นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับนายวิเศษ จูภิบาล รมว.พลังงาน หาข้อสรุปในเรื่องการบริหารจัดการน้ำมัน เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ว่า ที่ประชุมได้เสนอมาตรการเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน ทั้งการบังคับและขอความร่วมมือ โดยจะมีการสรุปรายละเอียดเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ (ครม.) ให้ใช้เป็นแผนปฏิบัติการได้ในวันที่ 12 ก.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมาตรการที่จะนำเสนอต่อ ครม.ดังกล่าว มีทั้งสิ้น 12 มาตรการ ประกอบด้วย
1. ห้ามจำหน่ายน้ำมันทุกชนิดเวลา 21.00-05.00 น.ยกเว้นปั้มก๊าซธรรมชาติ น้ำมันอากาศยาน
2. กำหนดให้วันจันทร์ของทุกสัปดาห์ เป็นวันประหยัดพลังงานและวันหยุดราชการ รัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะต้องรณรงค์ให้เป็นวันครอบครัวและวันหยุดอยู่บ้าน เพื่อทำให้ทั้งประเทศสามารถลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำมัน โดยจะกำหนดให้มีการทำงานเพิ่มขึ้นอีกวันละ 2 ชั่วโมง สำหรับการทำงาน 4 วันที่เหลือแทน
3. ส่งเสริมการใช้รถขนาดเล็กเพื่อประหยัดน้ำมัน โดยเสนอให้เก็บภาษีรถยนต์ขนาดตั้งแต่ 1800 ซีซี ให้สูงขึ้น
4. ลดการใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล
5. เพิ่มอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ที่ใช้ไฟ ประเภทบ้านที่อยู่อาศัย สถานบริการชนิดพิเศษ (อาบอบนวด คาเฟ่ คาราโอเกะ) ที่ใช้มากเกินกว่า 400 หน่วยต่อเดือนขึ้นไป
6. จำกัดการใช้ไฟฟ้า-น้ำมันที่ไม่จำเป็น ได้แก่ ปิดป้ายโฆษณาเวลา 18.00-21.00 น. สนามไดรฟ์กอล์ฟตั้งแต่ 21.00-06.00 น. และปิดสนามกอล์ฟตั้งแต่เวลา 19.00-06.00 น.
7. จำกัดเวลาใช้เครื่องปรับอากาศของหน่วยงานภาครัฐ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. โดยให้เปิดแอร์อุณหภูมิไม่เกิน 25-26 องศาเซลเซียส และจัดบุคลากรให้ทำงานเหลื่อมเวลา 2 ช่วง ได้แก่ เวลา 07.30-15.30 น. และ 09.30-17.30 น.
8. บังคับมาตรฐานขั้นต่ำด้านพลังงานในอุตสาหกรรมไฟฟ้าที่จะผลิตและจำหน่ายในประเทศ ได้แก่ ตู้เย็น บัลลาสต์ มอเตอร์
9. ติดฉลากแสดงประสิทธิภาพการใช้รถยนต์
10. จัดจุดจอดรถแท็กซี่ เช่น บริเวณห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ สถานีขนส่ง
11. เก็บค่าที่จอดรถยนต์ส่วนบุคคลให้แพงขึ้น โดยการขึ้นภาษีโรงเรือนที่ดินของผู้ประกอบการที่มีการให้บริการพื้นที่ตั้งแต่ 1,600 ตารางเมตรขึ้นไป และ
12. ให้กระทรวงคมนาคม จัดที่จอดรถส่วนบุคคลให้ประชาชนนำรถมาจอด แล้วสามารถใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้น
ผลักภาระให้เจ้าของธุรกิจ สุดท้ายประชาชนหรือผู้บริโภครับกรรมจาก ภาระที่เพิ่ม ระบบการขนส่งก้อไม่ได้เรื่อง ยังงี้ต้องทนแบกภาระต่อไป เหอออ ชีวิตช่างลำบากเสียนี่กะไร......