.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 1

โพสต์

http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 35734.html

http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 04927.html

http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 71441.html

FW: สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด

Mon, 12 Sep 2005 15:40:51 +0000


คนเกิดวันอาทิตย์
รถสีแดงก่ำหรือสีแดงเลือดหมู
เสริมสง่าราศี มากด้วยบุญญาบารมี มีอำนาจวาสนา คนนบนอบยำเกรง
รถสีดำ
เสริมความน่าเคารพนับถือ เสริมดวงเรื่องทรัพย์สินเงินทอง การเงิน
รถสีขาว สีครีม
เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
ถสีม่วงเปลือกมังคุด
เสริมดวงด้านศรัทธา ความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ และดวงเรื่องการเงิน
รถสีเขียว
เสริมดวงให้คนรักเมตตา อุปถัมภ์ค้ำชู ช่วยเหลือทำให้สะดวกราบรื่นในเรื่องต่างๆ
รถสีบรอนซ์ สีเทา สีทอง
เสริมดวงเรื่องเมตตามหานิยม เสริมเสน่ห์ การสนับสนุนเกื้อกูล
รถสีฟ้า สีน้ำเงิน
ไม่ควรออกรถสีนี้ เพราะเป็นกาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด
ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต
คนเกิดวันจันทร์
รถสีส้ม สีเหลืองแก่
เสริมดวงเรื่องการเงิน ความมั่นคง ทุนทรัพย์
ราคาและคุณค่าที่จะเพิ่มพูนให้แก่ตนเองในปัจจุบันและภายภาคหน้า
รถสีดำ
เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
รถสีน้ำเงิน สีทอง
เสริมเสน่ห์ ผู้ใหญ่รักเมตตาและเอ็นดู มีแต่สิ่งที่เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
หลักทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา
รถสีม่วงเปลือกมังคุด
เสริมดวงด้านความสะดวกราบรื่นทุกอย่าง
รถสีชมพู
เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู
ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม
ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน
รถสีฟ้า
เสริมดวงให้ประสพความสำเร็จในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน
รถสีเขียว
อำนาจวาสนา บารมี เกียรติยศ และชื่อเสียงตำแหน่งหน้าที่การงาน
อานุภาพอิทธิพลที่ทำให้คนเคารพยำเกรง มีความสามารถในการควบคุมบังคับบัญชาคน รถสีแดง
สีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด
ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

คนเกิดวันอังคาร
รถสีม่วงแก่
เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี
รถสีดำ
เสริมดวงด้านพลังอำนาจ เกียรติยศ และชื่อเสียงตำแหน่งหน้าที่การงาน
อานุภาพอิทธิพลที่ทำให้คนเคารพยำเกรง มีความสามารถในการควบคุมบังคับ
รถสีบรอนซ์ สีเทา
เสริมความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ
รถสีทอง สีแสด
เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
รถสีน้ำตาล
เสริมดวงด้านความมั่นคงในชีวิต เช่นมั่นคงเรื่อง หลักทรัพย์ ทรัพย์สิน
หน้าที่การงาน
รถสีเขียว
เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง
รถสีแดง สีชมพู
เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู
ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม
ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน
รถสีขาว สีเหลืองนวล
เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด
ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต
คนเกิดวันพุธ (กลางวัน 06.01-18.00)
รถสีน้ำเงิน สีฟ้า
เสริมดวงด้านความเคารพนับถือ ยกย่องยอมรับ
รถสีน้ำตาล สีทอง
เสริมดวงด้านพลังอำนาจ เกียรติยศ และชื่อเสียงตำแหน่งหน้าที่การงาน
อานุภาพอิทธิพลที่ทำให้คนเคารพยำเกรง มีความสามารถในการควบคุมบังคับ
รถสีขาว สีเหลืองอ่อน
เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู
ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม
ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน
รถสีเทา สีบรอนซ์
เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
รถสีดำ
เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก
ราบรื่น
รถสีม่วงแก่
เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี
รถสีเขียว
เสริมดวงด้านเสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา
รถสีชมพู สีแสด
เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด
ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต
สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 2

โพสต์

คนเกิดวันพุธ (กลางคืน 18.01-06.00)

รถสีชมพู
เสริมดวงให้คนเชื่อถือและไว้วางใจ
รถสีดำ
เสริมดวงด้านความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน
รถสีเทา สีบรอนซ์
เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
รถสีม่วงแก่
เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู
ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม
ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน
รถสีน้ำเงิน สีฟ้า
เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก
ราบรื่น
รถสีแดง สีน้ำตาล
เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี
รถสีส้ม สีทอง
เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด
ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต
คนเกิดวันพฤหัสบดี
รถสีขาว
เสริมดวงให้คนเชื่อถือและไว้วางใจ
รถสีแดง
เสริมดวงด้านความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ
แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
รถสีเทา สีบรอนซ์
เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก
ราบรื่น
รถสีฟ้า
เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี
รถสีเขียว
เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู
ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม
ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน
รถสีส้ม สีทอง
เสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลักทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา
และศรัทธาในตัวเรา
รถสีดำ สีม่วง สีน้ำเงิน
เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด
ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต
สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 3

โพสต์

คนเกิดวันศุกร์
รถสีเขียว
เสริมดวงให้คนเชื่อถือและไว้วางใจ
รถสีสีแดง สีทอง
เสริมดวงด้านความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน
รถสีแดง สีชมพู
เสริมดวงด้านความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ
แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
รถสีเหลือง
เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู
ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม
ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน
รถสีดำ
เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก
ราบรื่น
รถสีน้ำตาล
เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี
รถสีฟ้า สีน้ำเงิน
เสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลักทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา
และศรัทธาในตัวเรา
รถสีเทา สีบรอนซ์ สีม่วง
เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด
ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

คนเกิดวันเสาร์
รถสีแดง
เสริมดวงให้คนยอมรับเชื่อถือและไว้วางใจ
รถสีชมพู
เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู
ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม
ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน
รถสีน้ำเงิน สีฟ้า
เสริมดวงด้านความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ
แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
รถสีทา สีบรอนซ์
เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี
รถสีทอง สีเหลือง
เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก
ราบรื่น
รถสีดำ สีม่วงแก่
เสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลักทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา
และศรัทธาในตัวเรา
รถสีเขียว สีแสด
เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด
ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต
สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 4

โพสต์

Fw: อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลย

Date: Fri, 09 Sep 2005 16:34:30 +0000

Clear Day

ผมเป็นผู้ชายที่หลงรักผู้หญิง พร้อมกันสามคนครับ

ผมเป็นผู้ชายที่หลงรักผู้หญิง พร้อมกันสามคนครับ    รักมาก . รักจนไม่รู้ว่า

ผมรักใครมากกว่าใคร ...
รู้แต่ว่า . ผม ...ไม่สามารถเลือกใคร
เพียงคนหนึ่งคนเดียวได้ .
ไม่สามารถขาดใครคนหนึ่งคนใดได้


ผู้หญิงคนแรก

เป็นคนที่คอยดูแล เอาใจใส่ ห่วงใยผมเสมอ
ผมรู้ว่าเธอรักผมมากกว่าชีวิตของเธอเสียอีก
หลายปีมาแล้ว ที่เธอทำงานหนักเพื่อผม
ทำงานหนักยิ่งกว่าคนรับใช้ผมเสียอีก
แม้บางครั้งเธอดูจะจู้จี้ขี้บ่นไปบ้าง .
แต่ทั้งหมดทั้งสิ้น ผมรู้สึกได้ด้วยหัวใจว่า
ผมเป็นคนที่เธอรักที่สุดในโลก
ถึงแม้ว่าในนาทีนี้ เราจะอยู่ห่างไกลกันบ้าง ..
แต่เธอ . ยังอยู่ในหัวใจของผมเสมอ
ผมยังจำอ้อมกอดอันอบอุ่นของเธอ
สายตาอันอ่อนโยน . หัวใจที่พร้อมจะร้องไห้
เมื่อเวลาที่ผมเจ็บปวด

ผู้หญิงคนที่สอง

เป็นคนที่ผมใกล้ชิดที่สุดคนนึง ในวันนี้ .
เธอเป็นกำลังใจให้ผมต่อสู้
เป็นที่ปรึกษา  เวลาที่ผมมีปัญหา
เป็นคนที่ผมยอมที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น..
เธอเป็นคนแรกที่จะยื่นมือมาดึงให้ผมลุกขี้นในวันที่ผมพลาดล้มลง..
และเมื่อผมเงยหน้ามาสบตากับเธอ .
ผมก็จะรู้ในทันทีว่า .ผมจะต้องสู้ต่อไป

ผู้หญิงคนที่สาม

ร่าเริง บริสุทธิ์
ดวงดาอันซุกซนของเธอทำให้ผมมีรอยยิ้มได้เสมอ
แม้ในเวลาที่แสนเหน็ดเหนื่อย
ผมรู้สึกถึงการมีความสุขที่สุดในโลกเมื่อมีเธออยู่ในอ้อมกอด
ผมชอบแอบมองเธอเวลาเธอนอนหลับ
ชอบแอบสูดดมเส้นผมของเธอ กลิ่นยาสระผมจาง
มันทำให้ผมมีความสุขเหลือเกิน .
เธอเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกแทบตายเมื่อเห็นเธอเจ็บปวด
คำพูดเพียงคำสองคำของเธอ
สามารถทำให้โลกทั้งโลกสว่างสดใสอย่างไม่น่าเชื่อ

ในความรู้สึกของผมผมคงรู้สึกว่า
ผมเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกได้ ...
ถ้าวันนึง .
ผมกลับมาถึงบ้าน

แล้วพบเธอทั้งสามคน อยู่ในบ้านผมพร้อม ๆกัน
ผมคงเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก
ที่ได้ยินเพียงคำพูดบางคำ
จากพวกเ
 
" หิวมั๊ยลูก " ...
"เหนื่อยมั๊ยค๊ะที่รัก " ..
" หนูคิดถึงพ่อค่ะ"

อ่านแล้วกรุณาส่งต่อด้วยนะ ส่ง 3 คน จะได้เจอคนที่ถูกใจ
ส่ง 5 คน คนคนนั้นจะเข้ามาทักคุณ
สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 5

โพสต์

FW: ภัยจากการขับรถคนเดียว

Date: Thu, 08 Sep 2005 14:26:41 +0000


ภัยจากการขับรถคนเดียว

สืบเนื่องจากได้อ่านภัยจากการเดินห้างและซื้อของคนเดียวของคุณ ตองเจ็ด

เลยมีภัยอีกรูปแบบหนึ่งมาฝากค่ะ

ภัยนี้ส่วนใหญ่จะโดนกับผู้หญิงที่ขับรถปิ๊กอัพคนเดียว

คุณพ่อเค้าเคยได้ยินมาว่า

พวกผู้ร้ายมีการชิงรถแบบใหม่โดยเฉพาะรถกระบะใหม่ๆที่ไม่มีหลังคาท้ายกระบะ

ซึ่งคนร้ายจะสามารถโยนสิ่งของใส่ท้ายรถได้

ถ้าเป็นรถเก๋งก็มักจะทิ้งของบางอย่างไว้ข้างๆรถ

โดยต้องเป็นที่สังเกตุได้ง่ายของเรา

หลังจากที่คุณพ่อเตือนได้ไม่กี่วัน

คุณพ่อก็กลับมาเล่าให้ฟังว่า รุ่นน้องที่บริษัทเพิ่งไปโดนมา

แต่โชคดีที่คุณพ่อเคยเตือนไว้ก่อนจึงรอดไปได้อย่างหวุดหวิด

เค้าไปจอดรถกระบะไว้ข้างถนน แล้วลงไปทำธุระ

พอกลับมาที่รถ ก็เห็นมีรถเก่งจอดต่อท้ายอยู่เค้าก็ไม่ได้สนใจ

แต่ก่อนที่เค้าจะขึ้นรถก็เห็นว่า

ท้ายรถมีซองสีน้ำตาลคล้ายซองเอกสารแต่มีลักษณะบวมป๋อง

เค้าเห็นดังนั้นก็คิดถึงคำเตือนได้

จึงหยิบซองกระดาษทิ้งพงหญ้าข้างถนนแล้วรีบขึ้นรถทันที

แล้วเค้าก็เห็นว่ารถคันหลังที่เหมือนจอดสนิท

ก็ออกรถไปทันทีเช่นกัน

เค้ารู้ได้ทันทีว่าเป็นแกงค์ชิงรถแน่ๆ

แกงค์พวกนี้จะใส่ยาหรือสารที่ทำให้เรางง หมึน ไว้ในรถบ้าง

ข้างรถบ้างที่เราเห็นชัดเจน

(ตามปกติคนเรามักจะสงสัยและหยิบมาเปิดดู)

แล้วก็จอดรถซุ่มดูอยู่ใกล้ๆ เมื่อเหยื่อหลงกลเปิดดู

หรือจับโดนสารก็จะชิงรถและของมีค่าไป

ฝากเตือนเพื่อนๆทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิงที่ขับรถคนเดียว

ต้องระวังและหมั่นสังเกตสถานการณ์รอบข้าง

เพราะทุกวันนี้ภัยร้ายมันอยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้น
>
สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 6

โพสต์

FW: ข้อคิดดีๆ สำหรับผู้ที่กำลังหาแฟน หรือแต่งงาน

Date: Thu, 08 Sep 2005 14:24:59 +0000

ข้อคิดดีๆ สำหรับผู้ที่กำลังหาแฟน หรือจะแต่งงานกัน

วันนี้ญาติผมมาเที่ยวบ้าน ได้เจอกับน้าชายผม แกก็ถามผมว่ามี แฟนยัง

ผมก็บอกเขาไปว่ากำลังดูๆ อยู่ แกเลยบอกวิธีดูผู้หญิงดีๆ

เขาก็ถาม " นี่ แกเข้าใจความของคำว่าสมรสไหม ??"

" อ๋อ ก็ชายหญิงแต่งงานไง "

" ไม่ใช่ ว่าแล้วแกต้องไม่รู้ "

" แล้วมันแปลว่ายังไงอ่ะ "

" เดี๋ยวอธิบายให้ฟัง "

สมรส แปลว่า รสเสมอกันหรือรสนิยมเสมอกัน

รสเสมอกันมี 4 อย่าง (ผมจดมาเลย)

เสมอไหม...ถ้าไม่ อย่าแต่ง แต่งแล้วจะเกิดปัญหา

แต่ถ้าเสมอ...แต่งเลย ชีวิตครอบครัวจะสงบสุข

รสนิยม 4 อย่างคือ

มีศรัทธา. .. หรือความเชื่อเหมือนกัน

ไม่ใช่ สามีจบวิทยาศาสตร์มา เชื่อว่าทุกอย่างมีเหตุผลและมีที่มา

ภรรยาศรัทธาหมอดู แปะยันต์รอบบ้าน คิดเองไม่เป็น เชื่อซินแสตลอด

อย่างนี้...อยู่กันยาก...

มีศีลเสมอกัน

สามีกินเหล้าเป็นอาจินต์..เล่นการพนัน
ภรรยาทำบุญทุกวัน...รักษาศีล. .

อย่างนี้...อยู่ด้วยกันไม่รอด

มีเมตตาเสมอกัน

สามีใจบุญโอบอ้อมอารี...ชอบช่วยเหลือคนอื่น

ภรรยายิ่งกว่าเกลือ...ปล่อยเงินกู้...ทุกอย่างต้องมีค่าตอบแทน

อย่างนี้...อยู่ด้วยกันทะเลาะกันตาย

มีปัญญาเสมอกัน

สามีดูข่าว...อ่านผู้จัดการ...ทันโลกทันเหตุการณ์...

ภรรยาอ่านข่าวดารา...ข่าวซุบซิบนินทา...ดูละครน้ำเน่า

อย่างนี้...อยู่แล้วหาความสุขลำบาก

พออธิบายเสร็จเขาก็บอกว่า ถึงมันจะเก่าแต่ก็ยังใช้ได้กับทุกสมัย

เลือกใครต้องดูให้ดีอย่าสักแต่ถูกใจ และต้องดูกันนานมาก

ผมรู้สึกดีใจครับที่มีญาติผู้ใหญ่ดีๆ ใกล้ตัว...

สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 7

โพสต์

FW: Future Mobile Phone numbers

Date: Fri, 02 Sep 2005 00:20:36 -0800

Subject: FW: ไม่นาน...เบอร์มือถือทุกเบอร์จะขึ้นต้นด้วย 08 และมี 10 หลักแล้ว

อีกไม่นานเบอร์มือถือทุกเบอร์จะต้องขึ้นต้นด้วย08 และมี10 หลักแล้ว
เมื่อวันพุธที่22 มิย.ที่ผ่านมานี้ครับ ทางกทช.ได้หารือและมีมติว่า จะปรับเปลี่ยนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกเบอร์ ทุกระบบ ให้ขึ้นต้นด้วย08  ครับ  ต่อไปเบอร์โทรศัพท์เพื่อนๆ จาก01,09,07 ก็จะกลายเป็น081,089,087  แล้วมีสิบหลักครับ ตัวอย่าง เช่นเบอร์01-2345678  ก็จะเป็น081-2345678  ครับ  ซึ่งการใช้เลข10 หลักนี้ จะมีผลกับเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่เท่านั้นครับ  ส่วนพวกโทรศัพท์บ้านยังคง9 หลักเหมือนเดิม
ส่วนเหตุผลที่เป็นยังงี้ก็คือ
1. เลขในหมวด08 ยังไม่เคยเปิดใช้
2. เพื่อความเป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อความจัดเรียบเรียงต่างๆ(ในความเห็นผม คิดว่า
   กทช.คงจะมองไกลไปถึงเรื่องNumber  portability หรือเบอร์เดียวประจำตัว
   ที่ว่าถึงจะเปลี่ยนค่ายก็เบอร์เดิมนั่นแหละครับ)  
3. จากการเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์มือถือมาเป็น10 หลักนี้ ทำให้สามารถรองรับเลขหมาย  
   ได้ถึง100 ล้านเลขหมาย สามารถสำรองใช้ได้ถึง30  ปี ทีนี้พวกเราๆที่ใช้มือถือล่ะ
   จะมีผลกระทบอย่างไร ผมว่าแน่ๆนะอย่างนึง คงต้องเมมเบอร์ในสมุดโทรศัพท์กันใหม่หมดล่ะ(เอิ้กๆๆๆ)  
   อย่างอื่นก็คงต้องรอดูต่อไปครับ ที่จริงวันนี้ กทช.ประชุมหลายเรื่องนะครับ เช่น สิ้นปีนี้จะเปิดLicense 3 G  แล้ว,  
  เรื่องค่าเชื่อมโยงเครือข่าย,เรื่องผู้มาขอเปิดISP รายใหม่ๆ ผมจะไม่ขอเอามาพูดแล้วกันนะครับ เพราะมันพาดพิงหลายองค์กรเหลือเกิน เอาเรื่องที่พวกเราน่าจะมีผลกระทบมากที่สุด ก็ไอ้เรื่องเลข10  หลักนี่แหละ...
สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 8

โพสต์

Fw: ข่าวดีสำหรับผู้ที่ชอบกินปลาหมึก

|  |  | Inbox


ข่าวดีสำหรับผู้ที่ชอบกินปลาหมึก


คนญี่ปุ่นนิยมกินปลาหมึกกันมาก

ตรงกันข้ามกับคนไทยที่ชอบกินแต่ก็ไม่กล้ากิน

กลัวคลอเลสเตอรอลที่มีอยู่ในปลาหมึก ถ้าจะกินบ้างก็กินแบบกลัว ๆ

คนไทย

กลัวจะเป็นโรคความดัน โรคไขมันในเส้นเลือด โรคหัวใจ สั่งมากินแล้ว

ทั้งๆที่อยากจะกินก็กินไม่ลง เจ้าคลอเรสเตอรอลนี้แหละ

มันช่างเป็นมารคอหอยเสียนี่กระไร

ครั้งนี้ผมจะบอกข่าวดีสำหรับคนที่ชอบกินปลาหมึกแล้วไม่แพ้ปลาหมึก

ดร.สุพิศ ทองรอด นักวิชาการด้านอาหารของกรมประมง

ได้ชี้แจงให้คณะกรรมมาธิการรัฐสภา ทราบว่า ในปลาหมึกมีกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า3

มีอยู่จำนวนมาก ซึ่งจะช่วยในการลดปริมาณคลอเลสเตอรอลได้ดี

ถึงแม้ว่าปลาหมึกจะมีโคเลสเตอรอล อยู่ด้วย แต่โดยทั่วไป

เมื่อเจอกับ โอเมก้าซึ่งจะถูกสังเคราะห์ได้ดีกว่า

และเป็นตัวต่อต้านคลอเลสเตอรอล ไม่ให้สูง

หรือไม่ให้เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นจะเห็นได้ว่า คนญี่ปุ่นจะกินอาหารทะเลทุกชนิด

รวมทั้งปลาหมึก และไม่พบว่าเกิดโรคหัวใจ

เมื่อเทียบกับคนในประเทศทางด้านยุโรป

ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณโอเมก้า 3 นั่นเอง

และคนญี่ปุ่นยังมีสุภาษิตที่ว่าEatSquid StayYoung

โอเมก้า 3จะยังลดคลอเลสเตอรอลไม่ให้เพิ่มสูงขึ้น

และปริมาณโคเลสเตอรอลที่ได้รับจากปลาหมึกจะบำรุงผิวหนัง ทำให้ใบหน้าเต่งตึงไม่เหี่ยวย่น

ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบปลาหมึกกับเนื้อหมู จะตรงกันข้าม

เพราะหมูไม่มีโอเมก้า 3

เห็นไหมครับ ฟัง ดร. สุพิศ ทองรอด แล้วรู้สึกปลาหมึกจะน่ารับประทานขึ้นอีกมาก

เรามากินปลาหมึกกันเถอะ ใครที่รู้สึกว่าที่ตึงเฉพาะหู ก็มากินปลาหมึก

จะได้มีใบหน้าเต่งตึงได้ และมาเคี้ยวปลาหมึกล้างความแค้นเก่า ๆ

ที่อุตส่าห์อดมานาน แต่จะอย่างไรก็ตาม อย่ากินอะไรให้มันมากเกินไปแม้แต่ข้าว

หากกินมากไปก็เป็นโทษ จะทำอะไรก็บันยะ บันยังไว้บ้าง ให้พอดี พอดี

โดยยึดหลักทางสายกลาง ดังคำที่พระพุทธเจ้าสอนไว้
>>

สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 9

โพสต์

FW: เอดส์ใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด

Date: Mon, 29 Aug 2005 13:14:54 +0000


เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผมนี้เป็นเรื่องจริง
ซึ่งผมเองก็ไม่เคยคาดคิดว่ามันจะใกล้ตัวได้ขนาดนี้ นั่นก็คือเรื่องของโรคเอดส์ ....

ผมเองก็เป็นคนนึงที่ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นทั่วไปในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย มีแฟนคบกัน เลิกกัน
แล้วก็มีแฟนใหม่ ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานกับเพื่อน โดยที่ไม่เคยคิดถึงว่าจะมีเรื่องราวร้าย ๆ

ว่ามันจะสามารถเกิดขึ้นกับตัวเราได้
เพราะผมเองก็เรียนอยู่ในมหาลัยเอกชนชื่อดัง (ขอสงวนนามไม่บอกนะครับ)
มีสังคมและกลุ่มเพื่อนที่ดี เที่ยวกลางคืนกันบ้าง ตามสถานที่ ที่วัยรุ่นทั่วไปเค้าไปกัน (แถวทองหล่อ เอกมัย สุขุมวิท)
 
จนกระทั่งวันนึง ผมก็ได้พบกับ ผู้หญิงคนนี้
ซึ่งเธอเองก็เป็นคนน่ารัก ยอมรับนะครับว่าเจอกันในที่เที่ยว
ซึ่งครั้งนั้นเธอไปเที่ยวในงานวันเกิดของเพื่อน
แล้วเราก็ได้รู้จักกัน จนสนิทสนมและก็ได้คบหากัน
ซึ่งหลังจากนั้น เราก็มีอะไรกัน ตามประสาคนทั่วไป ...

เราคบกันโดยที่ ป้องกันบ้างไม่ได้ป้องกันบ้าง ด้วยถุงยางอนามัย
เพราะผมเองมั่นใจในตัวผมก็เพราะว่า ผมเองเป็นคนที่ตรวจเลือดประจำปีอยู่แล้ว
และปรกติจะเป็นคนที่ป้องกันตัวตลอดอยู่แล้ว
และผมเองก็เชื่อใจเธอ เพราะเธอเองเป็นคน อ่อนหวาน น่ารัก เรียบร้อย

และไม่ใช่ ญ ประเภท ที่เที่ยวกลางคืนอย่างช่ำชอง จึงทำให้ผมไว้วางใจในตัวเธอ
(ซึ่งนี่เป็นความคิดที่ผิดมหันต์ อย่างมาก อยากให้ทุกท่านได้รู้ไว้เป็นอุทาหรณ์)...

แต่ส่วนใหญ่ ผมจะป้องกันโดยการใช้ถุงยางอนามัยมากกว่า ประมาณ ร้อยละ 90 เพราะไม่อยากเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์
สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 10

โพสต์

และไม่อยากให้เธอทานยาคุมเพราะว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพเธอในระยะยาว
(อย่างน้อยนี่ก็คือความคิดของผม) ผมคบกับเธอได้เกือบปี

จนกระทั่งมีอยู่คืนนึง ซึ่งผมนั้นได้ไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วก็ไปหาเธอตามปรกติ
ซึ่งคืนนั้นผมยอมรับว่าผมเมา เพราะปรกติผมจะไม่ค่อยดื่มเหล้า
เพราะเป็นคนคออ่อน จึงทำให้ขาดสติ และไม่ได้ป้องกันกับเธอในคืนนั้น

และได้สัมผัสกับประจำเดือนเธอ ... แล้วในวันรุ่งขึ้นซึ่งผมจำได้ว่าเป็นวันเสาร์
ซึ่งไม่ทราบว่าด้วยเหตุใด จึงมีเหตุที่ทำให้ผมนั้น รู้สึกเป็นกังวลใจอย่างมาก

(รู้สึกไม่สบายใจแบบแปลก ๆ ในวันนั้น) ผมจึงได้ชวนเธอไปตรวจเลือดกัน
ซึ่งเธอเอง ก็ยอมไปตรวจแต่โดยดี เพราะคิดว่าไม่มีอะไร โดยที่ผมเองไม่ได้ตรวจด้วย ....

ผมพาเธอไปตรวจที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งก็ไปเจาะเลือดปรกติ เจาะ Anti-HIV
และรอรับผล ... วันนั้น ผมเองก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไร ความกังวลยังมีอยู่อย่างไม่ขาดหาย
แต่ผมคิดว่าผมฟุ้งซ่านทำไมเนี่ย เพราะโดยนิสัยส่วนตัวนั้นผมเองก็เป็นคนที่ชอบคิดมากอยู่แล้ว

จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกิน 1 ชม. แล้ว สังเกตว่าทำไมมันนานผิดปรกติ
ผมจึงพาแฟนเข้าไปถามนางพยาบาล ปรากฏว่าคำตอบที่ได้รับ
ทำให้ผมรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก นั่นคือ ตอนนี้
ทางแล็ปเค้าต้องนำเลือดไปปั่นเพื่อที่จะตรวจยืนยันผล

(เพราะตอนที่ผมเคยตรวจคือ ตรวจแล้วก็รอรับผลเลย ไม่เคยมีการยืนยัน) ซึ่งตอนนั้นผมก็เริ่มกังวลแต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก
สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 11

โพสต์

เพราะผมเองก็ไม่เคยตรวจที่นี่ และคิดว่าอาจเป็นเรื่องของระบบ
จนกระทั่งผลเลือดออกมาหลังจากรอผลเป็นระยะเวลา เกือบ 3 ชม.
โดยที่แฟนผมเข้าไปนานผิดปรกติ จนเธอเดินออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก

และเธอก็ได้บอกผมว่า กลัวมั้ย ทำใจดี ๆ นะ .............ผลเลือดออกมาเป็น บวก ...
ณ วินาทีนั้น ผมรู้สึกช็อคเหมือนสายฟ้าฟาด ตัวชา
และมึนไปหมด

แต่ก็ฝืนพูดกับเธอไปว่า อย่ามาล้อเล่นน่า บ้าเหรอ จะติดมาจากไหน
(ตอนที่พิมพ์อยู่นี้ผมยังจำความรู้สึกของวันนั้น และทุก ๆ ถ้อยคำที่เธอกล่าวมาได้) ...
แต่เธอก็บอกว่ามันเป็นเรื่องจริง ซึ่งดูจากสีหน้าแล้วจะรู้ได้เลยครับว่าไม่มีทางล้อเล่นแน่นอน

ซึ่งวินาทีนั้นผมเสียใจมาก ตอนแรก ๆ คิดด้วยว่า ผมเองเป็นคนที่อาจทำให้เธอติด
หรือถึงจะไม่ใช่ก็ตาม แต่ผมก็เคยมีอะไรกับเธอโดยที่ไม่ป้องกัน

จึงคิดว่าคงจะไม่รอดแน่นอน ผมจึงตัดสินใจขับรถออกจากรพ.
ซึ่งตอนนั้นเรา 2 คนก็ได้นั่ง เงียบ ๆ อยู่ในรถ โดยที่ผมได้แต่ขอโทษเธอ
จนกระทั่งผมลองมาคิดไตร่ตรอง ว่าผมเองก็ได้ตรวจเลือดครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้มา เป็นเวลา 1 ปี

ก่อนที่จะได้มาคบกัน และคิดว่ามันเป็นไปได้เหรอที่ว่าเราเป็นตัวต้นเหตุ
ณ วินาทีนั้น ผมจึงตัดสินใจเลี้ยวรถกลับไปรพ.เดิม
เพราะยังไงความจริงก็คือความจริง ผมจึงขอเจาะเลือดด้วย

ปรากฏว่าหลังจากรอผลเพียงแค่ 30 นาที หมอก็ได้เรียกตัวผมเข้าไปแล้วบอกว่า
ผลเลือดผมเป็นปรกตินะ ตอนแรกผมงงมาก ผมจึงถามหมอว่าเป็นไปได้ยังไง

สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 12

โพสต์

หรือว่าคุณหมอตรวจแฟนผมผิดพลาด และผมเองก็ได้เล่าความเสี่ยงให้หมอฟัง
(แต่หมอผู้ที่ดูผลเลือดของผมและแฟน เป็นหมออายุรกรรมนะครับ ไม่ใช่หมอด้านโรคติดเชื้อ)

คุณหมอก็ตอบว่า ทางแล็ปเค้าได้ตรวจยืนยันแล้ว ไม่น่าจะผิดพลาด แล้วเค้าก็ได้อธิบายว่า
การที่มีอะไรกับผู้ติดเชื้อนั้น โดยที่ไมได้ป้องกัน ถือว่าเป็นความเสี่ยง(สูง)

ซึ่ง คุณอาจติดหรือไม่ติดก็ได้ ซึ่งตอนนั้นผมก็พูดไรไม่ออก
เพราะว่าผมพึ่งมีอะไรกับเธอไปเมื่อวาน และสัมผัสประจำเดือนเธอเต็ม ๆ ....

หลังจากที่นั่งซักพัก ผมจึงนึกขึ้นมาได้ว่า โดยปรกติ จะมียาต้าน(ที่ผู้ติดเชื้อทานกัน)
ซึ่งเค้าให้ทานภายใน 24 ชม. นับจากความเสี่ยงที่มี
โดยส่วนใหญ่แพทย์จะจ่ายให้ผู้หญิงที่ถูกกระทำชำเรา

หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่ถูกเข็มทิ่มตำ (ในต่างประเทศเรียกว่า PEP)
ผมจึงได้ถามคุณหมอว่าเป็นไปได้ไหม ที่จะจ่ายยาให้ผมเพื่อที่จะทานป้องกัน
เพราะผมได้สัมผัสกับเลือดเธอเต็ม ๆ คุณหมอก็ได้บอกว่า

ไม่มีประโยชน์เพราะผมเอง ไม่ได้ป้องกันกับเธอประมาณ 1-2 ครั้ง ในช่วง 3 เดือนก่อนที่ จะมาตรวจ ...
ผมจึงได้เถียงกับคุณหมอว่า ก่อนหน้านั้น ผมเองก็ไม่ได้ป้องกัน

จึงอาจเป็นไปได้ว่า 1-2 ครั้งนั้น ที่ไม่ได้ป้องกันล่าสุด ถือว่าอาจจะไม่ติด
แต่ครั้งล่าสุด ซึ่งผมได้สัมผัสกับเลือดเต็ม ๆ นั้น ถือว่ามีความเสี่ยงมาก
จึงอยากให้หมอจ่ายยาต้านให้ผม และคุณหมอจึงได้ตัดสินใจโทรปรึกษาหมอด้านโรคติดเชื้อ

และได้ตกลงจ่ายยาต้านให้กับผม (อาจเป็นเพราะเป็น รพ.เอกชน ...
เพราะโดยปรกติ รพ.รัฐ จะไม่จ่ายยาต้านให้คนปรกตินะครับ)

สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ผมเองก็ได้ทานยาเป็นระยะเวลา 1 เดือนครึ่ง (จริง ๆ หมอเค้าให้ทานแค่ 28 วันน่ะครับ)
ในช่วงเวลาที่จะรอผลเลือดในอีก 3 และ 6 เดือนข้างหน้า เป็นสิ่งที่ทรมานจิตใจผมอย่างที่สุด

แทบไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้ ต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้ ไม่อยากเชื่อว่าเรื่องเช่นนี้
จะใกล้ตัวเราขนาดนี้ เป็นช่วงเวลาที่เรียกได้ว่าเป็นบทเรียนชีวิตที่สุด ๆ จริง ๆ

ในเรื่องของความประมาท เพราะผมเองก็ศึกษาในเรื่องพวกนี้มาพอสมควร
และคิดว่าการที่เราอยู่ในสังคมเช่นนี้ คบผู้หญิงโดยดูเพียงแค่ภายนอก รูปร่างหน้าตา สถานะ

เลยทำให้คิดว่าน่าจะเป็นคนที่สะอาดปลอดโรค เป็นสิ่งที่คิดผิดมหันต์
จนกระทั่ง ระยะเวลาผ่านไป เธอเองก็เริ่มทำใจได้
ในขณะที่ตัวผมเอง ก็เครียดขึ้นเรื่อย ๆ เพราะความฟุ้งซ่าน

ทำงานแทบไม่ได้ (บางครั้งก็อาศัยเรื่องงานนี่แหละครับ ที่ทำให้มันลืม ๆ ไปบ้าง)
จนกระทั่ง หลังจากนั้น 6 และ 10 สัปดาห์ ผมก็ได้ไปตรวจแบบ Rapid test ที่คลินิกนิรนาม

(ซึ่ง มันยังไม่ถึงเวลาแต่ผมก็ดันทุรังไปตรวจ เพราะฟุ้งซ่านมาก ๆ )
ผลออกมาเป็นลบ แต่ก็เท่ากับว่าเสียเงินฟรี
เพราะมาเร็วไป และผมเองก็ได้ไปตรวจ PCR มาตอนระยะเวลา 1 เดือน

นับจากวันที่หยุดยาต้าน ตามที่เคยมีหมอแนะนำไว้ (ผมหาหมอด้านโรคติดเชื้อหลายคนมาก)
ผลออกมาเป็นลบ ซึ่งก็ทำให้รู้สึกเบาใจได้อย่างมาก

เพราะว่าเป็นการตรวจหาเชื้อในกระแสเลือดโดยตรง
แต่มีคุณหมอบางท่านก็บอกว่ายังเบาใจไม่ได้
เพราะว่าผมเป็นเคสที่ ทานยาต้านป้องกัน (โดยปรกติ แทบจะถือได้ว่า 100% แล้วนะครับ

เพียงแต่ผมเป็นเคสที่ได้รับยาต้าน) ประกอบกับ PCR นั้น ไม่ใช่การตรวจซึ่งใช้ในการวินิจฉัย
คุณหมอจึงได้นัดผมมาตรวจอีก นั้นก็คือ ตอน 3 เดือนนับจากหยุดยาต้าน

(นี่คือโทษของการหา หมอหลายคน เวลาทับซ้อนกันครับ)
เพราะหมอบางคน ก็บอกว่า 3 เดือน และ 6 เดือน นับจากเสี่ยง
บางคนก็บอกว่า 3 เดือน 6 เดือน นับจากหยุดยา ....
สรุปก็คือ ผมทำตาม หมอทั้ง 2 ท่านที่แนะนำ

และทำตามคำแนะนำของ CDC (กรมป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ ของอเมริกา)
คือ ตรวจ 3 เดือน 4 เดือนครึ่ง และ 6 เดือน โดย ผลที่ 4 เดือนครึ่งของผม ทั้ง PCR Antibody P24Antigen
สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 14

โพสต์

คือ ตรวจ 3 เดือน 4 เดือนครึ่ง และ 6 เดือน โดย ผลที่ 4 เดือนครึ่งของผม
ทั้ง PCR Antibody P24Antigen ผลออกมาเป็นลบหมด

และผลเลือดที่ 6 เดือนครึ่ง คือ PCR และ Antibody นั้น ผลก็ออกมาเป็นลบ
ก็ทำให้โล่งใจเป็นอย่างมาก อยากบอกว่าความรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่เลยนะครับ (จริง ๆ นะ)

มองท้องฟ้า มองหมา มองต้นไม้ มองผู้คน มองอะไรต่าง ๆ รู้สึกดีไปหมด
รู้สึกอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ว่าชีวิตนั้นมีค่าขนาดไหน

เดี๋ยวนี้กลายเป็นคนใจเย็นลงมาก ๆ แล้วครับ จากที่เมื่อก่อนเป็นคนใจร้อน
อืม ... ขออธิบายเรื่องตรวจเลือดนิดนึง เพื่อความเข้าใจอะครับ

โดยปรกติที่เราไปตรวจ HIV นั้นหมอเค้าจะให้ตรวจแบบ หา Antibody นั่นคือ
ภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นต่อเชื้อ HIV โดยมากรอ 3 เดือน

ซึ่งหากผลเป็นลบ ก็หมายความว่าไม่เจอภูมิคุ้มกัน
หรือว่าอาจมาตรวจเร็วไป ซึ่งภูมิยังไม่ได้สร้าง ....

ส่วนการตรวจ PCR นั้น เป็นการตรวจหาเชื้อในกระแสเลือดโดยตรง
ตรวจได้ตั้งแต่ 2 สัปดาห์ขึ้นไป (หมอบอก) ตรวจได้ตามรพ.ใหญ่ ๆ ที่มี Lab PCR เท่านั้น

ค่าตรวจค่อนข้างแพง ความไวสูง หากได้ผลบวกอาจช็อคได้
และไม่ได้นับเป็นการตรวจแบบวินิจฉัย (ถ้าผลออกมาเป็นลบ ก็ถือว่าแนวโน้มดี)

ข้อดีคือรู้ผลเร็ว ไม่ต้องรอ 3 เดือน สำหรับคนที่เครียดมาก ๆ
(แต่ยังไงหมอเค้าก็จะนัดมาตรวจยืนยันด้วย Antibody ที่ 3 เดือนอยู่ดีล่ะครับ)

ข้อเสียอีกอย่างคือผลอาจคลาดเคลื่อนได้ หากมีการทานยาต้านป้องกัน
เพราะยาต้านจะไปฆ่าเชื้อในกระแสเลือด

แม้ผู้ติดเชื้อที่ทานยาต้าน ยังอาจสามารถตรวจออกมาผลเป็นลบได้
สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ส่วนแฟนของผมนั้น หลังจากที่รู้ผลเลือดผ่านไปอีกเดือน
เธอก็เริ่มออกอาการโดยที่มีอาการเป็นไข้บ่อย
และ พอผ่านไปซักพัก ก็ต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะป่วยด้วยโรคปอดอักเสบ

(อาการแทรกซ้อนของคนที่ติดเชื้อ) เนื่องจาก CD4 ของเธอหรือระดับภูมิคุ้มกันเธอต่ำมาก
ซึ่งตอนนั้นผมสงสารเธอมาก เพราะเธอต้องออกจากงาน และแถมยังป่วยหนัก

และเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของเธอและผมก็ว่าได้
เพราะตอนนั้นผมเองก็เครียดมาก ไม่สามารถปรึกษาใครได้
ผมเองก็ไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใคร โดยเฉพาะคนในครอบครัว

แค่คิดก็ทุกข์มากแล้ว นอกจากคนในเว็บของผู้ติดเชื้อ ซึ่งทุกวันนี้
ก็อยากขอบคุณมากที่เป็นกำลังใจและที่ปรึกษาให้คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ....

พอผ่านไปได้ประมาณ 2 เดือน แฟนผมก็อาการดีขึ้น เพราะโรคแทรกซ้อน ไม่หนักมาก
ถือว่ายังโชคดี ประกอบกับเธอได้รับยาต้านแล้ว

ซึ่งก็ทำให้เธอแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวันนี้ ก็กลับเป็นเหมือนปรกติ
แต่ก็ยังมีอาการเศร้าหมอง เป็นบางครั้ง เพราะว่าเธอยังคงต้องกินยาจำนวนมาก

(ยาวัณโรค เพื่อป้องกันวัณโรคแฝง + ยาต้าน)
ซึ่งบางครั้งก็ทำให้เธอท้อบ้าง แต่ตอนนี้ก็เริ่มไม่เป็นไรแล้ว เข้มแข็งขึ้นมากพอสมควร

ของผมเอง แต่ในช่วงเวลาที่มืดมิดของผมนี้ ผมได้เรียนรู้สิ่ง ๆ หนึ่งซึ่งอยากบอกให้ท่านผู้อ่าน
ได้รับรู้เอาไว้ เพราะเท่าที่เคยอ่าน หนังสือธรรมมะ (จากที่ไม่เคยแตะมาก่อน)

และได้คุยกับคนหลาย ๆ คน ก็คือ ว่าในช่วงระยะเวลาที่เรารู้สึกว่าชีวิตเรา กำลังจะถึงจุดจบ
เราจะนึกถึงอดีต และเรื่องที่เราเคยทำมา เพราะมันทำให้เราเห็นภาพอย่างชัดเจนเลยว่า

เรื่องราวบางอย่างที่เราหลงไปกับภาพมายาของมัน วัตถุ แสงสี เสียง
ความทะเยอะทะยาน ทั้งหลายนั้น มันหายไปหมดในพริบตา

ผมแทบไม่เคยคิดถึงสิ่งเหล่านี้ สิ่งเดียวที่ผมนึกถึงในเวลาที่ รู้สึกแย่ที่สุด ท้อแท้ที่สุด
เพราะตอนนั้นคิดว่าตัวเองไม่รอดแน่นอน

และอาจอยู่ได้อีกไม่นาน (ตอนนั้นฟุ้งซ่านมาก ๆ เลยครับ ชนิดที่ใครไม่เจอกะตัวเองคงนึกภาพไม่ออก)
สิ่งที่ผมนึกถึงนั้นก็คือ ครอบครัวของผม

โดยเฉพาะคุณแม่ เป็นความรู้สึกผิดอย่างที่สุด รู้สึกเหมือนตัวเองอกตัญญูอย่างมาก
ว่าบางครั้งเราเคยพูดจาไม่ดีกับท่าน ทำให้ท่านผิดหวังในบางเรื่อง

ดื้อบ้างตามประสาวัยรุ่น และสิ่งที่นึกถึงรองลงไปก็คือเรื่องที่อยากทำในชีวิต
และเรื่องที่เราเคยทำแล้วทำไม่ดี ทำไม่เต็มที่ ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์

เพราะคิดว่าเรายังมีวันพรุ่งนี้ และมีเวลาอีกเหลือเฟือ (พึ่งค้นพบสัจธรรมเลยครับ
ว่าความตายนั้นอยู่ใกล้ตัวมาก ๆ ไม่มีทางรู้ได้เลย ว่าวันพรุ่งนี้จะมาถึงจริงหรือเปล่า)

สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ประกอบกับ ได้เจอได้พูดคุยกับผู้ติดเชื้อบางท่าน
ซึ่งถ้าเดินสวนกัน เราไม่มีทางได้รู้เลยครับ ว่าเค้าคนนั้นติดเชื้อ

เพราะแฟนผมนั้น ทุกวันนี้ ยังอุตส่าห์มีคนมาจีบ โดยที่ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรนะครับ
แต่ก็มีคนนึง ซึ่งรู้ว่าเธอนั้นเป็นอะไร เพราะเป็นคนคนแรก ที่เธอบอกว่าเธอป่วยด้วยโรคนี้

และเธอก็บอกว่าเค้าเป็นคนดีไว้ใจได้ ไอผมเองก็สงสัยมานานแล้วว่า มันมีไรในกอไผ่ป่าววะ
จนตอนหลังเธอก็บอกว่า คนคนนี้ มาชอบเธอนานแล้วแต่เธอคิดแค่เพื่อน

และ ช คนนี้ยังเคยมาขอคบกับแฟนผม (ทุกวันนี้เราก็ยังคบกันอยู่นะครับ
และเค้าก็รู้นะครับว่าเรายังคบกัน แต่เราไม่ได้มีอะไรกันแล้ว ไม่กล้าอะ)

เลยทำให้รู้สึกว่า ในโลกนี้ยังอุตส่าห์มีคนดีขนาดนี้หนอ รู้ทั้งรู้ว่าแฟนผมเป็นอะไร
ยังมาขอคบกันดื้อ ๆ ทำเอาผมยอมรับเลยครับ ว่าคนดีขนาดนี้ยังมีหลงเหลือ

จะว่าไป ตลอดหลายเดือนที่เข้าออกเว็บ เกี่ยวกับโรคเอดส์ทั้งไทยและเทศ
เพื่อหาข้อมูลก็ได้พบว่า เรื่องพวกนี้มันอยู่ใกล้ตัวจริง ๆ และกลุ่มของผู้ติดเชื้อนั้น

เริ่มเด็กลงเรื่อย ๆ และมีทุกชนชั้นสังคม และต่อไปนี้เป็นเรื่องราวต่าง ๆ
(ของผู้ที่โชคดีนะครับ คือมีไรกับผู้ติดเชื้อแล้วตัวเองไม่ติด)

คนแรกที่ผมได้รู้จักนั้น คือคุณนิกกี้ (อายุ 25 ปี) เค้าเคยมาตอบคำถามให้ผม
ในเว็บ aidsaccess ซึ่ง เค้าเองก็เป็นคนที่มีแฟนเป็นผู้ติดเชื้อ ไม่ได้ป้องกัน กันเป็นเดือน

จนกระทั่งแฟนเค้าไปตรวจสุขภาพแล้วตรวจเจอ แต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่ผ่านพ้นไปได้
แต่ก็ต้องทรมานอยู่ 1 ปี เต็ม ๆ กับการรอลุ้นผลเลือด ....

คนที่สองนั้น คือคุณ oh ซึ่งเป็นหนุ่มวัยกลางคน (อายุประมาณ 32-33 ปี)
โดยคุณ oh นั้น ได้ซื้อบริการจากเด็ก Pirch

และประมาทไม่ได้ใช้ ถุงยางอนามัยด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบได้
(อาจเพราะเห็นว่าเด็กมันเอาะ อะป่าวก็ไม่รู้)

สุดท้ายหลังจากนั้น 2-3 วันแก เกิดไม่สบายใจ พาเด็กคนนั้นไปตรวจเลือด
ปรากฏว่าเจอแจ็คพ็อตครับ นั่งเครียดไป อีก 3 เดือนเหมือนกัน

แถมหมดค่าตรวจไปเป็นหมื่น เพราะแกเล่นตรวจ PCR ที่รพ.กรุงเทพไป 3 รอบ
(รอบละไม่ต่ำกว่า 3000 บาท) จะว่าไปผมเองก็เสียค่าตรวจเลือดเป็นหมื่นเหมือนกันมั้งครับ

เพราะไหนจะ PCR 2-3 รอบ แล้วไหนจะตรวจ ไวรัสตับ A B C
ไหนจะภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบ A และ B ... ซิฟิลิส ... มะเร็งไทรอยด์ ..

มะเร็งอื่น ๆ ที่สามารถใช้เลือดตรวจได้ ระดับน้ำตาล
ระดับไขมัน คุณภาพเม็ดเลือด ที่ตรวจนี่เพียงเพื่อเหตุผลเดียวนะครับ

คือว่ากังวลร่างกายเราปรกติหรือเปล่า เพราะสภาพร่างกายมีผลต่อความเร็วในการสร้างภูมิคุ้มกัน
เพราะโดยปรกติ Antibody ต่อเชื้อ HIV สร้างเร็วสุดตั้งแต่ 3 สัปดาห์เป็นต้นไป

ตรวจพบได้ที่ 8 สัปดาห์ แต่ที่เค้าบอกกัน 3 เดือนนี่ คือเพื่อให้ครอบคลุมคนส่วนใหญ่อะครับ
(ประมาณ 99%) และ 6 เดือน เพื่อที่จะชัวร์ 100%

(บางข้อมูลบอกว่าต้อง 1 ปี ไม่รู้ข้อมูลเก่าอะป่าว)
แต่เอาเป็นว่า CDC และหมอด้านโรคติดเชื้อที่ผมเคยปรึกษาบอกว่า 6 เดือน ...

สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 17

โพสต์

มาต่อกันกับคนที่ 3 ที่ผมรู้จักนั่นก็คือ คุณเป็ด อายุตอนนี้ ประมาณ 22 ปี
เรียนมหาลัยรัฐชื่อดังครับใกล้จะจบแล้ว ส่วนแฟนของเป็ดก็เรียน มหาลัยเอกชนชื่อดัง

คนละที่กะผม เอาเป็นว่า เคสแกก็จะคล้าย ๆ กับผมครับ
แต่แฟนแกเจ้าชู้ กิ๊กเยอะ และเป็ดเองก็ไม่เคยยุ่งกับแฟน

แต่ก็ยอมทนในความเจ้าชู้ของแฟน
จนกระทั่งวันนึง ได้มีอะไรกันขึ้นมา โดยที่เป็ดนั้น ได้ป้องกันแล้ว

แต่แฟนแกไม่ยอม และได้ถอดถุงยางทิ้งไป แล้วมีอะไรกัน
เพราะเธอคิดว่าการใช้ถุงยางเป็นการดูถูกเธอ จนผ่านไปไม่กี่วัน

เป็ดแกก็ไม่สบายใจ เพราะรู้ว่าแฟนนั้นกิ๊กเยอะ เลยพาไปตรวจ
ซึ่งก็ได้ทะเลาะกันพอสมควรก่อนที่จะยอมไปตรวจ

แต่ที่ฝ่าย ญ ไปตรวจก็คงเพราะว่ามั่นใจว่าตัวเองนั้นไม่ได้เป็นอะไร
ปรากฎว่าแจ็คพ็อตครับ ฝ่าย ญ เลือดบวก ...

น้องเป็ดบอกว่าตอนนั้น เครียดแทบบ้าเลยครับ (ผมก็เข้าใจความรู้สึกเค้าอะครับ)
แต่ตอนนี้ ก็ครบ 1 ปีแล้ว ผลเลือดของน้องเป็ดเค้าเป็นลบ

(ถือว่าปลอดภัยแล้ว) เพียงแต่ว่า หลังจากรู้ผลเลือดแกก็ไม่ได้ติดต่อกะแฟน แกอีกเลยครับ
ซึ่งผมกะเค้าก็คิดกันว่า กลัวแฟนเป็ดเค้าจะไปแพร่เชื้อให้คนอื่น

เพราะว่ามีกรณีอย่างนี้อยู่บ่อย ๆ ซึ่งข้อมูลตรงนี้ มาจากผู้ที่ทำงานคลุกคลีกะผู้ติดเชื้อ
และก็มีคนที่เจอมากะตัวจัง ๆ

แต่ตอนนี้ผลเลือดยังเป็นลบอยู่ นั่นคือคุณ y เคสนี้ คือ แฟนฝ่าย ญ เค้ารู้อยู่แล้วนะครับ
ว่าตัวเองมีเชื้อ แต่ไม่ยอมบอกฝ่าย ช แถมยังไม่ป้องกัน

เพราะจงใจทำให้ติดไปด้วย แกบอกว่า แฟนแกบอกตรง ๆ เลยครับ หลังจากที่คบไปได้ 2-3 เดือน
(ที่บอกอาจคิดว่า ฝ่าย ช คงไม่รอดแล้วมั้ง)

แต่ทุกวันนี้ คุณ y ยังรอผลเลือดอยู่
ซึ่ง เดือนหน้า ก็จะครบ 3 เดือน ก็ได้แต่หวังว่า เค้าจะโชคดีผ่านพ้นไปได้

นอกจากนี้ผมเองยังได้คุยกับผู้ติดเชื้ออีกหลายท่าน ผ่านทาง MSN
ซึ่งก็ทำให้ได้รู้เรื่องราวว่า ส่วนใหญ่นั้น หลายท่านมาก ๆ ครับ

ที่เป็นคนที่ไม่ได้มีพฤติกรรมเสี่ยงใด ๆ เลย
แต่ก็โชคร้าย ติดมาจากสามี หรือ ภรรยา หรือ แฟนตอนสมัยเรียน

ซึ่งแต่ละคนก็เข้าใจว่าไม่ได้มีเจตนา แต่ก็ประมาท เพราะไม่ได้ตรวจเลือดก่อนแต่งงาน
จึงอยากบอกให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายรับทราบว่า

เกินกว่าครึ่งของผู้ติดเชื้อนั้น ไม่ได้เป็นคนสำส่อน
หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงแต่อย่างใน หากแต่ประมาทเพราะไว้ใจในคู่ของตัวเอง

และความคิดที่ว่าเรื่องพวกนี้นั้นห่างไกลจากตัวเอง ...
และอีกเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งจากการที่ได้รับรู้ข้อมูลจากคนที่ได้ทำงานด้านนี้

นั่นก็คือ เด็กสมัยนี้มีเพศสัมพันธ์กันตั้งแต่อายุยังน้อย
และมีพฤติกรรมที่ชอบเปลี่ยนคู่นอน
โดยที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ป้องกัน ประกอบกับ เนื่องด้วยปัจจุบัน

ทางการแพทย์มีตัวยามากมายที่ช่วยยืดอายุของผู้ติดเชื้ออยู่ได้จนแก่เฒ่า
จึงทำให้มีเด็กที่เป็นผู้ติดเชื้อ (ติดเชื้อมาตั้งแต่ตอนคลอด จากแม่ที่มีเชื้อ)

ซึ่งเด็กเหล่านี้บางคนเป็นเด็กมีปัญหา เพราะว่าถูกกดดันจากสังคม
ถูกคนรอบข้างที่ไม่เข้าใจเค้ารังเกียจ ไหนบางคนพ่อแม่ก็เสียชีวิตไปก่อนด้วยโรคแทรกซ้อน

และพอแกโตเป็นวัยรุ่นก็กลายเป็นเด็กวัยรุ่นใจแตก ต้องการความรักความอบอุ่น
บางครั้งจึงง่ายต่อการที่จะมีเพศสัมพันธ์

ซึ่งหากมีเด็กคนไหนไปยุ่งด้วย แล้วเกิดติดเชื้อขึ้นมา ก็มีแนวโน้มว่าจะติดกันไปเป็นทอด ๆ
เพราะเด็กเหล่านี้ เปลี่ยนคู่กันบ่อย

และที่ร้ายแรงที่สุด คือเด็กมีโอกาสได้รับเชื้อที่ดื้อยา นั้นหมายถึงเชื้อที่มีความรุนแรงกว่าปรกติ ...

ดังนั้นจะสังเกตได้ว่า สถิติของผู้ติดเชื้อหลัง ๆ จะพบว่าเป็นวัยรุ่นเสียส่วนใหญ่
จึงอยากให้ทุกท่านได้โปรดมีความเข้าใจ และอย่ารังเกียจ

ผู้ติดเชื้อ เพราะ HIV นั้นไม่ได้ติดต่อกันง่าย ๆ ทางอากาศ หรือ ทางสัมผัสง่าย ๆ ทั่วไป
(โดยไม่มีน้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำคัดหลั่ง เข้ามาเกี่ยวข้อง)

ผู้ติดเชื้อต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายกลัวคนปรกติ
เพราะว่าภูมิคุ้มกันของผู้ติดเชื้อนั้นน้อยกว่าเป็นทุนเดิม

จึงทำให้เสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนมากกว่าคนธรรมดาหลายเท่านัก
สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 18

โพสต์

สำหรับจุดประสงค์ที่ผมมาเขียนบอกเล่าเรื่องราวให้ทุกท่านได้อ่าน
ก็คือ อยากให้บทเรียนและประสบการณ์ของผมนั้น

เป็นประโยชน์กับตัวของทุก ๆ คน โดยเฉพาะน้อง ๆ ที่ยังอยู่ในวัยเรียน
และผู้ที่มีความคิดอย่างผม ที่ว่าไม่น่าจะอยู่ใกล้เรื่องพวกนี้ อยากบอกว่าเป็นความคิดที่ผิด ๆ นะครับ

เพราะผมเองก็ถือว่าที่บ้านมีฐานะ อยู่ในสังคมเดียวกับ พวกคุณนั้นแหละครับ
เที่ยวก็เที่ยวตามที่วัยรุ่นทั่วไปเค้าไปกัน เพราะว่า เรื่องอย่างนี้

หากคุณได้ไปคุยกับคุณหมอด้านโรคติดเชื้อ หรือคนที่ทำงานด้านนี้
จะรู้ว่ามันไม่ได้ไกลตัวอย่างที่คิด และมีทุกระดับชนชั้น ตั้งแต่กรรมกร ยันระดับ ผู้บริหาร

เพียงแต่เรื่องเช่นนี้ มันยังไม่เป็นที่ยอมรับกันในสังคม คนจึงไม่ค่อยเปิดเผย
ยิ่งคนที่มีฐานะและมีหน้ามีตายิ่งไม่เปิดเผย แถมผู้ติดเชื้อบางคน (ส่วนน้อยมาก ๆ นะครับ)

ยังมีเจตนาที่จะแพร่เชื้อ

และบางคนก็ยังคงไม่สะทกสะท้าน ใช้ชีวิตอย่างเสี่ยง ๆ ต่อไป ทั้ง ญ ..ทั้ง ช และ เกย์
จึงอยากให้ทุกท่านอย่าใช้ชีวิตอย่างประมาท

เพราะเหตุการณ์แบบนี้ หากพลาดไปแล้วไม่มีโอกาสได้แก้ตัวนะครับ
และผมเองก็อยากขอบคุณ ทุก ๆ ท่านที่เคยให้คำปรึกษาและเป็นกำลังใจให้ผม

ในยามที่ผมเครียด ท้อแท้ และสิ้นหวัง

กระผม Tatee อยากจะขอขอบคุณ

คุณหมอTCom และ คุณหมออภิภู จากเว็บ thaiclinic.com

คุณหมอรุ่งโรจน์ ตรีนิติ จากเว็บ clinicrak.com

คุณหมอ 075 จากเว็บ sirirajonline.com

คุณแก้ว จาก เอดส์ไดอารี่ และ คุณ MT แก้ว จากเว็บ kaewdiary.com

คุณตะวัน คุณแม่ธิดา คุณ POP คุณก้า ป้าก้อย คุณลูซี่คนสวย จากเว็บ ittirak.com

คุณนิกกี้ .. คุณน้ำตกหมู .. คุณ krissth และคุณ Paper จากเว็บ aidsaccess.com

คุณ kiss และคุณ devil จากเว็บ hadviser.com

และทุก ๆ ท่าน ที่เคยได้มีโอกาสพูดคุย ตอบคำถามผม และเป็นกำลังใจให้ผม

สุดท้ายนี้ ผมอยากบอกว่า ผมยังจำความรู้สึกตอนนั้น
(ตอนที่รอผลเลือด)ได้อย่างไม่ลืมเลือน มันทรมานมาก ๆ เลยนะครับ

ทั้งเครียดทั้งฟุ้งซ่าน ทุกวันนี้ยังไม่เคยลืมเลือน ผมนั้นอาจจะยังถือว่าโชคดี
แต่ถึงกระนั้น ก็อาจมีคนมากมายที่ไม่ได้รู้ว่า ตัวเองนั้นอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือเปล่า

เลยทำให้มีพฤติกรรมที่ประมาท ซึ่งหลายคนนั้นได้พลาดพลั้งโชคร้าย ติดเชื้อมา
และมันเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถจะขอแก้ตัวได้อีกเป็นครั้งที่ 2 ...

และที่น่าสงสารที่สุดคือ คนบางคนซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่
อาจเป็นสามี หรือ ภรรยา หรือ ลูก หรือแฟนใหม่
หรือ คนที่คุณรัก ต้องมารับเคราะห์กรรม นั่นคือเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ต่อจากคุณไปอีก

ไหนจะทำให้คนที่บ้านหรือคนที่รักคุณต้องเสียใจไปกับคุณด้วย ...
ดังนั้นผมจึงอยากเตือนว่า เรื่องพวกนี้มันใกล้ตัวจริง ๆ ครับ

อย่าประมาทดีกว่า แม้ว่าคุณเองนั้น อาจไม่ใช่คนสำส่อน
มีแฟนมากหน้าหลายตา หรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน

เพราะตราบใด ที่คุณมีเพศสัมพันธ์ แม้เพียงครั้งเดียวแล้วไม่ได้ป้องกัน
ตราบนั้นก็ถือว่าคุณเป็นคนที่มีความเสี่ยงครับ

นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี (ร้ายแรงพอกัน)

หรือ เริม (อันนี้ป้องกันด้วยถุงยางอนามัยไม่ได้นะครับ) และอื่น ๆ อีกมากมาย

ซึ่งถ้ามีเวลาจะสรุปจากข้อมูลที่ได้มาเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านต่อไปนะครับ
รวมถึงเรื่องราวและระยะเวลาของการตรวจเลือดด้วยครับ

ดังนั้นผมจึงอยากรบกวนท่านผู้อ่านช่วยเผยแพร่บทความนี้ต่อ ๆ กันไป
เพื่อให้เป็น บทเรียน...ความรู้...เป็นอุทาหรณ์...ช่วยเพิ่มความระมัดระวังในการมีเพศสัมพันธ์

หรือเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน เพียงเท่านี้ ผมก็ดีใจแล้วล่ะครับ
เพราะไม่อยากให้ใครต้องมาเสียใจ หรือรู้สึกผิดกับความประมาทของตัวเองทีหลังเหมือนผม

เพราะไม่ใช่ว่าใครจะโชคดีกันได้ทุกคน พลาดเพียงครั้งเดียวอาจเสียใจไปตลอดชีวิต ... ขอบคุณครับ
สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 19

โพสต์

Subject: FW: *SPAM* RE: ระวังมารสังคมที่ห่มผ้าเหลือง...........

เ ตื อ น ภั ย ส า ว ๆ ระวังมารสังคมที่ห่มผ้าเหลือง...........

เมื่อเช้าดูรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง    มีผู้ชมทางบ้านซึ่งเป็นเหยื่อ  โทรมาเล่าให้ทางรายการฟังดังนี้

เธอกำลังเลือกหาซื้อหนังสืออยู่ในห้างแห่งหนึ่ง  มีคนหัวโล้นนุ่งผ้าเหลืองมาพูดจาสุภาพว่า  "โยม  อาตมาเพิ่งมาห้างนี้ครั้งแรก  ไม่รู้ว่าจะไปซื้อ.........ได้ที่ไหน"  (จขกท ฟังไม่ทันว่า  ..... คืออะไร ขออภัยด้วย)

หญิงสาวได้ยินดังนั้น  จึงบอกทาง  ว่าเดินไปข้างหน้า อยู่ซ้ายมือ  แล้วอ่านหนังสือต่อ

สักพักคนหัวโล้นนั้นเดินกลับมา  บอกว่า "ขอโทษเถอะโยม  อาตมามีเงินไม่พอ  ขาดอีก 57 บาท  โยมช่วยไปจ่ายให้ก่อนได้ไหม  เดี๋ยวจะเอาเงินคืนให้  จากลูกศิษย์ที่รออยู่ในรถหน้าห้าง "

หญิงสาวจะปฏิเสธ  ก็จะกลายเป็นคนใจดำ  จึงไปจ่ายเงินให้  แล้วเดินไปหน้าห้างด้วยกัน  พอเจอลูกศิษย์นั่งรอในรถ  คนหัวโล้นก็พูดว่า  เอาเงินคืนโยมไป   ลูกศิษย์ก็แกล้งทำเป็นตกใจ  หยิบกระเป๋าที่ไม่มีตังค์เปิดออกมา เหมือนจงใจให้หญิงสาวดูว่า " อ้าว ไม่ได้พกตังค์มา  ......ถ้างั้นไปกดที่ ATM ที่อยู่หัวมุมถนนโน้นละกัน"  (จะหลอกให้หญิงสาวขึ้นรถไปด้วย)

หญิงสาวบอกว่า  ATM ที่ห้างนี้ก็มี  ลูกศิษย์อ้างว่า  ถ้ากด ATM ในห้าง จะต้องขับรถอ้อมห้างอีก  เสียเวลา
หญิงสาวบอกว่า  ถ้างั้นไม่เป็นไร (เธอคิดว่า ทำบุญ 57 บาท)  คนหัวโล้นพูดว่า  ไม่ได้หรอกโยม  อาตมายืมก็ส่วนยืม  ถ้าไม่คืน  จะเป็นหนี้ค้างกันไปถึงชาติหน้า (อ้างไปเรื่อยให้เหยื่อตายใจ)

พอขึ้นรถไป  ก็ไปนิดเดียว  ไม่ไกลจากห้างจริง ๆ แต่ไม่ใช่ตู้ ATM  มันเป็น ม่านรูด !!!!

หญิงสาวเล่าให้ทีมงานรายการฟังว่า  จากคนที่ท่าทางสุภาพ  ห่มผ้าเหลืองที่เธอคิดว่าเป็นพระนั้น  พอเกือบถึงโรงแรมม่านรูด  ก็ชกท้องเธอ  จากนั้นเธอโดนข่มขืนและรูดทรัพย์  

สุดท้ายถูกนำมาปล่อยตัวใกล้ ๆ ม่านรูด  โดยที่เธอไม่มีหลักฐานอะไรเพื่อเอาเรื่องพวกมันได้เลย
---------------------------------------------------------------

อยากให้หญิงสาวทุกคนอ่านไว้เป็นอุทาหรณ์  ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใด  ห้ามขึ้นรถผู้ชายที่ไม่รู้จักเด็ดขาด  ไม่ต้องไปเกรงใจว่ามันเป็นใคร  ยิ่งอยู่ในห้าง  เราสามารถหาผู้ชายคนอื่นช่วยแทนได้

สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ความคิดเห็นที่ 61  

ขอบคุณครับ พี่สุเกียง

ขออนุญาตนำเรื่องราวที่น่าสนใจประกอบเพิ่มนิดนึงนะครับ

- AIDS เป็นชื่อเรียกกลุ่มอาการ ของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV ระยะหลังๆที่แสดงอาการ ส่วนผู้ที่ได้รับเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ ทางการแพทย์จะเรียกผู้ป่วยว่า ผู้ป่วยติดเชื้อ ฯ (ไม่เรียกว่าผู้ป่วยเอดส์)
- จากสถิติผู้ติดเชื้อในประเทศว่ากันว่า ในประชากร 50 คน จะมีผู้ติดเชื้อ 1 คน
- การมีเพศสัมพันธ์ โอกาสติดเชื้อในผู้ชายและผู้หญิงไม่เท่ากัน ผู้ชายมีโอกาสติดเชื้อ เพียงประมาณ 15% ส่วนผู้หญิงมากถึง 80% (ข้อมูลนี้เป็นข้อเท็จจริงที่เล่าสู่กันฟังนะครับ ไม่ได้ให้ผู้ชายประมาทมากขึ้นนะครับ) แต่ข้อมูลนี้ไม่ค่อยเป็นที่ทราบ เพราะอยากให้มีผลในแง่จิตวิทยากับผู้ชาย ในแง่ของระบาดวิทยา
- เมื่อได้รับเชื้อ จะมีอาการรู้สึกเป็นไข้ไม่สบายภายในสองสามวัน หลังจากนั้นก็หายเหมือนไม่ได้เป็นอะไร
- ผุ้ที่ทานยาต้านอย่างเคร่งครัด และดูแลสุขภาพกายและใจให้แข็งแรง สามารถมีชีวิตอยู่ได้เหมือนคนปกติ และมีอายุไขยืนยาว จนทางการแพทย์มองว่าโรคเอดส์ก็เป็นเพียงโรคเรื้อรังอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับเบาหวาน หรือความดัน
- ปกติผู้ที่ติดเชื้อ มักจะเสียชีวิตด้วยโรคแทรกซ้อน
- ถ้าแม่ติดเชื้อ โอกาสที่ให้กำเนิดลูกที่ติดเชื้อมีประมาณ 20% โดยลูกจะไม่ติดเชื้อตอนอยู่ในครรภ์มารดา แต่จะมีโอกาสติดเชื้อในระหว่างคลอด

จากคุณ : HolySix   - [ 31 ส.ค. 48 10:08:43 ]
สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 21

โพสต์

..ความคิดเห็นที่ 62

ยาต้านไวรัส

- ผู้ที่ตรวจพบว่าติดเชื้อจะไม่ได้รับยาต้านไวรัสโดยทันที โดยแพทย์จะตัดสินใจยาต้านจากสภาพร่างกายของคนไข้ และระดับภูมิคุ้มกัน CD4 แต่จะให้ยาสำหรับป้องกันการติดเชื้อในปอด และเชื้อราในสมองมาทาน
- ยาต้านไวรัส ผู้ป่วยต้องทานตรงเวลาอย่างเคร่งครัดเพื่อลดความเสี่ยงที่เชื้อจะดื้อยา โดยอาจจะทานแค่วันละ 2 เม็ด หรือ วันละ 30 กว่าเม็ด แล้วแต่สูตรยา
- ยาต้านไวรัสบางตัว เป็นเจลาตินแคปซูล ต้องเก็บในตู้เย็น และเม็ดมีขนาดใหญ่(ประมาณข้อนิ้วชี้)
- ยาต้านไวรัสมีผลข้างเคียงหลายอย่าง ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
- ผู้ที่ทานยาต้านอย่างเคร่งครัดไประยะหนึ่ง จะไม่พบเชื้อในกระแสเลือดเลย แต่ยังมีเชื้อหลบอยู่ใน cell ภูมิคุ้มกัน ที่พร้อมจะเติบโตและเพิ่มจำนวนมากมาย ถ้าหากละเลยการกินยา

ค่าใช้จ่าย

- ค่าใช้จ่ายสำหรับยาต้านไวรัส เริ่มต้นที่ประมาณพันต้นๆต่อเดือน ถ้าผู้ป่วยดื้อยาหรือแพ้ยาจะใช้ยากลุ่มที่แพงขึ้น ตกราวๆ สี่ห้าหมื่นต่อเดือน (ราคา รพ รัฐ)(ซื้อมอไซค์ได้คันนึง)(ซื้อ PTTEP ได้ร้อยหุ้น) ยังไม่ได้รวมค่า LAB และอื่นๆ
- รัฐบาลมีกองทุนต่างๆสำหรับช่วยค่าใช้จ่ายของผู้ติดเชื้อ ยาต้านหลายตัวผู้ป่วยสามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้ ส่วนยาที่ใช้สิทธิประกันสังคมไม่ได้ จะช่วยออกแค่ 5000 บาทต่อเดือน และรัฐมีโครงการให้โครงการ 30 บาท ครอบคลุมถึงยาต้านไวรัสในเร็วๆนี้
- ยาต้านไวรัสตัวล่าสุดที่มีขายในประเทศ ราคาเม็ดละประมาณ 250 บาท ทานวันละ 1 เม็ด (พร้อมกับยาตัวอื่นอีกหลายตัว แล้วแต่สูตรยา)

จากคุณ : HolySix - [ 31 ส.ค. 48 10:09:34 ]
สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 22

โพสต์

ห ม อ น วิ เ ศ ษ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในประเทศจีนมีชายชาวนาคนหนึ่ง ชื่อ "อาเฉิน"

กำลังนั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม ก็ได้มีพ่อค้าเร่คนหนึ่ง
เข้ามาทักทายเขาว่า "พ่อหนุ่ม ทำมาหากินเป็นอย่างไรบ้าง"
"ไม่ไหวเลยครับ ชีวิตของข้าอับจนสิ้นดี" อาเฉินตอบอย่างเศร้าสร้อย

"เจ้าไม่พอใจในวิถีชีวิตของตนเองดอกหรือ?" พ่อเฒ่าสอบถาม

"จะให้ข้าพอใจได้อย่างไรในเมื่อข้าต้องทำงานหนักทั้งวัน ถ้าข้าได้เป็นเศรษฐี

ข้าจึงจะพอใจ" อาเฉินกล่าว พ่อเฒ่านิ่งงันไม่พูดอะไร

ก่อนจากกันพ่อเฒ่าได้ยื่นห่อผ้าในมือให้อาเฉิน และพูดขึ้นว่า

"พ่อหนุ่ม ข้าต้องเดินทางไปหมู่บ้านข้างเคียง

พรุ่งนี้เช้าจึงจะกลับ เจ้าจะเก็บรักษาหมอนใบนี้ไว้ให้ข้าได้หรือไม่?

หมอนใบนี้หนุนนอนสบายดี เจ้าจะใช้หมอนใบนี้หนุนหัวในคืนนี้ก็ได้"

อาเฉินรับคำจะเก็บรักษาหมอนไว้ให้ ทั้งสองจึงแยกทางกัน

ในคืนนั้น อาเฉินใช้หมอนของพ่อเฒ่าหนุนนอน
เมื่ออาเฉินตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีแท่งเงิน แท่งทองเต็มไปหมด

"รวยแล้ว ในที่สุดเราก็รวยสมใจนึก"

อาเฉินตะโกนสุดเสียงด้วยความดีใจ"ข้าจะสร้างคฤหาสน์หลังงาม ข้าจะซื้อทุกอย่างที่ข้าต้องการ"

อีกไม่นานคฤหาสน์ของเขาก็สร้างเสร็จ

ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา อาเฉินเป็นมหาเศรษฐีไปแล้ว

เขาไม่ปราถนาจะลดตัวลงไปเสวนากับคนจน

ดังนั้นเขาจึงปิดคฤหาสน์อาศัยอยู่ในนั้นตามลำพัง

อยู่มาไม่นานอาเฉินก็เบื่อหน่าย

"ขาดอะไรไปสักอย่าง? อ้อรู้แล้ว สวนของข้าว่างเปล่านั่นเอง"

เขาจึงสั่งให้คนงานหาดอกไม้หลากสีสัน งดงามที่สุดเท่าที่จะหาได้

และไม้ใหญ่มาปลูกไว้ในสวน และขุดสระเลี้ยงปลา

แต่แล้ว อาเฉินยังรู้สึกเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว "จะต้องขาดอะไรไปสักอย่าง อ้อรู้แล้ว บ้านหลังนี้เงียบเกินไป" อาเฉินจึงว่าจ้างนักดนตรี นักรำมาขับกล่อมให้ความบันเทิง

แต่แล้วต่อมาไม่นาน

อาเฉินก็รู้สึกเบื่อกับการร้องรำ เขาจึงไล่นักดนตรี นักรำออกจากบ้านไป

อาเฉินรู้สึกเหงาหงอยอ้างว้าง

"อ้า...สิ่งที่ข้าต้องการคือ ภรรยาสักคน...ใช่แล้ว"

อาเฉินส่งคนรับใช้ไปป่าวประกาศกลางหมู่บ้านว่า

หญิงใดที่ยังเป็นโสด ขอให้มาชุมนุมที่หน้าคฤหาสน์ของเขาในเช้าวันรุ่งขึ้น

เพื่อให้เขาเลือกเป็นภรรยา แต่ ไม่มีหญิงใดโผล่หน้ามาให้เห็นในเช้าวันถัดมา

อาเฉินรู้สึกแค้นเคืองฉุนเฉียว

"เฮอะ ชาวนาโง่เง่า ข้าไม่เห็นจะต้องการเลย อยู่คนเดียวก็ได้"

อยู่มาวันหนึ่ง อาเฉินตัดสินใจลงจากเขา

อาเฉินนั่งเกี้ยวงดงาม มีคนรับใช้สี่คนหาม มาดโอ่อ่าภูมิฐานยิ่งนัก

แต่อาเฉินก็ต้องประหาดใจ เมื่อผู้คนในหมู่บ้านไม่มีใครให้ความสนใจเขาเลย

เมื่อเขาผ่านโรงเตี๊ยมเก่า เขาได้ยินเสียงผู้คนทักทายกัน สลับกับเสียงหัวเราะเป็นระยะ

เขามองเห็น เพื่อนเก่าซดข้าวต้มร่วมกัน แม้คนเหล่านั้นจะยากไร้ แต่ก็มีความสุขยิ่ง

อาเฉินหวนกลับมายังคฤหาสน์อ้างว้าง

นั่งครุ่นคิดอยู่เป็นนาน เขากลายเป็นมหาเศรษฐีแล้ว

แต่ก็ไม่มีความสุข ชีวิตแสนสบายแต่อ้างว้าง

อาเฉินอยากจะกลับไปเป็นชาวนาสามัญเช่นเดิม แล้วเขาก็เผลอหลับไป

เมื่ออาเฉินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องเก่าซอมซ่อ

ทุกอย่างอยู่ในสภาพเดิม

อาเฉินเพิ่งรู้ว่าตัวเองฝันไป เขาวิ่งออกจากกระท่อม

หัวเราะร่าด้วยความยินดี

อาเฉินร้องทักทายชาวนาที่เดินผ่านบ้าน เหมือนกับเพื่อนรักที่หายหน้าไปนาน

และพอถึงตอนสายของวันชายชราเจ้าของหมอน ก็ได้มาหาอาเฉิน

"เป็นอย่างไรพ่อหนุ่ม เมื่อคืนหลับฝันดีหรือไม่"

อาเฉินวิ่งกลับเข้าบ้าน หยิบเอาหมอนห่อผ้าให้เรียบร้อย ยื่นคืนให้เจ้าของ

"ขอบพระคุณท่านผู้เฒ่าเป็นอย่างมาก ที่ให้ยืมหมอนวิเศษใบนี้

ข้าเพิ่งได้บทเรียนล้ำค่าของชีวิต...ไม่มีสุขใดใหญ่หลวงเกินไปกว่า

ความพึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่อีกแล้ว"

อาเฉินหยิบจอบขึ้นพาดบ่า เดินผิวปากออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังท้องนา

พ่อเฒ่าอมยิ้ม และออกเดินทางต่อไป
สุเกียง
Verified User
โพสต์: 891
ผู้ติดตาม: 0

.......... สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด..........

โพสต์ที่ 23

โพสต์

จะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่


Date: Sun, 07 Aug 2005 09:25:08 -0800

 
จะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่มีประโยชน์มาก และช่วยกันส่งต่อด้วยนะ

ขับรถให้ปลอดภัย

กรณีที่ 1

เมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถยางระเบิดในขณะขับรถ

มีข้อแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้

1. มือทั้งสองต้องจับอยู่ที่พวงมาลัยอย่างมั่นคง

2. ถอนคันเร่งออก

3. ควบคุมสติให้ดีอย่าตกใจ มองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามมาบ้าง

4. แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ อย่าแตะแรงเป็นอันขาด เพราะจะทำให้รถหมุน

5. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาดเพราะถ้าเหยียบคลัตช์รถ

จะไม่เกาะถนนรถจะลอยตัวและจะทำให้บังคับรถได้ยากยิ่งขึ้น อาจเสียหลัก

เพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ ให้ขาดจากเพลา

6. ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด จะทำให้รถหมุน

7. เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้วให้ยกเลี้ยวสัญญาณเข้าข้างทางซ้ายมือ

8. เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมได้ ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงและหยุดรถ

ข้อสังเกตเมื่อยางระเบิด

คือ ไม่ว่ายางด้านใดจะระเบิดล้อหน้าหรือล้อหลังก็ตาม

เมื่อระเบิดด้านซ้าย รถก็จะแฉลบไปด้านซ้ายก่อน

แล้วก็จะสะบัดกลับ และสะบัดไปด้านซ้ายอีกที สลับกันไปมา

และในทำนองตรงกันข้าม หากระเบิดด้านขวาอาการก็จะ กลับเป็นตรงกันข้าม

อุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากก็คือ

หากขณะยางระเบิดรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วสูงมากๆ พอยางระเบิดขึ้นมารถก็จะกลิ้งทันที

ทำอะไรไม่ได้

ดังนั้นการขับรถที่ใช้ความเร็วสูงๆจึงมักจะแก้ไขอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้

เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น ในขณะขับรถ

จึงไม่ควรขับรถเร็ว (ความเร็วทีถือว่าปลอดภัยในDEFENSIVE DRIVING

คือ ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง)

กรณีที่ 2

เมื่อรถตกน้ำ

ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุแล้วตกลงไปในแม่น้ำ ลำคลองใดๆ ก็ตาม

รถจะไม่ตกลงไปในน้ำแล้วจมทันที เหมือนหิน ตกน้ำ แต่จะค่อยๆ

จมลงทีละน้อยๆ จนกว่าจะถึง พื้นล่างและในนาทีวิกฤตนี้

ควรตั้งสติให้ดีและปฏิบัติดังต่อไปนี้

1. ปลด SAFETY BELT ออกทุกๆคน รวมทั้งผู้โดยสารด้วย

2. อย่าออกแรงใดๆ เพื่อสงวนการใช้อากาศหายใจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนจำกัด

3. ให้ยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในรถ

4. ปลดล็อกประตูรถทุกบาน

5. หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้าในรถเพื่อปรับความดัน! ในรถ

และนอกรถให้เท่ากันมิฉะนั้นท่านจะเปิดประตูรถไม่ออก

เพราะน้ำจากภายนอกตัวรถจะดันประตูไว้

6. เมื่อความดันใกล้เคียงกันแล้วให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุด แล้วท่านก็ออกจากห้องโดยสารของรถได้

7. จากนั้นท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ

หรือจะว่ายน้ำขึ้นมาก็ได้ ในกรณีนี้หากน้ำลึกมากๆอาจจะมองไม่เห็นว่า

ทิศใดเหนือน้ำ ทิศใดใต้น้ำเพราะว่า มืดไปหมด ไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำ

เพราะอาจจะว่าย ไปในทิศทางที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำ กรณีเช่นนี้ควรปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติ

หรือลองเป่าปากดูว่า ฟองอากาศลอยไปในทิศทางใด

ให้ว่ายน้ำไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไป

ก็จะไม่มีอาการ หลงน้ำ นอกจากนั้น ก่อนออกจากรถ

หากท่านมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กๆ อาจจะหนีบ เด็กๆ นั้นออกมากับท่านได้อีกหนึ่งคน

ดังนั้นหากท่านปฏิบัติ ตามวิธีการเหล่านี้

ก็จะช่วยให้ชีวิตของท่าน ปลอดภัย ได้ ในยามคับขัน

อยากให้ทุกคน copy และส่งต่อไปให้เพื่อนๆ และคนรู้จักให้มากๆเลยนะ

เป็นการช่วยเหลือกัน หากเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ขึ้นมา

การมีความรู้ในขั้นตอนในการควบคุมยานยนต์

และการปฏิบัติตนในขณะเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ สามารถช่วยลด อัตราการตาย

และการบาดเจ็บได้แน่นอน ถ้าจะให้ดี พริ้นเก็บไว้ในรถของทุกคนเลยก็ดีนะครับ
ล็อคหัวข้อ