เป้าหมาย คือ เวลาครับและ เวลาคือคำตอบเป้าหมายของเราเอง
ไม่จำเป็นต้องตั้งว่า แต่ละปี จะต้องกำไรไม่ต่ำกว่าเท่าไรๆ ไม่สุขหรอกครับ เวลาลงทุน
ขอให้การลงทุนสร้างเสริมปัญญาด้วยนะคับ


leaderinshadow เขียน:ผมชอบนั่งจิ้มเครื่องคิดเลข
1.25 ยกกำลัง 40 เท่ากับ 7500![]()
ความหมายของประโยคข้างบนคือ ถ้าคุณลงทุนให้ได้ผลตอบแทนทบต้น
ด้วยอัตราผลตอบแทน 25%
ต่อปี อีก 40 ปีข้างหน้า
เงินลงทุน 1 บาท จะกลายเป็นเงิน 7500 บาท
leaderinshadow เขียน:จิ้มขำๆ ครับ![]()
แต่เหมือนเคยได้ยินว่า บัฟเฟ็ทได้ 28-29% หรือเปล่า(ถ้าจำไม่ผิด)
แล้วก็ช่วง 10 ปี แรก ได้เฉลี่ยปีละ 40%
นอกจากบัฟเฟต มีใครทำได้มากกว่าเขาไหมคะpicatos เขียน:leaderinshadow เขียน:ผมชอบนั่งจิ้มเครื่องคิดเลข
1.25 ยกกำลัง 40 เท่ากับ 7500![]()
ความหมายของประโยคข้างบนคือ ถ้าคุณลงทุนให้ได้ผลตอบแทนทบต้น
ด้วยอัตราผลตอบแทน 25%
ต่อปี อีก 40 ปีข้างหน้า
เงินลงทุน 1 บาท จะกลายเป็นเงิน 7500 บาท![]()
![]()
![]()
25% เฉลี่ย 40 ปีเลยเหรอครับ...
เก่งกว่าบัฟเฟตอีกนะเนี่ย...
ผมว่าระยะยาวขนาด 40 ปีนี่... หวังเฉลี่ยสัก 15% ก็พอมั้งครับ...
ในทางกลับกัน คนที่ทำได้น้อยกว่านั้นเยอะ ถึงขั้นติดลบเยอะมีมากมาย ไม่รู้ว่าเยอะกว่าคนที่กำไรหรือเปล่าด้วยซ้ำ แต่เราก็ไม่รู้จักคนพวกนั้น เพราะหนังสือ "ลงทุนยังไงให้เจ๊งหุ้นแบบ John Doe" คงจะขายไม่ดีนักmadam เขียน:นอกจากบัฟเฟต มีใครทำได้มากกว่าเขาไหมคะ
หรือเราไม่รู้ เพราะพวกนั้นไม่ใช่ big name จึงไม่มีใครใส่ใจหาข้อมูล
แต่ประโยคของคุณ damiano ยิ่งลึกซึ้งเข้าไปมากขึ้นนะครับหูยยยย ผมชอบประโยคนี้มากเลย
พอ อยู่ที่ตัวเราเอง ไม่จำเป็นต้องไปเทียบ ไปแข่งกับใคร
เคยมีคนแนะนำ Prosperity Capital Management จากรัสเซีย ผลตอบแทนทบต้น 45% ตั้งแต่ปี 1999 กลยุทธ์ที่เขาใช้ Long-only, no leverage, และเป็น activist shareholder. ไม่รู้ว่าใช่รึเปล่าleaderinshadow เขียน:เคยมี 40-50% ของใครซักคน ที่เน้น asset play
แต่รายนี้จะเข้าไปซื้อ และเข้าไปบริหารด้วยเพื่อปลดล็อคมูลค่าหุ้นนั้นๆ
เหมือนเคยอ่านเจอใน Blog ของพี่สุมาอี้
แต่ระยะเวลาของกองทุนนี้ อยู่มานานประมาณ 20 ปี เองมั้ง (ถ้าจำไม่ผิด)
http://dekisugi.net/archives/10639leaderinshadow เขียน:เคยมี 40-50% ของใครซักคน ที่เน้น asset play
แต่รายนี้จะเข้าไปซื้อ และเข้าไปบริหารด้วยเพื่อปลดล็อคมูลค่าหุ้นนั้นๆ
เหมือนเคยอ่านเจอใน Blog ของพี่สุมาอี้
แต่ระยะเวลาของกองทุนนี้ อยู่มานานประมาณ 20 ปี เองมั้ง (ถ้าจำไม่ผิด)
ในระยะเวลาที่ยาวมากๆ ก็คงมี Buffet หละมั้งครับ
แต่ปู่แกก็บ่นๆว่า พอตัวเริ่มใหญ่ ก็เริ่มหาหุ้นยาก
ผลตอบแทนช่วงหลังเลยฉุดผลตอบแทนโดยรวมลง
ถ้าคิดในแบบนี้ ปันหามันที่ พี่คิดผิดแต่แรกเลยครับsimsonanelka เขียน:คนพอร์ทใหญ่ๆ ส่วนใหญ่เอาตังค์ที่ไหนมาลงทุนกัน
ผม 30 ปี เงินเดือน 40,000 บาท
ใช้จ่ายในครอบครัว เหลือเงินเดือนละ 10,000 บาท
ทยอยซื้อหุ้น ปีนึงก็ได้ 120,000 บาท
ปันผลอีก 5 % ได้้ 6,000 บาท
ปันผลแทบไม่ได้อะไรเลย ไม่พอกิน หุ้นที่ซื้อก็ VI เต่าจริงไป ไม่ไปไหนเลย
คิดดูอีก 10 ปี ก็ได้ 1,200,000 บาท+ปันผล 60,000 บาท
= 1,260,000 บาท ยังไม่พอซื้อบ้านเลย
คนที่พอร์ทใหญ่ๆ นี่ไปกู้ที่ไหนมาซื้อหุ้น หรือเอาตังค์จากไหนมาลงทุนกันครับ
รวมๆแล้วท่านใช้เวลาเท่าไหร่ครับ ไต่จาก 5 ---> 500 ล้าน? จริงๆเยี่ยมมากเลยครับ ถ้าท่านสามารถมอง cpall ออกเหมือนอาจารย์นิเวศน์ อาจจะ 10 เด้งอีกรอบเลยนะเนี่ย หุ้นเติบโตมีเวลาเป็นเพื่อนจริงๆ สำคัญคือ คนถือจะอดทนและมองไปข้างหน้าได้ขาดแค่ไหนจริงๆ โดยเฉพาะปัจจัยเชิงคุณภาพpak เขียน:เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา...
มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ผมเคารพและนับถือท่านเปรียบเสมือนเป็นครูบาอาจารย์ด้านการลงทุนอีกท่านหนึ่งของผม ท่านเล่าให้ผมฟังว่า...
ท่านรู้จักนักลงทุนท่านหนึ่งอายุ 60 กว่า ทำงานเปิดร้าน Xerox มาตลอดชีวิตแถวหน้ารามฯ โดยท่านมีเงินเก็บประมาณ 5 ล้านบาท
ท่านนำเงินทั้งหมดไปซื้อหุ้น PTT ที่ราคาประมาณ 35 บาท และไปขายที่ 370 บาท
จากนั้นท่านไปลงทุนในบริษัทฯที่่ 2 คือ CPALL
ซื้อราคาแถวๆ 6 - 7 บาท แล้วไปขาย(หมู)ที่ประมาณ 20 บาท
และสุดท้ายด้วยความที่ท่านสนใจหุ้นค้าปลีก และหมั่นไปร่วม Company Visit
ท่านจึงเข้าลงทุนในบริษัทฯที่ 3 คือ Global โดยก่อนลงทุนท่านไปยืนนับลูกค้าที่เข้าในหลายๆสาขา และสังเกตการซื้อสินค้าต่างๆ
มากกว่านั้น ท่านยังไปนับของบริษัทฯคู่แข่งต่างๆอีกด้วย แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน จึงเกิดความมั่นใจ
ท่านซื้อหุ้นที่ราคา 2.50 บาท วันนี้ 10 กว่าบาท
เข้าใจว่า นักลงทุนท่านนี้ ท่านลงทุนในหุ้นเพียง 3 บริษัทฯเท่านั้น วันนี้ท่านมีเงินไม่น่าจะต่ำกว่า 500 ล้านบาท!!!
ท่านเป็น "นักลงทุน" นะครับ ไม่ใช่ "นักเล่นหุ้น"
และท่านก็ถือ 100% พอร์ต และถือหุ้นที่มีน้ำหนักมากๆตัวเดียวในพอร์ต
ท่านก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างสวยงาม
ส่วนตัวผมเอง ผมเชื่อว่า..."ความสำเร็จ...ไม่มีสูตรตายตัว ขึ้นอยู่กับแนวทางของแต่ละคน"
แต่ที่แน่ๆ...
ความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ ต้องสามารถอธิบายและเล่าต่อได้เสมอ
...ผมเชื่อเช่นนั้น
จริงๆท่านบอกชื่อนักลงทุนท่านนั้นมาด้วย แต่ผมจำไม่ได้ครับ
ต้องขออภัยด้วย หากมีข้อผิดพลาดหรือข้อมูลที่บกพร่องไป
ด้วยความเคารพ
Pak ThaiVI
แต่เจ้าของกระทู้ post ไว้ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว และไม่ค่อยได้ post เลย (จำนวน post 45 ครั้ง)zephyr เขียน:ผมอ่านแล้วเข้าใจว่าเจ้าของกระทู้อาจจะยังไม่เข้าใจในคำว่า VI นะครับ
เพราะบอกว่าเป็น VI ต้องถือยาว แต่จริงๆแล้วผมว่าการเลือกบริษัทนั้นสำคัญกว่ามาก
เห็นยกตัวอย่างมาเป็น APRINT คงต้องถามตัวเองว่าทำไมถึงเลือก APRINT และมั่นใจขนาดว่าจะถือยาวเป็น 10 ปี
ถ้ายังไม่สามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้ ผมแนะนำซื้อกองทุนเลยครับ แล้วทำ Dollar Cost Average ไปเรื่อยๆ