โดย ผู้จัดการรายวัน 10 มิถุนายน 2548 21:59 น.
ผู้จัดการรายวัน- วานนี้(10 มิ.ย.) ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ อาทิ เอสโซ่ บางจาก เชลล์ คาล์เท็กซ์ ยกเว้นปตท.ได้แจ้งปรับขึ้นราคาดีเซลอีก 30 สตางค์/ลิตรมีผลเวลา 06.00 น.วันที่ 11 มิ.ย. ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 2 หลังจากปรับขึ้นไปแล้ว 50 สตางค์/ลิตร เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลของผู้ค้าน้ำมันดังกล่าวอยู่ที่ 18.99 บาท/ลิตร ขณะที่ปตท.อยู่ที่ 18.59 บาทต่อลิตรทำให้ราคาดีเซลของปตท.จะต่ำจากรายอื่นถึง 40 สตางค์ต่อลิตร
นายมนูญ ศิริวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากฯ กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาดีเซลอีก 30 สตางค์ต่อลิตรครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ปรับมาแล้วครั้งหนึ่ง รวมเป็นการปรับขึ้น 80 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งเหตุผลที่ต้องปรับขึ้น เนื่องจากค่าการตลาดอยู่ในภาวะที่ติดลบประมาณ 40 สตางค์/ลิตร ทั้งที่ก่อนที่จะลอยตัวดีเซลค่าการตลาดที่ได้รับอยู่ที่ประมาณ 95 สตางค์/ลิตร และหากต้องปรับราคาให้เหมาะสม ก็ควรที่จะปรับอีก 1 บาทต่อลิตร
" การปรับขึ้น 1 บาทต่อลิตรก็จะกระทบกับผู้บริโภค ส่วนราคาเบนซินก็ได้ค่าการตลาดที่ต่ำเช่นกันโดยได้ที่ ประมาณ 50 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น ซึ่งแนวโน้มหากราคาตลาดโลกไม่ลดลงก็อาจจะเป็นไปได้ว่าสัปดาห์หน้าจะต้องปรับราคาน้ำมันทั้ง 2 ชนิดขึ้นไปอีกครั้ง"
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.ปตท. กล่าวว่า วันที่ 13 มิ.ย.นี้ปตท.จะพิจารณาว่าจะมีการปรับขึ้นราคาดีเซลหรือไม่อีกครั้งหนึ่ง และหากปรับขึ้นก็ยังไม่แน่นอนว่าจะต้องปรับขึ้นเท่ากับผู้ค้าน้ำมันรายอื่นที่ระดับ 30 สตางค์ต่อลิตรหรือไม่เพราะก่อนหน้าปตท.ได้ขึ้นดีเซลเพียง 40 สตางค์ต่อลิตรขณะที่รายอื่นปรับไป 50 สตางค์ต่อลิตร อย่างไรก็ตามปตท.เองไม่ต้องการให้ราคาขายปลีกต่างจากผู้ค้ารายอื่นมากนักเพราะหากต่างกันมากจะทำให้คนแห่เข้ามาเติมดีเซลปตท.จนหมดและก็จะทำให้มีปัญหาต่อการจัดหาให้กับปั๊มปตท. ซึ่งการนำเข้าก็จะเป็นปัญหาที่ยุ่งยาก
"ค่าการตลาดดีเซลขณะนี้ติดลบ 10 สตางค์ต่อลิตร ส่วนเบนซินค่าการตลาดอยู่ที่ 60 สตางค์ ปัจจุบันราคาน้ำมันแทบจะไม่มีกำไรอยู่แล้วแต่ปตท. อยากจะขายเท่าที่จะขาย เพราะถ้าสมมติไม่ขายแบบนี้ก็จะไม่มีใครขาย แต่สิ่งสำคัญปตท.ไม่ได้มุ่งหวังที่จะไปเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดที่อยู่ 30% แต่การขึ้นราคาต่ำกว่าคนอื่นส่วนแบ่งการตลาดจะขึ้นไปหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง"
ทั้งนี้หากประเมินราคาน้ำมันตลาดโลกในครึ่งปีหลังของปีนี้ คาดว่าน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ 42.5 - 51.7 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาเบนซินตลาดสิงคโปร์ เบนซิน 95 คาดว่าจะอยู่ระดับ 54.5-63.6 เหรียญต่อบาร์เรล ดีเซล 56.8-65.9 เหรียญต่อบาร์เรล ดังนั้นประเมินราคาขายปลีกน้ำมันในไทยครึ่งปีหลังคาดว่าเบนซิน 95 จะอยู่ที่ประมาณ 22-24 บาทต่อลิตร ขณะที่ดีเซลหากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจ่ายชดเชยระดับ 1.76 บาทต่อลิตรและลดสรรพสามิตช่วยเหลือยู่ก็จะอยู่ในระดับประมาณ 18.19- 19.30 บาทต่อลิตร แต่กรณีที่ไม่ชดเชยก็จะอยู่ที่ระดับ 18.74-21.19 บาทต่อลิตรแต่เชื่อว่ารัฐบาลคงจะมีการชดเชยอยู่