สมัยก่อนที่ มีการล่าอนานิคมกัน

[hot]

อินเดียเป็นประเทศแรกหรือเปล่าคับที่ถูกอังกฤษปกครอง

และอังกฤษปกครองประเทศอะไรบ้าง
ในเอเชียอาคเนย์ทั้งหมด

[คัดท้าย]

อินเดียเป็นประเทศแรกหรือเปล่าคับที่ถูกอังกฤษปกครอง

และอังกฤษปกครองประเทศอะไรบ้าง
ในเอเชียอาคเนย์ทั้งหมด

มาเลเซีย สิงคโปร์ พม่า ครับผม

[คัดท้าย]

เหมือนแบ่งกันเลยครับ อังกฤษเอาฟากซ้าย อินเดีย พม่า มาเล สิงโปร์

ฝรั่งเศส .. เอาด้านขวา เวียดนาม ลาว กัมพูชา ...

ส่วนไทย เอาไว้เป็นกำแพง 5555  :lovl:  :lovl:  :lovl:

[CK]

ส่วนไทย เอาไว้เป็นกำแพง 5555  

จริงครับ เป็นกุศโลบายที่เยี่ยมยอดของรัชกาลที่ห้าครับ

ไปบอกฝรั่งเศสว่า ถ้าอังกฤษยึดไทยได้ อำนาจต่อรองมหาศาลเลย
แล้วไปบอกอังกฤษในทำนองเดียวกัน

สองประเทศเลยต้อง pressure ใส่กันครับ เลยตกลงกันให้ไทยเป็นกันชน
แต่ไทยก็ต้องยอมจ่ายค่าตอบแทนเยอะเหมือนกันครับ

อณานิคมแรกๆ ของอังกฤษน่าจะเป็นอาฟริกากับอินเดียมังครับ
แล้วค่อยขยายไปทางทวีปอเมริกา แข่งกับสเปนและโปรตุเกส

หลังจากนั้นจึงมาที่เอเชียอาคเนย์ และพยายามจะเข้าจีน แข่งกับฝรั่งเศส

[Invisible hand]

การล่าอาณานิคมเป็นต้นเหตุของสงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะเป็นการต่อสู้ระหว่างประเทศที่ " มี " และ " ไม่มี " อาณานิคม    

ประเทศที่  มี  ก็คือ อังกฤษ  ฝรั่งเศส
ประเทศที่ ไม่มี  แต่ก้าวเข้ามามีบทบาทสูงในทางทหารในยุโรป คือ  เยอรมัน  ออสเตรีย ฮังการี

ก่อนเกิดสงครามโลก  มีภาวะหลายๆ อย่างเกิดขึ้น เช่น
1.  มีขั้วอำนาจใหม่เกิดขึ้น  คือ  เยอรมัน  ออสเตรีย-ฮังการี  ออตโตมัน-เติร์ก
2.  ราคา  commodity ต่างๆ  เช่น เหล็ก   เพิ่มขึ้นมาก  เพราะมีการสร้างกองทัพ  และมีการสะสมยุทธปัจจัยสำหรับทำสงคราม   และมีการแย่งชิงแหล่งทรัพยากรกันระหว่างประเทศที่  มี  และ  ไม่มี  กันอย่างหนัก   โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องอาณานิคม
3   มีผู้นำเผด็จการเกิดขึ้นในหมู่ประเทศที่  ไม่มี

ฯลฯ  ( จำไม่ค่อยได้แล้วครับ )

ผมเคยอ่าน article  เล่มหนึ่ง  เค้าบอกว่าปัจจุบันมีเหตุการณ์อะไรหลายๆ อย่างที่คล้ายคลึงกับสมัยก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1   เช่น  มีขั้วอำนาจใหม่คือ จีน    มีการแย่งชิงทรัพยากรกัน     อาจจะยกเว้นข้อเดียวคือเรื่องผู้นำเผด็จการ  ปัจจุบันยังไม่มี

ในอดีต  การเปลี่ยนขั้วมหาอำนาจของโลก   หากนับเฉพาะในช่วงไม่กี่ศตวรรษล่าสุด  จาก  สเปนกับอังกฤษ  มา  อังกฤษประเทศเดียว ( หลังสงครามกองทัพเรือ )   มา  ฝรั่งเศส ( สมัยนโปเลียน )    มา  อังกฤษอีกที   มา  เยอรมัน  ( ก่อนสงครามโลก ) และท้ายสุดเป็นสหรัฐ    ล้วนเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มาจากสงครามทั้งสิ้น

หากเรามองว่าศตวรรษนี้  ขั้วอำนาจจะเปลี่ยนจากสหรัฐ   เป็นจีน   จะเป็นการเปลี่ยนโดยผ่านสงครามเหมือนอดีตหรือไม่   ผมหวังอย่างยิ่งว่าคงจะไม่ใช่นะครับ   แค่เป็นสงครามเศรษฐกิจก็น่าจะพอ

ผมเคยอ่านบทความหนึ่ง  ว่า computer mainframe   ของสหรัฐ   เคยทำ simulation  สงครามระหว่างสหรัฐกับจีนดู  ปรากฎว่าฝ่ายที่ชนะคือจีนครับ    ปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวชี้วัดคือ ทหารราบ  ครับ   เพราะทหารจีนเยอะกว่ามาก     และผมก็เชื่อว่าเป็นอย่างนั้น  เพราะไม่ว่าสงครามครั้งไหนก็ตาม  แม้ว่าทัพอากาศ  ทัพเรือจะแข็งยังไง  แต่ตัวที่กำหนดวาระสุดท้ายของสงครามก็จะเป็นทหารราบครับ ( ยกเว้นครั้งเดียวที่นางาซากิมั้งครับ  แต่ก่อนหน้านั้นญี่ปุ่นก็แพ้การรบแบบทหารราบในสมรภูมิเอเชียแล้วเช่นกัน )

อาจจะเป็นคำตอบว่าทำไมสหรัฐถึงเร่งเก็บ reserve น้ำมันอย่างไม่หยุดหย่อน  อาจจะไม่ใช่แค่การปั่นราคามั้งครับ

แค่คิดเล่นๆ ครับ

[โป้ง]

เห็นด้วยครับ ประเทศมหาอำนาจ ต้องมาจากสงครามเท่านั้น
ไม่ใช่มาจากเศษรฐกิจ

ขนาดญี่ปุ่นยังเอาด้วยเลย ส่งทหารไปที่ต่างๆ

[คัดท้าย]

ขอแย้งคุณ IH นิดนึงครับ

ที่ผมทราบคือ ที่ Computer ทำ simulation ไม่ใช้ สงคราม จีน กับ อเมริกาครับ

แต่ว่าเป็นสงครามหากเกิดขึ้นในคาบสมุทร เกาหลีครับ รอบใหม่ครับ โดยมี Factors คือ ต้องไม่ใช่สงครามนิวเคลียร์

อเมริกา เข้าข้างเกาหลีใต้ จีน เข้าข้างเกาหลี เหนือ ... ระบบ Simulate ออกมาว่า จีนจะชนะ ...

ผมฟังแล้วขำก๊ากเลยครับ ... เพราะไม่เห้นต้องใช้ คอมพิวเตอร์ซิมูเลชั่นเลย ผมถามผมเอาก็ได้ครับ

[โป้ง]

แต่ว่าเป็นสงครามหากเกิดขึ้นในคาบสมุทร เกาหลีครับ รอบใหม่ครับ โดยมี Factors คือ ต้องไม่ใช่สงครามนิวเคลียร์

แล้วถ้า เป็นสงครามนิวเคลียร์ล่ะครับ หรือเป็นไปไม่ได้ ไม่มีวันเกิดขึ้น

[คัดท้าย]

แล้วถ้า เป็นสงครามนิวเคลียร์ล่ะครับ หรือเป็นไปไม่ได้ ไม่มีวันเกิดขึ้น

อืมมม ครับ ....

ปกติ คนไม่รู้จะด่าว่าการมีระเบิดนิวเคลียร์นี่ ล้างโลกชั่วช้า ไม่มีประโยชน์ แต่จริงๆแล้ว หารู้ไม่ครับ ว่านักการทหารหลายๆคนเค้าบอกว่า นิวเคลียร์นี่แหละ ที่ทำให้ สงครามใหญ่ๆ ไม่เกิดขึ้น เป้นระยะเวลาที่นานมาก ทั้งที่โดยสถิติ ควรจะมีสงครามใหญ่เกิดขึ้นแล้ว

แต่ด้วยว่า สงครามนิวเคลียร์นั้นมันแรง จนไม่มีใครอยากจะทำ และไม่มีใครกล้าทำ ทำให้สงครามใหญ่ ไม่เกิดขึ้น จนวันนี้ก็ยังไม่เกิด ...

... จนมาวันนี้ ...

คุณโป้ง เคยได้ยินโครงการของเมกา ชื่อ โล่ขีปนาวุธ มั้ยครับ ที่ทั้งรัสเซีย จีน แหละอีกหลายๆประเทศออกมาคัดค้านกันเละเลย

เพราะอะไรทราบมั้ยครับ ... เพราะสงครามนิวเคลียร์ จะจบโดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ชม ครับ ผมจำไม่ได้ว่ากี่นาทีนะ ทีนี้ในช่วงเวลาสั้นๆเนี่ย ใครโดนน้อยกว่า ได้เปรียบครับ จะชนะกันแบบขาดลอยด้วย

ถ้าโครงการโล่ขีปนาวุธของเมกา ก้าวหน้าพอละก็ ความสมดุลแห่งสงครามนิวเคลียร์ จะเอนทันทีครับ แล้วทีนี้ โอกาสเกิด ก็จะเริ่มมีครับ ... แล้วประเทศที่เสียเปรียบจะเป้นจีนกับรัสเซีย ดังนั้นโครงการนี้ จึงถูกต่อต้านครับ

และถ้าโครงการนี้สำเร็จ มาเดากันมั้ยครับ ว่าใครจะยิงก่อน ...

[CK]

มีหนังสือเริ่มหนึ่ง ชื่อ Guns, Germs, and Steel: The Fates of Human Societies
เขียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของมนุษย์ มีเนื้อหาหลายอย่างคล้ายๆ กับที่คุณ IH
พูดถึงครับ

Guns, Germs, Steel

[hot]

แต่คงไม่มีใครเซไปโดนปุ่มกดยิงจรวดนิวเคลียร์  ข้างเตียงนะคับ

[harry]

ไม่มีสงครามเป็นดีที่สุด แต่ก่อนเกิดสงคราม โลกคงแผ่นดินไหว สึนามิ ภูเขาไฟระเบิด หลายรอบจนคนตายหมดโลกแล้วแหละ

[Jho_Jho]

เรื่องมันยาวหนะครับ เริ่มจากล่าอานานิคม จนมาถึงสงครามนิวเคลียร์ ยาวแล้วก็ขอยืดออกไปอีกครับ 555

ผมว่าสมัยก่อนสองประเทศมหาอำนาจตะวันตก ได้ล่าอานานิคม แล้วยึดเอาทรัพยากรมากมายจากพวกเราไป ไปใช้ ไปเป็นวัตถุดิบพัฒนาประเทศของเขา

วันนี้เขาพัฒนา เขาเจริญก้าวหน้าแล้ว เราควรจะเรียกดอกเบี้ยคืนบ้างดีมั๊ย?
จากการละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาของพวกเขา copy เทคโนโลยีของพวกเขาบ้าง

ดีมั๊ย?

[คนเรือ VI]

Guns, Germs, and Steel: The Fates of Human Societies

มีหนังสือแปลครับ หาได้ที่ SE-ED

[por_jai]

8) อีกเหลี่ยมนึงจากไทยรัฐวันนี้ครับ
 
ต้มยำน้ำมัน

ดร.จำนง ศรพิพัฒน์ สถาบันบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงาน เคยทำนายไว้เมื่อเดือนมีนาคม ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นถึง 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ไม่กี่เดือนต่อมา ราคาน้ำมันก็ขึ้นไปถึง 60 ดอลลาร์

ระหว่างการประชุมเรื่อง พลังงานทดแทน เส้นทางสู่การแก้วิกฤติ ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ เมื่อปลายเดือนสิงหาคม ดร.จำนงทำนายอีกครั้ง ราคาน้ำมันจะแพงไปถึง 70 ดอลลาร์

และเมื่อถึงราคานี้ ราคาก็จะอ่อนตัวลง

ดร.จำนง ให้เหตุผล โลกเรายังไม่ขาดแคลนน้ำมัน การค้นพบบ่อน้ำมันยังมีอยู่ เจ้าของบ่อน้ำมันจะรีบสูบน้ำมันขึ้นมาขาย เมื่อได้ราคาเป็นที่พอใจ

อีกประมาณสามปี คนไทยอาจต้องใช้น้ำมันลิตรละ 30-35 บาท

ดร.จำนง พูดได้ไม่กี่วัน ราคาน้ำมันแตะ 70 ดอลลาร์ไปแล้ว โอกาสที่คนไทยที่จะได้ใช้น้ำมันลิตรละ 30-35 บาท คงไม่ใช่อีกสามปี แต่อาจเป็นอีกสามวัน หรือสามเดือน

ผมรู้สึกว่า ประเทศไทยยอมแพ้สงครามราคาน้ำมันง่ายเกินไป แต่เมื่อมองไปทั้งโลก ทุกประเทศผู้ซื้อน้ำมัน ดูเหมือนจะยอมศิโรราบคาบแก้ว ให้กลไกน้ำมันทั้งนั้น

ยอมแพ้...ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ ต้นทุนราคาน้ำมันจากบ่อ ต้นทุนขนส่ง ต้นทุนค่ากลั่น ภาษี ค่าการตลาด รวมกันแล้ว ยังน้อยกว่า ค่าหัวคิวการเก็งกำไร จากพวกที่ซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า

พวกที่นายกฯทักษิณ บ่นว่า...หากำไรจากแผ่นกระดาษ

ผมเรียนรู้เรื่องน้ำมันจากข่าวสาร ซึ่งก็ดูเหมือนมีให้อ่านน้อยเต็มที หลายครั้งอ้างข้อมูลอดีตผู้บริหารโรงกลั่นบางจาก

เพราะศรัทธาคุณโสภณ สุภาพงษ์

ปตท.ส่งข้อมูลราคาน้ำมันมาให้อ่าน อ่านแล้วก็ได้ความรู้เหมือนฟังจากนักวิเคราะห์หุ้น มีเหตุปัจจัยซับซ้อนอ่อนไหว มากมาย จับทางได้ยาก พยากรณ์ได้ยาก

แต่ความจริงตรงหน้า ขณะที่ราคาน้ำมันแพงขึ้นๆ คนไทยเดือดร้อนแสนสาหัส ปตท.และเครือข่ายและธุรกิจค้าน้ำมัน โกยกำไรเอาๆ เป็นหมื่นๆล้าน

ข้อมูลจาก ปตท. ทำให้คิดได้ ปตท.ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ผกผันของราคาน้ำมัน ศรัทธาที่เคยมีให้กัน ก็หมดไป ต้องดิ้นรนไปหาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อได้มากกว่า

คนให้ข้อมูล หัวเราะตอนที่บอกว่า ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับน้ำมัน ส่วนใหญ่โกหก

โกหกกันทั้งนั้น ทั้งประเด็นแหล่งน้ำมัน ปริมาณน้ำมัน ที่ปล่อยเป็นข่าวออกมา ล้วนแล้วเพื่อหลอกกัน เพื่อเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่ง

สถานการณ์ราคาน้ำมันแพง ใครได้ประโยชน์ ผู้รู้บอกว่า เงินจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันไหลเข้าสหรัฐฯในรูปพันธบัตร ก็คงจะช่วยยืดเวลาฟองสบู่สหรัฐฯแตกไปได้อีกระยะหนึ่ง

ผู้รู้ให้ข้อมูลทิ้งท้าย ให้เจ็บใจเล่นๆ ต้นทุนการขุดน้ำมันจากพื้นดินก็ถูกหน่อย สัก 4 ดอลลาร์ ถ้าเป็นบ่อใต้ทะเลก็สัก 7 ดอลลาร์ บวกค่าอะไรต่อมิอะไร

ถึงตลาดก็แค่ 8-15 ดอลลาร์...วันสองวันนี้ ราคาน้ำมันมันขายกัน 70 ดอลลาร์

เจ็บปวดเรื่องราคาน้ำมัน ไปดูหนังเรื่องต้มยำกุ้งกันนะครับ... ดูคุณจา พนม ใช้มือไทยตีนไทย ระบายแค้น ไล่ทุบไล่ถองไล่เตะยักษ์ฝรั่งแล้ว อาจจะสบายใจขึ้น..