเจ้าของธุรกิจประกันชีวิตในต่างประเทศ แล้วได้สัมปทานการขายประกันชีวิตในธนาคารไทยพาณิชย์เป็นเวลาสิบหรือยี่สิบปีเพียงรายเดียว และได้เป็นพันธมิตรขายประกันสินเชื่อให้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยมีตัวเลขคร่าวๆคือ เบี้ยประกันรับปีแรกพันกว่าล้าน เบี้ยประกันแบบจ่ายครั้งเดียวสองพันกว่าล้าน เบี้ยต่อในปีนี้สามพันกว่าล้าน ปัจจุบันมีทรัพย์สินหมื่นสามพันล้าน กำไรเก้าเดือนสองร้อยล้าน และสถิติคนไทยมีกรมธรรม์ประกันชีวิตสิบห้าเปอร์เซ็นต์ พี่คิดว่าถ้าพี่จะซื้อบริษัทนี้ทั้งบริษัท พี่จะยอมจ่ายสักเท่าไรครับ อาจใช้สมมุติฐานอื่นๆที่ไม่เหมือนพี่ลูกอิสานในการคำนวณก็ได้ครับ :twisted: :twisted:
margin of safety
circle of competence
waiting for the perfect pitch
circle of competence
waiting for the perfect pitch