จากกรุงเทพธุรกิจ เปิดโผขาใหญ่ "วิ่งผลัด" หุ้นร้อน

[ครรชิต ไพศาล]

http://www.bangkokbizweek.com/

เปิดโผขาใหญ่ "วิ่งผลัด" หุ้นร้อน "สะดุด" ขาตัวเอง..ติดหุ้น "รีฮาฟโก้"

"กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" เปิดโผขาใหญ่ "วิ่งผลัด" หุ้นร้อน จับตา 6 หุ้นเก็งกำไร "PICNI" "EWC" "PP" "EMC" "APURE" และ "STRD" เซียนหุ้นก๊วนเดียวกันโยงนักการเมืองระดับชาติ..พบปมใหม่แกะกล่อง "ก๊วนเซียน" เดิมเกมพลาดไล่เก็บ PICNI หวังพยุงราคาหุ้นรอจังหวะ "เพิ่มทุน" ออก "วอร์แรนท์" แต่โดนตลบหลัง ก.ล.ต.สั่งแก้งบ ตลท.ขึ้น "SP" ยาว..หลังเปิดเทรดส่อเค้า "เจ็บหนัก"

"กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" เกาะติด "หุ้นร้อน" ในก๊วน "ขาใหญ่" พบคนชื่อซ้ำๆ วนเวียนอยู่ในหุ้น 5-6 ตัว ตั้งข้อสังเกตอาจเป็น "นอมินี" ของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใช้เป็นช่องทาง "ซื้อ-ขาย" หุ้นทำกำไรหลบหลีกสายตานักลงทุน

โดยเป้าหมายอยู่ที่ 6 หุ้นร้อน "PICNI" "EWC" "PP" "EMC" "APURE" และ "STRD" รายใหญ่ที่ปรากฏชื่อในโครงสร้างผู้ถือหุ้นคาดว่าอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน มีบางคนเกี่ยวโยงกับนักการเมืองระดับชาติจากตระกูล "ลาภวิสุทธิสิน"(PICNI), "เทพสุทิน"(PICNI-PP), "จารุสมบัติ"(PP), "ทิวารี"(PP-KMC) , "ชินวัตร"(STRD-ASL-BNT-KTECH-EMC), นาคฉัตรีย์(APURE) และ "เที่ยงธรรม"(PICNI)

จุดที่น่าสังเกตหุ้นที่ถูกลากขึ้นมาเล่นเก็งกำไรส่วนใหญ่เป็นหุ้น "ขนาดเล็ก" และหลุดออกมาจากกลุ่ม "รีฮาฟโก้" (หมวดฟื้นฟูกิจการ) ไม่ว่าจะเป็นหุ้น อีเอ็มซี (EMC) อีสเทิร์นไวร์ (EWC) อกริเพียว โฮลดิ้งส์ (APURE ) ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) และน้องใหม่ที่กำลังจะกลับมาเทรด คือ เพาเวอร์-พี (PP)

ขณะนี้หลายฝ่ายพุ่งเป้าสนใจไปที่หุ้น "PP" และ "PICNI" ที่เกี่ยวโยงกับกลุ่มนักการเมืองระดับชาติมากที่สุด โดยเฉพาะปิคนิค คอร์ปอเรชั่น ที่ถือหุ้นใหญ่โดยตระกูล "ลาภวิสุทธิสิน" (เกี่ยวข้องกับ "สุริยา ลาภวิสุทธิสิน" รมช.พาณิชย์) ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้น PICNI ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากจาก 0.81 บาทขึ้นไปสูงสุดถึง 17.40 บาท ทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวยอย่างมหาศาลภายในเวลาเพียง 1 ปีเศษเท่านั้น

จากการตรวจสอบของ "กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" ยังพบด้วยว่าที่ผ่านมาตระกูลนี้ได้กำไรจำนวนมากจาก "PICNI-W1" (วอร์แรนท์ฟรี) ที่ออกให้กับผู้ถือหุ้นเดิมเมื่อปลายปี 2546 พบว่า "ธีรัชชานนท์ ลาภวิสุทธิสิน" (น้องชายสุริยา) ได้ขายทิ้งไปทั้งหมดแล้วจำนวน 23.83 ล้านหน่วย และ "สุภาพร ลาภวิสุทธิสิน" (น้องสาวสุริยา) ขายทิ้งจำนวน 34.25 ล้านหน่วย ซึ่งประเมินว่าสามารถปั๊มเงินสดๆ กลับออกไปจากตลาดหุ้นไม่น้อยกว่า 1,070 ล้านบาท (เฉพาะ PICNI-W1 อย่างเดียว)

ก่อนหน้านี้ "กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" เคยแกะรอยเส้นทางโตของ PICNI มาแล้วครั้งหนึ่งในชื่อเรื่อง "เปิดจุดเสี่ยงงบการเงิน "PICNI" กู้เงินระยะสั้นมาถมธุรกิจระยะยาว" โดยพบว่าในงบการเงินของ PICNI ใช้วิธีกู้ยืมเงิน "ระยะสั้น" มาทำธุรกิจ "ระยะยาว"

ในปี 2547 ปีเดียวบริษัททุ่มเม็ดเงินลงทุน(เงินสด)จำนวน 5,591 ล้านบาท เพื่อซื้อสินทรัพย์ และซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก และถูกตั้งข้อสังเกตจาก ก.ล.ต.ว่าบางรายการ "จ่ายแพง" เกินจริง และมีการบันทึกบัญชีไม่ถูกต้องเพื่อทำให้งบการเงินออกมาดีกว่าที่ควรจะเป็น จนถูกสั่งให้แก้ไขงบการเงิน และถูกตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) สั่งขึ้นเครื่องหมาย "SP" (สั่งพักการซื้อขาย)

ภาพที่ปรากฏชัด ก็คือ PICNI อยู่ในภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงิน (มีรายจ่ายมากกว่ารายรับ) และกำลังดิ้นรนเพื่อ "เพิ่มทุน" ล็อตใหญ่จำนวน 260 ล้านหุ้น ขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด รวมถึงแผนการออก "PICNI-W2" ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 697.91 ล้านหน่วย เสนอขายที่ราคา 1 บาท ใช้สิทธิที่ราคา 6 บาททุกๆ 6 เดือน

นี่คือเกม "โดมิโน" ที่จะกระทบราคาหุ้น PICNI โดยตรงภายหลังหุ้นกลับมาซื้อขายตามปกติ แต่ก่อนหน้านั้นระหว่าง วันที่ 25 มกราคม-11 เมษายน 2548 พบว่ามี "รายใหญ่" เข้ามาเก็บหุ้น PICNI เพื่อพยุงราคาไม่ให้ตกลงเพื่อรอให้แผน "เพิ่มทุน" (260 ล้านหุ้น) และแผนออก "PICNI-W2" (697.91 ล้านหน่วย) ผ่านพ้นไปก่อน

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2548 เป็นวันแรกที่ PICNI เจอฟ้าผ่า เมื่อ "ก.ล.ต." สั่งให้แก้งบการเงิน ในวันรุ่งขึ้น 30 มีนาคม 2548 ตลท.ขึ้นเครื่องหมาย "SP" (สั่งพักการซื้อขาย) และปลดเครื่องหมายในวันถัดมา 31 มีนาคม 2548

แต่น่าแปลกหลังจากปลดเครื่องหมาย "SP" หุ้น PICNI กลับดีดตัวขึ้นทั้งๆ ที่มีกระแส ข่าว "ด้านลบ" เกิดขึ้นกับบริษัท ลักษณะการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสังเกตได้ชัดว่ามีบุคคลบางกลุ่มใช้ความพยายาม "พยุงหุ้น" ตัวนี้ไม่ให้ปรับตัวลดลง และมีขาใหญ่บางกลุ่มใช้จังหวะนี้รีบขายหุ้นออกไป

เมื่อเจาะลึกลงไปในโครงสร้างผู้ถือหุ้นกลับพบว่า "พิริยะ ถาวร" เป็นผู้หนึ่งที่เข้ามาเก็บหุ้น PICNI จำนวนมากถึง 9.81 ล้านหุ้น (ใช้เงินไปไม่น้อยกว่า 127 ล้านบาท) มีหุ้นในพอร์ตรวม 24.86 ล้านหุ้น ไม่เพียงเท่านั้น "พิริยะ" ก็ยังเข้าไปถือหุ้น PP อีกจำนวน 1.35 ล้านหุ้นด้วย

ขณะที่ "ณัฐธิดา เทพสุทิน" บุตรสาวของ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งไม่เคยปรากฏชื่อเป็นผู้ถือหุ้น PICNI ก็แอบเข้ามาเก็บในช่วงที่บริษัทเผชิญมรสุมครั้งใหญ่นี้ด้วยจำนวนมากถึง 8.41 ล้านหุ้น (ใช้เงินไปไม่น้อยกว่า 109 ล้านบาท) และอาจเป็นอีกรายที่เข้ามาติดกับดักหุ้น PICNI เข้าอย่างจัง

นอกจากนี้ "ณัฐธิดา" ยังเข้าไปถือหุ้น PP อีกจำนวน 2 ล้านหุ้นด้วย

อีกคนที่เข้ามาเก็บหุ้น PICNI ในช่วงวิกฤติ คือ "พีรพันธ์ ชาวงษ์" ผู้ถือหุ้นใหญ่ใน EMC ก็ได้เข้ามาเก็บหุ้น PICNI เป็นครั้งแรกจำนวนมากถึง 7.53 ล้านหุ้น (ใช้เงินไปไม่น้อยกว่า 97 ล้านบาท)

"สิรีพนิต ภัทรสุวรรณกุล" เป็นอีกรายที่ซื้อหุ้น PICNI เข้าพอร์ตเพิ่มอย่างผิดปกติมากถึง 6.44 ล้านหุ้น (ใช้เงินไปไม่น้อยกว่า 83 ล้านบาท) รวมกับของเดิมเป็น 14.74 ล้านหุ้น เช่นเดียวกัน "ไพบูลย์ ชอไชยทิศ" เก็บหุ้น PICNI เพิ่ม 5.61 ล้านหุ้น (ใช้เงินไปไม่น้อยกว่า 73 ล้านบาท) รวมกับที่มีอยู่เดิมเป็น 23.38 ล้านหุ้น

ไม่เพียงเท่านั้น "ไพบูลย์" ยังเข้าไปถือเก็บหุ้น EMC จำนวน 5.51 ล้านหุ้น และหุ้น EWC จำนวน 1.64 ล้านหุ้น จากการตรวจสอบข้อมูลยังพบว่า "ไพบูลย์ ชอไชยทิศ" และ "สิรีพนิต ภัทรสุวรรณกุล" มีความเกี่ยวข้องกันในฐานะ "กรรมการร่วม" ใน "บริษัท ยูโรเปี้ยน เซ็นทรัลเพรส"

"คมกริช ลือจรรยา" ก็เป็นอีกหนึ่งรายที่เข้ามาร่วมวงเก็บหุ้น PICNI เพิ่มในจำนวนมากถึง 5.55 ล้านหุ้น (ใช้เงินไปไม่น้อยกว่า 72 ล้านบาท) ทำให้เขาถือหุ้นตัวนี้รวม 14.66 ล้านหุ้น "คมกริช" ยังเก็บหุ้น EWC เพิ่มอีก 7.11 แสนหุ้น ทำให้เขาถือหุ้น EWC จำนวนทั้งสิ้น 1.20 ล้านหุ้น

เห็นได้ชัดว่าบุคคลเหล่านี้ถือหุ้นวนเวียนอยู่แค่ 3-4 บริษัทหลักๆ คือ PICNI, PP, EMC และ EWC และที่น่าสนใจยิ่งกว่า ก็คือ เขาเหล่านี้น่าจะเป็น "นอมินี" ให้กับใครบางคน

ปัจจุบันตระกูล "ลาภวิสุทธิสิน" ถือหุ้นทางตรงใน PICNI จำนวน 536.11 ล้านหุ้น หรือ 36.59% (ยังไม่นับรวมที่ถือผ่าน "นอมินี" อีกจำนวนมาก) เพราะฉะนั้นราคาหุ้นที่ร่วงลงทุกๆ 1 บาท "ความมั่งคั่ง" ของตระกูลนี้จะหายไปทันที 536 ล้านบาท..การเข้ามา "พยุงหุ้น" ของบุคคลข้างต้นจึงมีคำตอบ "ซุกซ่อน" อยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว และยังเห็นเครือข่าย "แผ่ขยาย" ไปสู่หุ้นตัวอื่น (PP-EMC-EWC) อย่างชัดเจนอีกด้วย

"กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" พบว่านี่คือการเดินเกมธุรกิจที่ "ผิดพลาด" ครั้งใหญ่ และคาดว่าน่าจะทำให้ "ก๊วนขาใหญ่" เจ๊งหุ้น PICNI กันระนาวนับต่อจากนี้

ขณะเดียวกันก็ยังมีกลุ่มที่ "ร่วมหัวจมท้าย" อีก 3 รายที่เข้าไปเก็บหุ้น PICNI เพิ่มในช่วงวิกฤติของบริษัทแต่ซื้อเพิ่มไม่มาก ได้แก่ "ชัยรัตน์ ลาภทรงสุข" เก็บเพิ่ม 185,700 หุ้น ทำให้ถือหุ้นทั้งสิ้น 29.80 ล้านหุ้น "เสมอกัน เที่ยงธรรม" ทายาททางการเมือง "จองชัย เที่ยงธรรม" เก็บหุ้นเพิ่ม 31,000 หุ้น รวมถือหุ้นทั้งสิ้น 18.70 ล้านหุ้น "สุภดิช อากาศฤกษ์" เก็บหุ้นเพิ่ม 100,000 หุ้น ทำให้ถือหุ้นถึง 46.16 ล้านหุ้น..สำหรับ "สุภดิช" ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน EWC, APURE, STRD และ EMC ด้วย

ขณะเดียวกันก็เห็นชัดว่ามีกลุ่มก๊วนที่เป็น "แนวร่วม" (น่าจะคนละกระเป๋า) และ "ชิ่งขาย" หุ้น PICNI ออกก่อน ได้แก่ "ราชศักดิ์ สุเสวี" เพื่อนร่วมรุ่น วปรอ. กับ "พายัพ ชินวัตร" ขายออกไปถึง 3.19 ล้านหุ้น เหลือหุ้นอยู่ 21.51 ล้านหุ้น ปัจจุบัน "ราชศักดิ์" นั่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท เพาเวอร์-พี (PP) และยังถือหุ้นใหญ่ใน EMC อีกด้วย

"กนกรัตน์ จิตติกุลดิลก" ขายหุ้น PICNI ออก 12.83 ล้านหุ้น แต่ก็ยังถืออยู่มากถึง 143.12 ล้านหุ้น และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ใน EMC "ธนะชัย โรมพันธ์" ขายออกไป 6.99 ล้านหุ้น แต่ยังเหลือหุ้นอยู่ถึง 40.43 ล้านหุ้น "ธนะชัย" ก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ใน EWC และ EMC

ส่วน "รัตนา เสถียรวารี" ขายออกไป 3.99 ล้านหุ้น เหลือในพอร์ต 14.91 ล้านหุ้น โดย "รัตนา" ได้เข้าถือหุ้นใหญ่ใน APURE และ EMC ด้วย

บุคคลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คือ เหล่าบรรดา "แนวร่วม" และ "นอมินี" ที่ก้าวพลาดเข้ามาติดหุ้น PICNI หุ้น "คลาสสิค...ปราบเซียน"

[ลุงขวด]

ขอบคุณครับที่นำมาให้อ่าน บังเอิญ ที่เขาแจกฟรี มากับ กรุงเทพธุรกิจ มันหมดอายุไปนานแล้ว เลยอดอ่าน ..... ต่ออายุ แต่กรุงเทพธุรกิจอย่างเดียว นี่ก็ต่อไปอีก 2 ปี งวดนี้เห็นว่า แถมเป็น บัตรอาหารที่ Black Canyon ครับ

หุ้นข้างบนนี้ ผมไม่เคยมีสักตัวเดียว ได้แต่มองวิธีการลากขึ้นลากลง วันศุกร์มอง EWC แกว่ง ได้ กว้างจริง ๆ .... ตลาดหุ้นกลายเป็น ตลาดอะไรแล้วมิทราบ.... เปิดสูง 26.50 ลงไป 19.40 ปิดอยู่ ราคากลาง ๆ ถ้าจำไม่ผิด

อ้อ ใครรู้เวป ที่ มี กราฟ ราคา Cold-hot rolled steel sheet ช่วยบอกด้วยครับ ผมมีแต่ ทองแดง นิกเกิล และ สังกะสี กำลังหา กราฟ ราคาเหล็ก อยู่ อยากรู้เหล็กแผ่นลดราคา มากเท่าเห็น เคยเห็นแถว ตันละ $500 ขึ้น ไป $700 ตอนนี้มันลงมาเหลือเท่าไหร่? เพราะมันจะกระทบกับหุ้นที่ต้องใช้เหล็กในการผลิต เช่น PAP TMD และ TIW.....ขอบคุณเป็นการล่วงหน้าครับ :lol: :lol: :lol:

[ขุนอิน]

http://www.metal.com.ru/cources/bmmm_index.php

อันนี้ครับคุณพี่ลุงขวด

ผมอ่านบทความนี้แล้วสะใจลึก ๆ ฮะ เพราะมันเป็นก๊วนที่ชักจะน่าเกลียดจนรับไม่ได้ ขอให้กลต.อย่าแปลงร่างกลายเป็นเมี้ยว ๆ ก็แล้วกัน

ดู ewc สิ ไม่เห็นจะกลัวกลต.เลย

ตอนนี้ก็เหลือ pp กับ picni ดูซิใครจะแน่กว่ากันระหว่างกลต. กลุ่มก๊วน หรือรายย่อย 5555

[ขุนอิน]

ไม่รู้จะใช้ได้ป่าวนะฮะ คุณพี่ลุงขวด เพราะต้องแปลงค่าเงินอีกที ผมหาจากกูเกิ้ลน่ะ

ไม่มีไอ้ที่เป็น usd ฮะ หาไม่เจอ อันที่จริง ขี้เกียจหาแล้วเพราะส่วนใหญ่มันต้องสมัครสมาชิก หรือต้องซื้อข้อมูล เลยได้แค่เนี้ยะ แหะ แหะ

[ลุงขวด]

ใช้ได้ครับ คุณขุนอิน... ผมหาใน google เหมือนกัน แต่ไม่ได้ เวป นี้..... เงินรัสเซีย ก็ใช้ได้ครับ ......ราคาตั้งแต่ตนปี ก็ เปลี่ยนแปลงลดลงไม่มากเท่าไหร่ ตอนแรกนึกว่า มาก นี่ ก็ แค่ไม่เกิน 5% ถูกลงเท่านั้น.....

เรื่อง ปั่นหุ้น ก็ เป็นหน้าที่ ของ กลต.....เห็นเริ่มมีข่าวกันมากขึ้น เรื่อย ๆ......เราก็ได้แต่ดูฝีมือว่า ฝ่านไหนจะแน่กว่า เท่านั้นเอง

[Heroine]

อยากเห็นผลงานกลต..เรื่องนี้เหมือนกันค่ะ ว่าจะอาจหาญงัดข้อกับกลุ่มนักการเมืองพวกนี้ได้มั้ย

[Jeng]

แค่จัดฉากให้พอรับได้ ก็พอใจแล้วครับ