พฤหัสฯ. ก.ย. 21, 2006 11:56 am | 0 คอมเมนต์
ตัวนี้ดูๆแล้วน่าสนใจมั้ยคะ ช่วยกันวิเคราะห์หน่อยค่ะ
ข่าวเก่าๆ
เนื่องจากผลงาน "ไตรมาส 2 ต่ำเป้า" ราคาหุ้น "ร่วงหนัก" บิ๊ก PYLON "บดินทร์ แสงอารยะกุล" เลยร้อนอกร้อนใจ รีบออกมาให้คำมั่นว่า "ครึ่งปีที่เหลือ" จะกวาดรายได้ตามเป้า(ทั้งปี)ที่วางไว้ 500-600 ล้านบาทได้แน่ ๐ และมั่นใจว่า ผลงานไตรมาส 3 และ 4 จะ "ฟื้นตัว" ชัวร์ๆ ล่าสุดเพิ่งได้รับงานใหม่มาอีก 4 โครงการ มูลค่า 36 ล้าน และอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาอีกกว่า 100 ล้านบาท
"บิ๊กไพลอน" เชื่อ 'Fair Price' ต้อง 3 บาท
ชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไพลอน (PYLON) ผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานราก อธิบายแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทสำหรับปี 2549 ว่า จากเดิมที่มักจะอิงแหล่งรายได้ส่วนใหญ่จากงานก่อสร้างฐานรากของโครงการภาครัฐถึงกว่า 80% และได้งานจากภาคเอกชนเพียง 20%
จนเมื่อภาวะการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศยังไม่ชัดเจน ทำให้โครงการก่อสร้างต่างๆ ของภาครัฐต้องชะลอออกไป ขณะที่ไพลอนก็พยายามปรับ "สัดส่วน" รายได้ใหม่ ด้วยการหันมาจับงานประมูลจากภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้น
"รายได้จากภาครัฐและเอกชนของเราในตอนนี้เรียกได้ว่าครึ่งต่อครึ่ง"
เป้าหมายรายได้ของไพลอนในปี 2549 บริษัทตั้งไว้ที่ 550-600 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายได้ที่เติบโตขึ้นจากปีก่อน (280 ล้านบาท) ถึง "เท่าตัว"
โดยเราตั้งเป้าการเติบโตของกำไรไว้กว่า 30% จากปีก่อนที่มีกำไร 35.75 ล้านบาท...เท่ากับว่า กำไรของไพลอนในปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 46.47 ล้านบาท
ย้อนกลับมาดูความเคลื่อนไหวราคาหุ้น PYLON หลังจากขายไอพีโอที่ 2.86 บาท (23 ธ.ค. 2548) ราคาหุ้นปรับลดลงมาตลอดเทรดกันที่หุ้นละประมาณ 2 บาท
"ผมก็ไม่เข้าใจ เพราะราคาหุ้น PYLON ควรจะสะท้อนจากผลประกอบการ และความสามารถในการเติบโต...ซึ่งปัจจุบันเราแข็งแกร่งมาก เชื่อว่าหุ้นของเรา 'ไม่เป็นที่นิยม' คือสภาพคล่องของหุ้นอาจจะน้อย และเคลื่อนไหวไม่หวือหวา นักลงทุนเข้าง่ายแต่กลัวว่าจะออกยาก"
และกับราคาปัจจุบัน ประมาณ 2 บาท ผมในฐานะผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง (38.17%) คงตอบได้ว่า "ไม่พอใจ" เพราะราคา PYLON ตอนนี้มันต่ำกว่าพื้นฐานมาก
"พื้นฐานของเราวันนี้ ราคาต้องไม่ต่ำกว่าไอพีโอ คิดว่า 3 บาท น่าจะเป็นราคาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ PYLON ในเวลานี้" ชเนศวร์ กล่าวยืนยัน
เขามองต่อไปว่านักลงทุนที่มาลงทุนกับเรา (หุ้น PYLON) ในวันนี้ "ผมว่าถือหุ้นเราน่าจะดีกว่าถือเงินสด" เพราะเมื่อเทียบกับอัตราเติบโตอีก 2-3 ปีข้างหน้า รีเทิร์นที่นักลงทุนจะได้จาก PYLON ผมเชื่อว่าน่าจะได้ดีกว่านำเงินไปลงทุนทางเลือกอื่น ไม่อยากให้มองเพียงราคาแค่ระยะสั้น
สำหรับมาตรการที่บริษัทต้องดำเนินการในปีนี้คือ "หนึ่ง" ชะลอการลงทุนที่ไม่จำเป็น "สอง" เก็บสะสมเงินสด "สาม" ลดและควบคุมต้นทุน และ "สี่" ระมัดระวังในการรับงาน
ที่ผ่านมางานรับเหมาส่วนใหญ่ของไพลอนจะอิงกับการเข้าไปซับงานจาก บ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น" ถึงกว่า 80-90%
แต่ปีนี้รายได้ของไพลอนเริ่มกระจายตัวอย่างชัดเจน โดยช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้ สัดส่วนงานจาก บ.ซิโน-ไทย ลดลงมาเหลือเพียง 35-40%
"แม้จะเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ลดลง แต่มูลค่างานที่เรารับมาจาก บ.ซิโน-ไทย กลับไม่ลดลง นั่นเพราะเราเริ่มมีรายได้จากงานเอกชนรายอื่นเข้ามามากขึ้น"
ชเนศวร์ อธิบายต่อไปว่า เมื่อสิ้นปีก่อนบริษัทมีรายได้จากฐานลูกค้าเพียง 19 ราย แต่ตอนนี้ขยับมาเป็น 30 ราย โดยลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ มีตั้งแต่ "ทีซีซี แคปปิตอลแลนด์" "กรุงธน เอ็นจิเนียริ่ง" "พี คอนสตรักชั่น" และอีกหลายๆ บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่จะได้มาหลังจากที่เข้าตลาด MAI เมื่อปลายปี 2548
"กับ บ.ซิโน-ไทย เราก็ยังรับงานจากเขาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นศูนย์ราชการที่ ถ.แจ้งวัฒนะ ส่วนโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงค์ เราก็ยังทำให้เขาอยู่ และยังมีอีกหลายโครงการ"
ชเนศวร์ มองว่า ตรงนี้น่าจะเป็นจุดเด่นของไพลอนที่จะมีงานจากผู้รับเหมารายใหญ่ส่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้งานและรายได้ของไพลอน...ไม่ขาดมือ
"แต่เราเองก็จำเป็นต้องมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มเข้ามา เพราะต้องการขยายฐานรายได้และกำไร"
ส่วน "งานในมือ" (backlog) ของไพลอนต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า "งานเสาเข็ม" เป็นงานระยะสั้น ใช้เวลาทำงานเพียง 2-4 เดือน หากเปิดประมูลเดือนนี้ อีก 1-2 เดือนก็เริ่มงาน แล้วรออีก 3-4 เดือน...งานก็จบ
เพราะฉะนั้น backlog ของบริษัทจะไม่ยาว เพราะมันไม่ใช่งานก่อสร้างอาคาร และทำให้งานในมือที่ค้างมาจากปีก่อน ตอนนี้ก็รับรู้รายได้ไปเกือบหมดแล้ว
แต่ในส่วนของ backlog ปัจจุบัน มีงานอยู่ประมาณกว่า 300 ล้านบาท โดยเชื่อว่าอีกสัก 2-3 เดือน คงจะมีงานเพิ่มเข้ามาอีกราวๆ 200 ล้านบาท
"เราพยายามที่จะมีสะสมงานในมือให้ได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ตลอดช่วงครึ่งปีหลัง โดยงานส่วนใหญ่จะเริ่มรับรู้ภายในปี 2549 บางส่วนอาจจะคาบเกี่ยวไปถึงช่วงไตรมาส 1-2 ของปี 2550"
วันนี้ชื่อเสียงของไพลอนขึ้นไปติดอยู่บน "ท็อป 3" (ไพลอน-ซีฟโก้-อิตัลไทย เทรวี่) ของผู้ประกอบการรายใหญ่ทางด้านธุรกิจเสาเข็ม จึงทำให้โครงการต่างๆ ที่ออกมา มีโอกาสคว้างานจากทุกโครงการ
หุ้นที่ต้องจับตาอีก 1 ตัวคือ ไพลอน (PYLON) ที่จะหมดไซเลนท์พีเรียดในวันที่ 22 มิถุนายน นี้ โดยผู้บริหารยืนกรานยังไง...ยังงัย ก็ไม่ปล่อยหุ้นออกมาเด็ดขาด!! โดยให้เหตุผลว่าอนาคตของบริษัทยังสามารถเติบโตได้อีกยาวไกล มูลค่าเพิ่มของบริษัทเติบโต และแข็งแรงเพิ่มมากขึ้นทุกปี แถมยังมีความมั่นคงกว่าการถือเงินสดเสียอีก!! แหม ไม่รู้เอาสมมติฐานไหนมาพิสูจน์เพราะตามหลักแล้วช่วงดอกเบี้ยสูงนี้ควรถือเงินสดไม่ใช่หรือ
เลขที่ PL-ADM-047/06
วันที่ 15 สิงหาคม 2549
เรื่อง ชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549
เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจงผลประกอบการสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 ดังนี้
บริษัทฯมีกำไรสุทธิงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 เท่ากับ 3.59 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ
ในงวดเดียวกันของปี 2548 เท่ากับ 7.68 ล้านบาท ลดลง 4.09 ล้านบาท หรือร้อยละ 53.26
ซึ่งมีผลแตกต่างมากกว่าร้อยละ 20 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนตามรายละเอียดดังนี้
1. ในงวดปี 2548 บริษัทฯมีกำไรจากการขายเครื่องจักรที่ไม่ได้ใช้งานจำนวน 4.51 ล้านบาท
2. ในไตรมาสนี้ มีจำนวนวันหยุดราชการเพิ่มขึ้นมาก เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2548
ในขณะที่ค่าใช้จ่ายคงที่ของบริษัทฯยังคงมีอยู่
3. งานบางส่วนเป็นงานต่อเนื่องจากปี 2548 ซึ่งราคางานเป็นราคาเดิมตั้งแต่ปีที่แล้ว ในขณะที่ต้นทุนของปี 2549
ปรับเพิ่มขึ้นเช่น น้ำมัน วัสดุต่างๆ ค่าแรง ทั้งนี้งานต่อเนื่องดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางไตรมาสที่ 3 ปีนี้
4. ในไตรมาสนี้ บริษัทฯประสบปัญหาสภาพพื้นที่ทำงานใน 3 โครงการ อาทิเช่นน้ำท่วม และเส้นทางเข้าหน่วยงาน
ทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่องและล่าช้า
ถึงแม้ว่าจะไม่มีเบี้ยปรับจากผู้ว่าจ้างแต่ทำให้ต้นทุนของโครงการเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามปัญหาดังกล่าวได้แก้ไขเรียบร้อยแล้ว
ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2549 ทั้งนี้ บริษัทฯได้รับงานใหม่หลายโครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างรอเอกสารยืนยันการจ้างงาน
โดยโครงการใหม่ที่ได้รับ บริษัทได้มีการปรับราคาให้เหมาะสมกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและสามารถแข่งขันกับตลาดได้
ซึ่งบริษัทฯจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
22 พฤษภาคม 2549
เรื่อง แจ้งรับงานใหม่ 3 โครงการ
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) มีความยินดีแจ้งให้ทราบว่าบริษัทได้รับการยืนยันการจ้างงานตามโครงการต่างๆ ดังนี้
1. โครงการศูนย์ราชการแห่งใหม่ สัญญาที่ 2
รายละเอียดของงาน: เสาเข็มเจาะ สำหรับฐานรากอาคาร (งานเฉพาะค่าแรง)
สถานที่ก่อสร้าง: ถนนแจ้งวัฒนะ
ผู้ว่าจ้าง: บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น
มูลค่าสัญญาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม: 42,513,133 บาท
(สี่สิบสองล้านห้าแสนหนึ่งหมื่นสามพันหนึ่งร้อยสามสิบสามบาทถ้วน)
ระยะเวลาก่อสร้าง: 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2549 โดยประมาณ
2. โครงการคอนโดมิเนียม เอ็มโพริโอ เพลส
รายละเอียดของงาน: เสาเข็มเจาะ สำหรับฐานรากอาคาร
สถานที่ก่อสร้าง: สุขุมวิทซอย 24
ผู้ว่าจ้าง: บจ. ทีซีซีซีแอล สุขุมวิท 24
มูลค่าสัญญาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม: 56,710,000 บาท
(ห้าสิบหกล้านเจ็ดแสนหนึ่งหมื่นบาทถ้วน)
ระยะเวลาก่อสร้าง: 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2549
3. โครงการทางเข้า-ออก อาคารสินค้าในประเทศ
รายละเอียดของงาน: งานเสาเข็มดินซีเมนต์ สำหรับการปรับปรุงคุณภาพดิน
สถานที่ก่อสร้าง: สนามบินสุวรรณภูมิ
ผู้ว่าจ้าง: บจ. พี คอนสตรัคชั่น แอนด์ แมทรีเรียล
มูลค่าสัญญาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม: 3,616,600 บาท
(สามล้านหกแสนหนึ่งหมื่นหกพันหกร้อยบาทถ้วน)
ระยะเวลาก่อสร้าง: 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2549
รวมมูลค่า 3 โครงการที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วเป็นเงิน 102,839,733 บาท
(หนึ่งร้อยสองล้านแปดแสนสามหมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยสามสิบสามบาทถ้วน)
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
16 สิงหาคม 2549
เรื่อง แจ้งรับงานใหม่ 4 โครงการ
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน)มีความยินดีแจ้งให้ทราบว่าบริษัทได้รับการยืนยันการจ้างงานตามโครงการต่างๆ ดังนี้
1.โครงการลุมพินีวิลล์ รามคำแหง 44
รายละเอียดของงาน:เสาเข็มเจาะ สำหรับฐานรากอาคาร (งานเฉพาะค่าแรง)
สถานที่ก่อสร้าง:ซอยรามคำแหง 44
ผู้ว่าจ้าง:บริษัท แอล. พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
มูลค่าสัญญาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม:12,416,226.50 บาท
(สิบสองล้านสี่แสนหนึ่งหมื่นหกพันสองร้อยยี่สิบหกบาทห้าสิบสตางค์)
ระยะเวลาก่อสร้าง:68 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1สิงหาคม 2549
2.โครงการเดอะ เน็กซ์ คอนโดมิเนียม
รายละเอียดของงาน:เสาเข็มเจาะ สำหรับฐานรากอาคาร
สถานที่ก่อสร้าง:ซอยลาดพร้าว 44
ผู้ว่าจ้าง:บจ. เค.ดี.แอสเซท
มูลค่าสัญญาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม:11,770,000 บาท
(สิบเอ็ดล้านเจ็ดแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน)
ระยะเวลาก่อสร้าง:45 วัน นับตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2549
3.โครงการอาคารสถานีต้นทางชิดลม การไฟฟ้านครหลวง
รายละเอียดของงาน:เสาเข็มเจาะ สำหรับฐานรากอาคาร (งานเฉพาะค่าแรง)
สถานที่ก่อสร้าง:ชิดลม
ผู้ว่าจ้าง:บจ. ยูนิมา เอ็นจิเนียริ่ง
มูลค่าสัญญาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม:6,161,916 บาท
(หกล้านหนึ่งแสนหกหมื่นหนึ่งพันเก้าร้อยสิบหกบาทถ้วน)
ระยะเวลาก่อสร้าง:60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2549
4.งานรับเหมาก่อสร้างโรงอาหาร U-Center ส่วนเพิ่มเติมโครงการตักสิลานคร
รายละเอียดของงาน:งานก่อสร้างโรงอาหาร
สถานที่ก่อสร้าง:จังหวัดมหาสารคาม
ผู้ว่าจ้าง:บจ. ซีทีที เรียล เอสเตท
มูลค่าสัญญาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม:5,978,382.55 บาท
(ห้าล้านเก้าแสนเจ็ดหมื่นแปดพันสามร้อยแปดสิบสองบาทห้าสิบห้าสตางค์)
ระยะเวลาก่อสร้าง:60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2549
รวมมูลค่า 4 โครงการที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วเป็นเงิน 36,326,525.05 บาท
(สามสิบหกล้านสามแสนสองหมื่นหกพันห้าร้อยยี่สิบห้าบาทห้าสตางค์)
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
หุ้นที่ต้องจับตาอีก 1 ตัวคือ ไพลอน (PYLON) ที่จะหมดไซเลนท์พีเรียดในวันที่ 22 มิถุนายน นี้ โดยผู้บริหารยืนกรานยังไง...ยังงัย ก็ไม่ปล่อยหุ้นออกมาเด็ดขาด!! โดยให้เหตุผลว่าอนาคตของบริษัทยังสามารถเติบโตได้อีกยาวไกล มูลค่าเพิ่มของบริษัทเติบโต และแข็งแรงเพิ่มมากขึ้นทุกปี แถมยังมีความมั่นคงกว่าการถือเงินสดเสียอีก!! แหม ไม่รู้เอาสมมติฐานไหนมาพิสูจน์เพราะตามหลักแล้วช่วงดอกเบี้ยสูงนี้ควรถือเงินสดไม่ใช่หรือ
***ผู้บริหารมีแต่ซื้อเข้าไม่มีขายออกมาเลยเป็นไปตามที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ***
ชเนศวร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 25/08/2549 24/08/2549 39,100 1.85 ซื้อ
ชเนศวร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 28/08/2549 25/08/2549 125,000 1.90 ซื้อ
ชเนศวร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 29/08/2549 28/08/2549 48,500 1.90 ซื้อ
ชเนศวร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 30/08/2549 29/08/2549 36,100 1.92 ซื้อ
ชเนศวร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 31/08/2549 30/08/2549 87,700 1.95 ซื้อ
ชเนศวร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 01/09/2549 31/08/2549 44,800 1.91 ซื้อ
ชเนศวร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 11/09/2549 08/09/2549 10,000 1.91 ซื้อ
บดินทร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 07/04/2549 04/04/2549 100,000 2.02 ซื้อ
บดินทร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 07/04/2549 05/04/2549 140,000 2.06 ซื้อ
บดินทร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 11/04/2549 10/04/2549 90,900 2.10 ซื้อ
บดินทร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 12/04/2549 11/04/2549 116,100 2.15 ซื้อ
บดินทร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 18/04/2549 12/04/2549 172,000 2.23 ซื้อ
บดินทร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 01/09/2549 31/08/2549 60,000 1.91 ซื้อ
บดินทร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 04/09/2549 01/09/2549 10,900 1.90 ซื้อ
บดินทร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 06/09/2549 05/09/2549 4,100 1.91 ซื้อ
บดินทร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 08/09/2549 07/09/2549 13,000 1.92 ซื้อ
บดินทร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 12/09/2549 11/09/2549 12,000 1.92 ซื้อ
บดินทร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 13/09/2549 12/09/2549 10,000 1.92 ซื้อ
บดินทร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 14/09/2549 13/09/2549 9,100 1.92 ซื้อ
บดินทร์ แสงอารยะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 15/09/2549 14/09/2549 20,000 1.94 ซื้อ
น้ำมันลง ตัวนี้ก็น่าจะได้ไปเต็มๆ ดูตัว seafco ธุรกิจคล้ายๆกัน หุ้นไปไกลแล้ว ตอบรับกับการที่ราคาน้ำมันลง แต่ตัวนี้ยังถูกทอดทิ้งอยู่เลย น่าจะเป็นหุ้นที่น่าสนใจในตลาดใหม่อีกตัวมั้ยคะ ช่วยๆกันวิเคราะห์หน่อยค่ะ