รัฐประกาศเลิกอุ้ม "ดีเซล" แบบถาวร!
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
รัฐประกาศเลิกอุ้ม "ดีเซล" แบบถาวร!
โพสต์ที่ 1
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 กรกฎาคม 2548 18:38 น.
รัฐบาลอุ้มไม่ไหว ตัดสินใจยกเลิกชดเชยราคาน้ำมันดีเซล เป็นการลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลแบบสมบูรณ์มีผลตั้งแต่ 13 ก.ค.นี้ เป็นต้นไป ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลแท้จริงเพิ่มขึ้นทันที 1.36 บาทต่อลิตร ล่าสุด ผู้ค้าน้ำมันทุกรายประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล 90 สต./ลิตร
เมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
วันนี้ (12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงาน นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) แจ้งผู้ค้าน้ำมันทุกรายให้ทราบว่าได้ยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลทั้งหมดแล้ว ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) โดยได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ทำให้การชดเชยราคาน้ำมันดีเซลที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยส่วนต่างอยู่ 1.36 บาทต่อลิตรจะยกเลิกตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป หลังจากที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาเริ่มชดเชยตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2547 เป็นต้นมา รวมแล้วเป็นเวลากว่า 1 ปี 7 เดือนเศษ
ด้านนายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พึ่งรับทราบประกาศดังกล่าวเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ว่า สนพ.ได้ยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลทั้งหมด และคาดว่าการแจ้งประกาศในช่วงเย็นเพื่อให้คลังน้ำมันปิดการจำหน่ายในช่วง 16.30 น.ก่อน จะได้ไม่เกิดความโกลาหลเหมือนกับการขึ้นราคาน้ำมันดีเซลครั้งเดียว 3 บาทต่อลิตรในอดีต อย่างไรก็ตาม ปตท.จะปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในวันพรุ่งนี้อีก 1.36 บาทหลังรัฐบาลเลิกชดเชยราคาหรือไม่ จะขอหารือกับนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. คืนนี้ก่อน จึงจะทราบว่าจะปรับราคาหรือไม่
ล่าสุด ผู้ค้าน้ำมันทุกรายประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล 90 สตางค์ต่อลิตร โดยจะมีผลตั้งแต่เวลา 06.00 น.ของวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป
รัฐบาลอุ้มไม่ไหว ตัดสินใจยกเลิกชดเชยราคาน้ำมันดีเซล เป็นการลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลแบบสมบูรณ์มีผลตั้งแต่ 13 ก.ค.นี้ เป็นต้นไป ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลแท้จริงเพิ่มขึ้นทันที 1.36 บาทต่อลิตร ล่าสุด ผู้ค้าน้ำมันทุกรายประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล 90 สต./ลิตร
เมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
วันนี้ (12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงาน นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) แจ้งผู้ค้าน้ำมันทุกรายให้ทราบว่าได้ยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลทั้งหมดแล้ว ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) โดยได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ทำให้การชดเชยราคาน้ำมันดีเซลที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยส่วนต่างอยู่ 1.36 บาทต่อลิตรจะยกเลิกตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป หลังจากที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาเริ่มชดเชยตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2547 เป็นต้นมา รวมแล้วเป็นเวลากว่า 1 ปี 7 เดือนเศษ
ด้านนายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พึ่งรับทราบประกาศดังกล่าวเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ว่า สนพ.ได้ยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลทั้งหมด และคาดว่าการแจ้งประกาศในช่วงเย็นเพื่อให้คลังน้ำมันปิดการจำหน่ายในช่วง 16.30 น.ก่อน จะได้ไม่เกิดความโกลาหลเหมือนกับการขึ้นราคาน้ำมันดีเซลครั้งเดียว 3 บาทต่อลิตรในอดีต อย่างไรก็ตาม ปตท.จะปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในวันพรุ่งนี้อีก 1.36 บาทหลังรัฐบาลเลิกชดเชยราคาหรือไม่ จะขอหารือกับนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. คืนนี้ก่อน จึงจะทราบว่าจะปรับราคาหรือไม่
ล่าสุด ผู้ค้าน้ำมันทุกรายประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล 90 สตางค์ต่อลิตร โดยจะมีผลตั้งแต่เวลา 06.00 น.ของวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 0
รัฐประกาศเลิกอุ้ม "ดีเซล" แบบถาวร!
โพสต์ที่ 4
ข่าวดี เย้... รัฐบาลยอมคัตลอสแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 0
รัฐประกาศเลิกอุ้ม "ดีเซล" แบบถาวร!
โพสต์ที่ 8
แล้ว ขสมก. จะขึ้นราคาอีกมั้ยครับ??
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
รัฐประกาศเลิกอุ้ม "ดีเซล" แบบถาวร!
โพสต์ที่ 9
โดนใจ :lovl:มั่นไส้มานานแล้ว พวกกระบะโฟวิว 3000 cc บังอาจมาแซงรถเก๋งเรา คราวนี้ถึงเวลาอ้วกแล้วครับท่าน
I do not sleep. I dream.
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
รัฐประกาศเลิกอุ้ม "ดีเซล" แบบถาวร!
โพสต์ที่ 14
"เมตตา"เตรียมเก็บเงินเพิ่มจากผู้ใช้ดีเซลชดเชยหนี้กองทุน
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 13 กรกฎาคม 2548 16:32 น.
ผู้ใช้ดีเซลยังยังไม่หมดกรรมต้องจ่ายเงินเพิ่มในส่วนกองทุนน้ำมันอีกลิตรละ 1 บาท และต้องชดใช้การช่วยเหลือจากการอุดหนุนด้วยการลดภาษีสรรพสามิตภาษีท้องถิ่น 1.10 บาท เนื่องจากผลพวงนโยบายตรึงราคาน้ำมัน 85,000 ล้านบาท ส่วนผู้ค้าน้ำมันชี้สัปดาห์ราคาเบนซิล-ดีเซลมีโอกาสปรับขึ้นอีก ขณะที่ คลัง-เกษตรฯ-พลังงาน จับมือร่วมหาแนวทางลดราคาน้ำมันช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกร
นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) มั่นใจว่า หลังจากลอยตัวราคาดีเซล โดยไม่มีการชดเชยราคาตั้งแต่วันนี้ (13 ก.ค.) เป็นต้นไป ยอดการใช้ดีเซลจะลดลงอย่างน้อยร้อยละ 2-3 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน ซึ่งจะเป็นสัดส่วนที่ลดลงใกล้เคียงกับเดือนมิถุนายนที่เริ่มลอยตัวแบบมีการจัดการที่ยอดการใช้เหลือประมาณ 55 ล้านลิตรต่อวัน ลดลงร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม ที่มียอดการใช้ประมาณ 58 ล้านลิตรต่อวัน
การลอยตัวราคาดีเซล ทำให้ราคาสะท้อนข้อเท็จจริง เมื่อราคาสูงขึ้นประชาชนจะลดการใช้ลงอย่างแน่นอน โดยในเดือนมิถุนายนมีการปรับขึ้นดีเซล 9 ครั้ง รวม 3.60 บาท/ลิตร ส่งผลให้การใช้ดีเซลลดลงถึงร้อยละ 5.5 นายเมตตา กล่าว
นายเมตตา กล่าวว่า ยอมรับว่าการลอยตัวดีเซลส่งผลให้ต้นทุนการผลิต ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ได้เข้าไปดูแลผลกระทบให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ซึ่งจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบให้กระทรวงพลังงานไปหามาตรการช่วยลดผลกระทบต่อเกษตรกรนั้น ในวันนี้ (13 ก.ค.) กระทรวงฯ ได้หารือกับ บมจ.ปตท. บมจ.บางจากฯ กรมสรรพสามิต กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร ในเรื่องการนำน้ำมันม่วงที่ช่วยเหลือชาวประมง หรือน้ำมันกำมะถันสูงร้อยละ 0.5 มาจำหน่ายให้แก่เกษตรกร เพื่อใช้สำหรับเครื่องจักรกลการเกษตร โดยคาดว่าจะสรุปได้ในวันศุกร์นี้ (15 ก.ค.) ซึ่งจะต้องมีการดูแลไม่ให้มีการจำหน่ายกับเครื่องยนต์ทั่วไปที่มาตรฐานน้ำมันดีเซลมีกำมะถันที่ร้อย 0.05 และจะต้องพิจารณาเรื่องราคาจำหน่ายด้วยว่าจะจำหน่ายในอัตราเดียวกับน้ำมันม่วงที่มีราคาต่ำกว่าราคาหน้าปั๊มทั่วไป 1 บาทต่อลิตร ได้หรือไม่ ซึ่งน้ำมันม่วงนี้คงจะให้โรงกลั่นฯ ทีพีไอ เป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียว เนื่องจากเป็นโรงกลั่นฯ แห่งเดียวเท่านั้นที่ผลิตดีเซลกำมะถันสูง ส่วนปั๊มน้ำมันก็ต้องดูความพร้อมจ่ายของหัวจ่ายต่าง ๆ ด้วย เพราะนับเป็นน้ำมันชนิดใหม่ที่แตกต่างจากที่จำหน่าย
นายเมตตา กล่าวด้วยว่า หลังการลอยตัวดีเซลแล้ว จะทำให้รับทราบรายรับ-รายจ่าย ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ชัดเจน ลดภาระที่จะต้องชดเชย 1.36 บาท/ลิตร หรือที่ชดเชยประมาณ 2,000 ล้านบาท/เดือน และในอนาคต หากช่วงใดราคาดีเซลตลาดโลกลดลง ดูแล้วไม่สร้างภาระด้านราคาแก่ประชาชนมากนัก กองทุนฯ ก็จะเก็บเงินคืนจากประชาชนเพื่อใช้หนี้ที่มีอยู่ เฉพาะดีเซล 85,000 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการเหมือนกับน้ำมันเบนซิน คือ ทยอยเก็บเพิ่มเงินกองทุนฯ จากอัตราจัดเก็บปัจจุบัน 50 สตางค์/ลิตร ก็จะเก็บเพิ่มเป็นไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตร ซึ่งจะสามารถคืนเงินกองทุนฯ ได้ภายใน 5 ปี ในขณะที่การคืนเงินชดเชยในส่วนของเบนซิน 7,000 ล้านบาท ที่ปัจจุบันมีการเก็บเงินกองทุนเพิ่มจาก 50 สตางค์ เป็น 1.50 บาท/ลิตร โดยมีการแบ่งเงินในอัตรา 1 บาท/ลิตร หรือประมาณ 700 ล้านบาท/เดือน มาใช้หนี้นั้น ก็จะสามารถใช้หนี้เบนซินทั้งหมดภายใน 12 เดือน ซึ่งภายหลังจากที่กองทุนน้ำมันใช้หนี้หมดรวมประมาณ 92,000 ล้านบาทแล้ว รัฐบาลจะยังคงเก็บเงินกองทุนฯ ในอัตรา 1.50 บาท/ลิตร หรือลดเหลือเพียง 50 สตางค์/ลิตร หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับนโยบาย เพราะหากเก็บเม็ดเงินในอัตรา 1.50 บาทต่อไป ก็สามารถนำเม็ดเงินนี้ไปสตอกน้ำมัน เพื่อความมั่นคงหรืออาจจะนำเงินไปฝากธนาคารเพื่อนำไปไว้สำหรับการชดเชยน้ำมันหากเกิดวิกฤติราคาในครั้งต่อไปก็ได้
รายได้เงินกองทุนน้ำมันเพื่อการใช้หนี้ จะแยกจากรายได้ปกติของกองทุนฯ ที่รายได้ปกติมาจากการเก็บเงินกองทุน 50 สตางค์/ลิตร หรือประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งในส่วนนี้ยังนำไปชดเชยก๊าซหุงต้มจนถึงสิ้นปีในอัตราเดือนละประมาณ 450 ล้านบาท หรือรวมไม่เกิน 2,500 ล้านบาท เมื่อเกิดความชัดเจนเช่นนี้ ผู้ลงทุนที่จะซื้อพันธบัตรกองทุนน้ำมันวงเงิน 85,000 ล้านบาท ก็จะเห็นความชัดเจนของรายได้ และเกิดความมั่นใจที่จะเข้ามาซื้อกองทุนที่ล็อตแรกประมาณ 20,000 ล้านบาท จะออกจำหน่ายในเดือนสิงหาคมนี้ นายเมตตา กล่าว
ส่วนการอุดหนุนด้วยการลดภาษีสรรพสามิตและภาษีเทศบาล ที่ปัจจุบันลดภาษีสำหรับดีเซลรวม 1.10 บาท/ลิตร นายเมตตา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงการคลังว่าจะตัดสินใจลดการอุดหนุนหรือไม่อย่างไร ซึ่งหากยังยืนตามมติคณะรัฐมนตรี กระทรวงการคลังจะลดการอุดหนุนไปอยู่ในระดับ 55 สตางค์/ลิตร ในวันที่ 1 ธันวาคม 2548 และลดการอุดหนุนทั้งหมดในวันที่ 1 เมษายน 2549 รวมเม็ดเงินที่ลดภาษีรวม 14,000 ล้านบาท ซึ่งในอนาคตกระทรวงการคลังก็จะมีการเก็บคืนจากผู้ใช้น้ำมัน แต่คงเลือกในช่วงที่ดูแล้วเหมาะสม ในช่วงที่ราคาน้ำมันลดลงมาก ๆ และคงไม่เก็บ
คืนพร้อมกับการเพิ่มเงินกองทุนดีเซล ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบมากเกินไป
ด้านแหล่งข่าวจากวงการน้ำมันระบุว่า การปรับขึ้นดีเซล 90 สตางค์/ลิตร ในวันนี้ เป็นการปรับขึ้นที่ไม่ได้ครอบคลุมต้นทุน เพราะค่าการตลาดดีเซลต่ำมากหากให้เหมาะสม และมีกำไรควรจะปรับขึ้นดีเซลไม่ต่ำกว่า 2 บาทต่อลิตร ซึ่งผู้ค้าน้ำมันคงจะพิจารณาปรับขึ้นราคาทั้งดีเซลและเบนซินในสัปดาห์หน้า
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 13 กรกฎาคม 2548 16:32 น.
ผู้ใช้ดีเซลยังยังไม่หมดกรรมต้องจ่ายเงินเพิ่มในส่วนกองทุนน้ำมันอีกลิตรละ 1 บาท และต้องชดใช้การช่วยเหลือจากการอุดหนุนด้วยการลดภาษีสรรพสามิตภาษีท้องถิ่น 1.10 บาท เนื่องจากผลพวงนโยบายตรึงราคาน้ำมัน 85,000 ล้านบาท ส่วนผู้ค้าน้ำมันชี้สัปดาห์ราคาเบนซิล-ดีเซลมีโอกาสปรับขึ้นอีก ขณะที่ คลัง-เกษตรฯ-พลังงาน จับมือร่วมหาแนวทางลดราคาน้ำมันช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกร
นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) มั่นใจว่า หลังจากลอยตัวราคาดีเซล โดยไม่มีการชดเชยราคาตั้งแต่วันนี้ (13 ก.ค.) เป็นต้นไป ยอดการใช้ดีเซลจะลดลงอย่างน้อยร้อยละ 2-3 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน ซึ่งจะเป็นสัดส่วนที่ลดลงใกล้เคียงกับเดือนมิถุนายนที่เริ่มลอยตัวแบบมีการจัดการที่ยอดการใช้เหลือประมาณ 55 ล้านลิตรต่อวัน ลดลงร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม ที่มียอดการใช้ประมาณ 58 ล้านลิตรต่อวัน
การลอยตัวราคาดีเซล ทำให้ราคาสะท้อนข้อเท็จจริง เมื่อราคาสูงขึ้นประชาชนจะลดการใช้ลงอย่างแน่นอน โดยในเดือนมิถุนายนมีการปรับขึ้นดีเซล 9 ครั้ง รวม 3.60 บาท/ลิตร ส่งผลให้การใช้ดีเซลลดลงถึงร้อยละ 5.5 นายเมตตา กล่าว
นายเมตตา กล่าวว่า ยอมรับว่าการลอยตัวดีเซลส่งผลให้ต้นทุนการผลิต ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ได้เข้าไปดูแลผลกระทบให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ซึ่งจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบให้กระทรวงพลังงานไปหามาตรการช่วยลดผลกระทบต่อเกษตรกรนั้น ในวันนี้ (13 ก.ค.) กระทรวงฯ ได้หารือกับ บมจ.ปตท. บมจ.บางจากฯ กรมสรรพสามิต กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร ในเรื่องการนำน้ำมันม่วงที่ช่วยเหลือชาวประมง หรือน้ำมันกำมะถันสูงร้อยละ 0.5 มาจำหน่ายให้แก่เกษตรกร เพื่อใช้สำหรับเครื่องจักรกลการเกษตร โดยคาดว่าจะสรุปได้ในวันศุกร์นี้ (15 ก.ค.) ซึ่งจะต้องมีการดูแลไม่ให้มีการจำหน่ายกับเครื่องยนต์ทั่วไปที่มาตรฐานน้ำมันดีเซลมีกำมะถันที่ร้อย 0.05 และจะต้องพิจารณาเรื่องราคาจำหน่ายด้วยว่าจะจำหน่ายในอัตราเดียวกับน้ำมันม่วงที่มีราคาต่ำกว่าราคาหน้าปั๊มทั่วไป 1 บาทต่อลิตร ได้หรือไม่ ซึ่งน้ำมันม่วงนี้คงจะให้โรงกลั่นฯ ทีพีไอ เป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียว เนื่องจากเป็นโรงกลั่นฯ แห่งเดียวเท่านั้นที่ผลิตดีเซลกำมะถันสูง ส่วนปั๊มน้ำมันก็ต้องดูความพร้อมจ่ายของหัวจ่ายต่าง ๆ ด้วย เพราะนับเป็นน้ำมันชนิดใหม่ที่แตกต่างจากที่จำหน่าย
นายเมตตา กล่าวด้วยว่า หลังการลอยตัวดีเซลแล้ว จะทำให้รับทราบรายรับ-รายจ่าย ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ชัดเจน ลดภาระที่จะต้องชดเชย 1.36 บาท/ลิตร หรือที่ชดเชยประมาณ 2,000 ล้านบาท/เดือน และในอนาคต หากช่วงใดราคาดีเซลตลาดโลกลดลง ดูแล้วไม่สร้างภาระด้านราคาแก่ประชาชนมากนัก กองทุนฯ ก็จะเก็บเงินคืนจากประชาชนเพื่อใช้หนี้ที่มีอยู่ เฉพาะดีเซล 85,000 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการเหมือนกับน้ำมันเบนซิน คือ ทยอยเก็บเพิ่มเงินกองทุนฯ จากอัตราจัดเก็บปัจจุบัน 50 สตางค์/ลิตร ก็จะเก็บเพิ่มเป็นไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตร ซึ่งจะสามารถคืนเงินกองทุนฯ ได้ภายใน 5 ปี ในขณะที่การคืนเงินชดเชยในส่วนของเบนซิน 7,000 ล้านบาท ที่ปัจจุบันมีการเก็บเงินกองทุนเพิ่มจาก 50 สตางค์ เป็น 1.50 บาท/ลิตร โดยมีการแบ่งเงินในอัตรา 1 บาท/ลิตร หรือประมาณ 700 ล้านบาท/เดือน มาใช้หนี้นั้น ก็จะสามารถใช้หนี้เบนซินทั้งหมดภายใน 12 เดือน ซึ่งภายหลังจากที่กองทุนน้ำมันใช้หนี้หมดรวมประมาณ 92,000 ล้านบาทแล้ว รัฐบาลจะยังคงเก็บเงินกองทุนฯ ในอัตรา 1.50 บาท/ลิตร หรือลดเหลือเพียง 50 สตางค์/ลิตร หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับนโยบาย เพราะหากเก็บเม็ดเงินในอัตรา 1.50 บาทต่อไป ก็สามารถนำเม็ดเงินนี้ไปสตอกน้ำมัน เพื่อความมั่นคงหรืออาจจะนำเงินไปฝากธนาคารเพื่อนำไปไว้สำหรับการชดเชยน้ำมันหากเกิดวิกฤติราคาในครั้งต่อไปก็ได้
รายได้เงินกองทุนน้ำมันเพื่อการใช้หนี้ จะแยกจากรายได้ปกติของกองทุนฯ ที่รายได้ปกติมาจากการเก็บเงินกองทุน 50 สตางค์/ลิตร หรือประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งในส่วนนี้ยังนำไปชดเชยก๊าซหุงต้มจนถึงสิ้นปีในอัตราเดือนละประมาณ 450 ล้านบาท หรือรวมไม่เกิน 2,500 ล้านบาท เมื่อเกิดความชัดเจนเช่นนี้ ผู้ลงทุนที่จะซื้อพันธบัตรกองทุนน้ำมันวงเงิน 85,000 ล้านบาท ก็จะเห็นความชัดเจนของรายได้ และเกิดความมั่นใจที่จะเข้ามาซื้อกองทุนที่ล็อตแรกประมาณ 20,000 ล้านบาท จะออกจำหน่ายในเดือนสิงหาคมนี้ นายเมตตา กล่าว
ส่วนการอุดหนุนด้วยการลดภาษีสรรพสามิตและภาษีเทศบาล ที่ปัจจุบันลดภาษีสำหรับดีเซลรวม 1.10 บาท/ลิตร นายเมตตา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงการคลังว่าจะตัดสินใจลดการอุดหนุนหรือไม่อย่างไร ซึ่งหากยังยืนตามมติคณะรัฐมนตรี กระทรวงการคลังจะลดการอุดหนุนไปอยู่ในระดับ 55 สตางค์/ลิตร ในวันที่ 1 ธันวาคม 2548 และลดการอุดหนุนทั้งหมดในวันที่ 1 เมษายน 2549 รวมเม็ดเงินที่ลดภาษีรวม 14,000 ล้านบาท ซึ่งในอนาคตกระทรวงการคลังก็จะมีการเก็บคืนจากผู้ใช้น้ำมัน แต่คงเลือกในช่วงที่ดูแล้วเหมาะสม ในช่วงที่ราคาน้ำมันลดลงมาก ๆ และคงไม่เก็บ
คืนพร้อมกับการเพิ่มเงินกองทุนดีเซล ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบมากเกินไป
ด้านแหล่งข่าวจากวงการน้ำมันระบุว่า การปรับขึ้นดีเซล 90 สตางค์/ลิตร ในวันนี้ เป็นการปรับขึ้นที่ไม่ได้ครอบคลุมต้นทุน เพราะค่าการตลาดดีเซลต่ำมากหากให้เหมาะสม และมีกำไรควรจะปรับขึ้นดีเซลไม่ต่ำกว่า 2 บาทต่อลิตร ซึ่งผู้ค้าน้ำมันคงจะพิจารณาปรับขึ้นราคาทั้งดีเซลและเบนซินในสัปดาห์หน้า
Impossible is Nothing
-
- Verified User
- โพสต์: 127
- ผู้ติดตาม: 0
รัฐประกาศเลิกอุ้ม "ดีเซล" แบบถาวร!
โพสต์ที่ 15
โสนะหน้าพวกใช้รถแพงๆกัน อัลติสของผมนานๆใช้ทีน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่เสือภูเขาตัวเก่งนี่สิจะได้พวกเพิ่มก็งานนี้แหละ
-
- ผู้ติดตาม: 0
รัฐประกาศเลิกอุ้ม "ดีเซล" แบบถาวร!
โพสต์ที่ 16
จังหวะนี้ เอาคืนจากค่ายดีเซลซะ....
โตโยต้าเตรียม วีโก้ กับฟอร์จูนเนอร์ เบนซิน 2.7 VVT-i ไว้รอข่าวนี้แล้วครับ
ถ้าดีเซลพุ่งทะลุเบนซิน ตัวนี้ยังพยุงยอดขายได้.....ค่ายอื่นกลับตัวทันมั้ยนะ
ท่านมัสแตง....ไทรทันจะเป็นรถรักเจ้าของเหมือนสตราด้าหรือเปล่าอะ.. :lovl:
เห็นหุ่นแล้วแปลกๆ โค้งเยอะจิงๆ พวกทำหลังคาคงบ่นซะ....
โตโยต้าเตรียม วีโก้ กับฟอร์จูนเนอร์ เบนซิน 2.7 VVT-i ไว้รอข่าวนี้แล้วครับ
ถ้าดีเซลพุ่งทะลุเบนซิน ตัวนี้ยังพยุงยอดขายได้.....ค่ายอื่นกลับตัวทันมั้ยนะ
ท่านมัสแตง....ไทรทันจะเป็นรถรักเจ้าของเหมือนสตราด้าหรือเปล่าอะ.. :lovl:
เห็นหุ่นแล้วแปลกๆ โค้งเยอะจิงๆ พวกทำหลังคาคงบ่นซะ....
-
- Verified User
- โพสต์: 375
- ผู้ติดตาม: 0
รัฐประกาศเลิกอุ้ม "ดีเซล" แบบถาวร!
โพสต์ที่ 18
ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ เรื่องรูปทรงนี่พูดยากนะครับ นานาจิตตังนะครับ แต่โดยคุณภาพสินค้าค่อนข้างดีครับ สเปคสูงก่วาอันอื่นค่อนข้างมากนะครับ แนะนำให้ทดลองดูก่อนนะครับ ส่วนเรื่องการบริการหลังการขายก็มีการปรับปรุงมาเรื่อยๆนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
รัฐประกาศเลิกอุ้ม "ดีเซล" แบบถาวร!
โพสต์ที่ 19
เจ้านายได้ยินนี่คงขึ้นเงินเดือนให้พี่ mustang แน่ๆ เลยครับmustang เขียน:ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ เรื่องรูปทรงนี่พูดยากนะครับ นานาจิตตังนะครับ แต่โดยคุณภาพสินค้าค่อนข้างดีครับ สเปคสูงก่วาอันอื่นค่อนข้างมากนะครับ แนะนำให้ทดลองดูก่อนนะครับ ส่วนเรื่องการบริการหลังการขายก็มีการปรับปรุงมาเรื่อยๆนะครับ