ถ้ามือถือมีความจุเป็นมากขึ้นขนาดเล่นหนังได้1 เรื่อง

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
hot
Verified User
โพสต์: 6853
ผู้ติดตาม: 0

ถ้ามือถือมีความจุเป็นมากขึ้นขนาดเล่นหนังได้1 เรื่อง

โพสต์ที่ 1

โพสต์

คิดว่าต้องมีความจุของเท่าไรคับ
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

ถ้ามือถือมีความจุเป็นมากขึ้นขนาดเล่นหนังได้1 เรื่อง

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ถ้าใช้ mpeg4 enocding สำหรับ dvd quality หนัง 1 ชม. ใช้ความจุ 600 MB
ถ้าเรื่องนึง 2 ชม. ก็ 1.2 GB

แต่ถ้าเป็น DIVX หรือ WMV encoding และเป็น vcd quality หนัง 1 ชม. ใช้ความ
จุ < 100 MB หนัง 2-3 ชม. แค่ 256 MB ก็เกินพอ
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

ถ้ามือถือมีความจุเป็นมากขึ้นขนาดเล่นหนังได้1 เรื่อง

โพสต์ที่ 3

โพสต์

http://www.bangkokbizweek.com/20050705/ ... 77298.html

Entertainment Chip!!! แต้มต่อธุรกิจ "ฮาวคัม"
เอกรัตน์ สาธุธรรม

ไม่ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะล้มลุกคลุกคลานสักแค่ไหน แม้ปัจจัยลบต่างๆ จะส่งผลกระทบกับบริษัทน้อยใหญ่ ถึงกับต้องวางแผนลดต้นทุนกันอย่างเร่งด่วนเพียงใด แต่บริษัทระดับซูเปอร์บิ๊กอย่าง "ฮาวคัม" (How Come) ถือหุ้นใหญ่โดย "พานทองแท้ ชินวัตร" กลับไม่ถูกแรง

"สั่นสะเทือน" แม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับเดินหน้าไล่เพิ่มทุนให้บริษัทในเครือได้อย่างรวดเร็ว ต่อเนื่อง ล่าสุดเผยไต๋เปิดธุรกิจใหม่ถอดด้ามใต้บริษัท "ฮาวคัม ไอพี" ดึงศิลปินนักร้องชื่อดัง "เบิร์ด" กุลพงษ์ บุนนาค นั่งแท่นเอ็มดีรุกธุรกิจ "ชิพ" ดูหนังฟังเพลงบนโทรศัพท์มือถือ

"ตอนนี้ ฮาวคัมกำลังทำธุรกิจใหม่ เกี่ยวกับชิพสำหรับดูหนังฟังเพลงผ่านโทรศัพท์มือถือ ภายใต้บริษัท ฮาวคัม ไอพี (How Come IP) ซึ่ง IP จะย่อมาจาก Intellectual Property ทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1 ล้านบาท ได้คุณเบิร์ด กุลพงษ์ บุนนาค มานั่งเป็นกรรมการผู้จัดการให้ สำหรับชิพหัวใจหลักของธุรกิจใหม่นี้ เราได้ลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวจากบริษัท Rock Player ประเทศอังกฤษ เจ้าของเทคโนโลยี และยังเป็นบริษัทที่ได้ลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และเพลงจากทั่วโลก โดยเฉพาะในฮอลลีวู้ดคาดว่าจะเดินเครื่องธุรกิจได้ในอีก 2 เดือนข้างหน้า"

นี่คือคำให้สัมภาษณ์ "ล่าสุด" ของ "นันทสิทธิ์ แจ่มสมบูรณ์" รองประธานกรรมการบริหาร และหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการกลุ่มบริษัทฮาวคัม

เป็นที่ทราบดีว่า "นันทสิทธิ์" คือหัวเรือใหญ่ตัวจริง และดูเหมือนจะเป็นคนออกหน้าแทนเพื่อนซี้ ที่ทำหน้าที่ถือหุ้นใหญ่อย่าง "หนุ่มโอ๊ค" พานทองแท้ ชินวัตร ที่นั่งในตำแหน่งประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้วยการตอบคำถามที่เกี่ยวกับแผนการทำธุรกิจของกลุ่มบริษัทฮาวคัมทั้งกลุ่มอยู่เสมอๆ

นันทสิทธิ์ เล่าถึงธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ "ฮาวคัม ไอพี" ว่าเป็นธุรกิจใหม่จริงๆ ที่ฮาวคัมกระโดดลงไปเล่นล่าสุด เพราะเห็นถึงความล้ำสมัย ของเทคโนโลยีในโทรศัพท์มือถือ ที่สามารถแปลงโฉมให้เป็นทีวีขนาดพกพาได้ง่ายๆ ทั้งยังเห็นถึงแนวโน้มการใช้โทรศัพท์มือถือที่ปัจจุบันกลายเป็นของใช้ในชีวิตประจำวันคนไทยไปแล้ว

ที่สำคัญกว่านั้น ธุรกิจนี้ยังไม่มีใครทำในเมืองไทย สอดคล้องกับนโยบายที่ "พานทองแท้" เคยให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับชื่อของบริษัทฮาวคัม หรือ "มาได้อย่างไร" ในความหมายแบบไทยๆ ว่า ธุรกิจที่ "เขา" และ "เพื่อน" จะทำก็ต้องขึ้นชื่อว่า "มาได้อย่างไร" ด้วยเหมือนกัน

"พานทองแท้" เคยบอกว่า การขยายตัวของกลุ่มฮาวคัมอย่างต่อเนื่องนั้นมี 2 ปัจจัยหลักเป็นตัวผลักดัน คือ 1.ทำเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง และคนอื่นที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย โดยยึดพื้นฐานความเป็นจริงในข้อที่ว่า ไม่มีมนุษย์คนใดที่จะพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ และ 2.ทำเพื่อเป็นการหารายได้ในเชิงธุรกิจ แต่ไม่ว่าจะทำอะไร จะต้องไม่ขาดทุนและมีความสุขกับงานที่ทำ

"ผมเป็นเหมือนคนไฮเปอร์ทางความคิด หยุดคิดไม่ได้ ในสมองคิดตลอดเวลา จนบางครั้งคุณพ่อบอกว่าให้คิดน้อยๆ ลงหน่อย ซึ่งความคิดของผมจะมีหลายอย่างซึ่งมาจากพื้นฐานของการที่มองว่าอะไรน่าทำบ้าง แล้วก็เอาไอเดียนั้นไปส่งต่อให้กับเพื่อนๆ และทีมงานบริษัทสานต่อว่าทำได้หรือไม่" หนุ่มโอ๊ค เคยว่าไว้

สำหรับธุรกิจใหม่นี้ นันทสิทธิ์ เล่าให้ฟังง่ายๆ ว่า "ฮาวคัม ไอพี" จะเป็นธุรกิจที่เน้นการจำหน่ายชิพ สำหรับใส่ในโทรศัพท์มือถือ โดยในชิพจะสามารถเก็บข้อมูลได้ในระดับกิกะไบต์ หรือสามารถเก็บไฟล์ภาพยนตร์เรื่องยาวๆ ได้ถึง 8 เรื่อง

"เราจับมือกับบริษัท Rock Player ของอังกฤษ เจ้าของเทคโนโลยีผลิตชิพ และเป็นบริษัทที่ซื้อลิขสิทธิ์เพลง แล้วก็หนังทั่วโลก รวมถึงฮอลลีวู้ดมาใส่ในชิพนี้ ซึ่งเราได้ลิขสิทธิ์จำหน่ายชิพที่ว่านี้แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย"

นันทสิทธิ์ บอกว่า ขณะนี้บรรลุข้อตกลงกับโอเปอเรเตอร์ในไทย อย่างบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอสไปเป็นที่เรียบร้อย ในเรื่องของ "บริการ" ที่จะออกมาในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้ ผู้ใช้บริการในเครือข่ายของเอไอเอส จะสามารถดูภาพยนตร์ ดูทีวี รายการบันเทิง และสาระต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายจีพีอาร์เอสได้ทันที

เราร่วมมือกับเอไอเอสในการให้บริการ ส่วนโทรศัพท์มือถือรุ่นที่รองรับบริการดังกล่าวจะต้องมีช่องเสียบเอสดีการ์ด ซึ่งมือถือรุ่นใหม่ๆ ของโนเกียกว่า 80% ส่วนใหญ่ก็มีช่องเสียบการ์ดเกือบทั้งหมด ลูกค้าสามารถรับชม ได้ทั้งรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ จากในและต่างประเทศ ซึ่งมีคุณภาพความคมชัดมากกว่าปัจจุบันที่ให้บริการอยู่ ไม่กระตุก หรือขาดตอนระหว่างการรับชม เป็นระบบเรียลไทม์ผ่านจีพีอาร์เอส"

นันทสิทธิ์ บอกว่า บริการที่ว่านี้ สามารถดู และรับชมได้แม้อยู่ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา จีน ญี่ปุ่น อังกฤษเพราะ ร็อค เพลเยอร์ ได้เจรจาลิขสิทธิ์หนัง และเพลง รวมถึงรายการต่างๆ ไว้ทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ภาพยนตร์จากฮอลลีวู้ด

"ชิพยังเป็นเหมือนตัวรับสัญญาณได้ด้วย สามารถรับสัญญาณภาพได้คมชัดเท่าของจริง ที่สำคัญก๊อบปี้ไม่ได้ จะเปิดเพลงใหม่ หรือจะหนังเรื่องใหม่ๆ ก็สามารถยิงสัญญาณเข้ามาได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนปั๊ม หรือโดนก๊อบปี้ ร็อค เพลย์เยอร์ เป็นรายเดียวในโลกที่ทำเทคโนโลยีแบบนี้ได้"

ส่วนอัตราค่าบริการนั้น อยู่ระหว่างการจัดทำแพ็คเกจ โดยจะมีทั้งผ่านจีพีอาร์เอส การเลือกรูปแบบเหมาจ่าย หรือตามการเลือกรับชม ชิพดังกล่าวคาดว่า ราคาไม่น่าจะเกิน 1,000 บาท

นันทสิทธิ์ บอกว่า ทุนจดทะเบียนของฮาวคัม ไอพี เริ่มแรก คือ 1 ล้านบาท และแน่นอนว่า อีกไม่นานก็เตรียมจ่อคิวเพิ่มทุน เหมือนๆ กับบริษัทในเครือด้วยเช่นกัน

เพราะขณะนี้อย่างน้อยฮาวคัม 3 บริษัท ทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เพิ่มเป็น 35 ล้านบาท ฮาวคัม มีเดีย 30 ล้านบาท ฮาวคัม สตูดิโอ 30 ล้านบาท จากเดิมที่แต่ละบริษัทมีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาทเท่านั้น

ส่วนการดึงนักร้องชื่อดัง "เบิร์ด" กุลพงษ์ บุนนาค หรือที่เคยรู้จักในชื่อของกลุ่มศิลปินดูโอนาม "เบิร์ดกับฮาร์ท" มาเป็นกรรมการผู้จัดการนั้น หากไม่นับเรื่องของความสนิทโดยส่วนตัวกับ 3 เพื่อนซี้ฮาวคัมแล้ว อาจเป็นเพราะเบิร์ดอยู่ในวงการเพลง หรือสิ่งที่เป็นเอ็นเตอร์เทนเมนท์มาก่อน ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่ง "ความได้เปรียบ" ของฮาวคัม ทั้งๆ ที่ปัจจุบันภาพลักษณ์ของฮาวคัมก็อิงอยู่กับ "ความบันเทิง" เป็นหลักอยู่แล้ว

นันทสิทธิ์ ย้ำว่า กลุ่มบริษัทฮาวคัมยังไม่ลืมแผนเดิมเรื่องการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอีก 3 ปี ข้างหน้านับจากนี้ โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความแข็งแกร่ง รวมทั้งการขยายฐานเงินทุนจดทะเบียน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของตลาด จากปัจจุบันที่แต่ละบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนราว 5 ล้านบาท ทั้งหมดจะต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนอย่างน้อยให้ถึง 200 ล้านบาท ภายใน 3 ปี

และนี่คือ คำตอบของการเพิ่มทุนจดทะเบียนใน 3 บริษัท อย่างฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ฮาวคัม มีเดีย และฮาวคัม สตูดิโอ อย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันขาดคำ ยังไม่นับรวมบริษัทมาสเตอร์โฟน ธุรกิจมือถือเวอร์ทู ที่ขณะนี้ฮาวคัมกำลังโดดเข้าถือหุ้นเพิ่มอีกกว่า 60% เพื่อการ "ซินเนอยี่" แนวทางการทำธุรกิจไปในทิศทางเดียวกัน

ที่สำคัญการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทมาสเตอร์โฟน ดูจะเป็นการเริ่มต้นแผนการของการจัดตั้งเป็นบริษัท "ฮาวคัม คอร์ปอเรชั่น" เพื่อถือหุ้นใหญ่ในทุกบริษัทในเครือ

ปัจจุบัน กลุ่มธุรกิจฮาวคัม ประกอบด้วย บริษัท ฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด ดูเกี่ยวกับรายการโทรทัศน์ มี 2 รายการทางไอทีวี และอยู่ระหว่างเสนอรายการใหม่กับทางช่อง 3 บริษัท ฮาวคัม สตูดิโอ จำกัด ดูเกี่ยวกับธุรกิจสิ่งพิมพ์ และได้ลงทุนนำเข้าเครื่องอิงค์เจ็ต 6 เครื่อง มูลค่า 30 ล้านบาท เพื่อรับกับธุรกิจสื่อโฆษณาอื่นๆ

บริษัท ฮาวคัม มีเดีย จำกัด ที่ดูแลสื่อโฆษณารูปแบบใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาจากประเทศญี่ปุ่น โดยใช้ระบบการฉายภาพโฆษณาบนผนังกระจก ซึ่งระหว่างรถไฟยังไม่มาระบบจะฉายภาพโฆษณาไปบนจอสถานีละ 6 จอ แบ่ง 2 ฝั่ง ฝั่งละ 3 จอ และเมื่อรถวิ่งเข้ามาถึงสถานีก็จะมีตัวควบคุมให้โฆษณาดับ และทำให้มองเห็นรถได้อย่างชัดเจน โดยรายได้หลักๆ จะมาจากบริษัท ฮาวคัม มีเดีย จำกัด และบริษัทที่ทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือ เวอร์ทู สุดหรูอย่างบริษัทมาสเตอร์ โฟน จำกัด ด้วย

นันท์สิทธิ์ บอกว่า การคาดหวังรายได้จากปีนี้น่าจะอยู่ที่ 300 ล้านบาท โดยแต่ละบริษัทจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และจะเติบโตแบบก้าวกระโดดจากสิ้นปี 2547 ที่ปิดรายได้ไว้ราว 100 ล้านบาท
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
ล็อคหัวข้อ