ไม่ทราบคุณปรัญญา พอจะ comment ปิกนิค สักอีก 2- 3 ปี ข้างหน้า พอเห็น อนาคตไหมครับหรือท่านอื่นเชิญได้เลยครับ
เข้าใจท่านเชี่ยวชาญเกียวกับถังก๊าซ
เรียนถามท่านปรัญญาเกี่ยวกับปิกนิคครับ
-
ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนถามท่านปรัญญาเกี่ยวกับปิกนิคครับ
โพสต์ที่ 2
ถ้าพูดถึงอุตสาหกรรม ก็ยังเติบโตได้ดีมาก
ถ้าพูดถึงเจ้าของผู้บริหาร กำลังขายเปลี่ยนเจ้าของตามข่าว
อนาคตเป็นเรื่องที่คาดการยากครับ
ว่า...เจ้าของคนใหม่จะเข้ามาทำให้ดีเพื่อธุรกิจ
หรือทำเพื่อขายต่อ
เป็นเรื่องยากที่รายใหม่เข้ามาแล้วมีความชำนาญเฉพาะการตลาดหรือเปล่า
ปรับเปลี่ยนแล้วอาจฟื้น
หรืออาจฟุบ
สรุป เป็นเพียงซื้อมาขายไป
ต่ำกว่า2บาทก็น่าคิดครับ
ถ้าพูดถึงเจ้าของผู้บริหาร กำลังขายเปลี่ยนเจ้าของตามข่าว
อนาคตเป็นเรื่องที่คาดการยากครับ
ว่า...เจ้าของคนใหม่จะเข้ามาทำให้ดีเพื่อธุรกิจ
หรือทำเพื่อขายต่อ
เป็นเรื่องยากที่รายใหม่เข้ามาแล้วมีความชำนาญเฉพาะการตลาดหรือเปล่า
ปรับเปลี่ยนแล้วอาจฟื้น
หรืออาจฟุบ
สรุป เป็นเพียงซื้อมาขายไป
ต่ำกว่า2บาทก็น่าคิดครับ
-
ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนถามท่านปรัญญาเกี่ยวกับปิกนิคครับ
โพสต์ที่ 4
อย่างนั้นเข้าเป้าnanchan เขียน:ตามข่าวเห็นเจ้าของใหม่ไทยซัมมิตรึเปล่าครับ
ได้อ่านว่า ไม่ตั้งใจถืออะไรมากมาย แค่ลงทุน
กำไรเมื่อไรก็ขายทิ้ง
ต้องทำให้มีกำไรจะได้ขยให้ได้ราคา
แต่ถ้าไปตั้งบริษัทเอาแต่หุ้นมาเก็งก็ผิดพลาดเลย
-
ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนถามท่านปรัญญาเกี่ยวกับปิกนิคครับ
โพสต์ที่ 6
http://www.thaihoon.com/modules.php?nam ... e&sid=3209
ลาภวิสุทธิสินอีกแล้วสุภาพรทิ้งPICNI4%
อดีตผู้บริหาร PICNI ปล่อยของอีกแล้ว ล่าสุด"สุภาพร ลาภวิสุทธิสิน"ทิ้งหุ้น 4.06% ขณะที่"สุวิมล"ไล่เก็บ 90 ล้านหุ้นราคาแค่ 2.30-2.44 บาท เจ้าจัวย้ำซื้อเพราะราคาถูกไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว โบรกฯเชื่อมีสิทธิขายออกต่อเนื่อง
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กลต.)ระบุว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย.48 นางสาวสุภาพร ลาภวิสุทธิสิน อดีตรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิคนิคคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ PICNI ได้จำหน่ายหุ้น PICNI จำนวน 4.06% ส่งผลให้เหลือจำนวนหลักทรัพย์ 11.40 %
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า นางสาวสุวิมล ทองกร ได้ซื้อหุ้น PICNI จำนวน 90 ล้านหุ้น หรือ 6.09% ทำให้มีจำนวนหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 110 ล้านหุ้น หรือ 7.44% จากเดิมที่ถือหุ้นในสัดส่วน 20 ล้านหุ้น หรือ 1.35% ทั้งนี้เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมานาย ธีรัชชานนท์ ลาภวิสุทธิสิน ได้จำหน่ายหุ้น PICNI จำนวน 1.35% ส่งผลให้เหลือจำนวนหลักทรัพย์ 9.12 %
นางสาวสุวิมล ทองกร ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ บริษัท ซัมมิท ฟุดแวร์ จำกัด ซึ่งทำธุรกิจโรงงานรองเท้าได้เปิดเผยผ่านเวปไซด์แห่งหนึ่งว่า ได้ซื้อหุ้น PICNI จากนายธีรัชชานนท์ลาภวิสุทธิสิน อดีตกรรมการผู้จัดการและนางสาวสุภาพร ลาภวิสุทธิสิน อดีตรองกรรมการผู้จัดการ PICNIราคาประมาณ 2.30-2.44 บาทซึ่งเป็นการลงทุนในฐานะนักลงทุนรายหนึ่งเพราะเห็นว่าหุ้นมีราคาถูก โดยไม่ส่วนเกี่ยวข้องกับอดีตผู้บริหารแต่อย่างใด และไม่ได้เป็นนอมินีของทั้ง 2 รายด้วย
นักวิเคราะห์รายหนึ่ง ประเมินว่าวานนี้ (5 ก.ย.) ราคาหุ้น PICNI ปรับตัวลดลง
บาท ปิดตลาด บาท สูงสุด บาท ต่ำสุด บาท มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการจำหน่ายหุ้นของอดีตผู้บริหารบริษัทรวมถึงการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯขึ้นเครื่องหมาย XR เป็นวันแรก โดยบริษัทกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิจองซื้อหุ้นวันที่ 8 ก.ย.48 และกำหนดวันจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 26-30ก.ย.48
"มีความเป็นไปได้ที่อดีตผู้บริหารจะเริ่มทยอยขายหุ้น PICNI ออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะยืนยันซื้อหุ้นเพิ่มทุนเต็มจำนวนก็ตาม อย่างไรก็ดีเชื่อว่านักลงทุนรายย่อยอาจไม่ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนมากนัก เพราะไม่มั่นใจในธุรกิจของบริษัท"นักวิเคราะห์ กล่าว
ก่อนหน้านี้นายวิชัย พูลวรลักษณ์ นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยเปิดเผยกับ"ข่าวหุ้นธุรกิจ"ถึงกรณีที่นายธีรัชชานนท์ ลาภวิสุทธิสิน ได้จำหน่ายหุ้น PICNI ออกมาเมื่อวันที่ 24 ส.ค ที่ผ่านมา การกระทำดังกล่าวถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่สามารถทำได้ และไม่ผิดกฏระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ เพียงแต่มาทำขณะที่บริษัทไม่ความมั่นคงและนักลงทุนไม่มั่นใจในตัวของผู้ถือหุ้นใหญ่และบริษัท ดังนั้นถือเป็นการกระทำที่ไม่ค่อยดีมากนัก
นายสุทธิชัย จิตรวนิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ติดตามการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ PICNI อย่างต่อเนื่องที่ผ่านมายังไม่พบความผิดปกติ เพราะผู้ถือหุ้นมีสิทธิจะขายหุ้น PICNI ได้ แต่หากพบความผิดปกติตลาดหลักทรัพย์ฯจะแจ้งให้นักลงทุนทราบต่อไป อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 25 ส.ค.48จำนวนผู้ถือหุ้นใหญ่ PICNI ลดลงจาก 24 ราย เหลือเพียงแค่ 14 ราย โดยมีตระกูลลาภวิสุทธิสินเป็นผู้ถือหุ้นอันดับต้นๆ
ก่อนหน้านี้นายณัฐชัย อร่ามรัศมีวาณิชย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงข้อกล่าวหาของดีเอสไอ ที่พบความผิดเพิ่มเติมว่า ส่วนตัวมั่นใจว่าจะไม่ส่งกระทบกับการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากเป็นเรื่องของผู้บริหารชุดเดิม ในส่วนของบริษัทก็พยายามที่จะทำทุกอย่างให้มีความโปร่งใส และมีระบบธรรมภิบาล ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มทีมตรวจสอบภายใน PICNI ให้มีความเข้มงวดมากกว่าเดิม จากเดิมที่มีทีมตรวจสอบภายในเพียง 2-3 คน
"ในปี 48 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 20815 ล้านบาท โดยจะมาจากธุรกิจน้ำมันประมาณ 46% ธุรกิจก๊าซในประเทศประมาณ 39% และธุรกิจวิศวกรรมและการลงทุนในตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้แล้วจำนวน 10250 ล้านบาท อย่างไรก็ดีสำหรับปัญหาที่เกิดกับโรงบรรจุแก๊สบริษัท จะเปลี่ยนวิธีการเช่ากิจการแทนการซื้อ เพราะบริษัทไม่มีสภาพคล่องมากพอ คาดว่าจะเริ่มเช่าได้เดือนก.ย.หรือต.ค.48"นายณัฐชัยกล่าว
ที่มา ข่าวหุ้นธุรกิจ
ติดประกาศ อังคาร 06 ก.ย. 05 @ 07:33 โดย thaihoon
ลาภวิสุทธิสินอีกแล้วสุภาพรทิ้งPICNI4%
อดีตผู้บริหาร PICNI ปล่อยของอีกแล้ว ล่าสุด"สุภาพร ลาภวิสุทธิสิน"ทิ้งหุ้น 4.06% ขณะที่"สุวิมล"ไล่เก็บ 90 ล้านหุ้นราคาแค่ 2.30-2.44 บาท เจ้าจัวย้ำซื้อเพราะราคาถูกไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว โบรกฯเชื่อมีสิทธิขายออกต่อเนื่อง
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กลต.)ระบุว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย.48 นางสาวสุภาพร ลาภวิสุทธิสิน อดีตรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิคนิคคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ PICNI ได้จำหน่ายหุ้น PICNI จำนวน 4.06% ส่งผลให้เหลือจำนวนหลักทรัพย์ 11.40 %
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า นางสาวสุวิมล ทองกร ได้ซื้อหุ้น PICNI จำนวน 90 ล้านหุ้น หรือ 6.09% ทำให้มีจำนวนหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 110 ล้านหุ้น หรือ 7.44% จากเดิมที่ถือหุ้นในสัดส่วน 20 ล้านหุ้น หรือ 1.35% ทั้งนี้เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมานาย ธีรัชชานนท์ ลาภวิสุทธิสิน ได้จำหน่ายหุ้น PICNI จำนวน 1.35% ส่งผลให้เหลือจำนวนหลักทรัพย์ 9.12 %
นางสาวสุวิมล ทองกร ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ บริษัท ซัมมิท ฟุดแวร์ จำกัด ซึ่งทำธุรกิจโรงงานรองเท้าได้เปิดเผยผ่านเวปไซด์แห่งหนึ่งว่า ได้ซื้อหุ้น PICNI จากนายธีรัชชานนท์ลาภวิสุทธิสิน อดีตกรรมการผู้จัดการและนางสาวสุภาพร ลาภวิสุทธิสิน อดีตรองกรรมการผู้จัดการ PICNIราคาประมาณ 2.30-2.44 บาทซึ่งเป็นการลงทุนในฐานะนักลงทุนรายหนึ่งเพราะเห็นว่าหุ้นมีราคาถูก โดยไม่ส่วนเกี่ยวข้องกับอดีตผู้บริหารแต่อย่างใด และไม่ได้เป็นนอมินีของทั้ง 2 รายด้วย
นักวิเคราะห์รายหนึ่ง ประเมินว่าวานนี้ (5 ก.ย.) ราคาหุ้น PICNI ปรับตัวลดลง
บาท ปิดตลาด บาท สูงสุด บาท ต่ำสุด บาท มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการจำหน่ายหุ้นของอดีตผู้บริหารบริษัทรวมถึงการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯขึ้นเครื่องหมาย XR เป็นวันแรก โดยบริษัทกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิจองซื้อหุ้นวันที่ 8 ก.ย.48 และกำหนดวันจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 26-30ก.ย.48
"มีความเป็นไปได้ที่อดีตผู้บริหารจะเริ่มทยอยขายหุ้น PICNI ออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะยืนยันซื้อหุ้นเพิ่มทุนเต็มจำนวนก็ตาม อย่างไรก็ดีเชื่อว่านักลงทุนรายย่อยอาจไม่ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนมากนัก เพราะไม่มั่นใจในธุรกิจของบริษัท"นักวิเคราะห์ กล่าว
ก่อนหน้านี้นายวิชัย พูลวรลักษณ์ นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยเปิดเผยกับ"ข่าวหุ้นธุรกิจ"ถึงกรณีที่นายธีรัชชานนท์ ลาภวิสุทธิสิน ได้จำหน่ายหุ้น PICNI ออกมาเมื่อวันที่ 24 ส.ค ที่ผ่านมา การกระทำดังกล่าวถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่สามารถทำได้ และไม่ผิดกฏระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ เพียงแต่มาทำขณะที่บริษัทไม่ความมั่นคงและนักลงทุนไม่มั่นใจในตัวของผู้ถือหุ้นใหญ่และบริษัท ดังนั้นถือเป็นการกระทำที่ไม่ค่อยดีมากนัก
นายสุทธิชัย จิตรวนิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ติดตามการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ PICNI อย่างต่อเนื่องที่ผ่านมายังไม่พบความผิดปกติ เพราะผู้ถือหุ้นมีสิทธิจะขายหุ้น PICNI ได้ แต่หากพบความผิดปกติตลาดหลักทรัพย์ฯจะแจ้งให้นักลงทุนทราบต่อไป อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 25 ส.ค.48จำนวนผู้ถือหุ้นใหญ่ PICNI ลดลงจาก 24 ราย เหลือเพียงแค่ 14 ราย โดยมีตระกูลลาภวิสุทธิสินเป็นผู้ถือหุ้นอันดับต้นๆ
ก่อนหน้านี้นายณัฐชัย อร่ามรัศมีวาณิชย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงข้อกล่าวหาของดีเอสไอ ที่พบความผิดเพิ่มเติมว่า ส่วนตัวมั่นใจว่าจะไม่ส่งกระทบกับการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากเป็นเรื่องของผู้บริหารชุดเดิม ในส่วนของบริษัทก็พยายามที่จะทำทุกอย่างให้มีความโปร่งใส และมีระบบธรรมภิบาล ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มทีมตรวจสอบภายใน PICNI ให้มีความเข้มงวดมากกว่าเดิม จากเดิมที่มีทีมตรวจสอบภายในเพียง 2-3 คน
"ในปี 48 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 20815 ล้านบาท โดยจะมาจากธุรกิจน้ำมันประมาณ 46% ธุรกิจก๊าซในประเทศประมาณ 39% และธุรกิจวิศวกรรมและการลงทุนในตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้แล้วจำนวน 10250 ล้านบาท อย่างไรก็ดีสำหรับปัญหาที่เกิดกับโรงบรรจุแก๊สบริษัท จะเปลี่ยนวิธีการเช่ากิจการแทนการซื้อ เพราะบริษัทไม่มีสภาพคล่องมากพอ คาดว่าจะเริ่มเช่าได้เดือนก.ย.หรือต.ค.48"นายณัฐชัยกล่าว
ที่มา ข่าวหุ้นธุรกิจ
ติดประกาศ อังคาร 06 ก.ย. 05 @ 07:33 โดย thaihoon
บันทึกไม่สำเร็จ