สอนลูกหลานให้รู็้้จักการลงทุน

[เอก]

สวัสดีครับ ผมเห็นว่าพี่ๆเพื่อนๆทุกท่าน มีลูกหลานที่เป็นที่รักรวมทั้งตัวผมด้วย เราควรที่จะสอนเรื่องการจัดการการเงินส่วนตัวให้เค้า เพราะว่าในสมัยก่อน-สมัยผม พ่อแม่หรือโรงงานไม่มีการสอนเรื่องการจัดการการเงินส่วนตัวเลย ทำให้เราเองไม่มีนักลงทุนระดับโลกเหมือนบางประเทศที่เค้าสอนเรื่องนี้กันตั้งแต่เด็กๆ ผมได้อ่านบทความเรื่องนี้จากกรุงเทพธุรกิจก็เลยฝากมาให้เพื่อนๆพี่ๆอ่านกันครับลองดูนะครับ:


เยาวชนทุกชนชาติในยุคโลกาภิวัตน์ โดยเฉพาะในโลกด้านการเงินที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ มากมายเข้ามาล่อตาล่อใจ ให้คนกลุ่มนี้ดิ้นรนอยากเลือกหามาใช้อยู่ตลอดเวลา แต่กลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้อาจตัดสินใจใช้บริการหรือบริหารเงินของตัวเองได้ทั้งในทางที่ถูกและผิด

ขณะที่ ผู้ปกครองและผู้ใหญ่ทุกวันนี้ ต่างคาดหวังให้บุตรหลานใช้บริการและบริหารเงินได้ถูกต้องเหมาะสม และให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาผู้ใหญ่เชื่อว่าเด็กผู้ชายเมื่อโตขึ้นมักจะเป็นฝ่ายหาเงิน ส่วนเด็กหญิงจะเป็นผู้ใช้จ่าย

ขณะที่ ไอเดียของแอนเดรีย ร๊อค คอลัมนิสต์ของซีเอ็นเอ็นมันนี่ เชื่อว่าในโลกยุคสหัสวรรษ ทั้งเด็กหญิงและชายควรได้รับคำแนะนำพัฒนาตัวเองให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ที่สามารถบริหารและใช้จ่ายเงินได้อย่างคุ้มค่ามีประสิทธิภาพ

แยกเรื่องเพศออกจากความชาญฉลาดทางการเงิน จึงเป็นหัวเรื่องบทความการเงินที่ร๊อคนำเสนอ เพื่อช่วยให้ผู้ปกครองหรือตัวบุตรหลานเองได้ข้อมูลเพิ่มเติม ไว้ช่วยเหลือแนะนำคนรุ่นใหม่ในครอบครัวได้มีการพัฒนาการใช้บริการและบริหารเงินให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้

ร๊อค ให้ข้อมูลเป็นสถิติจากการศึกษาเกี่ยวกับทักษะทางการเงินในกลุ่มเด็กผู้หญิงและชายในระดับไฮสคูล พบว่าเด็กผู้ชายเกือบ 2 เท่าของเด็กผู้หญิง ที่บอกว่ามีความรู้เกี่ยวกับประเด็นการเงิน และมีความรู้สึกเชื่อมั่นมากกว่า ในความสามารถของตัวเองที่จะบริหารเงิน

นอกจากนี้ ในการสำรวจระดับประเทศ วัดความรู้ทางการเงินของนักเรียนไฮสคูล บ่งบอกว่าทั้งเด็กหญิงและชายทำเกรดได้แย่พอๆ กัน และจากการจัดทดสอบแบบครอบคลุมของ Jumpstart Coalition for Personal Financial Literacy คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนที่ทำได้อยู่ที่ 52% แต่ทั้งเด็กหญิงและชายมีความแตกต่างเรื่องความรู้ในการบริหารเงิน

เด็กผู้ชายทำเนื้อหาความรู้การลงทุนได้ดีกว่า ส่วนเด็กหญิงรู้เรื่องประกันชีวิตกับทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จมั่นคงในหน้าที่การงานดีกว่าเด็กชาย

ไม่ว่าจะมีสถิติหรือความเชื่อ เกี่ยวกับความรู้และการรับรู้เรื่องการใช้บริการและการบริหารเงิน ระหว่างเด็กชายและหญิงเป็นเช่นไรหรือออกมาอย่างไร แต่ร๊อคเตือนว่า ผู้ปกครองและผู้ใหญ่ทุกวันนี้จะมั่นใจได้อย่างไรว่า ทั้งลูกสาวและลูกชายสามารถเติบโต โดยมีความเข้าใจทางการเงินที่ดีได้ เขาจึงรวบรวมความเห็นของผู้เชี่ยวชาญมานำเสนอเพื่อให้ผู้ปกครองคนไทยได้ลองปรับใช้

เสนอบทเรียนเหมือนกันให้กับบุตรหญิงและชาย เป็นคำแนะนำแรกซึ่งร๊อคชี้ว่าเด็กหญิงกับเด็กชายในวัยเด็กจนถึงวัยรุ่นมีวิธีการและสัญชาตญาณเรื่องการเงินแตกต่างกันในทุกระดับของอายุ เช่น มีการสำรวจพบข้อเท็จจริงว่า 60% ของผู้หญิงอยู่ในตลาดใช้แรงงาน

ส่วนนักเรียนชายอยู่ในกลุ่มชนชั้นกลางส่วนใหญ่ คาดหวังจะได้ภรรยาชอบอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ขณะเดียวกันผลสำรวจอีกชิ้นหนึ่งระบุว่าเด็กผู้หญิงเกือบ 1 ใน 3 เห็นว่าการวางแผนการเงินสำหรับพวกเธอ คือ การแต่งงานกับผู้ชายร่ำรวย

แต่ไอเดียของร๊อคเชื่อว่าเด็กผู้ชายจำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะการเป็นผู้บริโภคให้มากเท่าๆ กับเด็กผู้หญิง เด็กทั้งสองกลุ่มจำเป็นต้องได้รับการอบรมเรื่องการออมกับการลงทุนเพื่ออนาคต ผู้ปกครองสามารถเริ่มต้นสอนบุตรหลานถึงพื้นฐานการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคตั้งแต่เล็กๆ ด้วยการใช้โอกาสในทุกๆ ครั้งที่จะอธิบายให้พวกเขารู้

ให้พาทั้งลูกชายและลูกสาวไปห้างสรรพสินค้า ระหว่างเดินเลือกซื้อของให้ถ่ายทอดความคิดออกมาทางคำพูด ในการเปรียบเทียบราคาและคุณภาพ หรือมีโอกาสให้พาพวกเขาไปธนาคารด้วย อธิบายว่าเด็กจะสามารถทำเงินจากการฝากได้มากขึ้น โดยต้องปล่อยเงินก้อนไว้อย่าไปแตะต้อง

หากคิดลงทุนในตลาดหุ้น สามารถปฏิบัติโดยให้เด็กมีส่วนร่วมด้วยได้ ให้พวกเขาซื้อหุ้นจำนวนหนึ่งไม่ต้องมากนัก แต่ต้องเป็นบริษัทที่พวกเขาคุ้นเคย อย่างดิสนีย์ , แมคโดนัลด์ หรือ ไนกี้ ให้อธิบายว่าการเป็นเจ้าของหุ้นบริษัทเหล่านี้หมายความหรือส่งผลต่อพวกเขาอย่างไรบ้าง

เพียงแค่เด็กๆ ได้เห็นผู้คนหลั่งไหลเข้าไปใช้บริการสวนสนุกดิสนีย์ เข้าไปเล่นหรือสนุกสนานกับมิกกี้เม้าส์และมินนี่ หมายถึงเงินที่ซื้อตั๋วเข้าชมเพิ่มจำนวนมากขึ้น กลายเป็นผลประโยชน์ให้กับพวกเขาซึ่งตอนนี้ถือเป็นนักลงทุนตัวน้อยได้มากขึ้นเช่นกัน

ให้โอกาสเท่าเทียมกันแก่บุตรชายและบุตรสาว เป็นคำแนะนำอีกข้อหนึ่ง ที่ร๊อคคิดว่าการเรียนรู้ว่าจะบริหารเงินอย่างไรได้นั้น เด็กๆ จะต้องมีเงินสดเป็นของตัวเอง เพื่อไว้ใช้จ่ายและออม จากการศึกษาในหลายๆ ครั้ง บ่งบอกได้ว่าผู้ปกครองมีแนวโน้มจะให้เงินล่วงหน้าแก่บุตรสาวเท่ากับบุตรชาย

แต่ในบางครั้งบุตรชายได้เงินล่วงหน้าไว้ใช้จ่ายและบริหารมากกว่า และเป็นไปได้ว่าเด็กผู้หญิงได้รับเงินสดอย่างง่ายดายในเวลาที่ร้องขอ แทนที่จะเป็นจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในแต่ละสัปดาห์ นอกเหนือจากการให้เงินล่วงหน้ากับบุตรหลานในจำนวนเท่าๆ กัน ผู้ปกครองควรสนับสนุนช่วยเหลือให้พวกเขาลงมือจัดการให้เงินที่มีอยู่เพิ่มจำนวนได้มากขึ้นอย่างไร

เดวิด โอเวน ผู้เขียนหนังสือเรื่อง The First National Bank of Dad: The Best Way to Teach Kids About Money เน้นสนับสนุนการทำบัญชีเงินฝากให้กับเด็กๆ เสียแต่เนิ่นๆ และเก็บเกี่ยวประโยชน์จากดอกเบี้ย ซึ่งในสหรัฐจ่ายดีมาก 5% ในแต่ละเดือน ทำให้เด็กๆ เรียนรู้ได้เร็วถึงผลประโยชน์จากดอกเบี้ยเงินฝากสะสมได้

ผู้ปกครองอาจสร้างสรรค์นำระบบจ่ายสมทบอย่างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือในสหรัฐเรียกว่า 401(k) มาใช้ โดยสัญญากับบุตรหลานว่า ทุกๆ 1 ดอลลาร์ หรือ 1 บาท ที่เด็กๆ ฝากในบัญชีออมทรัพย์แต่ละเดือน ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่จะสมทบให้ในจำนวนที่เท่าๆ กัน

โจลีน กอดฟรีย์ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Raising Financially Fit Kids แนะให้ผู้ปกครองหากลวิธีหรือเกมสนุกสนานสอนทางอ้อม เรื่องการซื้อขายบนโลกแห่งความจริงให้กับเด็กๆ ได้ซึมซับไว้ตั้งแต่ยังเล็ก บนพื้นฐานความชอบของแต่ละเพศแต่ละวัยที่เริ่มแตกต่างกันไป

Ebay เวบไซต์ชั้นนำระดับโลก เป็นแหล่งเปิดกว้างให้ผู้อยากขายและอยากซื้อทั่วไปได้เข้ามาเสาะหาข้อมูล และถือเป็นเครื่องมือเป็นประโยชน์ที่จะช่วยให้เด็กซึมซับบทเรียนเพื่อเพิ่มทักษะการซื้อขายสิ่งของที่พวกเขาชื่นชอบและสะสมไว้ ช่วยสร้างรายได้ทำเงินให้กับเด็กๆ ได้อีกทางหนึ่ง

กระตุ้นจริยธรรมในการทำงานให้กับเด็กๆ วิทนีย์ แรนซัม กรรมการบริหารร่วมของ National Coalition of Girls Schools อธิบายข้อเสนอแนะนี้ว่า เมื่อเด็กผู้หญิงได้งานพิเศษงานแรกเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ผู้ใหญ่มักจะสนับสนุนเป็นกำลังใจให้ด้วยคำพูดคำจาอย่างเช่น น่ารักน่าชังดูแลกันดีจริงๆ หรือ หนูทำดีมากดูแลเด็กๆ ได้ดีจริงๆ หรือให้ขยันชมเด็กชายเวลาพวกเขาช่วยตัดหญ้าทำสวน

คำพูดให้กำลังใจหรือคำชมข้างต้น อาจดูเหมือนไม่มีความหมาย แต่การแสดงออกด้วยวาจาเช่นนี้ แท้จริงแล้วเป็นรายละเอียดที่ไม่ควรมองข้ามควรปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้บุตรสาว และเป็นแรงจูงใจให้บุตรชายขยันตั้งใจทำงานหนักขึ้น

นอกจากขั้นตอนการให้กำลังใจพร้อมคำชมแล้ว ก้าวต่อไปผู้ใหญ่ควรเดินหน้าต่อไปเพื่อให้เด็กๆ ประเมินคุณค่างานหรือตีค่าแรงของตัวเองในตลาดแรงงานได้ โดยแรนซัมกล่าวว่าเด็กชายบางครั้งเริ่มต้นร้องขอค่าแรง เป็นตัวเลขสูงเกินไป ตรงข้ามกับเด็กหญิงกลับตั้งหลักผิดพลาดด้วยตัวเลขต่ำหรือยอมรับค่าตอบแทนอย่างง่ายๆ ด้วยประโยคที่ว่า เท่าไหร่ก็ได้ที่คุณต้องการจ่ายให้หนู

ขอให้ผู้ใหญ่ช่วยสอนเด็กๆ ให้พวกเขาค้นหาอัตราค่าจ้างที่เหมาะสมสำหรับงานที่พวกเขาทำอยู่ ต้องแนะนำให้พวกเขาหัดเจรจาต่อรองค่าจ้าง ผู้ใหญ่อาจแนะนำถ้อยคำพวกเขาควรใช้กับผู้ใหญ่ เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าจ้างยุติธรรม และในกรณีจำเป็นต้องกดดันเพื่อให้ได้เพิ่มขึ้น

จงเป็นต้นแบบหรือโรลโมเดลที่ดี เป็นข้อแนะนำและเตือนใจสุดท้าย ให้ผู้ปกครองและผู้ใหญ่พึงระวังและนึกถึงอยู่เสมอ เพราะผลการศึกษาหลายครั้ง บ่งบอกว่าเด็กส่วนใหญ่ซึมซับข้อมูลความรู้จากสิ่งอยู่รอบตัวหรือรับรู้เกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ จากการสังเกตดูพ่อกับแม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยซื้อของของแม่

หากบุตรชายและบุตรสาวเห็นแม่เดินซื้อของและชำระเงินทุกครั้ง ขณะที่พ่อเป็นฝ่ายลงทุนและวางแผนระยะยาว ทั้งพ่อและแม่จึงมีอิทธิพลอย่างมากกับเด็กๆ ในสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าบทบาทด้านการเงินของพวกเขาควรเป็นหรือทำได้อย่างที่ผู้ปกครองทำ

ดังนั้นอย่าปล่อยให้พวกเขาต้องคอยแกะรอย ปฏิบัติตามผู้ปกครองเพียงลำพัง แต่ให้มั่นใจได้ว่าเด็กๆ ได้เห็นทั้งพ่อและแม่มีบทบาทคล่องตัวเรื่องการเงินของครอบครัว และมีส่วนในการตัดสินใจในการลงทุนที่สำคัญๆ

ดึงเด็กๆ ให้มีส่วนร่วมรับฟังแม่อธิบาย หรือพูดถึงเงินทุนที่ใช้เพื่อการศึกษาของพวกเขา และตัวเลขบัญชีเพื่อการออมไว้ใช้ในยามเกษียณ และคอยดูพ่อจัดวางแผนการเงินและการลงทุน

แต่สิ่งสำคัญเหนืออื่นใด กอดฟรีย์เชื่อว่าผู้ใหญ่ควรคงบทสนทนาทางการเงินกับเด็กให้ดำเนินต่อไปอย่างสม่ำเสมอ และต้องช่วยให้ทั้งเด็กหญิงกับเด็กชาย มองบทบาทการเงินของพวกเขาว่าไม่ได้ถูกกำหนดให้อยู่ในกรอบหรือโลกแคบๆ

เราจำเป็นต้องเตรียมพวกเขาให้พร้อม และให้ข้อมูลหรือไอเดียแก่ลูกชายและลูกสาว เพื่อให้พวกเขารู้ว่าควรมีส่วนร่วมรับผิดชอบทางการเงินอย่างไรบ้าง เพราะในอนาคตบทบาทของพวกเขาอาจคลุมเครือ หรือทางเลือกด้านการเงินในโลกแห่งความเป็นจริง อาจมีมากและหลากหลายเกินกว่าที่พวกเขาจะเชื่อหรือตัดสินใจได้ กอดฟรีย์ทิ้งท้ายให้ผู้ปกครองยุคสหัสวรรษได้ขบคิด

[iscssn]

ขอบคุณครับ