MATI VS. NMG
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
MATI VS. NMG
โพสต์ที่ 1
1 นายขรรค์ชัย บุนปาน 4,991,700 24.35
2 INVESTORS BANK AND TRUST COMPANY 2,174,500 10.61
3 SOMERS (U.K.) LIMITED 1,936,663 9.45
4 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 1,470,267 7.17
5 THE BANK OF NEW YORK (NOMINEES) LIMITED 1,284,000 6.26
6 N.C.B.TRUST LIMITED-RBS AS DEP FOR FS 1,000,000 4.88
7 นายไพโรจน์ สายทุ้ม 739,068 3.61
8 CHASE NOMINEES LIMITED 1 601,100 2.93
9 BOSTON SAFE DEPOSIT AND TRUST COMPANY 592,300 2.89
10 HSBC (SINGAPORE) NOMINEES PTE LTD 452,700 2.21
11 CREDIT SUISSE FIRST BOSTON (EUROPE) LTD 438,400 2.14
12 น.ส.ปานบัว บุนปาน 382,875 1.87
13 นายปราปต์ บุนปาน 382,800 1.87
14 DBS VICKERS SECURITIES (SINGAPORE) PTE L 258,200 1.26
15 นางกมลทิพ พยัฆวิเชียร 233,866 1.14
16 DEUTSCHE BANK INTERNATIONAL LTD. 200,000 0.98
17 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY 188,900 0.92
18 NORTRUST NOMINEES LTD. 168,000 0.82
19 นายวิชัย มิตรสันติสุข 132,400 0.65
20 นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร 130,666 0.64
21 THE BANK OF NEW YORK NOMINEES LTD A/C BA 127,700 0.62
22 นางเพาพิลาส เหมวชิรวรากร 110,000 0.54
2 INVESTORS BANK AND TRUST COMPANY 2,174,500 10.61
3 SOMERS (U.K.) LIMITED 1,936,663 9.45
4 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 1,470,267 7.17
5 THE BANK OF NEW YORK (NOMINEES) LIMITED 1,284,000 6.26
6 N.C.B.TRUST LIMITED-RBS AS DEP FOR FS 1,000,000 4.88
7 นายไพโรจน์ สายทุ้ม 739,068 3.61
8 CHASE NOMINEES LIMITED 1 601,100 2.93
9 BOSTON SAFE DEPOSIT AND TRUST COMPANY 592,300 2.89
10 HSBC (SINGAPORE) NOMINEES PTE LTD 452,700 2.21
11 CREDIT SUISSE FIRST BOSTON (EUROPE) LTD 438,400 2.14
12 น.ส.ปานบัว บุนปาน 382,875 1.87
13 นายปราปต์ บุนปาน 382,800 1.87
14 DBS VICKERS SECURITIES (SINGAPORE) PTE L 258,200 1.26
15 นางกมลทิพ พยัฆวิเชียร 233,866 1.14
16 DEUTSCHE BANK INTERNATIONAL LTD. 200,000 0.98
17 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY 188,900 0.92
18 NORTRUST NOMINEES LTD. 168,000 0.82
19 นายวิชัย มิตรสันติสุข 132,400 0.65
20 นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร 130,666 0.64
21 THE BANK OF NEW YORK NOMINEES LTD A/C BA 127,700 0.62
22 นางเพาพิลาส เหมวชิรวรากร 110,000 0.54
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
MATI VS. NMG
โพสต์ที่ 3
1 นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ 23,981,120 14.74
2 นายธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ 16,658,640 10.24
3 นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น 14,600,054 8.97
4 DOW JONES & COMPANY, INC., NEW YORK 12,000,000 7.38
5 AMERICAN INTERNATIONAL ASSURANCE COMPANY 8,716,971 5.36
6 นายทวีฉัตร จุฬางกูร 6,000,000 3.69
7 นายสำเริง มนูญผล 5,522,600 3.39
8 นายทวีฉัตร จุฬางกูร 5,000,000 3.07
9 AMERICAN INTERNATIONAL ASSURANCE COMPANY 4,916,067 3.02
10 นายนิวัตน์ แจ้งอริยวงศ์ 4,485,878 2.76
11 นางสุภาภรณ์ ชื่นวิจิตร 3,641,911 2.24
12 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 3,638,210 2.24
13 บริษัท กรีนสยาม จำกัด 3,184,779 1.96
14 นางสาวสุมาลี ธารพิพิธชัย 2,708,609 1.66
15 น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ 2,570,000 1.58
16 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 2,500,000 1.54
17 นายโยธิน เนื่องจำนงค์ 2,470,000 1.52
18 นายณรงค์ศักดิ์ โอปิลันธน์ 2,060,000 1.27
19 นางสุภา สุพรรณธะริดา 1,773,000 1.09
20 BOSTON SAFE (NOMINEES) LIMITED 1,630,188 1.00
21 นางชุลีวรรณ วิวัฒนาเกษม 1,200,000 0.74
22 นายกุลทีป พิชิตสิงห์ 1,000,000 0.61
2 นายธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ 16,658,640 10.24
3 นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น 14,600,054 8.97
4 DOW JONES & COMPANY, INC., NEW YORK 12,000,000 7.38
5 AMERICAN INTERNATIONAL ASSURANCE COMPANY 8,716,971 5.36
6 นายทวีฉัตร จุฬางกูร 6,000,000 3.69
7 นายสำเริง มนูญผล 5,522,600 3.39
8 นายทวีฉัตร จุฬางกูร 5,000,000 3.07
9 AMERICAN INTERNATIONAL ASSURANCE COMPANY 4,916,067 3.02
10 นายนิวัตน์ แจ้งอริยวงศ์ 4,485,878 2.76
11 นางสุภาภรณ์ ชื่นวิจิตร 3,641,911 2.24
12 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 3,638,210 2.24
13 บริษัท กรีนสยาม จำกัด 3,184,779 1.96
14 นางสาวสุมาลี ธารพิพิธชัย 2,708,609 1.66
15 น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ 2,570,000 1.58
16 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 2,500,000 1.54
17 นายโยธิน เนื่องจำนงค์ 2,470,000 1.52
18 นายณรงค์ศักดิ์ โอปิลันธน์ 2,060,000 1.27
19 นางสุภา สุพรรณธะริดา 1,773,000 1.09
20 BOSTON SAFE (NOMINEES) LIMITED 1,630,188 1.00
21 นางชุลีวรรณ วิวัฒนาเกษม 1,200,000 0.74
22 นายกุลทีป พิชิตสิงห์ 1,000,000 0.61
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
MATI VS. NMG
โพสต์ที่ 6
คณะกรรมการของNMG .................
นายธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ ประธานกรรมการ
นายธนะชัย สันติชัยกูล รองประธานกรรมการ
นายวันชัย ศรีหิรัญรัศมี กรรมการ
นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น กรรมการ
นายพนา จันทรวิโรจน์ กรรมการ
นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการ
MISSWINNIE HUTTON WONG กรรมการ
นายนิสสัย เวชชาชีวะ กรรมการ
นายโยธิน เนื่องจำนงค์ กรรมการ
นายณรงศักดิ์ โอปิลันธน์ กรรมการ
นายเชวง จริยะพิสุทธ์ กรรมการอิสระ
นายนิวัตน์ แจ้งอริยวงศ์ กรรมการอิสระ
นายปกรณ์ บริมาสพร กรรมการอิสระ
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการตรวจสอบ
นายเชวง จริยะพิสุทธ์ กรรมการตรวจสอบ
นายนิวัตน์ แจ้งอริยวงศ์ กรรมการตรวจสอบ
นายธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ ประธานกรรมการ
นายธนะชัย สันติชัยกูล รองประธานกรรมการ
นายวันชัย ศรีหิรัญรัศมี กรรมการ
นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น กรรมการ
นายพนา จันทรวิโรจน์ กรรมการ
นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการ
MISSWINNIE HUTTON WONG กรรมการ
นายนิสสัย เวชชาชีวะ กรรมการ
นายโยธิน เนื่องจำนงค์ กรรมการ
นายณรงศักดิ์ โอปิลันธน์ กรรมการ
นายเชวง จริยะพิสุทธ์ กรรมการอิสระ
นายนิวัตน์ แจ้งอริยวงศ์ กรรมการอิสระ
นายปกรณ์ บริมาสพร กรรมการอิสระ
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการตรวจสอบ
นายเชวง จริยะพิสุทธ์ กรรมการตรวจสอบ
นายนิวัตน์ แจ้งอริยวงศ์ กรรมการตรวจสอบ
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
MATI VS. NMG
โพสต์ที่ 7
ผมเห็นด้วยกับที่คุณฉัตรชัยบอกไว้ ..................
"ถ้าผู้บริหารและพนักงานของ MATI ไม่ชอบ GMMM จริง
ขายหุ้นทั้งหมดให้แก่ GMMM แล้วลาออกทั้งบริษัท ไปเปิดบริษัทใหม่ไม่ได้หรือครับ
แล้ว GMMM ที่ซื้อไปได้แต่ทรัพย์สินและหัวหนังสือพิมพ์ แต่ไม่มีทีมงานเดิม ยอดขายจะเป็นอย่างไร GMMM จะได้คุ้มค่าไหม "
"ถ้าผู้บริหารและพนักงานของ MATI ไม่ชอบ GMMM จริง
ขายหุ้นทั้งหมดให้แก่ GMMM แล้วลาออกทั้งบริษัท ไปเปิดบริษัทใหม่ไม่ได้หรือครับ
แล้ว GMMM ที่ซื้อไปได้แต่ทรัพย์สินและหัวหนังสือพิมพ์ แต่ไม่มีทีมงานเดิม ยอดขายจะเป็นอย่างไร GMMM จะได้คุ้มค่าไหม "
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
MATI VS. NMG
โพสต์ที่ 9
ยิ่งสิ่งพิมพ์ในเครือมติชน อย่าง มติชน ประชาชาติธุรกิจ มติชนสุดสัปดาห์ ..............
ทําหน้าที่ " หมาเฝ้าบ้าน" ได้อย่างเข้มแข็งต่อเนื่อง จนเป็นที่ประจักษ์ .........
ยิ่งเป็นเหตุให้คนระแวง deal นี้ ว่ามีอะไร มีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ...............
มี hidden agenda หรือไม่ .................
ทําหน้าที่ " หมาเฝ้าบ้าน" ได้อย่างเข้มแข็งต่อเนื่อง จนเป็นที่ประจักษ์ .........
ยิ่งเป็นเหตุให้คนระแวง deal นี้ ว่ามีอะไร มีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ...............
มี hidden agenda หรือไม่ .................
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
MATI VS. NMG
โพสต์ที่ 10
ผมเคยได้ยินคนพูดว่า ................
" คุมสื่อได้ ก็คุมความคิดของผู้คนได้ "
ให้เขาได้อ่าน ในสิ่งที่เราอยากให้เขาอ่าน ....................
ให้เขาได้ฟัง ในสิ่งที่เราอยากให้เขาได้ยิน ...................
ทุกวัน
ทุกวัน
ทุกวัน
ทุกวัน
ทุกวัน
ทุกวัน
สักวัน memory formatted ..............
" คุมสื่อได้ ก็คุมความคิดของผู้คนได้ "
ให้เขาได้อ่าน ในสิ่งที่เราอยากให้เขาอ่าน ....................
ให้เขาได้ฟัง ในสิ่งที่เราอยากให้เขาได้ยิน ...................
ทุกวัน
ทุกวัน
ทุกวัน
ทุกวัน
ทุกวัน
ทุกวัน
สักวัน memory formatted ..............
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
MATI VS. NMG
โพสต์ที่ 11
No Name
Joined: 10 Dec 2004
Posts: 16
PostPosted: Tue Sep 13, 2005 10:00 pm Post subject: Reply with quote
เรียน คุณ Chatchai
ในโลกแห่งความจริงมักแตกแต่งจากความฝันเสมอ
เราไม่คิดจะเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่การเมืองก็มาเกี่ยวข้องกับเราเสมอ
น้ำมันไม่ขึ้นราคาก็เพราะการเมือง เพราะใกล้เลือกตั้ง
น้ำมันขึ้นราคาก็เกี่ยวกับการเมือง เพราะรัฐอุ้มราคาต่อไม่ไหว
ชีวิตเราจึงหลีกหนีการเมืองไม่พ้น
สำหรับที่คุณ Chatchai แนะนำให้พนักงานลาออกให้หมด
ชีวิตจริงมันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด
ไม่เช่นนั้น ทุกคนคงลาออกจากงานมาเล่นหุ้นเหมือนคุณ Chatchai แล้ว
อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าคนมติชนมีศักดิศรี
ผมถือหุ้นมติชน ไม่ใช่เพราะเป็นหุ้นพื้นฐานดีอย่างเดียว แต่เป็นเพราะผู้บริหารมีคุณธรรม ในปีที่ผ่านมาก็ได้ทำสิ่งที่ดีต่อผู้ถือหุ้น (ขออนุญาตไม่กล่าวถึงเพราะต้องพาดพิงถึงผุ้อื่น) ซึ่งยิ่งทำให้ผมเชื่อมั่นมาก
คงต้องดูกันต่อไป ว่า คนมติชนจะแสดงออกถึงศักดิ์ศรีอย่างไร
ในฐานะนักลงทุน ผมเชื่อว่า นักลงทุนที่ดี ไม่ใช่คิดถึงแต่กำไรสูงสุด แต่ต้องมีคุณธรรมด้วย
ต้องขออภัย หากความเห็นผมอาจจะแตกต่างไปบ้าง
ช่วงนี้เลือดรักชาติ รักความถูกต้องของผมมันรุนแรง
มันพุ่งกระฉูดเหมือนราคาหุ้นมติชน
เห็นด้วยครับ ท่านNo Name ..........................
โลกแห่งความเป็นจริง พนักงานของมติชนอาจไม่กล้าลาออกทั้งหมด ...............
เขาต้องดูแลตัวเอง ครอบครัว พ่อแม่ลูกเมีย ..................
เหมือนกับที่เกิดกับ ITV ..................
Joined: 10 Dec 2004
Posts: 16
PostPosted: Tue Sep 13, 2005 10:00 pm Post subject: Reply with quote
เรียน คุณ Chatchai
ในโลกแห่งความจริงมักแตกแต่งจากความฝันเสมอ
เราไม่คิดจะเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่การเมืองก็มาเกี่ยวข้องกับเราเสมอ
น้ำมันไม่ขึ้นราคาก็เพราะการเมือง เพราะใกล้เลือกตั้ง
น้ำมันขึ้นราคาก็เกี่ยวกับการเมือง เพราะรัฐอุ้มราคาต่อไม่ไหว
ชีวิตเราจึงหลีกหนีการเมืองไม่พ้น
สำหรับที่คุณ Chatchai แนะนำให้พนักงานลาออกให้หมด
ชีวิตจริงมันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด
ไม่เช่นนั้น ทุกคนคงลาออกจากงานมาเล่นหุ้นเหมือนคุณ Chatchai แล้ว
อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าคนมติชนมีศักดิศรี
ผมถือหุ้นมติชน ไม่ใช่เพราะเป็นหุ้นพื้นฐานดีอย่างเดียว แต่เป็นเพราะผู้บริหารมีคุณธรรม ในปีที่ผ่านมาก็ได้ทำสิ่งที่ดีต่อผู้ถือหุ้น (ขออนุญาตไม่กล่าวถึงเพราะต้องพาดพิงถึงผุ้อื่น) ซึ่งยิ่งทำให้ผมเชื่อมั่นมาก
คงต้องดูกันต่อไป ว่า คนมติชนจะแสดงออกถึงศักดิ์ศรีอย่างไร
ในฐานะนักลงทุน ผมเชื่อว่า นักลงทุนที่ดี ไม่ใช่คิดถึงแต่กำไรสูงสุด แต่ต้องมีคุณธรรมด้วย
ต้องขออภัย หากความเห็นผมอาจจะแตกต่างไปบ้าง
ช่วงนี้เลือดรักชาติ รักความถูกต้องของผมมันรุนแรง
มันพุ่งกระฉูดเหมือนราคาหุ้นมติชน
เห็นด้วยครับ ท่านNo Name ..........................
โลกแห่งความเป็นจริง พนักงานของมติชนอาจไม่กล้าลาออกทั้งหมด ...............
เขาต้องดูแลตัวเอง ครอบครัว พ่อแม่ลูกเมีย ..................
เหมือนกับที่เกิดกับ ITV ..................
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
MATI VS. NMG
โพสต์ที่ 13
ทำไมอากู๋ต้องซื้อ นสพ.
โดย ผู้จัดการรายวัน 13 กันยายน 2548 21:56 น.
ปฎิบัติการเข้าฮุบกิจการของหนังสือพิมพ์ถึง 2 ฉบับ คือ มติชน และ บางกอกโพสต์ ในคราวเดียวกันของ อากู๋-ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ในนามของ บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) วานนี้นับเป็นเรื่องที่ช็อกวงการสื่อมวลชนอย่างมาก
แม้ว่าก่อนนี้ อากู๋ เคยประกาศแล้วว่า จะรุกเข้าสู่ธุรกิจหนังสือพิมพ์รายวัน พร้อมกันเงินลงทุนไว้สูงถึง 1,000 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์ การซื้อหุ้นบางส่วนหรือเทคโอเวอร์หนังสือพิมพ์เก่าที่มีอยู่ในตลาดอยู่แล้ว เพื่อไม่ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่
สำหรับบางกอกโพสต์ มีกระแสข่าวระแคะระคายอยู่บ้าง แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า จะรวมถึง มติชน ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์คุณภาพ ที่มีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นด้านวิเคราะห์เจาะลึกการเมืองและสังคม
ตรงนี้ทำให้เกิดคำถามว่าทำไมอากู๋ ต้องลงทุนควักเงินซื้อหุ้นถึง 2 ฉบับ
ข้อแรก มีนักวิเคราะห์หุ้นหลายคนมองว่า ธุรกิจบันเทิงที่แกรมมี่ทำอยู่กำลังถึงทางตัน เพราะด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ยอดขายเพลงหรือซีดีของบริษัทลดน้อยลงจากการใช้วิธีดาวน์โหลดหรือก็อบบี้แผ่นของบรรดาคอเพลง ขณะที่ต้นทุนทำศิลปินสูงขึ้นทุกวัน การก้าวข้ามมาเป็นเจ้าของสื่อเองก็น่าจะเกื้อหนุนให้ธุรกิจของแกรมมี่ครบวงจรมากขึ้น
อย่างน้อยที่สุดจะประหยัดงบซื้อสื่อโฆษณาลงไปได้มาก ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า เฉพาะลงทุนในโพตส์ที่เดียวจะผลักดันให้แกรมมี่กำไรในปี 2549 เพิ่มขึ้นได้อีกถึง 15%
ข้อที่สอง มองกันว่าการซื้อหุ้นหนังสือพิมพ์ทั้งสองฉบับมีความเป็นได้สูงว่ามีเรื่องของการเมืองเข้ามาแทรกอยู่ด้วย
ทั้งนี้หากพิจารณาเฉพาะรายหัวจะพบว่า ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์มติชน โดดเด่นในเรื่องของเนื้อหาทางด้านการเมือง สังคม เป็นหลัก แต่ในช่วงหลังเริ่มที่จะไม่เน้นข่าวที่เป็นผลเสียต่อรัฐบาล ขณะที่บางกอกโพสต์มีความเห็นที่ขัดแย้งกันในหมู่ตระกูลจิราธิวัฒน์ ผู้ถือหุ้นใหญ่หลังจากการนำเสนอข่าวสนามบินสุวรรณภูมิร้าวกระทั่งถูกฟ้องเรียกเงินกว่า 1 พันล้านบาท ทางหนึ่งต้องขายหุ้นออกไปเพื่อไม่อยากมีปัญหากับรัฐบาล ขณะที่หัวเรือใหญ่อย่างสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ไม่ต้องการขาย
ย่อมทราบกันดีว่า สายสัมพันธ์ระหว่างอากู๋ มีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั้นลึกซึ้งกันเพียงใด ดังปรากฎชัดในกรณี การหาทางลงในเรื่องการซื้อหุ้นลิเวอร์พูล ที่นายกฯขอให้แกรมมี่เป็นผู้มารับภาระตอบคำถามกับสาธารณะ
งานสังคมใดๆก็ตามส่วนใหญ่อากู๋ก็จะออกงานร่วมกับนายกทักษิณหลายงานและจะมีภาพถ่ายที่ถ่ายร่วมกันมากมาย หรือแม้แต่ งานคอนเสิร์ตดังๆของแกรมมี่หลายงาน นายกฯทักษิณมักหอบหิ้วเอาครอบครัวไปฟังคอนเสิร์ตหลายครั้ง ตลอดจนงานบันเทิงหรือคอนเสิร์ตช่วยชาติ ของรัฐบาลก็มักมีชื่อของ ค่ายจีเอ็มเอ็มแกรมมีjปรากฏอยู่ทุกครั้ง ทิ้ง ค่ายคู่แข่งอย่างอาร์.เอส.โปรโมชั่น ให้ทำได้แค่เพียงนั่งเฉยๆ
มากกว่านั้น การจัดงานใหญ่ของรัฐบาล บริษัทที่เข้ารับผิดชอบงานจัดการ ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็น อินเด็กซ์ อีเว้นท์ ซึ่งมีจีเอ็มเอ็มฯถือหุ้นใหญ่อยู่ด้วย
ขณะเดียวกัน อีกมิติหนึ่งก็มองว่า การซื้อมติชน เพื่อที่จะได้เป็นการตัดทางสื่อของทางฝ่ายตรงข้าม คือ พรรคประชาธิปัตย์ เพราะ เชื่อกันว่า ค่ายมติชนนั้นค่อนข้างแนบแน่นกับพรรคประชาธิปัตย์
ส่วนหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์นั้นก็มีคำตอบให้ติดตาม เพราะ หนังสือพิมพ์ของไทยที่เป็นภาษาอังกฤษนั้นมีเพียง 2 ฉบับที่เป็นที่ยอมรับและติดตลาดมานานคือ เนชั่นและบางกอกโพสต์
แต่อากู๋เลือก บางกอกโพสต์ เพราะ จีเอ็มเอ็มสามารถไล่ซื้อหุ้นของบางกอกโพสต์ได้ และที่จำนวนมากก็มาจากการซื้อจากกลุ่ม ตระกูลกรรณสูต จำนวน 9.74% ขณะเดียวกันบางกอกโพสต์คือสื่อภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างจะเล่นข่าวตีและเปิดเผยข้อเท็จจริงต่างๆเกี่ยวกับรัฐบาลโดยเฉพาะในแง่ลบอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่าคนในไทยรักไทยและรัฐบาลบทั้งหมดย่อมไม่พอใจ
ส่วนเนชั่น รู้กันอยู่ว่า คนในตระกูล จึงรุ่งเรืองกิจถุงเงินใหญ่อีกถุงหนึ่งของรัฐบาลไทยรักไทยถือหุ้นอยู่
กล่าวโดยรวม การเข้าซื้อบางกอกโพสต์จึงได้ทั้งการคุมในเชิงธุรกิจและเป็นแขนขาเสริมอีกทางหนึ่งของ อากู๋ และส่งผลดีทางการเมืองของ นายกทักษิณ ชินวัตร ที่ยังมีอายุการบริหารอีก 3 ปีกว่า ที่จะมีสื่ออยู่ในมือ นอกเหนือจาก สถานีโทรทัศน์ไอทีวี และโมเดิร์นไนน์ เพื่อสามารถสื่อสารภาพลักษณ์ไปยังคนต่างประเทศในเชิงบวกในอันที่จะควบคุมได้ด้วย เพราะเป็นหนังสือพิมพ์ ภาษาอังกฤษ ที่คนต่างชาติอ่านไม่น้อย
นี่คือบทสรุปของการที่ทำไมอากู๋ ( โดยมีแรงหนุนหลัง) ต้องลงทุนซื้อหนังสือพิมพ์ถึง 2 ฉบับ
สนามการเมืองทุกวันนี้ นอกจากรบกันทางด้านการเมืองแล้ว ยังรบกันผ่านทางสื่ออีกด้วย
โดย ผู้จัดการรายวัน 13 กันยายน 2548 21:56 น.
ปฎิบัติการเข้าฮุบกิจการของหนังสือพิมพ์ถึง 2 ฉบับ คือ มติชน และ บางกอกโพสต์ ในคราวเดียวกันของ อากู๋-ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ในนามของ บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) วานนี้นับเป็นเรื่องที่ช็อกวงการสื่อมวลชนอย่างมาก
แม้ว่าก่อนนี้ อากู๋ เคยประกาศแล้วว่า จะรุกเข้าสู่ธุรกิจหนังสือพิมพ์รายวัน พร้อมกันเงินลงทุนไว้สูงถึง 1,000 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์ การซื้อหุ้นบางส่วนหรือเทคโอเวอร์หนังสือพิมพ์เก่าที่มีอยู่ในตลาดอยู่แล้ว เพื่อไม่ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่
สำหรับบางกอกโพสต์ มีกระแสข่าวระแคะระคายอยู่บ้าง แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า จะรวมถึง มติชน ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์คุณภาพ ที่มีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นด้านวิเคราะห์เจาะลึกการเมืองและสังคม
ตรงนี้ทำให้เกิดคำถามว่าทำไมอากู๋ ต้องลงทุนควักเงินซื้อหุ้นถึง 2 ฉบับ
ข้อแรก มีนักวิเคราะห์หุ้นหลายคนมองว่า ธุรกิจบันเทิงที่แกรมมี่ทำอยู่กำลังถึงทางตัน เพราะด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ยอดขายเพลงหรือซีดีของบริษัทลดน้อยลงจากการใช้วิธีดาวน์โหลดหรือก็อบบี้แผ่นของบรรดาคอเพลง ขณะที่ต้นทุนทำศิลปินสูงขึ้นทุกวัน การก้าวข้ามมาเป็นเจ้าของสื่อเองก็น่าจะเกื้อหนุนให้ธุรกิจของแกรมมี่ครบวงจรมากขึ้น
อย่างน้อยที่สุดจะประหยัดงบซื้อสื่อโฆษณาลงไปได้มาก ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า เฉพาะลงทุนในโพตส์ที่เดียวจะผลักดันให้แกรมมี่กำไรในปี 2549 เพิ่มขึ้นได้อีกถึง 15%
ข้อที่สอง มองกันว่าการซื้อหุ้นหนังสือพิมพ์ทั้งสองฉบับมีความเป็นได้สูงว่ามีเรื่องของการเมืองเข้ามาแทรกอยู่ด้วย
ทั้งนี้หากพิจารณาเฉพาะรายหัวจะพบว่า ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์มติชน โดดเด่นในเรื่องของเนื้อหาทางด้านการเมือง สังคม เป็นหลัก แต่ในช่วงหลังเริ่มที่จะไม่เน้นข่าวที่เป็นผลเสียต่อรัฐบาล ขณะที่บางกอกโพสต์มีความเห็นที่ขัดแย้งกันในหมู่ตระกูลจิราธิวัฒน์ ผู้ถือหุ้นใหญ่หลังจากการนำเสนอข่าวสนามบินสุวรรณภูมิร้าวกระทั่งถูกฟ้องเรียกเงินกว่า 1 พันล้านบาท ทางหนึ่งต้องขายหุ้นออกไปเพื่อไม่อยากมีปัญหากับรัฐบาล ขณะที่หัวเรือใหญ่อย่างสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ไม่ต้องการขาย
ย่อมทราบกันดีว่า สายสัมพันธ์ระหว่างอากู๋ มีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั้นลึกซึ้งกันเพียงใด ดังปรากฎชัดในกรณี การหาทางลงในเรื่องการซื้อหุ้นลิเวอร์พูล ที่นายกฯขอให้แกรมมี่เป็นผู้มารับภาระตอบคำถามกับสาธารณะ
งานสังคมใดๆก็ตามส่วนใหญ่อากู๋ก็จะออกงานร่วมกับนายกทักษิณหลายงานและจะมีภาพถ่ายที่ถ่ายร่วมกันมากมาย หรือแม้แต่ งานคอนเสิร์ตดังๆของแกรมมี่หลายงาน นายกฯทักษิณมักหอบหิ้วเอาครอบครัวไปฟังคอนเสิร์ตหลายครั้ง ตลอดจนงานบันเทิงหรือคอนเสิร์ตช่วยชาติ ของรัฐบาลก็มักมีชื่อของ ค่ายจีเอ็มเอ็มแกรมมีjปรากฏอยู่ทุกครั้ง ทิ้ง ค่ายคู่แข่งอย่างอาร์.เอส.โปรโมชั่น ให้ทำได้แค่เพียงนั่งเฉยๆ
มากกว่านั้น การจัดงานใหญ่ของรัฐบาล บริษัทที่เข้ารับผิดชอบงานจัดการ ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็น อินเด็กซ์ อีเว้นท์ ซึ่งมีจีเอ็มเอ็มฯถือหุ้นใหญ่อยู่ด้วย
ขณะเดียวกัน อีกมิติหนึ่งก็มองว่า การซื้อมติชน เพื่อที่จะได้เป็นการตัดทางสื่อของทางฝ่ายตรงข้าม คือ พรรคประชาธิปัตย์ เพราะ เชื่อกันว่า ค่ายมติชนนั้นค่อนข้างแนบแน่นกับพรรคประชาธิปัตย์
ส่วนหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์นั้นก็มีคำตอบให้ติดตาม เพราะ หนังสือพิมพ์ของไทยที่เป็นภาษาอังกฤษนั้นมีเพียง 2 ฉบับที่เป็นที่ยอมรับและติดตลาดมานานคือ เนชั่นและบางกอกโพสต์
แต่อากู๋เลือก บางกอกโพสต์ เพราะ จีเอ็มเอ็มสามารถไล่ซื้อหุ้นของบางกอกโพสต์ได้ และที่จำนวนมากก็มาจากการซื้อจากกลุ่ม ตระกูลกรรณสูต จำนวน 9.74% ขณะเดียวกันบางกอกโพสต์คือสื่อภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างจะเล่นข่าวตีและเปิดเผยข้อเท็จจริงต่างๆเกี่ยวกับรัฐบาลโดยเฉพาะในแง่ลบอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่าคนในไทยรักไทยและรัฐบาลบทั้งหมดย่อมไม่พอใจ
ส่วนเนชั่น รู้กันอยู่ว่า คนในตระกูล จึงรุ่งเรืองกิจถุงเงินใหญ่อีกถุงหนึ่งของรัฐบาลไทยรักไทยถือหุ้นอยู่
กล่าวโดยรวม การเข้าซื้อบางกอกโพสต์จึงได้ทั้งการคุมในเชิงธุรกิจและเป็นแขนขาเสริมอีกทางหนึ่งของ อากู๋ และส่งผลดีทางการเมืองของ นายกทักษิณ ชินวัตร ที่ยังมีอายุการบริหารอีก 3 ปีกว่า ที่จะมีสื่ออยู่ในมือ นอกเหนือจาก สถานีโทรทัศน์ไอทีวี และโมเดิร์นไนน์ เพื่อสามารถสื่อสารภาพลักษณ์ไปยังคนต่างประเทศในเชิงบวกในอันที่จะควบคุมได้ด้วย เพราะเป็นหนังสือพิมพ์ ภาษาอังกฤษ ที่คนต่างชาติอ่านไม่น้อย
นี่คือบทสรุปของการที่ทำไมอากู๋ ( โดยมีแรงหนุนหลัง) ต้องลงทุนซื้อหนังสือพิมพ์ถึง 2 ฉบับ
สนามการเมืองทุกวันนี้ นอกจากรบกันทางด้านการเมืองแล้ว ยังรบกันผ่านทางสื่ออีกด้วย
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
MATI VS. NMG
โพสต์ที่ 14
8) ผมว่าเคส ITV กะ MATI ไม่เหมือนกันตรงที่LOSO เขียน: โลกแห่งความเป็นจริง พนักงานของมติชนอาจไม่กล้าลาออกทั้งหมด ...............
เขาต้องดูแลตัวเอง ครอบครัว พ่อแม่ลูกเมีย ..................
เหมือนกับที่เกิดกับ ITV ..................
ทีวีไปเปิดช่องใหม่เองไม่ได้
แต่หนังสือเปิดเองได้ไม่ยากเท่า
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- โอ@
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4244
- ผู้ติดตาม: 0
MATI VS. NMG
โพสต์ที่ 15
เมื่อกี้ผมสงสัยในข้อนี้เลยลองไปเปิด 56-1 ดูครับchatchai เขียน:ถ้าคุณขรรค์ชัย ประกาศขายหุ้นทั้งหมด แล้วไปเปิดบริษัทใหม่ โดยจะรับพนักงานเดิมจาก MATI ละครับ ไม่เห็นยากเลยถ้าคิดจะทำจริง
เห็นว่ามติชนนั้นมีรายได้จากหนังสือพิมพ์ประมาณนี้ครับ
ข่าวสด 650
มติชน 450
ประชาชาติ 250
ข้อนี้อาจจะทำให้การตั้งหัวหนังสือพิมพ์ขึ้นมาใหม่ทำได้ยากขึ้นครับ
เพราะว่าคนที่อ่านข่าวสดน่าจะติดกันหัวหนังสือพิมพ์นี้ไม่ใช่เล่นครับ
แต่อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่า อากู๋ไม่น่าจะกล้าขนาดว่ายอมอยู่ภายใต้การเมือง เอาเงินมากมายไปแลกกับหัวหนังสือพิมพ์เพียงอย่างเดียวครับ อีกนัยนึงก็คือไม่น่าพลาดขนาดว่าไม่รู้ว่า บก. เดิมนั้นมีจุดยืนอย่างไร
_________