สนใจ cph
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
สนใจ cph
โพสต์ที่ 1
สงสัยว่าตัวผมจะไม่ใช่ VI ซะแล้ว
ปกติเวลาจะเลือกซื้อหุ้นมักจะมองหาบริษัทที่มีฐานะทางการเงินดี ผลการดำเนินงานดี มีกำไรสม่ำเสมอ ผู้บริหารเชื่อถือได้ และเมื่อซื้อแล้วก็ตั้งใจจะถือยาว
แต่พอเห็นงบการเงินของ CPH แล้วอดใจไม่ไหวจริงๆ แม้จะรู้ว่ากำไร Q2 ที่มากถึง 72 ลบ.เป็นเพราะกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ ถึง 61 ลบ. แต่เมื่อเทียบกับ Market cap. 300+ ลบ.มันช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน ก็เลยซื้ไปที่ราคา 9.6-10.0 เยอะพอสมควร
สงสัยจะต้องให้ขาดทุนจากตัวนี้ก่อน ถึงจะยอมเป็น VI ซะที
เพื่อนๆคิดกับ CPH อย่างไรครับ :
ปกติเวลาจะเลือกซื้อหุ้นมักจะมองหาบริษัทที่มีฐานะทางการเงินดี ผลการดำเนินงานดี มีกำไรสม่ำเสมอ ผู้บริหารเชื่อถือได้ และเมื่อซื้อแล้วก็ตั้งใจจะถือยาว
แต่พอเห็นงบการเงินของ CPH แล้วอดใจไม่ไหวจริงๆ แม้จะรู้ว่ากำไร Q2 ที่มากถึง 72 ลบ.เป็นเพราะกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ ถึง 61 ลบ. แต่เมื่อเทียบกับ Market cap. 300+ ลบ.มันช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน ก็เลยซื้ไปที่ราคา 9.6-10.0 เยอะพอสมควร
สงสัยจะต้องให้ขาดทุนจากตัวนี้ก่อน ถึงจะยอมเป็น VI ซะที
เพื่อนๆคิดกับ CPH อย่างไรครับ :
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
สนใจ cph
โพสต์ที่ 4
cph ที่ราคา 12.90บาท มี p/e = 3.09 p/b =0.72
ซึ่งจัดว่าเป็นหุ้นราคาถูกมาก
มีสินทรัพย์หมุนเวียน 768 ลบ สินทรัพย์ทั้งหมด 1375ลบ
หนี้สินทั้งหมด 654.6 ลบ market cap 516 ลบ
ถ้าจะเลือกซื้อหุ้นแบบ graham อาจจะไม่ตรง spec ของ graham นัก
แต่ก็จัดได้ว่าใกล้เคียงมากกว่าหุ้นตัวอื่นๆ อีกหลายร้อยตัว
ซึ่งจัดว่าเป็นหุ้นราคาถูกมาก
มีสินทรัพย์หมุนเวียน 768 ลบ สินทรัพย์ทั้งหมด 1375ลบ
หนี้สินทั้งหมด 654.6 ลบ market cap 516 ลบ
ถ้าจะเลือกซื้อหุ้นแบบ graham อาจจะไม่ตรง spec ของ graham นัก
แต่ก็จัดได้ว่าใกล้เคียงมากกว่าหุ้นตัวอื่นๆ อีกหลายร้อยตัว
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
สนใจ cph
โพสต์ที่ 5
หมายเหตุผู้สอบบัญชีโดยสรุป มีสาระสำคัญอยู่ 2 เรื่อง
1 บริษัทได้ขายบริษัทย่อยในกัมพูชาในราคา 2,757,925.00 บาท
โดยที่ผู้ซื้อต่อจะต้องชำระหนี้ของบริษัทเดิม เป็นเงิน 219,471,534.46 บาท
ในอัตรา 10 % คิดเป็นเงิน 21,947,153.44 บาท ซึ่งจะทยอยชำระตั้งแต่ มค.-เมย. แต่ในงบการเงิน บริษัทได้ตั้งลูกหนี้ตัวนี้เป็นหนี้ที่คาดว่าจะสูญทั้งจำนวนไปแล้ว ดังนั้นถ้าในอนาคตลูกหนี้ตัวนี้แค่จ่าหนี้ซัก 10 ลบ ก็จะถือเป็นกำไรทันที
2 บริษัทได้ลงทุนอาคารสิ่งก่อสร้างและที่ดินในประเทศลาว เป็นเงินประมาณ 40 ลบ ซึ่งยังไม่ได้เปิดดำเนินการ ถ้าบริษัทตัดใจขายทิ้งทั้งหมด ได้เงินซัก 20 ลบ ก็ ok แล้ว
( ตามที่กล่าวในหมายเหตุประกอบงบการเงินรวมข้อ 9 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2546 และ 2545 บริษัทฯ บันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อย 2 แห่ง และบริษัทร่วม 6 แห่ง ตามวิธีส่วนได้เสียจากเงินลงทุน ในบริษัทดังกล่าวสำหรับงวด 3 เดือน และ 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2546 และ 2545 คำนวณจากงบการเงินที่จัดทำขึ้นโดยบริษัทฯ และยังไม่ได้ผ่านการสอบทานโดยผู้สอบบัญชี งบดุลรวม ณ วันที่ 30มิถุนายน 2546 ได้รวมยอดเงินลงทุนในบริษัทร่วม ตามวิธีส่วนได้เสีย คิดเป็นร้อยละ 7.92 ของยอดรวมสินทรัพย์ของงบดุลรวม และร้อยละ 8.58 ของยอดรวมของงบดุลเฉพาะบริษัท และส่วนแบ่งผลกำไร สำหรับงวด 3 เดือน และ 6 เดือน จากเงินลงทุน ตามวิธีส่วนได้เสียจากบริษัทร่วมรวมในงบกำไร ขาดทุนรวมในปี 2546 เป็นเงิน 1.45 ล้านบาท และ 3.59 ล้านบาท ตามลำดับ และปี 2545 เป็นเงิน 4.28 ล้านบาท และ 6.99 ล้านบาท ตามลำดับ มีส่วนแบ่งผลกำไรและผลขาดทุนสำหรับงวด 3 เดือน และ 6 เดือน ตามลำดับ จากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย จากบริษัทย่อยและบริษัทร่วม รวมในงบกำไรขาดทุนเฉพาะบริษัท ในปี 2546 เป็นเงิน 1.45 ล้านบาท และ 3.33 ล้านบาท ตามลำดับ และในปี 2545 มีส่วนแบ่งผลขาดทุนเป็นเงิน 13.15 ล้านบาท และ 16.43 ล้านบาท ตามลำดับ
ยกเว้นเรื่องที่กล่าวในวรรคที่ 3 ซึ่งถูกจำกัดขอบเขตโดยสถานการณ์ ตามที่กล่าวในหมายเหตุประกอบงบการเงินรวม ข้อ 9 ข้าพเจ้าไม่พบสิ่งที่เป็นเหตุให้เชื่อว่างบการเงินดังกล่าวไม่ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปจากการสอบทานของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอให้สังเกตหมายเหตุประกอบงบการเงินดังต่อไปนี้
1. ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 6, 10 และ 27 บริษัทฯ ได้ขายเงินลงทุนบริษัทย่อยใน ประเทศกัมพูชา 2 แห่ง เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2546 ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนเกินทุน และได้หยุดดำเนินกิจการ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2546
2. ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินรวมข้อ 15 และ 16 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2546 สิทธิการเช่า ที่ดินอาคารระหว่างก่อสร้างและอุปกรณ์บนที่เช่าในประเทศลาวของบริษัทย่อยแห่งหนึ่ง มีมูลค่าสุทธิ ตามบัญชี 41.57 ล้านบาท ปัจจุบันโครงการได้หยุดชะงัก เนื่องจากปัจจัยบางประการในประเทศลาวไม่ เอื้ออำนวยผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงทุนในทรัพย์สินดังกล่าว มูลค่าดังกล่าวนี้ จึงขึ้นอยู่กับปัจจัย ที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนสำหรับธุรกิจสิ่งทอในประเทศลาวในอนาคต
ข้าพเจ้าได้เคยตรวจสอบงบการเงินรวม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2545 ของบริษัท คาสเซ่อร์พีค โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย และงบการเงินเฉพาะของบริษัท คาสเซ่อร์พีค โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ตามมาตรฐานการสอบบัญชีที่รับรองทั่วไป ตามรายงานลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์2546 ซึ่งได้รายงานอย่างมีเงื่อนไขว่า ยกเว้นผลกระทบจากรายการปรับปรุงต่องบการเงินปี 2545 สำหรับการแสดงเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียของการลงทุนในบริษัทร่วม ซึ่งจัดทำขึ้นจากงบการเงินที่ตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีอื่น ซึ่งแสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไขเกี่ยวกับการคำนวณเงินลงทุนในบริษัทย่อยที่ไม่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชี และการแสดงเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียในบริษัทย่อยจัดทำขึ้นจากงบการเงินที่ตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีอื่นแต่ข้าพเจ้าไม่สามารถตรวจสอบให้เป็นที่พอใจได้ เนื่องจากการถูกจำกัดขอบเขตโดยสถานการณ์ และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับเงินลงทุนในบริษัทย่อย 2 แห่ง ในประเทศกัมพูชา ซึ่งแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญได้หยุดดำเนินกิจการชั่วคราว เนื่องจากเกิดเหตุจลาจล เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2546 และสิทธิการเช่าที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ในประเทศลาวของบริษัทย่อยแห่งหนึ่ง มีมูลค่าตามบัญชี 44.56 ล้านบาท ปัจจุบันโครงการได้หยุดชะงัก งบดุล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2545 ที่แสดงเปรียบเทียบเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินที่ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบและเสนอรายงานไว้แล้วดังกล่าวข้าพเจ้ามิได้ใช้วิธีการตรวจสอบอื่นใดภายหลังวันที่ในรายงานนั้น )
สำนักงานสอบบัญชี ดี ไอ เอ
(นางสุวิมล กฤตยาเกียรณ์)
ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต เลขทะเบียน 2982
วันที่ 11 สิงหาคม 2546
1 บริษัทได้ขายบริษัทย่อยในกัมพูชาในราคา 2,757,925.00 บาท
โดยที่ผู้ซื้อต่อจะต้องชำระหนี้ของบริษัทเดิม เป็นเงิน 219,471,534.46 บาท
ในอัตรา 10 % คิดเป็นเงิน 21,947,153.44 บาท ซึ่งจะทยอยชำระตั้งแต่ มค.-เมย. แต่ในงบการเงิน บริษัทได้ตั้งลูกหนี้ตัวนี้เป็นหนี้ที่คาดว่าจะสูญทั้งจำนวนไปแล้ว ดังนั้นถ้าในอนาคตลูกหนี้ตัวนี้แค่จ่าหนี้ซัก 10 ลบ ก็จะถือเป็นกำไรทันที
2 บริษัทได้ลงทุนอาคารสิ่งก่อสร้างและที่ดินในประเทศลาว เป็นเงินประมาณ 40 ลบ ซึ่งยังไม่ได้เปิดดำเนินการ ถ้าบริษัทตัดใจขายทิ้งทั้งหมด ได้เงินซัก 20 ลบ ก็ ok แล้ว
( ตามที่กล่าวในหมายเหตุประกอบงบการเงินรวมข้อ 9 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2546 และ 2545 บริษัทฯ บันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อย 2 แห่ง และบริษัทร่วม 6 แห่ง ตามวิธีส่วนได้เสียจากเงินลงทุน ในบริษัทดังกล่าวสำหรับงวด 3 เดือน และ 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2546 และ 2545 คำนวณจากงบการเงินที่จัดทำขึ้นโดยบริษัทฯ และยังไม่ได้ผ่านการสอบทานโดยผู้สอบบัญชี งบดุลรวม ณ วันที่ 30มิถุนายน 2546 ได้รวมยอดเงินลงทุนในบริษัทร่วม ตามวิธีส่วนได้เสีย คิดเป็นร้อยละ 7.92 ของยอดรวมสินทรัพย์ของงบดุลรวม และร้อยละ 8.58 ของยอดรวมของงบดุลเฉพาะบริษัท และส่วนแบ่งผลกำไร สำหรับงวด 3 เดือน และ 6 เดือน จากเงินลงทุน ตามวิธีส่วนได้เสียจากบริษัทร่วมรวมในงบกำไร ขาดทุนรวมในปี 2546 เป็นเงิน 1.45 ล้านบาท และ 3.59 ล้านบาท ตามลำดับ และปี 2545 เป็นเงิน 4.28 ล้านบาท และ 6.99 ล้านบาท ตามลำดับ มีส่วนแบ่งผลกำไรและผลขาดทุนสำหรับงวด 3 เดือน และ 6 เดือน ตามลำดับ จากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย จากบริษัทย่อยและบริษัทร่วม รวมในงบกำไรขาดทุนเฉพาะบริษัท ในปี 2546 เป็นเงิน 1.45 ล้านบาท และ 3.33 ล้านบาท ตามลำดับ และในปี 2545 มีส่วนแบ่งผลขาดทุนเป็นเงิน 13.15 ล้านบาท และ 16.43 ล้านบาท ตามลำดับ
ยกเว้นเรื่องที่กล่าวในวรรคที่ 3 ซึ่งถูกจำกัดขอบเขตโดยสถานการณ์ ตามที่กล่าวในหมายเหตุประกอบงบการเงินรวม ข้อ 9 ข้าพเจ้าไม่พบสิ่งที่เป็นเหตุให้เชื่อว่างบการเงินดังกล่าวไม่ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปจากการสอบทานของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอให้สังเกตหมายเหตุประกอบงบการเงินดังต่อไปนี้
1. ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 6, 10 และ 27 บริษัทฯ ได้ขายเงินลงทุนบริษัทย่อยใน ประเทศกัมพูชา 2 แห่ง เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2546 ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนเกินทุน และได้หยุดดำเนินกิจการ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2546
2. ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินรวมข้อ 15 และ 16 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2546 สิทธิการเช่า ที่ดินอาคารระหว่างก่อสร้างและอุปกรณ์บนที่เช่าในประเทศลาวของบริษัทย่อยแห่งหนึ่ง มีมูลค่าสุทธิ ตามบัญชี 41.57 ล้านบาท ปัจจุบันโครงการได้หยุดชะงัก เนื่องจากปัจจัยบางประการในประเทศลาวไม่ เอื้ออำนวยผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงทุนในทรัพย์สินดังกล่าว มูลค่าดังกล่าวนี้ จึงขึ้นอยู่กับปัจจัย ที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนสำหรับธุรกิจสิ่งทอในประเทศลาวในอนาคต
ข้าพเจ้าได้เคยตรวจสอบงบการเงินรวม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2545 ของบริษัท คาสเซ่อร์พีค โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย และงบการเงินเฉพาะของบริษัท คาสเซ่อร์พีค โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ตามมาตรฐานการสอบบัญชีที่รับรองทั่วไป ตามรายงานลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์2546 ซึ่งได้รายงานอย่างมีเงื่อนไขว่า ยกเว้นผลกระทบจากรายการปรับปรุงต่องบการเงินปี 2545 สำหรับการแสดงเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียของการลงทุนในบริษัทร่วม ซึ่งจัดทำขึ้นจากงบการเงินที่ตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีอื่น ซึ่งแสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไขเกี่ยวกับการคำนวณเงินลงทุนในบริษัทย่อยที่ไม่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชี และการแสดงเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียในบริษัทย่อยจัดทำขึ้นจากงบการเงินที่ตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีอื่นแต่ข้าพเจ้าไม่สามารถตรวจสอบให้เป็นที่พอใจได้ เนื่องจากการถูกจำกัดขอบเขตโดยสถานการณ์ และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับเงินลงทุนในบริษัทย่อย 2 แห่ง ในประเทศกัมพูชา ซึ่งแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญได้หยุดดำเนินกิจการชั่วคราว เนื่องจากเกิดเหตุจลาจล เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2546 และสิทธิการเช่าที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ในประเทศลาวของบริษัทย่อยแห่งหนึ่ง มีมูลค่าตามบัญชี 44.56 ล้านบาท ปัจจุบันโครงการได้หยุดชะงัก งบดุล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2545 ที่แสดงเปรียบเทียบเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินที่ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบและเสนอรายงานไว้แล้วดังกล่าวข้าพเจ้ามิได้ใช้วิธีการตรวจสอบอื่นใดภายหลังวันที่ในรายงานนั้น )
สำนักงานสอบบัญชี ดี ไอ เอ
(นางสุวิมล กฤตยาเกียรณ์)
ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต เลขทะเบียน 2982
วันที่ 11 สิงหาคม 2546
-
- ผู้ติดตาม: 0
สนใจ cph
โพสต์ที่ 8
ซื้อมาแล้วเหมือนกันครับ ที่ 11 บาท เหตุผลคล้ายๆ กับที่คุณ post ครับ
ได้ดู POMPUI บ้างมั้ยครับ น่าลองไป research ดูนะครับ
ได้ดู POMPUI บ้างมั้ยครับ น่าลองไป research ดูนะครับ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
สนใจ cph
โพสต์ที่ 9
เมื่อสัก 1-2 สัปดาห์ก่อน ก่อนที่งบการเงินจะออก ผมเห็น p/b ของ pompui อยู่ที่ 7-8 เท่า ก็เลยไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าแพงมาก ก็เลยไม่ได้ดูงบการเงิน
เมื่อกี้ก็เลยไปเปิดดู ปรากฎว่ากำไรตั้ง 200+ ลบ. ทำให้ p/b ตอนนี้ลดลงเหลือ 1.10
คงต้องไปดูงบอย่างละเอียดซะแล้วครับ
เมื่อกี้ก็เลยไปเปิดดู ปรากฎว่ากำไรตั้ง 200+ ลบ. ทำให้ p/b ตอนนี้ลดลงเหลือ 1.10
คงต้องไปดูงบอย่างละเอียดซะแล้วครับ
แก้ไขล่าสุดโดย สามัญชน เมื่อ เสาร์ ก.ย. 06, 2003 7:38 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
สนใจ cph
โพสต์ที่ 10
ผมลองอ่านงบการเงินแล้วครับ
เห็นว่าความหวังของบริษัทนี้อยู่ที่การปรับโครงสร้างหนี้ในอนาคต
กำไรจากการดำเนินงานหวังได้น้อยมาก
รายละเอียดที่จะบอกว่าในอนาคตจะได้กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้เท่าไหร่ ๆ ไม่มีบอกไว้
ผู้ที่รู้ข้อมูลวงในจะได้เปรียบรายย่อยมาก
จำได้ใหมครับเมื่อ 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ตอนที่ราคา pompui ขึ้นมาเรื่อยๆ จน p/b สูงถึง 7-8 เท่า น่าจะเป็นการใช้ข้อมูลวงใน
เห็นว่าความหวังของบริษัทนี้อยู่ที่การปรับโครงสร้างหนี้ในอนาคต
กำไรจากการดำเนินงานหวังได้น้อยมาก
รายละเอียดที่จะบอกว่าในอนาคตจะได้กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้เท่าไหร่ ๆ ไม่มีบอกไว้
ผู้ที่รู้ข้อมูลวงในจะได้เปรียบรายย่อยมาก
จำได้ใหมครับเมื่อ 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ตอนที่ราคา pompui ขึ้นมาเรื่อยๆ จน p/b สูงถึง 7-8 เท่า น่าจะเป็นการใช้ข้อมูลวงใน
-
- ผู้ติดตาม: 0
สนใจ cph
โพสต์ที่ 12
อ้าว !!!!! ตกเย็นหล่นไปเหลือ 13.50 ซะนี่
ไม่เป็นไร ตอนนี้ขึ้นมา 13.70 อิอิ
ยังปกป้องอยู่
ไม่เป็นไร ตอนนี้ขึ้นมา 13.70 อิอิ
ยังปกป้องอยู่
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
สนใจ cph
โพสต์ที่ 16
ผมว่าพื้นฐานบริษัทยังไม่ดีในหลายจุดนะครับ
1. กำไรใน Q2 นั้นมีจำนวน 72.59 ล้านบาท แต่เป็นรายการกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 61.64 ล้านบาท ดังนั้นกำไรก่อนรายการพิเศษจะเหลือเพียง 10.95 ล้านบาท แต่เมื่อดูรายการภาษีเงินได้กับพบว่าเป็นรายได้ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย ซึ่งไม่น่าจะเป็นรายการปรกติ ซึ่งถ้าไม่รวมรายได้จากภาษีจำนวน 15.29 ล้านบาทแล้ว บริษัทน่าจะขาดทุน
2. ในงวดครึ่งปีก็เช่นเดียวกัน บริษัทรายงานว่ามีกำไรสุทธิจำนวน 96.04 ล้านบาท แต่เป็นกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้และมีรายได้จากภาษีเงินได้ เป็นจำนวน 125.07 และ 16.78 ล้านบาทตามลำดับ ผลการดำเนินงานที่แท้จริงของบริษัทนั้นน่าจะขาดทุน
3. เมื่อพิจารณาในงบกระแสเงินสด พบว่าตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทสามารถหาเงินสดจากการดำเนินงานได้เพียง 14.42 ล้านบาท แต่บริษัทได้เพิ่มสินค้าคงคลังมากถึง 175.05 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานติดลบสูงถึง 199.56 ล้านบาท และเมื่อรวมกับภาระในการลงทุนอีกจำนวน 25.06 ล้านบาท ทำให้บริษัทต้องกู้ยืมเพิ่มเพื่อนำมาใช้จ่ายประมาณ 209.40 ล้านบาท
4. สรุปว่าบริษัทยังคงมีผลการดำเนินงานที่ขาดทุน และบริษัทยังคงไม่สามารถหาเงินสดอิสระได้เลย ยังคงต้องกู้ยืมเพิ่มขึ้น
มีจุดน่าสงสัยคือ ทำไมกำไรสุทธิของงบเดียวและงบรวมถึงไม่เท่ากัน น่าแปลกจัง
1. กำไรใน Q2 นั้นมีจำนวน 72.59 ล้านบาท แต่เป็นรายการกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 61.64 ล้านบาท ดังนั้นกำไรก่อนรายการพิเศษจะเหลือเพียง 10.95 ล้านบาท แต่เมื่อดูรายการภาษีเงินได้กับพบว่าเป็นรายได้ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย ซึ่งไม่น่าจะเป็นรายการปรกติ ซึ่งถ้าไม่รวมรายได้จากภาษีจำนวน 15.29 ล้านบาทแล้ว บริษัทน่าจะขาดทุน
2. ในงวดครึ่งปีก็เช่นเดียวกัน บริษัทรายงานว่ามีกำไรสุทธิจำนวน 96.04 ล้านบาท แต่เป็นกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้และมีรายได้จากภาษีเงินได้ เป็นจำนวน 125.07 และ 16.78 ล้านบาทตามลำดับ ผลการดำเนินงานที่แท้จริงของบริษัทนั้นน่าจะขาดทุน
3. เมื่อพิจารณาในงบกระแสเงินสด พบว่าตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทสามารถหาเงินสดจากการดำเนินงานได้เพียง 14.42 ล้านบาท แต่บริษัทได้เพิ่มสินค้าคงคลังมากถึง 175.05 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานติดลบสูงถึง 199.56 ล้านบาท และเมื่อรวมกับภาระในการลงทุนอีกจำนวน 25.06 ล้านบาท ทำให้บริษัทต้องกู้ยืมเพิ่มเพื่อนำมาใช้จ่ายประมาณ 209.40 ล้านบาท
4. สรุปว่าบริษัทยังคงมีผลการดำเนินงานที่ขาดทุน และบริษัทยังคงไม่สามารถหาเงินสดอิสระได้เลย ยังคงต้องกู้ยืมเพิ่มขึ้น
มีจุดน่าสงสัยคือ ทำไมกำไรสุทธิของงบเดียวและงบรวมถึงไม่เท่ากัน น่าแปลกจัง
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
สนใจ cph
โพสต์ที่ 18
ผมเห็นด้วยกับคุณ chatchai ทั้ง 4 ข้อ
และก็คิดว่าเป็นจุดอ่อนของหุ้นตัวนี้ ผมขอเพิ่มจุดอ่อนที่ควรระวังเข้าไปอีกสักหลายข้อ และขอเพิ่มจุดน่าสนใจในตอนท้ายนะครับ
จุดอ่อนข้อ 1. บริษัทย่อยในประเทศลาว ยังไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ เนื่องจากติดขัดในเรื่องฝีมือของแรงงาน และอัตราภาษี
ซึ่งจุดนี้บริษัทลงทุนไปแล้วเกือบ 50 ลบ. หักค่าเสื่อมลงทุกปี เหลือมูลค่าปัจจุบัน 40.04 ลบ. ซึ่งผมไม่คิดว่าจะสามารเปิดดำเนินงานได้ง่ายๆ จุดสุดท้ายน่าจะอย่ที่ขายทิ้งทั้งหมด ผู้ประเมินอิสระ ( บริษัท อเมริกัน แอพเพรซัล ( ประเทศไทย ) จำกัด ) ตีราคาที่ดินและอาคารไว้ที่ 42.00 ลบ.แต่ผมคิดว่าขายได้ซัก 20 ลบ.ก็พอใจแล้วครับ
2.บริษัทย่อยในเมืองไทย ได้แก่ บริษัทคาสเซ่อร์ พีค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีผลดำเนินงานขาดทุนสุทธิต่อเนื่องมาหลายปี จนถึงปัจจุบันมีผลขาดทุนและหนี้สินมากเกินทุนเสียอีก และบริษัทได้บันทึกหนี้สินและผลขาดทุนเกินทุนลงในรายการขาดทุนเรียบร้อยแล้ว
และก็คิดว่าเป็นจุดอ่อนของหุ้นตัวนี้ ผมขอเพิ่มจุดอ่อนที่ควรระวังเข้าไปอีกสักหลายข้อ และขอเพิ่มจุดน่าสนใจในตอนท้ายนะครับ
จุดอ่อนข้อ 1. บริษัทย่อยในประเทศลาว ยังไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ เนื่องจากติดขัดในเรื่องฝีมือของแรงงาน และอัตราภาษี
ซึ่งจุดนี้บริษัทลงทุนไปแล้วเกือบ 50 ลบ. หักค่าเสื่อมลงทุกปี เหลือมูลค่าปัจจุบัน 40.04 ลบ. ซึ่งผมไม่คิดว่าจะสามารเปิดดำเนินงานได้ง่ายๆ จุดสุดท้ายน่าจะอย่ที่ขายทิ้งทั้งหมด ผู้ประเมินอิสระ ( บริษัท อเมริกัน แอพเพรซัล ( ประเทศไทย ) จำกัด ) ตีราคาที่ดินและอาคารไว้ที่ 42.00 ลบ.แต่ผมคิดว่าขายได้ซัก 20 ลบ.ก็พอใจแล้วครับ
2.บริษัทย่อยในเมืองไทย ได้แก่ บริษัทคาสเซ่อร์ พีค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีผลดำเนินงานขาดทุนสุทธิต่อเนื่องมาหลายปี จนถึงปัจจุบันมีผลขาดทุนและหนี้สินมากเกินทุนเสียอีก และบริษัทได้บันทึกหนี้สินและผลขาดทุนเกินทุนลงในรายการขาดทุนเรียบร้อยแล้ว
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
สนใจ cph
โพสต์ที่ 19
--------------------------------------------------------------------------------
3.บริษัทมีการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญมากเท่าธุรกิจสิ่งทอ และมีผลดำเนินงานขาดทุนในบริษัทร่วม เช่น บริษัทรวมเจริญ พร็อพเพอร์ตี้ บจ.คาสเซ่อร์พีค เคเทอริ่ง บจ.ฟูกูยามา ดีเวลลอปเมนท์ บจ. ธานีวัฒนา เป็นต้น
4.ตลาดส่งออกของบริษัทที่สำคัญคือ ประเทศอเมริกา ร้อยละ 82.6 รองลงมาคือ ยุโรป ร้อยละ 10.4 ดังนั้น การฟื้นตัวหรือไม่ฟื้นตัวของเศรษฐกิจอเมริกาจะมีผลกระทบกับบริษัทอย่างมาก และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ยอดส่งออกลดลง และอัตรากำไรก็จะยิ่งลดลงด้วย
3.บริษัทมีการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญมากเท่าธุรกิจสิ่งทอ และมีผลดำเนินงานขาดทุนในบริษัทร่วม เช่น บริษัทรวมเจริญ พร็อพเพอร์ตี้ บจ.คาสเซ่อร์พีค เคเทอริ่ง บจ.ฟูกูยามา ดีเวลลอปเมนท์ บจ. ธานีวัฒนา เป็นต้น
4.ตลาดส่งออกของบริษัทที่สำคัญคือ ประเทศอเมริกา ร้อยละ 82.6 รองลงมาคือ ยุโรป ร้อยละ 10.4 ดังนั้น การฟื้นตัวหรือไม่ฟื้นตัวของเศรษฐกิจอเมริกาจะมีผลกระทบกับบริษัทอย่างมาก และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ยอดส่งออกลดลง และอัตรากำไรก็จะยิ่งลดลงด้วย
-
- ผู้ติดตาม: 0
สนใจ cph
โพสต์ที่ 20
ขอรายงานผลการแข่งขันระหว่าง cph กับ pomoui ก่อนนะครับ ส่วนจุดอ่อนจุดที่น่าสนใจยังไม่มีเวลาเขียนเลยครับ
ผลการแข่งขันระหว่าง cph กับ pompui 08-08-03
pompui ตาม cph 14.00 ต่อ 14.10 บาท
ผลการแข่งขันระหว่าง cph กับ pompui 08-08-03
pompui ตาม cph 14.00 ต่อ 14.10 บาท
-
- ผู้ติดตาม: 0
สนใจ cph
โพสต์ที่ 21
ผลการแข่งขันระหว่าง cph กับ pompui 09-08-03
pompui นำ cph 13.90 ต่อ 13.60 บาท
pompui นำ cph 13.90 ต่อ 13.60 บาท
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
สนใจ cph
โพสต์ที่ 23
ไม่ได้ post เสียนาน เนื่องจากหมดแรง
cph หล่นเอาๆ ในขณะที่ pompui ขึ้นเอาๆ
และแล้วก็ถึงวันของเรา ฮิ ฮิ
วันนี้ 30-10-03 cph กับ pompui ราคาน่าพอใจทั้งคู่
cph 15.80 บาท
pompui 15.60 บาท
โดยราคา cph สูงสุดของวันอยู่ที่ 17.80 บาท
ปิดที่ 15.80 บาท ค่าเฉลี่ย 16.38 บาท ปริมาณซื้อขาย 8,235,900 หุ้น
พอมีแรงหน่อย
ท่าทางจะต้องเลื่อนโครงการเป็น vi ไปซักหนึ่งไตรมาสซะแล้ว
cph หล่นเอาๆ ในขณะที่ pompui ขึ้นเอาๆ
และแล้วก็ถึงวันของเรา ฮิ ฮิ
วันนี้ 30-10-03 cph กับ pompui ราคาน่าพอใจทั้งคู่
cph 15.80 บาท
pompui 15.60 บาท
โดยราคา cph สูงสุดของวันอยู่ที่ 17.80 บาท
ปิดที่ 15.80 บาท ค่าเฉลี่ย 16.38 บาท ปริมาณซื้อขาย 8,235,900 หุ้น
พอมีแรงหน่อย
ท่าทางจะต้องเลื่อนโครงการเป็น vi ไปซักหนึ่งไตรมาสซะแล้ว
-
- ผู้ติดตาม: 0
สนใจ cph
โพสต์ที่ 24
หนูว่า พี่ก็เป็น vi นะคะ พี่ซื้อ cph ที่ราคาไม่ถึง 10 บาทก็น่าจะซื้ออยู่แล้ว
หนูว่าพี่คงจะชอบการลงทุนแนวของ เกรแฮม แน่ๆเลย ลองดูแนวของบัฟเฟตดูบ้างใหมล่ะคะ
หนูว่าพี่คงจะชอบการลงทุนแนวของ เกรแฮม แน่ๆเลย ลองดูแนวของบัฟเฟตดูบ้างใหมล่ะคะ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
สนใจ cph
โพสต์ที่ 25
วันนี้ผมทยอยขาย cph หลายราคา ตั้งแต่ 17.00-19.30 ไปหมดแล้ว
แต่ผมสงสัยว่าอาจจะไปได้อีกเยอะ
ก็ไม่เป็นไรได้เท่านี้ก็พอใจแล้ว
ตามสัญญาว่าจะถือแค่ไตรมาสเดียว
เดี๋ยวรองบการเงินของทุกบริษัทออกค่อยเจอกันใหม่
นักลงทุนรายไตรมาส ( ลูกหมอตำแย )
แต่ผมสงสัยว่าอาจจะไปได้อีกเยอะ
ก็ไม่เป็นไรได้เท่านี้ก็พอใจแล้ว
ตามสัญญาว่าจะถือแค่ไตรมาสเดียว
เดี๋ยวรองบการเงินของทุกบริษัทออกค่อยเจอกันใหม่
นักลงทุนรายไตรมาส ( ลูกหมอตำแย )
-
- ผู้ติดตาม: 0
สนใจ cph
โพสต์ที่ 27
วันนี้ เวลา10.45 น. cph ขึ้นไปแตะ 22.10 บาท เสียใจด้วยนะคะที่ขายไปหมดแล้ว
-
- ผู้ติดตาม: 0
สนใจ cph
โพสต์ที่ 29
ซื้อสิครับ ลงมาให้ซื้อแล้วครับ เวลาซื้อค่อยๆซื้อนะครับ อย่าซื้อพรวดเดียว :lol: :lol: :lol:
เดี๋ยวจะอึดอัด ราคาเป้าหมายไม่ควรต่ำกว่า 25 บาทครับ
เดี๋ยวจะอึดอัด ราคาเป้าหมายไม่ควรต่ำกว่า 25 บาทครับ