SSI น่าสนใจมั้ยครับ?
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
SSI น่าสนใจมั้ยครับ?
โพสต์ที่ 1
"เห็นราคารูดลงมาต่ำมาก ทางเทคนิคก็น่าสนใจ"
คิดยังไงกับหุ้นตัวนี้ครับ?
ประชุมวันนี้เตรียมออกหุ้นกู้ ประมาณ 12,000 ลบ. ข้อสงสัย
1. จะขายหมดหรือไม่
2. ความต้องการจะใช้เงินขนาดนั้นเลยเหรอ? (จากวาระคราวที่แล้ว จะออก 6,000 ลบ. มาเปลี่ยนเป็น หมื่นสองคราวนี้)
สมมติว่า ดบ. หุ้นกู้ ในภาวะ ดบ.ขาขึ้นแบบนี้หุ้นกู้ออกมาประมาณ 6-7% (ถ้าจำไม่ผิดจะไถ่ถอนภายใน 10 ปี ใครรู้จริงช่วยแก้ด้วย)ดังนั้น เฉพาะภาระดอกเบี้ย ก็ประมาณปีละ 12,000 * 6% = 720 ลบ./ปี ขณะที่สมมติเฉลี่ยการคืนเงินต้นไว้ที่ปีละ 1,200 ลบ. เท่ากับ ภาระจ่ายประมาณปีละ เกือบ 2,000 ลบ.
รายได้ปีที่แล้วซึ่งเท่าที่ดู ดีที่สุดในรอบ 10 ปี คือประมาณ 5,300 ลบ. ส่วนปีนี้ งวด 6 เดือน (ที่ยังไม่เริ่มไม่นับขาดทุนสต็อกสินค้าแพง) ประมาณ 1,500 ลบ. ไตรมาสสามมาเจอตัดบัญชีสต๊อกสินค้าแพงอีก ขาดทุน ไปกันใหญ่
ดูจากกิจกรรมลงทุน ลงทันมันประมาณ 1,200 - 1,400 ลบ.ทุกปีในที่ดี กับอื่นๆ อีก อะไรจะดูดเงินปานนี้ ปีที่แล้วยังอุตส่าห์สับขาหลอกมีปันผลให้นักเก็งกำไร อีก .15 เงินสดหายไปอีกแล้วววว
หาข่าวอ่านต่อ เจอข่าวนี้อีก
"สำหรับแนวทางการระดมทุนก่อสร้างเฟสแรกมูลค่ารวม 90,000 ล้านบาทนั้น จะเป็น
ส่วนของทุน 30,000 ล้านบาท ที่เหลือ 60,000 ล้านบาทจะกู้จากสถาบันการเงินทั้งในประเทศ
และต่างประเทศรวมทั้งเครื่องมือระดมทุนอื่นๆ เช่น หุ้นกู้ต่างๆ ซึ่งจะสรุปผลทั้งหมดราวต้นปีหน้า
ซึ่งคาดว่าหลังจากใบอีไอเอผ่านการอนุมัติ โดยคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2-3 ปี จะแล้ว
เสร็จ โรงถลุงเหล็กนี้จะมีกำลังการผลิตเฟสแรก 5 ล้านตันต่อปี "
กู้สถานบันการเงิน 60,000 ลบ. ดอกเบี้ย6% ก็ประมาณ 3,600 ลบ.ใช้เวลาก่อสร้าง 2-3 ปี ต้องทู่ซี้กับรายได้ปีละประมาณ 4 พันล้าน (มองโลกในแง่ดีมากๆ อาจจะเกินไปแล้ว) ก็ยังต้องทนขาดทุนไปอีกหลายปี (ถ้าปีหน้ากู้สำเร็จ)
สภาพการแข่งขัน ที่บ้านผมขายเหล็กอยู่ พอดีเจอเซลส์ขายเหล็กผมก็ถามถึง ssi ปรากฎว่า เค้าบอก สต็อกเหล็กอยู่ที่โกดัง 3-4 พันไร่ มหึมาทีเดียว แล้วไม่ยอมขายขายทุนลดราคา เพราะว่า ถือว่าเป็นเจ้าใหญ่ พยายามหาตลาดส่งออก แต่ก็ได้ไม่มาก อีกทั้งเจอเหล็กจากจีนดัมพ์ราคา (ถึงแม้รัฐบาลจะบอกว่าห้ามนำเข้าเหล็ก แต่ต้นทุนเฉลี่ยก็ยังสูงกว่า ชาวโลกอยู่ดี ก็ยังหยิ่งไม่ยอมขาย) ณ ตอนนี้ ราคาเหล็กโดยรวมก็ยังต่ำกว่าตอนไตรมาสสองอยู่พอควรประมาณ 15-20 เปอร์เซ้นต์ อนาคตคงแย่มากสำหรับ SSI
ผมกะจะใช้หลักการ 1 dollar มาคำนวนซะหน่อย ปรากฎว่า สิบปีที่ผ่านมา eps -0.73 เลยใช้หลักการนี้ไม่ได้ แสดงว่า เป็นธุรกิจที่ต้องการใช้เงินสดมหาศาล ต้องกู้ กู้ และ กู้อยู่ตลอด ไม่มีวันยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ถ้าไม่ทำการสร้างโรงงานผลิตเหล็กต้นน้ำ ซึ่งใช้เงินมหาศาล รวมถึงต้องใช้เงินไปกับการเมืองด้วย
สรุปแล้ว หุ้นตัวนี้ เน่าสนิท ใครมีไว้ สมควรรีบขายอย่างด่วนมากๆ ไปซื้อ mcs ยังจะดีกว่า 555
คำถาม : ถ้าคุณทนอ่านมาทั้งหมด ที่ผมคิดและเข้าใจ ถูกหรือผิดยังไง ช่วยแก้ไขและชี้แนะด้วย จักขอบพระคุณมาก เพราะ.....
ผมมีหุ้นตัวนี้อยู่ที่ราคาดอยน่ะสิ ฮือออ
คิดยังไงกับหุ้นตัวนี้ครับ?
ประชุมวันนี้เตรียมออกหุ้นกู้ ประมาณ 12,000 ลบ. ข้อสงสัย
1. จะขายหมดหรือไม่
2. ความต้องการจะใช้เงินขนาดนั้นเลยเหรอ? (จากวาระคราวที่แล้ว จะออก 6,000 ลบ. มาเปลี่ยนเป็น หมื่นสองคราวนี้)
สมมติว่า ดบ. หุ้นกู้ ในภาวะ ดบ.ขาขึ้นแบบนี้หุ้นกู้ออกมาประมาณ 6-7% (ถ้าจำไม่ผิดจะไถ่ถอนภายใน 10 ปี ใครรู้จริงช่วยแก้ด้วย)ดังนั้น เฉพาะภาระดอกเบี้ย ก็ประมาณปีละ 12,000 * 6% = 720 ลบ./ปี ขณะที่สมมติเฉลี่ยการคืนเงินต้นไว้ที่ปีละ 1,200 ลบ. เท่ากับ ภาระจ่ายประมาณปีละ เกือบ 2,000 ลบ.
รายได้ปีที่แล้วซึ่งเท่าที่ดู ดีที่สุดในรอบ 10 ปี คือประมาณ 5,300 ลบ. ส่วนปีนี้ งวด 6 เดือน (ที่ยังไม่เริ่มไม่นับขาดทุนสต็อกสินค้าแพง) ประมาณ 1,500 ลบ. ไตรมาสสามมาเจอตัดบัญชีสต๊อกสินค้าแพงอีก ขาดทุน ไปกันใหญ่
ดูจากกิจกรรมลงทุน ลงทันมันประมาณ 1,200 - 1,400 ลบ.ทุกปีในที่ดี กับอื่นๆ อีก อะไรจะดูดเงินปานนี้ ปีที่แล้วยังอุตส่าห์สับขาหลอกมีปันผลให้นักเก็งกำไร อีก .15 เงินสดหายไปอีกแล้วววว
หาข่าวอ่านต่อ เจอข่าวนี้อีก
"สำหรับแนวทางการระดมทุนก่อสร้างเฟสแรกมูลค่ารวม 90,000 ล้านบาทนั้น จะเป็น
ส่วนของทุน 30,000 ล้านบาท ที่เหลือ 60,000 ล้านบาทจะกู้จากสถาบันการเงินทั้งในประเทศ
และต่างประเทศรวมทั้งเครื่องมือระดมทุนอื่นๆ เช่น หุ้นกู้ต่างๆ ซึ่งจะสรุปผลทั้งหมดราวต้นปีหน้า
ซึ่งคาดว่าหลังจากใบอีไอเอผ่านการอนุมัติ โดยคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2-3 ปี จะแล้ว
เสร็จ โรงถลุงเหล็กนี้จะมีกำลังการผลิตเฟสแรก 5 ล้านตันต่อปี "
กู้สถานบันการเงิน 60,000 ลบ. ดอกเบี้ย6% ก็ประมาณ 3,600 ลบ.ใช้เวลาก่อสร้าง 2-3 ปี ต้องทู่ซี้กับรายได้ปีละประมาณ 4 พันล้าน (มองโลกในแง่ดีมากๆ อาจจะเกินไปแล้ว) ก็ยังต้องทนขาดทุนไปอีกหลายปี (ถ้าปีหน้ากู้สำเร็จ)
สภาพการแข่งขัน ที่บ้านผมขายเหล็กอยู่ พอดีเจอเซลส์ขายเหล็กผมก็ถามถึง ssi ปรากฎว่า เค้าบอก สต็อกเหล็กอยู่ที่โกดัง 3-4 พันไร่ มหึมาทีเดียว แล้วไม่ยอมขายขายทุนลดราคา เพราะว่า ถือว่าเป็นเจ้าใหญ่ พยายามหาตลาดส่งออก แต่ก็ได้ไม่มาก อีกทั้งเจอเหล็กจากจีนดัมพ์ราคา (ถึงแม้รัฐบาลจะบอกว่าห้ามนำเข้าเหล็ก แต่ต้นทุนเฉลี่ยก็ยังสูงกว่า ชาวโลกอยู่ดี ก็ยังหยิ่งไม่ยอมขาย) ณ ตอนนี้ ราคาเหล็กโดยรวมก็ยังต่ำกว่าตอนไตรมาสสองอยู่พอควรประมาณ 15-20 เปอร์เซ้นต์ อนาคตคงแย่มากสำหรับ SSI
ผมกะจะใช้หลักการ 1 dollar มาคำนวนซะหน่อย ปรากฎว่า สิบปีที่ผ่านมา eps -0.73 เลยใช้หลักการนี้ไม่ได้ แสดงว่า เป็นธุรกิจที่ต้องการใช้เงินสดมหาศาล ต้องกู้ กู้ และ กู้อยู่ตลอด ไม่มีวันยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ถ้าไม่ทำการสร้างโรงงานผลิตเหล็กต้นน้ำ ซึ่งใช้เงินมหาศาล รวมถึงต้องใช้เงินไปกับการเมืองด้วย
สรุปแล้ว หุ้นตัวนี้ เน่าสนิท ใครมีไว้ สมควรรีบขายอย่างด่วนมากๆ ไปซื้อ mcs ยังจะดีกว่า 555
คำถาม : ถ้าคุณทนอ่านมาทั้งหมด ที่ผมคิดและเข้าใจ ถูกหรือผิดยังไง ช่วยแก้ไขและชี้แนะด้วย จักขอบพระคุณมาก เพราะ.....
ผมมีหุ้นตัวนี้อยู่ที่ราคาดอยน่ะสิ ฮือออ
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
-
- Verified User
- โพสต์: 1266
- ผู้ติดตาม: 0
SSI น่าสนใจมั้ยครับ?
โพสต์ที่ 3
ผมก็เป็นอีกคนที่สนใจกลุ่มเหล็ก เคยโพสต์กระทู้ถามเรื่องลงทุนกลุ่มเหล็กหลังประกาศ Q3 พอประกาศผลออกมาก็แย่ตามที่คาด แถมราคาหุ้นรูดตามคาดอีกเช่นกัน นักวิเคราะห์ก็บุ้ยปาก บอก เต็มมูลค่า บ้าง ขายบ้าง ตามที่เห็นได้โดยทั่วไป หุ้นวัฎจักรมีขึ้น มีลง ขึ้นอยู่กับตอนนี้ มันลงถึงช่วงไหน ..
ก็อยากฟังคุยนะครับ แต่ขอให้เอามาเล่าให้ฟังในเว็บนี้ได้ไหม จักขอบพระคุณมาก"มารบ่มี บารมีบ่เกิด"
สนใจภาพรวมเหล็ก
วันไหนมากรุงเทพ
จะพาไปคุยกะพวกรุ่นน้องที่scc
ที่ทุกวันนี้เค้าค้าเหล็กอยู่ จะดีไหม...
_________________
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
SSI น่าสนใจมั้ยครับ?
โพสต์ที่ 5
ผมเคยซื้อ ssi ตอนเริ่มเล่นหุ้นใหม่ๆ เมื่อสามปีก่อน ซื้อตอน 7 บาท แล้วขายตอน6.2 บาท ขาดทุนยับเยิน พอขายหมดหุ้นก็ขึ้นไป 30+กว่าบาท (ก่อนแตกพาร์) ยังนึกเสียดายไม่หายที่ไม่รู้ว่ากำลังถึงรอบของวัฏจักรเหล็ก และกำไรสี่เด้งก็มลายหายไปกับตาใช้เวลาแค่ไม่กี่เดือน
ณ.เวลานี้ผมคิดว่าเป็นช่วงขาลงของวัฏจักรครับ ลุ้นยาก....
ณ.เวลานี้ผมคิดว่าเป็นช่วงขาลงของวัฏจักรครับ ลุ้นยาก....
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 359
- ผู้ติดตาม: 0
SSI น่าสนใจมั้ยครับ?
โพสต์ที่ 6
...อยากถามว่าวัฏจักรของเหล็กว่า มีรอบของมัน กี่ปีคะ
มีตัวนี้เหมือนกันค่ะ ....วันนั้นก็ไปประชุมผู้ถือหุ้นด้วย
แต่ไม่ได้อยู่นาน เลยไม่ได้ฟังคุณวิทย์ วิริยะประไพกิจ พูด
หลังปิดประชุมแล้ว..
ใครได้ฟังแล้วคิดว่าเป็นประโยชน์....
ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยค่ะ...
มีตัวนี้เหมือนกันค่ะ ....วันนั้นก็ไปประชุมผู้ถือหุ้นด้วย
แต่ไม่ได้อยู่นาน เลยไม่ได้ฟังคุณวิทย์ วิริยะประไพกิจ พูด
หลังปิดประชุมแล้ว..
ใครได้ฟังแล้วคิดว่าเป็นประโยชน์....
ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยค่ะ...
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
SSI น่าสนใจมั้ยครับ?
โพสต์ที่ 7
ค่าใช้จ่ายในการผลิตเหล็กของเรา แพงกว่า ประเทศอย่าง จีน หรือ เม็กซิโกหลายเท่าครับ
ดังนั้น การที่บริษัทเหล็กจะกำไร
ต้องเป็นวัฏจักรขาขึ้นเท่านั้น
ซึ่งอาจจะไม่ใช่ตอนนี้
ดังนั้น การที่บริษัทเหล็กจะกำไร
ต้องเป็นวัฏจักรขาขึ้นเท่านั้น
ซึ่งอาจจะไม่ใช่ตอนนี้
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- margoods
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
SSI น่าสนใจมั้ยครับ?
โพสต์ที่ 9
SSI เผย Q3/48 ขาดทุนเพราะบริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนขั้นต้นจากการขายและบริการ
บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน)(SSI) ชี้แจงสาเหตุของความ
แตกต่างของผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2548 และ 2547
ดังต่อไปนี้
1) บริษัทมีรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน จำนวน 9,489.7
ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ายอดขาย ในงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีจำนวน 9,609.3 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทมีรายได้จากการขายเศษ เหล็กจำนวน 191.5 ล้านบาท เปรียบเทียบ
กับยอดขายในงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีจำนวน 68.4 ล้านบาท บริษัทและบริษัทย่อย
มีขาดทุนขั้นต้นจากการขายและบริการ จำนวน 215.0 ล้านบาท (ซึ่งรวมค่าเผื่อการลด
มูลค่าวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปของบริษัทจำนวน 596.8 และ 327.4 ล้านบาท ตามลำดับ)
เปรียบเทียบกับกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการจำนวน 1,353.1 ล้านบาท ในงวดเดียว
กันของปี 2547บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้อื่นจำนวน 158.4 ล้านบาท (ซึ่งรวมกำไรจาก
อัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 143.0 ล้านบาท) เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมี
รายได้อื่นจำนวน 27.2 ล้านบาท (ซึ่งรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 3.4 ล้านบาท)
2) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (ไม่รวมดอกเบี้ยจ่าย) ของบริษัทและบริษัท
ย่อย มีจำนวน 286.0 ล้านบาท เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในงวดเดียวกันของปี 2547
จำนวน 116.3 ล้านบาท
3) บริษัทย่อยมีหนี้สงสัยจะสูญโอนกลับจำนวน 10.8 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ
หนี้สงสัยจะสูญโอน กลับของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 17.2 ล้านบาท ในงวดเดียวกัน
ของปี 2547
4) บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคล
จำนวน 331.8 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคล
ในงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมี จำนวน 1,281.3 ล้านบาท
5) ดอกเบี้ยจ่ายสำหรับเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาวมีจำนวน 281.6 ล้านบาท (
ซึ่งประกอบด้วยดอกเบี้ย จ่ายของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 279.3 และ 2.3 ล้านบาท
ตามลำดับ) เปรียบเทียบกับดอกเบี้ย จ่ายในงวดเดียวกันของปี 2547 จำนวน 100.8 ล้าน
บาท (ซึ่งประกอบด้วยดอกเบี้ยจ่ายของบริษัท และบริษัทย่อยจำนวน 97.3 และ 3.5 ล้าน
บาท ตามลำดับ)
6) ภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทย่อย มีจำนวน 16.5 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ
ภาษีเงินได้นิติบุคคล ของบริษัทย่อยในงวดเดียวกันของปี 2547 จำนวน 9.8 ล้านบาท
7) บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนก่อนหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย จำนวน 630.0
ล้านบาท เปรียบเทียบ กับกำไรก่อนหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในงวดเดียวกันของปี
2547 จำนวน 1,170.6 ล้านบาท
8) หลังจากหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยแล้ว บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุน
สุทธิจำนวน 657.0 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปี 2547 จำนวน
1,143.2 ล้านบาท
จากเหตุผลดังกล่าวทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทสำหรับไตรมาสสิ้นสุด
วันที่ 30 กันยายน 2548มีขาดทุนสุทธิเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปี 2547
เกินร้อยละ 20
บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน)(SSI) ชี้แจงสาเหตุของความ
แตกต่างของผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2548 และ 2547
ดังต่อไปนี้
1) บริษัทมีรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน จำนวน 9,489.7
ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ายอดขาย ในงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีจำนวน 9,609.3 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทมีรายได้จากการขายเศษ เหล็กจำนวน 191.5 ล้านบาท เปรียบเทียบ
กับยอดขายในงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีจำนวน 68.4 ล้านบาท บริษัทและบริษัทย่อย
มีขาดทุนขั้นต้นจากการขายและบริการ จำนวน 215.0 ล้านบาท (ซึ่งรวมค่าเผื่อการลด
มูลค่าวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปของบริษัทจำนวน 596.8 และ 327.4 ล้านบาท ตามลำดับ)
เปรียบเทียบกับกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการจำนวน 1,353.1 ล้านบาท ในงวดเดียว
กันของปี 2547บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้อื่นจำนวน 158.4 ล้านบาท (ซึ่งรวมกำไรจาก
อัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 143.0 ล้านบาท) เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมี
รายได้อื่นจำนวน 27.2 ล้านบาท (ซึ่งรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 3.4 ล้านบาท)
2) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (ไม่รวมดอกเบี้ยจ่าย) ของบริษัทและบริษัท
ย่อย มีจำนวน 286.0 ล้านบาท เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในงวดเดียวกันของปี 2547
จำนวน 116.3 ล้านบาท
3) บริษัทย่อยมีหนี้สงสัยจะสูญโอนกลับจำนวน 10.8 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ
หนี้สงสัยจะสูญโอน กลับของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 17.2 ล้านบาท ในงวดเดียวกัน
ของปี 2547
4) บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคล
จำนวน 331.8 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคล
ในงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมี จำนวน 1,281.3 ล้านบาท
5) ดอกเบี้ยจ่ายสำหรับเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาวมีจำนวน 281.6 ล้านบาท (
ซึ่งประกอบด้วยดอกเบี้ย จ่ายของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 279.3 และ 2.3 ล้านบาท
ตามลำดับ) เปรียบเทียบกับดอกเบี้ย จ่ายในงวดเดียวกันของปี 2547 จำนวน 100.8 ล้าน
บาท (ซึ่งประกอบด้วยดอกเบี้ยจ่ายของบริษัท และบริษัทย่อยจำนวน 97.3 และ 3.5 ล้าน
บาท ตามลำดับ)
6) ภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทย่อย มีจำนวน 16.5 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ
ภาษีเงินได้นิติบุคคล ของบริษัทย่อยในงวดเดียวกันของปี 2547 จำนวน 9.8 ล้านบาท
7) บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนก่อนหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย จำนวน 630.0
ล้านบาท เปรียบเทียบ กับกำไรก่อนหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในงวดเดียวกันของปี
2547 จำนวน 1,170.6 ล้านบาท
8) หลังจากหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยแล้ว บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุน
สุทธิจำนวน 657.0 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปี 2547 จำนวน
1,143.2 ล้านบาท
จากเหตุผลดังกล่าวทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทสำหรับไตรมาสสิ้นสุด
วันที่ 30 กันยายน 2548มีขาดทุนสุทธิเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปี 2547
เกินร้อยละ 20
- margoods
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
SSI น่าสนใจมั้ยครับ?
โพสต์ที่ 10
SSI เผย Q3/48 ขาดทุนสุทธิ 657 ลบ.ส่วนงวด 9 เดือนยังมีกำไร 892 ลบ.
SSI : สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่3(F45-3)
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่3(F45-3)
บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน (หน่วย : พันบาท)
ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน
ปี 2548 2547 2548 2547
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (657,013) 1,143,195 892,807 4,137,529
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) (0.05) 0.09 0.07 0.32
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไขและไม่มีข้อสังเกต
SSI : สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่3(F45-3)
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่3(F45-3)
บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน (หน่วย : พันบาท)
ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน
ปี 2548 2547 2548 2547
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (657,013) 1,143,195 892,807 4,137,529
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) (0.05) 0.09 0.07 0.32
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไขและไม่มีข้อสังเกต