มี VI คนไหนที่ผสม concept DSM เข้าไปบ้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 2326
- ผู้ติดตาม: 0
มี VI คนไหนที่ผสม concept DSM เข้าไปบ้าง
โพสต์ที่ 2
ไม่ใช่ vi แท้ครับ
ซื้อไปแล้ว ซื้อคืนได้ไหม???
มีบ้างครับที่เสียกองหลังไป หากขายได้ตามช่องที่ลง จะมาทดแทนกับราคาหุ้น ที่เราปล่อย let profit run ได้
ซื้อไปแล้ว ซื้อคืนได้ไหม???
มีบ้างครับที่เสียกองหลังไป หากขายได้ตามช่องที่ลง จะมาทดแทนกับราคาหุ้น ที่เราปล่อย let profit run ได้
งด เลิก เสพ สุรา บุหรี่ วันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีของท่าน
-
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
มี VI คนไหนที่ผสม concept DSM เข้าไปบ้าง
โพสต์ที่ 3
ใครช่วยสงเคราะห์หน่อยเถอะครับ อ่านมานานแล้ว ไม่รู้ว่า DSM คืออะไรและย่อมาจากอะไร ดูเหมือนๆ short against port หรือเปล่าครับ ไม่รู้ผมเป็นคนเดียวที่อ่านไม่เข้าใจหรือเปล่า
"Much success can be attributed to inactivity. Most investors cannot resist the temptation to constantly buy and sell."
-
- Verified User
- โพสต์: 1608
- ผู้ติดตาม: 0
มี VI คนไหนที่ผสม concept DSM เข้าไปบ้าง
โพสต์ที่ 4
Den Sri Method
Descending Sell Method
?!?!
Descending Sell Method
?!?!
มนุษย์เห่อลูก :lol:
http://tyakon.multiply.com
http://tyakon.multiply.com
-
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
มี VI คนไหนที่ผสม concept DSM เข้าไปบ้าง
โพสต์ที่ 5
คือจากกระทู้ของคุณเด่นศรีในพันทิปหรือเปล่าครับ เคยอ่านแล้ว พูดถึงช่องว่างของตลาดอะไรไม่รู้เรื่อง เลยผ่านๆไป มีใครอ่านแล้วรู้เรื่องช่องว่างอะไรของเขาหรือเปล่าครับ
"Much success can be attributed to inactivity. Most investors cannot resist the temptation to constantly buy and sell."
-
- Verified User
- โพสต์: 118
- ผู้ติดตาม: 0
มี VI คนไหนที่ผสม concept DSM เข้าไปบ้าง
โพสต์ที่ 6
ผมพยายามทำความเข้าใจ DSMอยู่นานมากก็ยังไม่Get
เท่าที่เข้าใจ โดยคร่าวๆ สมมุติว่า ซื้อหุ้น Aที่ 10บาท เมื่อราคาลงมา 9 บาท ขายออกไป แล้วซื้อกลับที่ราคา 8 บาท โดยทำการบันทึกบัญชีว่า ได้เงินสดแฝงมาหุ้นละ 1 บาท ถ้าหุ้นยังตกลงมา 7 บาทก็ขายออกไป แล้วซื้อคืนที่ 6 บาทพร้อมบันทึกบัญชีว่ากำไรแฝงอีก 1 บาท
โดยรายละเอียดจะต้องมีการซื้อคืนโดยเพิ่มจำนวนหุ้นที่ซื้อคืน และแบ่งการขายออกเป็นขั้นย่อยไม่ขายทีเดียวทั้งหมด
ที่ผมไม่เข้าใจก็คือ จะบันทึกกำไรเงินสดแฝงไว้ 2 บาท ได้ก็ต้องคิดต้นทุนหุ้นที่ถืออยู่ที่ต้นทุนหุ้นละ 10 บาท ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ 6 บาท ถูกต้องหรือไม่ครับ
ปล.สมาชิกใหม่ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ
เท่าที่เข้าใจ โดยคร่าวๆ สมมุติว่า ซื้อหุ้น Aที่ 10บาท เมื่อราคาลงมา 9 บาท ขายออกไป แล้วซื้อกลับที่ราคา 8 บาท โดยทำการบันทึกบัญชีว่า ได้เงินสดแฝงมาหุ้นละ 1 บาท ถ้าหุ้นยังตกลงมา 7 บาทก็ขายออกไป แล้วซื้อคืนที่ 6 บาทพร้อมบันทึกบัญชีว่ากำไรแฝงอีก 1 บาท
โดยรายละเอียดจะต้องมีการซื้อคืนโดยเพิ่มจำนวนหุ้นที่ซื้อคืน และแบ่งการขายออกเป็นขั้นย่อยไม่ขายทีเดียวทั้งหมด
ที่ผมไม่เข้าใจก็คือ จะบันทึกกำไรเงินสดแฝงไว้ 2 บาท ได้ก็ต้องคิดต้นทุนหุ้นที่ถืออยู่ที่ต้นทุนหุ้นละ 10 บาท ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ 6 บาท ถูกต้องหรือไม่ครับ
ปล.สมาชิกใหม่ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ
ที่สุดสำคัญที่ใจ
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
มี VI คนไหนที่ผสม concept DSM เข้าไปบ้าง
โพสต์ที่ 8
ขอถือหุ้นดีๆแล้วไม่ขายซัก1000หุ้นดีกว่าถือหุ้นห่วยแตกแต่ขาดทุน10000000000
หุ้น
เคยสอบถามกับคนที่เขาเล่นแนวนี้...เขาไม่พูดยอดเงิน.....เขาจะพูดแต่ยอดหุ้นที่จะมีมากขึ้น......แต่เขาไม่เคยดูปัจจัยพื้นฐานเลย สรุปว่าน่าจะขาดทุนมากกว่ากำไร
หุ้น
เคยสอบถามกับคนที่เขาเล่นแนวนี้...เขาไม่พูดยอดเงิน.....เขาจะพูดแต่ยอดหุ้นที่จะมีมากขึ้น......แต่เขาไม่เคยดูปัจจัยพื้นฐานเลย สรุปว่าน่าจะขาดทุนมากกว่ากำไร
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
มี VI คนไหนที่ผสม concept DSM เข้าไปบ้าง
โพสต์ที่ 9
ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณมองว่ากระแสเงินสดที่เข้ามาให้ใช้จ่ายรายเดือนของคุณคืออะไรมากกว่าครับ ถ้าคุณเป็น VI, กระแสเงินสดอาจจะมาจากปันผล? ซึ่งก็แน่นอนคุณก็คงดูที่พื้นฐาน ผลประกอบการระยะยาว etc etcเคยสอบถามกับคนที่เขาเล่นแนวนี้...เขาไม่พูดยอดเงิน.....เขาจะพูดแต่ยอดหุ้นที่จะมีมากขึ้น......แต่เขาไม่เคยดูปัจจัยพื้นฐานเลย สรุปว่าน่าจะขาดทุนมากกว่ากำไร
แต่สำหรับ DSM ถ้าผมถือหุ้นที่พื้นฐานแย่ แต่บริษัทไม่เจ๊งภายใน 4-5 ปีแน่ๆ แล้วหุ้นที่พื้นฐานแย่นี้มันทำกระแสเงินสดให้ผมได้เดือนละ 1-3% ของเงินลงทุน ผมก็พอใจเหมือนกันนั่นแหละครับ มันขึ้นอยู่กับการเลือกหุ้น แล้วก็มุมมองของการลงทุนมากกว่าว่าคุณหวังอะไรจากเงินที่ลงไป
ที่ DSMer เค้าพูดถึงจำนวนหุ้นซะเป็นส่วนใหญ่ นั่นก็เพราะว่ากระแสเงินสด (หรือกระแสเงินสดแฝง) ที่ได้เนี่ย มันแปรผันตามจำนวนหุ้น กับ การแกว่งตัวของราคาหุ้นครับ แต่ไอ้การแกว่งเนี่ย มันก็พูดยากเพราะไม่มีอะไรมาวัดเป็นเชิงปริมาณ เค้าก็เลยพูดถึงเฉพาะจำนวนหุ้นซะมากกว่า
สมมุติผมซื้อหุ้นตัวนึง ที่ราคา 10 บาท จำนวน 1 แสนหุ้น... อีก 2 ปีต่อมา ราคาตกมาเหลือ 1 บาท... แน่นอนถ้าคนที่มองในแง่ของกำไร-ขาดทุน มันก็คงขาดทุนดีกว่าถือหุ้นห่วยแตกแต่ขาดทุน10000000000 หุ้น
แต่ถ้าบอกว่า ในระหว่าง 2 ปีนั้น ไอ้หุ้นตัวนี้มันสร้าง รายได้ ให้ผมได้ 1 ล้านบาท.. เป็นเงินสดเท่ากับทุนที่ลงไป ถอนออกมาใช้จริงได้ นั่นก็หมายความว่าหุ้นที่อยู่ในตลาดเป็นของฟรีใช่มั้ยครับ? ถ้างั้นถึงราคามันจะตกไปเหลือ 0.1 บาท คุณจะยังคิดว่าขาดทุนหรือกำไรครับ
แค่อยากขยายความนิดหน่อยเพราะอ่านไปแล้วรู้สึกว่าคุณยังไม่ได้ศึกษาที่ แนวคิด ของไอ้ DSM นี่มากกว่า แล้วก็ไม่ได้บอกว่า VI หรือ DSM ดีกว่ากัน แต่มันก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความเข้าใจ และความเหมาะสมของแต่ละคนมากกว่า
กระบี่อยู่ที่ใจ 8)
- moo
- Verified User
- โพสต์: 1150
- ผู้ติดตาม: 0
มี VI คนไหนที่ผสม concept DSM เข้าไปบ้าง
โพสต์ที่ 10
ผมเข้าใจว่า ท่านเน้นที่พื้นฐานด้วยนะครับ ไม่ใช่ไม่ดูเลยเคยสอบถามกับคนที่เขาเล่นแนวนี้...เขาไม่พูดยอดเงิน.....เขาจะพูดแต่ยอดหุ้นที่จะมีมากขึ้น......แต่เขาไม่เคยดูปัจจัยพื้นฐานเลย สรุปว่าน่าจะขาดทุนมากกว่ากำไร
แต่หุ้นตัวไหนที่ถ้าราคายิ่งแกว่งตัวยิ่งบ่อยยิ่งดี
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
มี VI คนไหนที่ผสม concept DSM เข้าไปบ้าง
โพสต์ที่ 11
อย่าไปสนใจกับวิธีการมากเกินไปครับ มันเป็นแค่เครื่องมือที่จะนำไปสู่เป้าหมาย
เท่านั้นเอง สิ่งที่ขับเคลื่อนเครื่องมือคือสมองมนุษย์ และเป็นส่วนที่สำคัญ
ที่สุดในการลงทุน ไม่ใช่ต่อมอะดรีนาลีน เอ็นดอร์ฟิน หรือ วิธีการใดๆ
VI เป็นวิธีการหนึ่ง DSM เป็นวิธีการหนึ่ง TA ก็หนึ่ง TT ก็ใช่ VI+DSM ก็ไม่แปลก
การเล่นหุ้นทุกแนว มีองค์ประกอบหลักๆ ที่เหมือนกันอยู่ 3 ขั้นตอน
1. กำหนดเป้าหมายการลงทุน
2. กำหนดวิธีการที่จะไปถึงเป้าหมาย
3. ดำเนินการ
ส่วนใหญ่จะมองแค่วิธีการ แต่วิธีการที่ดีสำหรับคนหนึ่ง
อาจจะเป็นการฆ่าตัวตายสำหรับคนอื่น
วิธีการดี ดำเนินการถูกต้อง แต่ไปผิดทาง ก็ไปไม่ถึงเป้าหมายอยู่ดี
วิธีการดี เป้าหมายถูกต้อง แต่ดำเนินการผิดพลาด ก็ไปไม่ถึงเป้าหมาย
ก่อนจะถกกันเรื่อง VI หรือ DSM คุณมีเป้าหมายในการลงทุนชัดเจนหรือยังครับ
ขอยืมคำพูดของคุณ unexpected ครับ "กระบี่อยู่ที่ใจ"
เท่านั้นเอง สิ่งที่ขับเคลื่อนเครื่องมือคือสมองมนุษย์ และเป็นส่วนที่สำคัญ
ที่สุดในการลงทุน ไม่ใช่ต่อมอะดรีนาลีน เอ็นดอร์ฟิน หรือ วิธีการใดๆ
VI เป็นวิธีการหนึ่ง DSM เป็นวิธีการหนึ่ง TA ก็หนึ่ง TT ก็ใช่ VI+DSM ก็ไม่แปลก
การเล่นหุ้นทุกแนว มีองค์ประกอบหลักๆ ที่เหมือนกันอยู่ 3 ขั้นตอน
1. กำหนดเป้าหมายการลงทุน
2. กำหนดวิธีการที่จะไปถึงเป้าหมาย
3. ดำเนินการ
ส่วนใหญ่จะมองแค่วิธีการ แต่วิธีการที่ดีสำหรับคนหนึ่ง
อาจจะเป็นการฆ่าตัวตายสำหรับคนอื่น
วิธีการดี ดำเนินการถูกต้อง แต่ไปผิดทาง ก็ไปไม่ถึงเป้าหมายอยู่ดี
วิธีการดี เป้าหมายถูกต้อง แต่ดำเนินการผิดพลาด ก็ไปไม่ถึงเป้าหมาย
ก่อนจะถกกันเรื่อง VI หรือ DSM คุณมีเป้าหมายในการลงทุนชัดเจนหรือยังครับ
ขอยืมคำพูดของคุณ unexpected ครับ "กระบี่อยู่ที่ใจ"
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
มี VI คนไหนที่ผสม concept DSM เข้าไปบ้าง
โพสต์ที่ 12
ผมเคยพยายามผสมกัน
อย่างคุณck ว่าดีทุกๆวิธีการ อยู่ที่ผู้ใช้มากกว่า
อย่างคุณck ว่าดีทุกๆวิธีการ อยู่ที่ผู้ใช้มากกว่า
แก้ไขล่าสุดโดย ต.หยวนเปียว เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 20, 2005 1:53 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- Verified User
- โพสต์: 1150
- ผู้ติดตาม: 0
มี VI คนไหนที่ผสม concept DSM เข้าไปบ้าง
โพสต์ที่ 13
ผมใช้ VI ผสมกับ DSM คือเลือกหุ้นที่คิดว่าดีที่สุดและคิดว่าจะอยู่ด้วยกัน
ตลอดไป แล้วเอา DSM มาใช้แทนที่จะถือแล้วไม่ขาย เพราะเราไม่ได้เป็นผู้บริหารเราจะรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้ดี อีก 5 ปีจะดี
การใช้ DSM มันจะช่วยให้เราลดความเสี่ยงในกรณีที่หุ้นไม่เป็นอย่างที่เราคิด เช่น SE-ED เป็นหุ้นที่ดีแต่วันที่เราซื้อ 6 บาทเราก็คิดว่ามันดีถึงตอนนี้เราก็ยังคิดว่ามันดี แต่ถ้าเราใช้ DSM เราลดความเสี่ยงลงไปเยอะแล้ว
ในทำนองเดียวกันถ้ามันขึ้น เมื่อก่อนพอมันขึ้นนิดหน่อยเราก็กลัวว่ามันจะลงขายมันไปก่อน แต่ถ้า DSM ก็ถือมันไปเรื่อยๆหักหัวลงเมื่อไรก็ขายไม่ขายที่ราคาต่ำเหมือนเมื่อก่อน
แน่นอนสำหรับคนที่มีความรุ้เช่นพี่ๆเก่งๆทั้งหลายย่อมรู้ว่าควรขายราคาใด แต่สำหรับเรารู้แต่เพียงว่าหุ้นดี ถ้าไม่มีแผนการเลยเราอาจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากเงินปันผล
ต้องถามตัวเองว่ามีความสารมารถแค่ไหน ถ้าเก่งอย่างพี่ฉัตรชัย การใช้ DSM ก็ไม่จำเป็น อย่ายึดเพียงแต่ว่า VI คือการถือตลอดไป ถ้าคุณใจไม่นิ่งพอมันมีแต่ความเจ็บปวดกับการรอคอยเวลาหุ้นเราลงแล้วเมื่อไรมันจะขึ้น เปิดใจให้กว้างเพื่อหาวิธีที่เหมาะกับเรา เพราะการใช้ DSM ก็ต้องประยุกต์ให้เหมาะกับห้นที่เราถือเหมือนกัน
ตลอดไป แล้วเอา DSM มาใช้แทนที่จะถือแล้วไม่ขาย เพราะเราไม่ได้เป็นผู้บริหารเราจะรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้ดี อีก 5 ปีจะดี
การใช้ DSM มันจะช่วยให้เราลดความเสี่ยงในกรณีที่หุ้นไม่เป็นอย่างที่เราคิด เช่น SE-ED เป็นหุ้นที่ดีแต่วันที่เราซื้อ 6 บาทเราก็คิดว่ามันดีถึงตอนนี้เราก็ยังคิดว่ามันดี แต่ถ้าเราใช้ DSM เราลดความเสี่ยงลงไปเยอะแล้ว
ในทำนองเดียวกันถ้ามันขึ้น เมื่อก่อนพอมันขึ้นนิดหน่อยเราก็กลัวว่ามันจะลงขายมันไปก่อน แต่ถ้า DSM ก็ถือมันไปเรื่อยๆหักหัวลงเมื่อไรก็ขายไม่ขายที่ราคาต่ำเหมือนเมื่อก่อน
แน่นอนสำหรับคนที่มีความรุ้เช่นพี่ๆเก่งๆทั้งหลายย่อมรู้ว่าควรขายราคาใด แต่สำหรับเรารู้แต่เพียงว่าหุ้นดี ถ้าไม่มีแผนการเลยเราอาจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากเงินปันผล
ต้องถามตัวเองว่ามีความสารมารถแค่ไหน ถ้าเก่งอย่างพี่ฉัตรชัย การใช้ DSM ก็ไม่จำเป็น อย่ายึดเพียงแต่ว่า VI คือการถือตลอดไป ถ้าคุณใจไม่นิ่งพอมันมีแต่ความเจ็บปวดกับการรอคอยเวลาหุ้นเราลงแล้วเมื่อไรมันจะขึ้น เปิดใจให้กว้างเพื่อหาวิธีที่เหมาะกับเรา เพราะการใช้ DSM ก็ต้องประยุกต์ให้เหมาะกับห้นที่เราถือเหมือนกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
มี VI คนไหนที่ผสม concept DSM เข้าไปบ้าง
โพสต์ที่ 14
ผมก็พึ่งเริ่มใช้DSMเข้ากับVIครับ
คงเป็นเพราะไม่พอใจกับเงินปันผลปันปีละ1-2ครั้งมั้ง ทั้งที่เรามีโอกาสได้รับเงินสดแฝงตลอดเวลาที่หุ้นเคลื่อนไหวแรงๆ เงินที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับเราหละครับว่าจะขยายอาณาจักรเพิ่ม หรือดึงเอามาใช้อย่างอื่น แต่ที่แน่ๆต้นทุนหุ้นเราลดลงแล้ว
ผมมองว่าเหมือนเราขายฝากหุ้นมั้ง แต่เราจะไถ่ถอนต่อเมื่อต่ำกว่าราคาที่ขายไป ถ้ามันไม่ลงมาให้รับกลับ(ในระยะสั้น) เราก็ยังเหลือกองทัพไว้ลุยต่อนี่นา
Be happy
คงเป็นเพราะไม่พอใจกับเงินปันผลปันปีละ1-2ครั้งมั้ง ทั้งที่เรามีโอกาสได้รับเงินสดแฝงตลอดเวลาที่หุ้นเคลื่อนไหวแรงๆ เงินที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับเราหละครับว่าจะขยายอาณาจักรเพิ่ม หรือดึงเอามาใช้อย่างอื่น แต่ที่แน่ๆต้นทุนหุ้นเราลดลงแล้ว
ผมมองว่าเหมือนเราขายฝากหุ้นมั้ง แต่เราจะไถ่ถอนต่อเมื่อต่ำกว่าราคาที่ขายไป ถ้ามันไม่ลงมาให้รับกลับ(ในระยะสั้น) เราก็ยังเหลือกองทัพไว้ลุยต่อนี่นา
Be happy
VI AD HOC
- S&K Fund
- Verified User
- โพสต์: 247
- ผู้ติดตาม: 0
มี VI คนไหนที่ผสม concept DSM เข้าไปบ้าง
โพสต์ที่ 15
ตอนนี้กำลังมองแนวทางของตนเองในการลงทุนนะครับ เริ่มจาก VI เพื่อที่เราจะได้มี
ความรู้ในการเลือกหุ้น และเข้าใจในพื้นฐานของหุ้นนั้น แต่ผมก็ยังไม่ได้เข้าถึงพื้นฐาน
เท่าไรนะครับ ส่วนหลังจากที่ได้หุ้นพื้นฐานที่ดี ( ตามที่คิดนะครับ ) แต่ถ้าราคาหุ้น
ตกลงมามากเกินไป ก็ใช้ DSM ในการลงการลงทุน แล้วกลับไปศึกษาว่ามีการมอง
อะไรที่พลาดไปบ้าง
คงต้องหาส่วนผสมในการลงทุนต่อไปนะครับ
ความรู้ในการเลือกหุ้น และเข้าใจในพื้นฐานของหุ้นนั้น แต่ผมก็ยังไม่ได้เข้าถึงพื้นฐาน
เท่าไรนะครับ ส่วนหลังจากที่ได้หุ้นพื้นฐานที่ดี ( ตามที่คิดนะครับ ) แต่ถ้าราคาหุ้น
ตกลงมามากเกินไป ก็ใช้ DSM ในการลงการลงทุน แล้วกลับไปศึกษาว่ามีการมอง
อะไรที่พลาดไปบ้าง
คงต้องหาส่วนผสมในการลงทุนต่อไปนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 135
- ผู้ติดตาม: 0
มี VI คนไหนที่ผสม concept DSM เข้าไปบ้าง
โพสต์ที่ 16
เท่าที่ผมเข้าใจ
DSM เป็นวิธีที่ลดความเสี่ยงของการผันผวนของราคา หรืออารมณ์ของ Mr.Market
โดยใช้ราคาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจขาย
ความจริงแล้ว VI ก็มีการลดความเสี่ยงเช่นกัน แต่ว่าดูที่พื้นฐานของบริษัทนั้นๆเป็นหลัก ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน หรือว่าเห็นโอกาสเมื่อราคาสูงกว่าพื้นฐานมากเกินไป
ทำให้มีการซื้อขายน้อยครั้ง
ต่างกับ DSM หากราคาแกว่ง การซื้อขายก็จะเพิ่มมากขึ้น
ผู้ที่ใช้วิธีนี้คงต้องมีวินัยมากทีเดียวครับ
DSM เป็นวิธีที่ลดความเสี่ยงของการผันผวนของราคา หรืออารมณ์ของ Mr.Market
โดยใช้ราคาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจขาย
ความจริงแล้ว VI ก็มีการลดความเสี่ยงเช่นกัน แต่ว่าดูที่พื้นฐานของบริษัทนั้นๆเป็นหลัก ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน หรือว่าเห็นโอกาสเมื่อราคาสูงกว่าพื้นฐานมากเกินไป
ทำให้มีการซื้อขายน้อยครั้ง
ต่างกับ DSM หากราคาแกว่ง การซื้อขายก็จะเพิ่มมากขึ้น
ผู้ที่ใช้วิธีนี้คงต้องมีวินัยมากทีเดียวครับ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
มี VI คนไหนที่ผสม concept DSM เข้าไปบ้าง
โพสต์ที่ 17
ลึกซึ้งๆ....CK Wrote:
วิธีการดี ดำเนินการถูกต้อง แต่ไปผิดทาง ก็ไปไม่ถึงเป้าหมายอยู่ดี
วิธีการดี เป้าหมายถูกต้อง แต่ดำเนินการผิดพลาด ก็ไปไม่ถึงเป้าหมาย
สำหรับผมๆคิดว่าเป้าหมายมาก่อน
วิธีการจะค่อยๆเกิดต่อ เหมือนกัน
แต่ผมชอบการดำเนินการมากสุด
บางทีมันก็ไม่ได้ตามเป้าหมายนะ บ่อยด้วย
แต่แค่ได้ทำ ตามที่คิดผมว่าก็มีความสุขอยู่ในนั้นเยอะแล้ว...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า