.....ห ม อ น วิ เ ศ ษ......
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
.....ห ม อ น วิ เ ศ ษ......
โพสต์ที่ 1
...ห ม อ น วิ เ ศ ษ ....
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในประเทศจีนมีชายชาวนาคนหนึ่ง ชื่อ
"อาเฉิน"
กำลังนั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม ก็ได้มีพ่อค้าเร่คนหนึ่ง
เข้ามาทักทายเขาว่า "พ่อหนุ่ม ทำมาหากินเป็นอย่างไรบ้าง"
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 71441.html
"ไม่ไหวเลยครับ ชีวิตของข้าอับจนสิ้นดี" อาเฉินตอบอย่างเศร้าสร้อย
"เจ้าไม่พอใจในวิถีชีวิตของตนเองดอกหรือ?" พ่อเฒ่าสอบถาม
"จะให้ข้าพอใจได้อย่างไรในเมื่อข้าต้องทำงานหนักทั้งวัน ถ้าข้าได้เป็นเศรษฐี
ข้าจึงจะพอใจ" อาเฉินกล่าว พ่อเฒ่านิ่งงันไม่พูดอะไร
..ก่อนจากกันพ่อเฒ่าได้ยื่นห่อผ้าในมือให้อาเฉิน และพูดขึ้นว่า
"พ่อหนุ่ม ข้าต้องเดินทางไปหมู่บ้านข้างเคียง
พรุ่งนี้เช้าจึงจะกลับ เจ้าจะเก็บรักษาหมอนใบนี้ไว้ให้ข้าได้หรือไม่?
หมอนใบนี้หนุนนอนสบายดี เจ้าจะใช้หมอนใบนี้หนุนหัวในคืนนี้ก็ได้"
อาเฉินรับคำจะเก็บรักษาหมอนไว้ให้ ทั้งสองจึงแยกทางกัน
ในคืนนั้น อาเฉินใช้หมอนของพ่อเฒ่าหนุนนอน
..เมื่ออาเฉินตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีแท่งเงิน แท่งทองเต็มไปหมด
"รวยแล้ว ในที่สุดเราก็รวยสมใจนึก"
อาเฉินตะโกนสุดเสียงด้วยความดีใจ"ข้าจะสร้างคฤหาสน์หลังงาม ข้าจะซื้อทุกอย่างที่ข้าต้องการ
อีกไม่นานคฤหาสน์ของเขาก็สร้างเสร็จ
ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา อาเฉินเป็นมหาเศรษฐีไปแล้ว
เขาไม่ปราถนาจะลดตัวลงไปเสวนากับคนจน
ดังนั้นเขาจึงปิดคฤหาสน์อาศัยอยู่ในนั้นตามลำพัง
อยู่มาไม่นานอาเฉินก็เบื่อหน่าย
"ขาดอะไรไปสักอย่าง? อ้อรู้แล้ว สวนของข้าว่างเปล่านั่นเอง"
เขาจึงสั่งให้คนงานหาดอกไม้หลากสีสัน งดงามที่สุดเท่าที่จะหาได้
และไม้ใหญ่มาปลูกไว้ในสวน และขุดสระเลี้ยงปลา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในประเทศจีนมีชายชาวนาคนหนึ่ง ชื่อ
"อาเฉิน"
กำลังนั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม ก็ได้มีพ่อค้าเร่คนหนึ่ง
เข้ามาทักทายเขาว่า "พ่อหนุ่ม ทำมาหากินเป็นอย่างไรบ้าง"
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 71441.html
"ไม่ไหวเลยครับ ชีวิตของข้าอับจนสิ้นดี" อาเฉินตอบอย่างเศร้าสร้อย
"เจ้าไม่พอใจในวิถีชีวิตของตนเองดอกหรือ?" พ่อเฒ่าสอบถาม
"จะให้ข้าพอใจได้อย่างไรในเมื่อข้าต้องทำงานหนักทั้งวัน ถ้าข้าได้เป็นเศรษฐี
ข้าจึงจะพอใจ" อาเฉินกล่าว พ่อเฒ่านิ่งงันไม่พูดอะไร
..ก่อนจากกันพ่อเฒ่าได้ยื่นห่อผ้าในมือให้อาเฉิน และพูดขึ้นว่า
"พ่อหนุ่ม ข้าต้องเดินทางไปหมู่บ้านข้างเคียง
พรุ่งนี้เช้าจึงจะกลับ เจ้าจะเก็บรักษาหมอนใบนี้ไว้ให้ข้าได้หรือไม่?
หมอนใบนี้หนุนนอนสบายดี เจ้าจะใช้หมอนใบนี้หนุนหัวในคืนนี้ก็ได้"
อาเฉินรับคำจะเก็บรักษาหมอนไว้ให้ ทั้งสองจึงแยกทางกัน
ในคืนนั้น อาเฉินใช้หมอนของพ่อเฒ่าหนุนนอน
..เมื่ออาเฉินตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีแท่งเงิน แท่งทองเต็มไปหมด
"รวยแล้ว ในที่สุดเราก็รวยสมใจนึก"
อาเฉินตะโกนสุดเสียงด้วยความดีใจ"ข้าจะสร้างคฤหาสน์หลังงาม ข้าจะซื้อทุกอย่างที่ข้าต้องการ
อีกไม่นานคฤหาสน์ของเขาก็สร้างเสร็จ
ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา อาเฉินเป็นมหาเศรษฐีไปแล้ว
เขาไม่ปราถนาจะลดตัวลงไปเสวนากับคนจน
ดังนั้นเขาจึงปิดคฤหาสน์อาศัยอยู่ในนั้นตามลำพัง
อยู่มาไม่นานอาเฉินก็เบื่อหน่าย
"ขาดอะไรไปสักอย่าง? อ้อรู้แล้ว สวนของข้าว่างเปล่านั่นเอง"
เขาจึงสั่งให้คนงานหาดอกไม้หลากสีสัน งดงามที่สุดเท่าที่จะหาได้
และไม้ใหญ่มาปลูกไว้ในสวน และขุดสระเลี้ยงปลา
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
.....ห ม อ น วิ เ ศ ษ......
โพสต์ที่ 2
แต่แล้ว อาเฉินยังรู้สึกเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว "จะต้องขาดอะไรไปสักอย่าง อ้อรู้แล้ว บ้านหลังนี้เงียบเกินไป"
อาเฉินจึงว่าจ้างนักดนตรี นักรำมาขับกล่อมให้ความบันเทิง
แต่แล้วต่อมาไม่นาน
อาเฉินก็รู้สึกเบื่อกับการร้องรำ เขาจึงไล่นักดนตรี นักรำออกจากบ้านไป
อาเฉินรู้สึกเหงาหงอยอ้างว้าง
"อ้า...สิ่งที่ข้าต้องการคือ ภรรยาสักคน...ใช่แล้ว"
อาเฉินส่งคนรับใช้ไปป่าวประกาศกลางหมู่บ้านว่า
หญิงใดที่ยังเป็นโสด ขอให้มาชุมนุมที่หน้าคฤหาสน์ของเขาในเช้าวันรุ่งขึ้น
เพื่อให้เขาเลือกเป็นภรรยา แต่ ไม่มีหญิงใดโผล่หน้ามาให้เห็นในเช้าวันถัดมา
อาเฉินรู้สึกแค้นเคืองฉุนเฉียว
"เฮอะ ชาวนาโง่เง่า ข้าไม่เห็นจะต้องการเลย อยู่คนเดียวก็ได้"
อยู่มาวันหนึ่ง อาเฉินตัดสินใจลงจากเขา
อาเฉินนั่งเกี้ยวงดงาม มีคนรับใช้สี่คนหาม มาดโอ่อ่าภูมิฐานยิ่งนัก
แต่อาเฉินก็ต้องประหาดใจ เมื่อผู้คนในหมู่บ้านไม่มีใครให้ความสนใจเขาเลย
เมื่อเขาผ่านโรงเตี๊ยมเก่า เขาได้ยินเสียงผู้คนทักทายกัน สลับกับเสียงหัวเราะเป็นระยะ
เขามองเห็น เพื่อนเก่าซดข้าวต้มร่วมกัน แม้คนเหล่านั้นจะยากไร้ แต่ก็มีความสุขยิ่ง
อาเฉินหวนกลับมายังคฤหาสน์อ้างว้าง
นั่งครุ่นคิดอยู่เป็นนาน เขากลายเป็นมหาเศรษฐีแล้ว
แต่ก็ไม่มีความสุข ชีวิตแสนสบายแต่อ้างว้าง
อาเฉินอยากจะกลับไปเป็นชาวนาสามัญเช่นเดิม แล้วเขาก็เผลอหลับไป
อาเฉินจึงว่าจ้างนักดนตรี นักรำมาขับกล่อมให้ความบันเทิง
แต่แล้วต่อมาไม่นาน
อาเฉินก็รู้สึกเบื่อกับการร้องรำ เขาจึงไล่นักดนตรี นักรำออกจากบ้านไป
อาเฉินรู้สึกเหงาหงอยอ้างว้าง
"อ้า...สิ่งที่ข้าต้องการคือ ภรรยาสักคน...ใช่แล้ว"
อาเฉินส่งคนรับใช้ไปป่าวประกาศกลางหมู่บ้านว่า
หญิงใดที่ยังเป็นโสด ขอให้มาชุมนุมที่หน้าคฤหาสน์ของเขาในเช้าวันรุ่งขึ้น
เพื่อให้เขาเลือกเป็นภรรยา แต่ ไม่มีหญิงใดโผล่หน้ามาให้เห็นในเช้าวันถัดมา
อาเฉินรู้สึกแค้นเคืองฉุนเฉียว
"เฮอะ ชาวนาโง่เง่า ข้าไม่เห็นจะต้องการเลย อยู่คนเดียวก็ได้"
อยู่มาวันหนึ่ง อาเฉินตัดสินใจลงจากเขา
อาเฉินนั่งเกี้ยวงดงาม มีคนรับใช้สี่คนหาม มาดโอ่อ่าภูมิฐานยิ่งนัก
แต่อาเฉินก็ต้องประหาดใจ เมื่อผู้คนในหมู่บ้านไม่มีใครให้ความสนใจเขาเลย
เมื่อเขาผ่านโรงเตี๊ยมเก่า เขาได้ยินเสียงผู้คนทักทายกัน สลับกับเสียงหัวเราะเป็นระยะ
เขามองเห็น เพื่อนเก่าซดข้าวต้มร่วมกัน แม้คนเหล่านั้นจะยากไร้ แต่ก็มีความสุขยิ่ง
อาเฉินหวนกลับมายังคฤหาสน์อ้างว้าง
นั่งครุ่นคิดอยู่เป็นนาน เขากลายเป็นมหาเศรษฐีแล้ว
แต่ก็ไม่มีความสุข ชีวิตแสนสบายแต่อ้างว้าง
อาเฉินอยากจะกลับไปเป็นชาวนาสามัญเช่นเดิม แล้วเขาก็เผลอหลับไป
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
.....ห ม อ น วิ เ ศ ษ......
โพสต์ที่ 3
เมื่ออาเฉินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องเก่าซอมซ่อ
ทุกอย่างอยู่ในสภาพเดิม
อาเฉินเพิ่งรู้ว่าตัวเองฝันไป เขาวิ่งออกจากกระท่อม
หัวเราะร่าด้วยความยินดี
อาเฉินร้องทักทายชาวนาที่เดินผ่านบ้าน เหมือนกับเพื่อนรักที่หายหน้าไปนาน
และพอถึงตอนสายของวันชายชราเจ้าของหมอน ก็ได้มาหาอาเฉิน
"เป็นอย่างไรพ่อหนุ่ม เมื่อคืนหลับฝันดีหรือไม่"
อาเฉินวิ่งกลับเข้าบ้าน หยิบเอาหมอนห่อผ้าให้เรียบร้อย ยื่นคืนให้เจ้าของ
"ขอบพระคุณท่านผู้เฒ่าเป็นอย่างมาก ที่ให้ยืมหมอนวิเศษใบนี้
ข้าเพิ่งได้บทเรียนล้ำค่าของชีวิต...ไม่มีสุขใดใหญ่หลวงเกินไปกว่า
ความพึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่อีกแล้ว"
อาเฉินหยิบจอบขึ้นพาดบ่า เดินผิวปากออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังท้องนา
พ่อเฒ่าอมยิ้ม และออกเดินทางต่อไป
ทุกอย่างอยู่ในสภาพเดิม
อาเฉินเพิ่งรู้ว่าตัวเองฝันไป เขาวิ่งออกจากกระท่อม
หัวเราะร่าด้วยความยินดี
อาเฉินร้องทักทายชาวนาที่เดินผ่านบ้าน เหมือนกับเพื่อนรักที่หายหน้าไปนาน
และพอถึงตอนสายของวันชายชราเจ้าของหมอน ก็ได้มาหาอาเฉิน
"เป็นอย่างไรพ่อหนุ่ม เมื่อคืนหลับฝันดีหรือไม่"
อาเฉินวิ่งกลับเข้าบ้าน หยิบเอาหมอนห่อผ้าให้เรียบร้อย ยื่นคืนให้เจ้าของ
"ขอบพระคุณท่านผู้เฒ่าเป็นอย่างมาก ที่ให้ยืมหมอนวิเศษใบนี้
ข้าเพิ่งได้บทเรียนล้ำค่าของชีวิต...ไม่มีสุขใดใหญ่หลวงเกินไปกว่า
ความพึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่อีกแล้ว"
อาเฉินหยิบจอบขึ้นพาดบ่า เดินผิวปากออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังท้องนา
พ่อเฒ่าอมยิ้ม และออกเดินทางต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
.....ห ม อ น วิ เ ศ ษ......
โพสต์ที่ 4
Subject: sim card ของมือถือโดนลักลอบใช้ได้แล้ว !!! โปรดระวัง
Mon, August 8, 2005 11:13 am
Content preview: sim card ของมือถือโดนลักลอบใช้ได้แล้ว !!! โปรดระวัง
ถ้าคุณเจอข้อความอย่างนี้ทางมือถือ
ถ้าคุณได้รับสัญญาณโทรศัพท์บนมือถือของคุณว่าจากช่างเทคนิค Cellnet หรือ
Vodafone และบอกคุณว่าพวกเขากำลังทำการตรวจเช็คโทรศัพท์ของคุณ
และบอกให้คุณต้องกด #90 หรือ 90# แล้ววางสายโทรทัพท์ทันที
ตอนนี้มีบริษัทหลอกลวงฉ้อฉล วางอุบายนั้นขึ้นมา ถ้าคุณกด #90 หรือ 90#
แล้วล่ะก็ พวกเขาจะสามารถ เข้าไปใน sim card ของคุณได้
และสามารถทำการใช้โทรออกจาก sim card นั้น
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจะเป็นของคุณ กรุณาบอกคนอื่นๆด้วย
ที่คุณรู้ว่าเค้าใช้โทรศัพท์มือถือ [...]
Mon, August 8, 2005 11:13 am
Content preview: sim card ของมือถือโดนลักลอบใช้ได้แล้ว !!! โปรดระวัง
ถ้าคุณเจอข้อความอย่างนี้ทางมือถือ
ถ้าคุณได้รับสัญญาณโทรศัพท์บนมือถือของคุณว่าจากช่างเทคนิค Cellnet หรือ
Vodafone และบอกคุณว่าพวกเขากำลังทำการตรวจเช็คโทรศัพท์ของคุณ
และบอกให้คุณต้องกด #90 หรือ 90# แล้ววางสายโทรทัพท์ทันที
ตอนนี้มีบริษัทหลอกลวงฉ้อฉล วางอุบายนั้นขึ้นมา ถ้าคุณกด #90 หรือ 90#
แล้วล่ะก็ พวกเขาจะสามารถ เข้าไปใน sim card ของคุณได้
และสามารถทำการใช้โทรออกจาก sim card นั้น
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจะเป็นของคุณ กรุณาบอกคนอื่นๆด้วย
ที่คุณรู้ว่าเค้าใช้โทรศัพท์มือถือ [...]
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
.....ห ม อ น วิ เ ศ ษ......
โพสต์ที่ 5
จะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่
Date: Sun, 07 Aug 2005 09:25:08 -0800
จะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่มีประโยชน์มาก และช่วยกันส่งต่อด้วยนะ
pb]ขับรถให้ปลอดภัย [/b]
กรณีที่ 1
เมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถยางระเบิดในขณะขับรถ
มีข้อแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้
1. มือทั้งสองต้องจับอยู่ที่พวงมาลัยอย่างมั่นคง
2. ถอนคันเร่งออก
3. ควบคุมสติให้ดีอย่าตกใจ มองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามมาบ้าง
4. แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ อย่าแตะแรงเป็นอันขาด เพราะจะทำให้รถหมุน
5. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาดเพราะถ้าเหยียบคลัตช์รถ
จะไม่เกาะถนนรถจะลอยตัวและจะทำให้บังคับรถได้ยากยิ่งขึ้น อาจเสียหลัก
เพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ ให้ขาดจากเพลา
6. ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด จะทำให้รถหมุน
7. เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้วให้ยกเลี้ยวสัญญาณเข้าข้างทางซ้ายมือ
8. เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมได้ ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงและหยุดรถ
ข้อสังเกตเมื่อยางระเบิด
คือ ไม่ว่ายางด้านใดจะระเบิดล้อหน้าหรือล้อหลังก็ตาม
เมื่อระเบิดด้านซ้าย รถก็จะแฉลบไปด้านซ้ายก่อน
แล้วก็จะสะบัดกลับ และสะบัดไปด้านซ้ายอีกที สลับกันไปมา
และในทำนองตรงกันข้าม หากระเบิดด้านขวาอาการก็จะ กลับเป็นตรงกันข้าม
อุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากก็คือ
หากขณะยางระเบิดรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วสูงมากๆ พอยางระเบิดขึ้นมารถก็จะกลิ้งทันที
ทำอะไรไม่ได้
ดังนั้นการขับรถที่ใช้ความเร็วสูงๆจึงมักจะแก้ไขอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้
เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น ในขณะขับรถ
จึงไม่ควรขับรถเร็ว (ความเร็วทีถือว่าปลอดภัยในDEFENSIVE DRIVING
คือ ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง)
Date: Sun, 07 Aug 2005 09:25:08 -0800
จะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่มีประโยชน์มาก และช่วยกันส่งต่อด้วยนะ
pb]ขับรถให้ปลอดภัย [/b]
กรณีที่ 1
เมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถยางระเบิดในขณะขับรถ
มีข้อแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้
1. มือทั้งสองต้องจับอยู่ที่พวงมาลัยอย่างมั่นคง
2. ถอนคันเร่งออก
3. ควบคุมสติให้ดีอย่าตกใจ มองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามมาบ้าง
4. แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ อย่าแตะแรงเป็นอันขาด เพราะจะทำให้รถหมุน
5. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาดเพราะถ้าเหยียบคลัตช์รถ
จะไม่เกาะถนนรถจะลอยตัวและจะทำให้บังคับรถได้ยากยิ่งขึ้น อาจเสียหลัก
เพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ ให้ขาดจากเพลา
6. ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด จะทำให้รถหมุน
7. เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้วให้ยกเลี้ยวสัญญาณเข้าข้างทางซ้ายมือ
8. เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมได้ ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงและหยุดรถ
ข้อสังเกตเมื่อยางระเบิด
คือ ไม่ว่ายางด้านใดจะระเบิดล้อหน้าหรือล้อหลังก็ตาม
เมื่อระเบิดด้านซ้าย รถก็จะแฉลบไปด้านซ้ายก่อน
แล้วก็จะสะบัดกลับ และสะบัดไปด้านซ้ายอีกที สลับกันไปมา
และในทำนองตรงกันข้าม หากระเบิดด้านขวาอาการก็จะ กลับเป็นตรงกันข้าม
อุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากก็คือ
หากขณะยางระเบิดรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วสูงมากๆ พอยางระเบิดขึ้นมารถก็จะกลิ้งทันที
ทำอะไรไม่ได้
ดังนั้นการขับรถที่ใช้ความเร็วสูงๆจึงมักจะแก้ไขอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้
เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น ในขณะขับรถ
จึงไม่ควรขับรถเร็ว (ความเร็วทีถือว่าปลอดภัยในDEFENSIVE DRIVING
คือ ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง)
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
.....ห ม อ น วิ เ ศ ษ......
โพสต์ที่ 6
กรณีที่ 2
เมื่อรถตกน้ำ
ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุแล้วตกลงไปในแม่น้ำ ลำคลองใดๆ ก็ตาม
รถจะไม่ตกลงไปในน้ำแล้วจมทันที เหมือนหิน ตกน้ำ แต่จะค่อยๆ
จมลงทีละน้อยๆ จนกว่าจะถึง พื้นล่างและในนาทีวิกฤตนี้
ควรตั้งสติให้ดีและปฏิบัติดังต่อไปนี้
1. ปลด SAFETY BELT ออกทุกๆคน รวมทั้งผู้โดยสารด้วย
2. อย่าออกแรงใดๆ เพื่อสงวนการใช้อากาศหายใจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนจำกัด
3. ให้ยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในรถ
4. ปลดล็อกประตูรถทุกบาน
5. หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้าในรถเพื่อปรับความดัน! ในรถ
และนอกรถให้เท่ากันมิฉะนั้นท่านจะเปิดประตูรถไม่ออก
เพราะน้ำจากภายนอกตัวรถจะดันประตูไว้
6. เมื่อความดันใกล้เคียงกันแล้วให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุด แล้วท่านก็ออกจากห้องโดยสารของรถได้
7. จากนั้นท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ
หรือจะว่ายน้ำขึ้นมาก็ได้ ในกรณีนี้หากน้ำลึกมากๆอาจจะมองไม่เห็นว่า
ทิศใดเหนือน้ำ ทิศใดใต้น้ำเพราะว่า มืดไปหมด ไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำ
เพราะอาจจะว่าย ไปในทิศทางที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำ กรณีเช่นนี้ควรปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติ
หรือลองเป่าปากดูว่า ฟองอากาศลอยไปในทิศทางใด
ให้ว่ายน้ำไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไป
ก็จะไม่มีอาการ หลงน้ำ นอกจากนั้น ก่อนออกจากรถ
หากท่านมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กๆ อาจจะหนีบ เด็กๆ นั้นออกมากับท่านได้อีกหนึ่งคน
ดังนั้นหากท่านปฏิบัติ ตามวิธีการเหล่านี้
ก็จะช่วยให้ชีวิตของท่าน ปลอดภัย ได้ ในยามคับขัน
อยากให้ทุกคน copy และส่งต่อไปให้เพื่อนๆ และคนรู้จักให้มากๆเลยนะ
เป็นการช่วยเหลือกัน หากเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ขึ้นมา
การมีความรู้ในขั้นตอนในการควบคุมยานยนต์
และการปฏิบัติตนในขณะเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ สามารถช่วยลด อัตราการตาย
และการบาดเจ็บได้แน่นอน ถ้าจะให้ดี พริ้นเก็บไว้ในรถของทุกคนเลยก็ดีนะครับ
เมื่อรถตกน้ำ
ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุแล้วตกลงไปในแม่น้ำ ลำคลองใดๆ ก็ตาม
รถจะไม่ตกลงไปในน้ำแล้วจมทันที เหมือนหิน ตกน้ำ แต่จะค่อยๆ
จมลงทีละน้อยๆ จนกว่าจะถึง พื้นล่างและในนาทีวิกฤตนี้
ควรตั้งสติให้ดีและปฏิบัติดังต่อไปนี้
1. ปลด SAFETY BELT ออกทุกๆคน รวมทั้งผู้โดยสารด้วย
2. อย่าออกแรงใดๆ เพื่อสงวนการใช้อากาศหายใจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนจำกัด
3. ให้ยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในรถ
4. ปลดล็อกประตูรถทุกบาน
5. หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้าในรถเพื่อปรับความดัน! ในรถ
และนอกรถให้เท่ากันมิฉะนั้นท่านจะเปิดประตูรถไม่ออก
เพราะน้ำจากภายนอกตัวรถจะดันประตูไว้
6. เมื่อความดันใกล้เคียงกันแล้วให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุด แล้วท่านก็ออกจากห้องโดยสารของรถได้
7. จากนั้นท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ
หรือจะว่ายน้ำขึ้นมาก็ได้ ในกรณีนี้หากน้ำลึกมากๆอาจจะมองไม่เห็นว่า
ทิศใดเหนือน้ำ ทิศใดใต้น้ำเพราะว่า มืดไปหมด ไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำ
เพราะอาจจะว่าย ไปในทิศทางที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำ กรณีเช่นนี้ควรปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติ
หรือลองเป่าปากดูว่า ฟองอากาศลอยไปในทิศทางใด
ให้ว่ายน้ำไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไป
ก็จะไม่มีอาการ หลงน้ำ นอกจากนั้น ก่อนออกจากรถ
หากท่านมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กๆ อาจจะหนีบ เด็กๆ นั้นออกมากับท่านได้อีกหนึ่งคน
ดังนั้นหากท่านปฏิบัติ ตามวิธีการเหล่านี้
ก็จะช่วยให้ชีวิตของท่าน ปลอดภัย ได้ ในยามคับขัน
อยากให้ทุกคน copy และส่งต่อไปให้เพื่อนๆ และคนรู้จักให้มากๆเลยนะ
เป็นการช่วยเหลือกัน หากเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ขึ้นมา
การมีความรู้ในขั้นตอนในการควบคุมยานยนต์
และการปฏิบัติตนในขณะเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ สามารถช่วยลด อัตราการตาย
และการบาดเจ็บได้แน่นอน ถ้าจะให้ดี พริ้นเก็บไว้ในรถของทุกคนเลยก็ดีนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
.....ห ม อ น วิ เ ศ ษ......
โพสต์ที่ 7
Fw: น้ำใจชาวภูเก็ต
Inbox
Monday, August 15, 2005 11:54 AM
น้ำใจชาวภูเก็ต
ถึง เพื่อนทุกๆ คน
เมื่อวันหยุดที่ผ่านมาพัทได้มีโอกาสพาครอบครัวไปเที่ยวภูเก็ต อยากเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ข้อ
ความอาจจะยาวสักหน่อยแต่อยากขอความกรุณาทุกคนช่วยอ่านให้จบนะคะ
พัทเลือกเดินทางไปกลับ Bukit Star Travel ซึ่งจัด Package Tour ในราคาโปรโมชั่น 3,999 บวกค่า Service Charge อีก 17% รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,679 บาทต่อคน ขอบอกว่า ถูกๆๆๆๆๆๆ มากๆๆๆๆๆๆ เพราะประกอบไปด้วย
1. ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
2. ค่าที่พักโรงแรมระดับ 4 ดาว จำนวน 2 คืน (ที่เราสามารถเลือกเองได้
ว่าจะพักที่ไหน)
3. ค่าเข้าชมการแสดงพร้อมดินเนอร์ที่ภูเก็ตแฟนตาซี (หากใครยังไม่เคยไปดู ขอบอกว่า..ครั้งหนึ่งในชีวิตของคุณ..ควรไปที่นี่ค่ะ)
4. ค่าอาหารอีก 6 มื้อ การเดินทางในครั้งนี้ประทับใจมากๆ กับหลายๆ อย่างที่ได้ประสบ ขออนุญาตเล่าเรื่องดีๆ
ที่ประทับใจจนหลายคนอาจน้ำตาไหลให้ฟังกันนะคะ
วันสุดท้ายของการเดินทาง (วันอาทิตย์ที่ 24 ก.ค. 2548) ทางบริษัททัวร์ได้จัดให้เราไป
เยี่ยมชมสถานที่ที่ได้รับความเสียหายจากคลื่นสึนามิ ทั้งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดพังงา
โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่อำเภอเขาหลักที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด ระหว่างการเดินทางบริษัททัวร์ได้จัด
ไกด์กิติมศักดิ์มาบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เราฟัง
ซึ่งก็คือ เจ้าของบริษัท Bukit Star Travel
และเป็นเจ้าของโรงแรมที่เขาหลัก ที่พึ่งสร้างเสร็จและเปิดทำการเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2547 คือ
เปิดได้เพียง 6 วัน ทุกอย่างที่เป็นสวรรค์ก็หายไปโดยที่ยังไม่ได้ทำประกันภัย และยังไม่ได้แม้แต่จะ
เอาเงินจากตู้เซฟที่ได้จากการเปิดดำเนินการเพียง 6 วันนั้นออกมาใช้ ไกด์กิติมศักดิ์ผู้นี้ ชื่อว่า คุณอี้
จึงถือเป็นผู้ที่สูญเสีย 100% จากภัยพิบัติในครั้งนี้
คุณอี้ ได้เปิดวีซีดีรวมภาพสึนามิให้พวกเราดู โดยบรรยายภาพประกอบ ซึ่งมีอยู่ 1 เรื่อง ที่
ทำให้ทุกคนบนรถทัวร์ต้องน้ำตาซึม คือ ภาพผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังอุ้มลูกน้อยวัยสองเดือนอยู่กับอก มืออีก
ข้างจับอยู่กับกิ่งไม้ (ต้นสนใหญ่) ไว้แน่น และมีมือเล็กๆ อีก 2 ข้าง กอดอยู่รอบคอของเค้า
Inbox
Monday, August 15, 2005 11:54 AM
น้ำใจชาวภูเก็ต
ถึง เพื่อนทุกๆ คน
เมื่อวันหยุดที่ผ่านมาพัทได้มีโอกาสพาครอบครัวไปเที่ยวภูเก็ต อยากเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ข้อ
ความอาจจะยาวสักหน่อยแต่อยากขอความกรุณาทุกคนช่วยอ่านให้จบนะคะ
พัทเลือกเดินทางไปกลับ Bukit Star Travel ซึ่งจัด Package Tour ในราคาโปรโมชั่น 3,999 บวกค่า Service Charge อีก 17% รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,679 บาทต่อคน ขอบอกว่า ถูกๆๆๆๆๆๆ มากๆๆๆๆๆๆ เพราะประกอบไปด้วย
1. ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
2. ค่าที่พักโรงแรมระดับ 4 ดาว จำนวน 2 คืน (ที่เราสามารถเลือกเองได้
ว่าจะพักที่ไหน)
3. ค่าเข้าชมการแสดงพร้อมดินเนอร์ที่ภูเก็ตแฟนตาซี (หากใครยังไม่เคยไปดู ขอบอกว่า..ครั้งหนึ่งในชีวิตของคุณ..ควรไปที่นี่ค่ะ)
4. ค่าอาหารอีก 6 มื้อ การเดินทางในครั้งนี้ประทับใจมากๆ กับหลายๆ อย่างที่ได้ประสบ ขออนุญาตเล่าเรื่องดีๆ
ที่ประทับใจจนหลายคนอาจน้ำตาไหลให้ฟังกันนะคะ
วันสุดท้ายของการเดินทาง (วันอาทิตย์ที่ 24 ก.ค. 2548) ทางบริษัททัวร์ได้จัดให้เราไป
เยี่ยมชมสถานที่ที่ได้รับความเสียหายจากคลื่นสึนามิ ทั้งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดพังงา
โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่อำเภอเขาหลักที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด ระหว่างการเดินทางบริษัททัวร์ได้จัด
ไกด์กิติมศักดิ์มาบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เราฟัง
ซึ่งก็คือ เจ้าของบริษัท Bukit Star Travel
และเป็นเจ้าของโรงแรมที่เขาหลัก ที่พึ่งสร้างเสร็จและเปิดทำการเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2547 คือ
เปิดได้เพียง 6 วัน ทุกอย่างที่เป็นสวรรค์ก็หายไปโดยที่ยังไม่ได้ทำประกันภัย และยังไม่ได้แม้แต่จะ
เอาเงินจากตู้เซฟที่ได้จากการเปิดดำเนินการเพียง 6 วันนั้นออกมาใช้ ไกด์กิติมศักดิ์ผู้นี้ ชื่อว่า คุณอี้
จึงถือเป็นผู้ที่สูญเสีย 100% จากภัยพิบัติในครั้งนี้
คุณอี้ ได้เปิดวีซีดีรวมภาพสึนามิให้พวกเราดู โดยบรรยายภาพประกอบ ซึ่งมีอยู่ 1 เรื่อง ที่
ทำให้ทุกคนบนรถทัวร์ต้องน้ำตาซึม คือ ภาพผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังอุ้มลูกน้อยวัยสองเดือนอยู่กับอก มืออีก
ข้างจับอยู่กับกิ่งไม้ (ต้นสนใหญ่) ไว้แน่น และมีมือเล็กๆ อีก 2 ข้าง กอดอยู่รอบคอของเค้า
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
.....ห ม อ น วิ เ ศ ษ......
โพสต์ที่ 8
ซึ่งก็คือ ลูกสาววัย 5 ขวบ ที่กอดคอพ่อไว้แน่น ตลอดเวลาที่ 3 ชีวิตกำลังต่อสู้กับคลื่นยักษ์ ผู้เป็นพ่อบอก
กับลูกน้อยวัย 5 ขวบ ของตนเองอยู่ตลอดเวลาว่า "หนูมีแรงเท่าไรกอดคอพ่อไว้ให้แน่นนะลูก...อย่า
ปล่อยมือเด็ดขาด" หากเราจะตาย...ก็ขอให้เรากอดคอตายไปด้วยกัน...เราจะได้ไปอยู่บนสวรรค์
กับแม่กันนะ.... ผู้ชายคนนี้รอดชีวิตมาได้พร้อมกับลูกน้อย 2 คน ของเค้า
แต่ได้สูญเสียภรรยาอัน
เป็นที่รักไป ซึ่งเป็นสิ่งที่เค้าเสียใจอย่างที่สุดที่ไม่สามารถช่วยชีวิตภรรยาของเค้าไว้ได้ แต่ความเข้มแข็งและอดทนของเค้าในการปกป้องลูกรักด้วยมือเพียงข้างเดียวที่ยึดไว้กับต้นสนใหญ่นั้นทำให้ทุกคนบนรถทัวร์ร้องไห้ไปตามๆ กัน
เมื่อเดินทางมาถึงเขาหลัก คุณอี้ได้พาพวกเราไปแสดงความไว้อาลัยแด่ผู้ที่จากไป พร้อม
ร่วมกันช่วยเหลือและให้กำลังใจผู้ประสบภัยที่รอดชีวิตด้วยการช่วยกันซื้อผลิตภัณฑ์จักสาน (เป็นตระกร้าและกระเป๋าพลาสติก)
ที่ทำขึ้นโดยพวกชาวบ้านที่ยังมีชีวิตเหลือรอดอยู่ เช่น พวกชาวมอร์แกนเป็นต้น
ซึ่งบางครอบครัวสูญเสียผู้นำครอบครัวไปเหลือเพียงยายกับหลาน 2 คน ที่ตั้งหน้าตั้งตาช่วยกันสานตระกร้าให้ได้มากที่สุด ก่
อนที่ทุกๆ สุดสัปดาห์ คุณอี้จะขับรถไปรับซื้อตระกร้าจากครอบครัวต่างๆ มารวมกันไว้
และนำออกขายให้แก่คณะนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือน หากสัปดาห์ใดไม่มีนักท่องเที่ยวมา ก็หมายความว่า... ตระกร้าต่างๆ ที่เหลือคุณอี้จะเป็นคนรับซื้อไว้ทั้งหมดแล้วก็รอโอกาส
ดีๆ ที่รัฐบาลจัดงาน OTOP ตามสถานที่ต่างๆ ที่เสียค่าเช่าพื้นที่ไม่แพงนัก คุณอี้ก็จะนำตระกร้าเหล่านั้นออกวางขาย
นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งในน้ำใจชาวภูเก็ตที่พยายามช่วยเหลือพวกเค้ากันเอง พยายามสร้าง
งานให้ชาวบ้านมีอะไรทำจะได้ไม่รู้สึกสิ้นหวัง สร้างอาชีพและรายได้ให้ชาวบ้านดำรงชีพต่อไปได้
และน้ำใจของนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนก็เปรียบเสมือนน้ำ 1 แก้ว ที่ยื่นได้แก่ผู้ที่กำลังกระหายน้ำอย่างที่สุด
เพราะเมื่อมีนักท่องเที่ยวก็จะมีการไหลเวียนของรายได้ เมื่อมีรายได้ก็มีความหวังที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่อไป
กับลูกน้อยวัย 5 ขวบ ของตนเองอยู่ตลอดเวลาว่า "หนูมีแรงเท่าไรกอดคอพ่อไว้ให้แน่นนะลูก...อย่า
ปล่อยมือเด็ดขาด" หากเราจะตาย...ก็ขอให้เรากอดคอตายไปด้วยกัน...เราจะได้ไปอยู่บนสวรรค์
กับแม่กันนะ.... ผู้ชายคนนี้รอดชีวิตมาได้พร้อมกับลูกน้อย 2 คน ของเค้า
แต่ได้สูญเสียภรรยาอัน
เป็นที่รักไป ซึ่งเป็นสิ่งที่เค้าเสียใจอย่างที่สุดที่ไม่สามารถช่วยชีวิตภรรยาของเค้าไว้ได้ แต่ความเข้มแข็งและอดทนของเค้าในการปกป้องลูกรักด้วยมือเพียงข้างเดียวที่ยึดไว้กับต้นสนใหญ่นั้นทำให้ทุกคนบนรถทัวร์ร้องไห้ไปตามๆ กัน
เมื่อเดินทางมาถึงเขาหลัก คุณอี้ได้พาพวกเราไปแสดงความไว้อาลัยแด่ผู้ที่จากไป พร้อม
ร่วมกันช่วยเหลือและให้กำลังใจผู้ประสบภัยที่รอดชีวิตด้วยการช่วยกันซื้อผลิตภัณฑ์จักสาน (เป็นตระกร้าและกระเป๋าพลาสติก)
ที่ทำขึ้นโดยพวกชาวบ้านที่ยังมีชีวิตเหลือรอดอยู่ เช่น พวกชาวมอร์แกนเป็นต้น
ซึ่งบางครอบครัวสูญเสียผู้นำครอบครัวไปเหลือเพียงยายกับหลาน 2 คน ที่ตั้งหน้าตั้งตาช่วยกันสานตระกร้าให้ได้มากที่สุด ก่
อนที่ทุกๆ สุดสัปดาห์ คุณอี้จะขับรถไปรับซื้อตระกร้าจากครอบครัวต่างๆ มารวมกันไว้
และนำออกขายให้แก่คณะนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือน หากสัปดาห์ใดไม่มีนักท่องเที่ยวมา ก็หมายความว่า... ตระกร้าต่างๆ ที่เหลือคุณอี้จะเป็นคนรับซื้อไว้ทั้งหมดแล้วก็รอโอกาส
ดีๆ ที่รัฐบาลจัดงาน OTOP ตามสถานที่ต่างๆ ที่เสียค่าเช่าพื้นที่ไม่แพงนัก คุณอี้ก็จะนำตระกร้าเหล่านั้นออกวางขาย
นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งในน้ำใจชาวภูเก็ตที่พยายามช่วยเหลือพวกเค้ากันเอง พยายามสร้าง
งานให้ชาวบ้านมีอะไรทำจะได้ไม่รู้สึกสิ้นหวัง สร้างอาชีพและรายได้ให้ชาวบ้านดำรงชีพต่อไปได้
และน้ำใจของนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนก็เปรียบเสมือนน้ำ 1 แก้ว ที่ยื่นได้แก่ผู้ที่กำลังกระหายน้ำอย่างที่สุด
เพราะเมื่อมีนักท่องเที่ยวก็จะมีการไหลเวียนของรายได้ เมื่อมีรายได้ก็มีความหวังที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 891
- ผู้ติดตาม: 0
.....ห ม อ น วิ เ ศ ษ......
โพสต์ที่ 9
...ลูกน้องของคุณอี้ 20 กว่าคน เสียชีวิตเกือบทั้ง
หมด เหลือรอดมาได้เพียง 6 คน คือ 3 คน ที่ไม่ได้เข้าเวร กับอีก 3 คนที่รีบวิ่งหนีขึ้นที่สูงได้ทัน
เจ้าของกิจการที่สูญเสียทรัพย์สินที่พึ่งสร้างขึ้นมาด้วยการกู้เงินจากธนาคารมา18 ล้านบาท
นอกนั้นเป็นเงินส่วนตัวทั้งหมด และสูญเสียชีวิตของลูกน้องที่เมื่อวานพึ่งคุยกันอยู่
เมื่อวานพึ่งวางแผนการจัดงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ที่กำหนดกันว่าจะจัดขึ้นในวันที่ 4 มกราคม 2548 เมื่อวานพึ่งได้มีความสุข
ร่วมกันจากกิจการที่กำลังรุ่งเรืองที่มีแขกเข้าพักเต็มทุกห้องตลอด 6 วันที่พึ่งเปิดดำเนินการมา ...หาก
เป็นเรา..ก็คงเป็นบ้าหรือไม่ก็ฆ่าตัวตายไปแล้ว...
คุณอี้และสามีพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเข้าไปให้ถึงพื้นที่ตั้งของโรงแรม โดยลงเดินด้วยเท้า
เป็นระยะทางกว่า 7 กิโลเมตร ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง เพื่อเข้าไปให้ถึงพื้นที่ ตลอดระยะเวลาที่
เดินผ่านหากเห็นผู้ที่นอนคว่ำหน้ามีผมสีดำ ก็จะใช้มือผลิกขึ้นมาดูหน้าว่าใช่ลูกน้องของตนเองหรือไม่...
คุณอี้และสามีใช้เวลาอยู่สองชั่วโมงกว่าในการค้นหาผู้รอดชีวิตและศพของลูกน้อง... หลังจากนั้นคุณอี้ก็
เริ่มควบคุมตนเองไม่ได้ เริ่มทุบตีตนเองเพื่อขอให้ตื่นจากความฝัน...เริ่มร้องไห้จนแทบจะขาดใจ..
สามีผู้มีสติพาคุณอี้ส่งโรงพยาบาล 3 วันต่อมาหลังหมดฤิทธิ์ยานอนหลับ คุณอี้ตื่นขึ้นมาพบลูก
น้องอีก 30 กว่าชีวิต ซึ่งเป็นลูกน้องในส่วนของบริษัททัวร์ที่ภูเก็ตห้อมล้อมอยู่รอบเตียงโรงพยาบาล คำ
พูดหนึ่งที่เรียกสติของคุณอี้ให้กลับคืนมาก็คือ "คุณอี้ใจร้าย..คนที่ตายไปแล้วจะไปร้องไห้ฟูมฟายเรียกร้อง
กลับมาอยู่ทำไม ชีวิตคนเป็นที่ยังรออยู่อีก 30 กว่าชีวิตทำไมถึงไม่คิดถึง หากคุณอี้ไม่เข้มแข็งแล้ว
พวกเราจะอยู่กันอย่างไร"
ทุกวันนี้คุณอี้เป็นผู้นำที่พยายามทุกวิถีทางให้ลูกน้องและชาวบ้านพอที่จะมีรายได้จุนเจือชีวิตให้
ดำรงอยู่ต่อไปได้ ในขณะที่สามีที่มีสติที่สุดในวันนั้นปัจจุบันต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจากโรค
เครียดที่พยายามโทษตนเองอยู่ตลอดเวลาว่าเป็นผู้ที่เลือกทางเดินผิดให้แก่ครอบครัวที่เอาเงินทั้งหมดที่มี
มาลงทุนในกิจการโรงแรม ครอบครัวนี้มีหนี้สินอยู่อีก 18 ล้านบาท ที่ต้องรับผิดชอบ
มีชีวิตลูกน้องอีก30 กว่าชีวิตรวมกับครอบครัวของแต่ละคนอีกรวมเป็น 60 กว่าชีวิตที่ต้องรับแบก มีชาวบ้านอีกนับไม่
ถ้วนที่ต้องจุนเจือ
พัทเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาจากความรู้สึกที่ได้ไปประสบมากับตนเอง พวกเราใช้เวลาว่างในวัน
หยุดสุดสัปดาห์เดินทางมาเที่ยวเพื่อหาความสุขใส่ตัวเองและครอบครัว แต่สิ่งที่ได้กลับมามันไม่ใช่แค่
ความสุขจากการไปเที่ยว เราได้รับคำขอบคุณจากชาวอันดามัน ผู้ที่ถือว่าพวกเราที่เดินทางไปเที่ยว
ทุกคนนั้น คือ ผู้มีพระคุณของพวกเขา เราคือน้ำ 1 แก้ว ที่หยิบยื่นให้แก่ผู้ที่กำลังจะตายเพราะขาดน้ำ
ความรู้สึกตื้นตันที่ได้รับจึงถือเป็นความสุขที่ไม่อาจบรรยายได้
พัทตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และชักชวนเพื่อนๆ และคนรู้จักให้เดิน
ทางไปเที่ยวที่ภูเก็ต และหากเป็นไปได้อยากให้ใช้บริการของ Bukit Star Travel แม้จะมีข้อ
เสียอยู่บ้าง เช่น สายการบินไป-กลับ ไม่ใช่สายการบินไทย มีการเลื่อน Flight บินและ Delay
เป็นเวลาหลายชั่วโมง อาหารที่ทัวร์จัดเลี้ยงจะเป็นอาหารพื้นๆ ไม่หรูหรา เพราะต้องประหยัดเนื่อง
จากแทบไม่มีกำไรจากการจัดทัวร์ในระดับราคาเพียงเท่านี้ แต่นั่นเป็นเป็นสิ่งบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ
เมื่อเปรียบเทียบกับความสุขที่คุณจะได้รับจากการท่องเที่ยว และความสุขใจที่คุณจะได้รับจากคำขอบคุณ
ที่พนักงานบริษัททัวร์ทุกคนมอบให้
เขียนมายาวมาก หากเพื่อนคนไหนอ่านได้จนจบมาถึงตรงนี้ พัทก็หวังว่าเรื่องทั้งหมดที่เล่า
มานี้จะพอทำให้เพื่อนๆ อยากที่จะลงไปเที่ยวอันดามันกันบ้าง หรืออย่างน้อยที่สุดก็คงได้รับความรู้สึกดีๆ
กำลังใจดีๆ จากเนื้อเรื่องของผู้สูญเสียในครั้งนี้ และหากเพื่อนๆ เห็นว่าข้อความนี้มีประโยชน์ก็ขอ
ความกรุณาช่วยส่งต่อกันไปนะคะ ส่วนใครที่สนใจจะไปเที่ยวโดย Bukit Star Travel ก็สามารถ
ติดต่อได้ที่ คุณลี่ (ลูกสาวเจ้าของ) น้องแนท หรือ น้องปัท (ไกด์ทัวร์) ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 076-
261-121 หรือ 09-871-8981 หรือที่อีเมล์ [email protected]
ขอบคุณทุกๆ คน มากๆ ค่ะ
พัทยา หิรัญตีรพล
หมด เหลือรอดมาได้เพียง 6 คน คือ 3 คน ที่ไม่ได้เข้าเวร กับอีก 3 คนที่รีบวิ่งหนีขึ้นที่สูงได้ทัน
เจ้าของกิจการที่สูญเสียทรัพย์สินที่พึ่งสร้างขึ้นมาด้วยการกู้เงินจากธนาคารมา18 ล้านบาท
นอกนั้นเป็นเงินส่วนตัวทั้งหมด และสูญเสียชีวิตของลูกน้องที่เมื่อวานพึ่งคุยกันอยู่
เมื่อวานพึ่งวางแผนการจัดงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ที่กำหนดกันว่าจะจัดขึ้นในวันที่ 4 มกราคม 2548 เมื่อวานพึ่งได้มีความสุข
ร่วมกันจากกิจการที่กำลังรุ่งเรืองที่มีแขกเข้าพักเต็มทุกห้องตลอด 6 วันที่พึ่งเปิดดำเนินการมา ...หาก
เป็นเรา..ก็คงเป็นบ้าหรือไม่ก็ฆ่าตัวตายไปแล้ว...
คุณอี้และสามีพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเข้าไปให้ถึงพื้นที่ตั้งของโรงแรม โดยลงเดินด้วยเท้า
เป็นระยะทางกว่า 7 กิโลเมตร ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง เพื่อเข้าไปให้ถึงพื้นที่ ตลอดระยะเวลาที่
เดินผ่านหากเห็นผู้ที่นอนคว่ำหน้ามีผมสีดำ ก็จะใช้มือผลิกขึ้นมาดูหน้าว่าใช่ลูกน้องของตนเองหรือไม่...
คุณอี้และสามีใช้เวลาอยู่สองชั่วโมงกว่าในการค้นหาผู้รอดชีวิตและศพของลูกน้อง... หลังจากนั้นคุณอี้ก็
เริ่มควบคุมตนเองไม่ได้ เริ่มทุบตีตนเองเพื่อขอให้ตื่นจากความฝัน...เริ่มร้องไห้จนแทบจะขาดใจ..
สามีผู้มีสติพาคุณอี้ส่งโรงพยาบาล 3 วันต่อมาหลังหมดฤิทธิ์ยานอนหลับ คุณอี้ตื่นขึ้นมาพบลูก
น้องอีก 30 กว่าชีวิต ซึ่งเป็นลูกน้องในส่วนของบริษัททัวร์ที่ภูเก็ตห้อมล้อมอยู่รอบเตียงโรงพยาบาล คำ
พูดหนึ่งที่เรียกสติของคุณอี้ให้กลับคืนมาก็คือ "คุณอี้ใจร้าย..คนที่ตายไปแล้วจะไปร้องไห้ฟูมฟายเรียกร้อง
กลับมาอยู่ทำไม ชีวิตคนเป็นที่ยังรออยู่อีก 30 กว่าชีวิตทำไมถึงไม่คิดถึง หากคุณอี้ไม่เข้มแข็งแล้ว
พวกเราจะอยู่กันอย่างไร"
ทุกวันนี้คุณอี้เป็นผู้นำที่พยายามทุกวิถีทางให้ลูกน้องและชาวบ้านพอที่จะมีรายได้จุนเจือชีวิตให้
ดำรงอยู่ต่อไปได้ ในขณะที่สามีที่มีสติที่สุดในวันนั้นปัจจุบันต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจากโรค
เครียดที่พยายามโทษตนเองอยู่ตลอดเวลาว่าเป็นผู้ที่เลือกทางเดินผิดให้แก่ครอบครัวที่เอาเงินทั้งหมดที่มี
มาลงทุนในกิจการโรงแรม ครอบครัวนี้มีหนี้สินอยู่อีก 18 ล้านบาท ที่ต้องรับผิดชอบ
มีชีวิตลูกน้องอีก30 กว่าชีวิตรวมกับครอบครัวของแต่ละคนอีกรวมเป็น 60 กว่าชีวิตที่ต้องรับแบก มีชาวบ้านอีกนับไม่
ถ้วนที่ต้องจุนเจือ
พัทเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาจากความรู้สึกที่ได้ไปประสบมากับตนเอง พวกเราใช้เวลาว่างในวัน
หยุดสุดสัปดาห์เดินทางมาเที่ยวเพื่อหาความสุขใส่ตัวเองและครอบครัว แต่สิ่งที่ได้กลับมามันไม่ใช่แค่
ความสุขจากการไปเที่ยว เราได้รับคำขอบคุณจากชาวอันดามัน ผู้ที่ถือว่าพวกเราที่เดินทางไปเที่ยว
ทุกคนนั้น คือ ผู้มีพระคุณของพวกเขา เราคือน้ำ 1 แก้ว ที่หยิบยื่นให้แก่ผู้ที่กำลังจะตายเพราะขาดน้ำ
ความรู้สึกตื้นตันที่ได้รับจึงถือเป็นความสุขที่ไม่อาจบรรยายได้
พัทตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และชักชวนเพื่อนๆ และคนรู้จักให้เดิน
ทางไปเที่ยวที่ภูเก็ต และหากเป็นไปได้อยากให้ใช้บริการของ Bukit Star Travel แม้จะมีข้อ
เสียอยู่บ้าง เช่น สายการบินไป-กลับ ไม่ใช่สายการบินไทย มีการเลื่อน Flight บินและ Delay
เป็นเวลาหลายชั่วโมง อาหารที่ทัวร์จัดเลี้ยงจะเป็นอาหารพื้นๆ ไม่หรูหรา เพราะต้องประหยัดเนื่อง
จากแทบไม่มีกำไรจากการจัดทัวร์ในระดับราคาเพียงเท่านี้ แต่นั่นเป็นเป็นสิ่งบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ
เมื่อเปรียบเทียบกับความสุขที่คุณจะได้รับจากการท่องเที่ยว และความสุขใจที่คุณจะได้รับจากคำขอบคุณ
ที่พนักงานบริษัททัวร์ทุกคนมอบให้
เขียนมายาวมาก หากเพื่อนคนไหนอ่านได้จนจบมาถึงตรงนี้ พัทก็หวังว่าเรื่องทั้งหมดที่เล่า
มานี้จะพอทำให้เพื่อนๆ อยากที่จะลงไปเที่ยวอันดามันกันบ้าง หรืออย่างน้อยที่สุดก็คงได้รับความรู้สึกดีๆ
กำลังใจดีๆ จากเนื้อเรื่องของผู้สูญเสียในครั้งนี้ และหากเพื่อนๆ เห็นว่าข้อความนี้มีประโยชน์ก็ขอ
ความกรุณาช่วยส่งต่อกันไปนะคะ ส่วนใครที่สนใจจะไปเที่ยวโดย Bukit Star Travel ก็สามารถ
ติดต่อได้ที่ คุณลี่ (ลูกสาวเจ้าของ) น้องแนท หรือ น้องปัท (ไกด์ทัวร์) ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 076-
261-121 หรือ 09-871-8981 หรือที่อีเมล์ [email protected]
ขอบคุณทุกๆ คน มากๆ ค่ะ
พัทยา หิรัญตีรพล