คำถามจากไก่อ่อนครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 8
- ผู้ติดตาม: 0
คำถามจากไก่อ่อนครับ
โพสต์ที่ 1
ตอนนี้ผมพึ่งเริ่มเข้าสู่แนวทาง vi ครับ และมีคำถามที่อยากท่านผู้มีประสบการณ์ครับ
คือผมก็อ่านหนังสือที่เกี่ยวกับ vi ที่มีการแนะนำกัน มาได้ก็หลายเล่มแล้วครับ จึงอยากลองวิเคราะห์หุ้นดูครับ และว่าผมไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนครับ
อยากถามพี่ๆ หน่อยครับว่าพี่ๆมีแนวทางในการคัดแยกหุ้นเบื้องต้นอย่างไรกับบ้างครับ
ผมมีความรู้สึกว่าเป็นเหมือนนักขุดทองที่พอเรียนรู้วิธีขุดมาบ้างครับ แต่พอเดินไปในทุ่งกว้างมันไม่รู้จะเริ่งขุดจากตรงไหนดีอะครับ
ขอบคุณสำหรับความเห็นล่วงหน้านะครับ ผมจะลองนำไปปรับใช้ดูครับ
คือผมก็อ่านหนังสือที่เกี่ยวกับ vi ที่มีการแนะนำกัน มาได้ก็หลายเล่มแล้วครับ จึงอยากลองวิเคราะห์หุ้นดูครับ และว่าผมไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนครับ
อยากถามพี่ๆ หน่อยครับว่าพี่ๆมีแนวทางในการคัดแยกหุ้นเบื้องต้นอย่างไรกับบ้างครับ
ผมมีความรู้สึกว่าเป็นเหมือนนักขุดทองที่พอเรียนรู้วิธีขุดมาบ้างครับ แต่พอเดินไปในทุ่งกว้างมันไม่รู้จะเริ่งขุดจากตรงไหนดีอะครับ
ขอบคุณสำหรับความเห็นล่วงหน้านะครับ ผมจะลองนำไปปรับใช้ดูครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถามจากไก่อ่อนครับ
โพสต์ที่ 2
เอากรองขั้นแรกก่อน ผมกรองตามโมเดลธุรกิจที่ตนเองรู้ตนเองเข้าใจ หรือ ตนเองสนใจ ก่อน เป็นอันดับแรก
อย่างผม พอเจอธุรกิจอสังหา หรือพวกโภคภัณฑ์ ผมจะผ่านไปเลย
เพราะผมไม่มีความรู้ ไม่ค่อยมีความเข้าใจธุรกิจแนวนี้ ประกอบกับคิดว่า ธุรกิจแนวนี้ กำไรไม่แน่นอน การทำกำไรจากธุรกิจแนวนี้ต้องรู้ cycle ของมัน ซึ่งเราไม่ถนัดตรงนี้ อย่างงี้เป็นต้น
แต่สมมติคุณเก่งหรือมีความรู้ในเรื่องอสังหาเป็นอย่างดี ก็อาจจะเริ่มเจาะดูอสังหาทุกบริษัทว่าตัวไหนน่าสน เป็นต้น
อย่างผม พอเจอธุรกิจอสังหา หรือพวกโภคภัณฑ์ ผมจะผ่านไปเลย
เพราะผมไม่มีความรู้ ไม่ค่อยมีความเข้าใจธุรกิจแนวนี้ ประกอบกับคิดว่า ธุรกิจแนวนี้ กำไรไม่แน่นอน การทำกำไรจากธุรกิจแนวนี้ต้องรู้ cycle ของมัน ซึ่งเราไม่ถนัดตรงนี้ อย่างงี้เป็นต้น
แต่สมมติคุณเก่งหรือมีความรู้ในเรื่องอสังหาเป็นอย่างดี ก็อาจจะเริ่มเจาะดูอสังหาทุกบริษัทว่าตัวไหนน่าสน เป็นต้น
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถามจากไก่อ่อนครับ
โพสต์ที่ 3
ผมอิจฉาคนโพส เพราะไม่รู็อะไรเลยก
ผมอยากกลับไปไม่รู็อะไรเลยเหมือนตอนเริ่มใหม่ๆ
แล้วเวลาไปอ่านหนังสือ Intelligent Investor เป็นครั้งแรก
ตอนไม่รู็เรื่องอะไรนี่ ความรู็สึกมันเหมือนเกิดใหม่เลย
Warren Buffet ก็เป็นเช่นกันตอนอ่านหนังสือเล่มนั้น
ผมอยากกลับไปไม่รู็อะไรเลยเหมือนตอนเริ่มใหม่ๆ
แล้วเวลาไปอ่านหนังสือ Intelligent Investor เป็นครั้งแรก
ตอนไม่รู็เรื่องอะไรนี่ ความรู็สึกมันเหมือนเกิดใหม่เลย
Warren Buffet ก็เป็นเช่นกันตอนอ่านหนังสือเล่มนั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 8
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถามจากไก่อ่อนครับ
โพสต์ที่ 4
ตกลงนี่ชมผมเปล่าครับเนี้ยhumdrum เขียน:ผมอิจฉาคนโพส เพราะไม่รู็อะไรเลยก
ผมอยากกลับไปไม่รู็อะไรเลยเหมือนตอนเริ่มใหม่ๆ
แล้วเวลาไปอ่านหนังสือ Intelligent Investor เป็นครั้งแรก
ตอนไม่รู็เรื่องอะไรนี่ ความรู็สึกมันเหมือนเกิดใหม่เลย
Warren Buffet ก็เป็นเช่นกันตอนอ่านหนังสือเล่มนั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถามจากไก่อ่อนครับ
โพสต์ที่ 5
ไม่รู้อะไรเลย นี่ดีอย่างครับ ไม่ยึดติดอะไรเลยนี่ดี ตอนลงทุนใหม่ๆ ผมก็ว่าผมไม่รู็ พอสักสิบปีผ่านไป ผมก็คิดว่าตัวเองรู็ทุกอย่าง พอลงทุนสักยี่สิบปี ก็รู็ว่าตัวเองนั้นไม่รู้อะไรเลย พอแก่ตัวแล้ว ผมชอบอยู่กับความไม่รู็ ผมรู็สึกสบายใจที่ได้อยู๋กับความไม่รู็ ความรู็ที่เราเชื่อว่าเรารู็ดีนั้น อาจพลิกกลับเป้นไม่รู็เมื่อใดก็ได้ ถึงตอนนั้นความเสียหายมันเยอะ และตัวเองอาจตายเพราะความรู็ มันก็มีสองด้าน ไม่ใช่ความรู็มันดีทุกอย่าง ความไม่รู็นี่ซิมันก็ดี เพราะจะพลิกกลับเป็นความรู็เมื่อใดก็ได้ ผมถึงชอบอยู๋ใน mode ความไม่รู็มากกว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถามจากไก่อ่อนครับ
โพสต์ที่ 6
http://www.dcs-digital.com/moneychannel ... ?listid=12
ลองดูครึ่งหลังที่คุณฮงพูดในงานสัมมนาดูคับน่าจะพบคำตอบที่ดีคับ
ลองดูครึ่งหลังที่คุณฮงพูดในงานสัมมนาดูคับน่าจะพบคำตอบที่ดีคับ
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
-
- Verified User
- โพสต์: 8
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถามจากไก่อ่อนครับ
โพสต์ที่ 7
ผลหละคิดถึงหนังจีนเลย เพลงกระบี่ที่ไร้เที่ยมทานที่สุด คือ เพลงกระบี่ที่ไรซึ่งกระบวนท่า มันต้องรู้เพลงกระบี่ทุกกระบวนท่าก่อน แล้วลืมมันให้หมด แล้วปรับใช้เพลงกระบี่ด้วยการพลิกแพลงhumdrum เขียน:ไม่รู้อะไรเลย นี่ดีอย่างครับ ไม่ยึดติดอะไรเลยนี่ดี ตอนลงทุนใหม่ๆ ผมก็ว่าผมไม่รู็ พอสักสิบปีผ่านไป ผมก็คิดว่าตัวเองรู็ทุกอย่าง พอลงทุนสักยี่สิบปี ก็รู็ว่าตัวเองนั้นไม่รู้อะไรเลย พอแก่ตัวแล้ว ผมชอบอยู่กับความไม่รู็ ผมรู็สึกสบายใจที่ได้อยู๋กับความไม่รู็ ความรู็ที่เราเชื่อว่าเรารู็ดีนั้น อาจพลิกกลับเป้นไม่รู็เมื่อใดก็ได้ ถึงตอนนั้นความเสียหายมันเยอะ และตัวเองอาจตายเพราะความรู็ มันก็มีสองด้าน ไม่ใช่ความรู็มันดีทุกอย่าง ความไม่รู็นี่ซิมันก็ดี เพราะจะพลิกกลับเป็นความรู็เมื่อใดก็ได้ ผมถึงชอบอยู๋ใน mode ความไม่รู็มากกว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถามจากไก่อ่อนครับ
โพสต์ที่ 8
บทความนี้ดีมากครับสำหรับมื่อใหม่ครับ
ในวันนี้เรามาคุยกันในเรื่องของ “จิตวิทยาการลงทุน” กันต่อค่ะ
เราทุกคนนั้นรู้ดีว่า ในการที่จะประสบความสำเร็จ ในการลงทุนหรือเก็งกำไรนั้น
คุณจะต้องสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้เป็นอย่างดี
และ.. มีวินัยต่อระบบการลงทุนของคุณ
อย่างไรก็ตาม แนวคิดทั้งสองอย่างนี้ ก็ดูช่างยากเย็นเหลือเกินที่จะเข้าใจมันได้
สำหรับผู้ที่พึ่งจะเริ่มต้น เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นค่ะ
ดังนั้น เราจึงมีเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆ เพื่อช่วยให้คุณสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคุณ
จากนักเก็งกำไรสมัครเล่น ไปสู่ทัศนคติของนักเก็งกำไรมืออาชีพค่ะ!
คุณคงต้องยอมรับความจริงว่า
การทำกำไรจากตลาดหุ้นนั้นไม่ง่ายเลย
แต่มันก็สามารถเป็นไปได้ หากว่าคุณพยายามฝึกฝนอย่างหนัก
เช่นเดียวกับเหล่านักเก็งกำไรมืออาชีพค่ะ
และกฏข้อแรกของพวกเขาก็คือ..
อย่าเชื่อทุกๆคนที่เดินเข้ามาพูดว่า
คุณสามารถที่จะทำกำไรก้อนใหญ่ได้ ภายในระยะเวลาสั้นๆค่ะ!
คุณต้องทุ่มเทให้กับมัน..
ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะเป็นใคร หรือมีเงินมากแค่ไหน
ซึ่งความจริงแล้ว ยิ่งคุณมีเงินมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งอันตรายขึ้นเท่านั้น!
ดังนั้น มันจะดีกว่าหากคุณคิดว่า..
“ผมคงต้องทุ่มเทเวลากับมันสักพักใหญ่
และคงต้องใช้เวลาเป็นหลายๆปี กว่าที่จะทำมันได้ดีจริงๆ”
มันก็เหมือนกับทุกๆอย่างในชีวิตคุณแหละครับ!
นักเก็งกำไรมืออาชีพอย่าง Larry Levin ได้บอกกับเราว่า
เขาต้องใช้เวลาถึง 5 ปี กว่าที่เขาจะสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ
และเขายังได้บอกกับเราอีกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณควรจะต้องรู้ และเข้าใจก็คือ..
“คูณไม่มีวันรู้ได้อย่างแน่นอนว่า ตลาดจะเป็นอย่างไร”
ดังนั้น จงอย่ายึดติดกับ “ความเห็น” ของคุณค่ะ
ผมจะไม่พยายามคาดการณ์ว่า ตลาดจะวิ่งไปทางไหน
แต่มันไม่ได้หมายความว่าผมทำไม่ได้
ด้วยประสบการณ์ต่างๆของผมนั้น..
แน่นอนว่า ผมต้องพยายามที่จะอยู่ให้ถูกที่ถูกเวลา
แต่ผมก็ไม่พยายามที่จะคาดหวัง ให้สิ่งต่างๆเป็นไปอย่างที่คิดตลอดเวลา
หรืิอสิ่งที่ผมคิดจะต้อง “ถูก” อยู่เสมอ
ซึ่งที่จริงแล้ว ผมมักที่จะคิดในเชิงที่ว่า..
ผมจะทำอย่างไร เมื่อผมคิดผิด!
และนี่ก็คือเคล็ดลับข้อที่สองค่ะ นั่นก็คือ
นักเก็งกำไรมืออาชีพ จะมีจุดตัดขาดทุนอยู่เสมอค่ะ
และคุณก็ควรที่จะกำหนดมันเอาไว้ ตั้งแต่เริ่มเข้าซื้อค่ะ
ผมอยากจะบอกว่า “จุดตัดขาดทุน” นั้น
เปรียบเสมือน “เพื่อน” ของคุณครับ
แต่สำหรับนักเก็งกำไรมือใหม่หลายๆคนนั้น
พวกเขามักที่จะไม่ยอมใช้มัน
แน่นอน.. พวกเขามักจะคิดว่า “ผมจะตัดขาดทุน”
แต่เมื่อตลาดวิ่งสวนทาง และทำให้พวกเขาขาดทุนขึ้นมา
คุณรู้ไหมว่าเมื่อตลาดวิ่งสวนทางกับคุณ และทำให้เงินทุนของคุณลดลงนั้น
มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด ในการที่คุณจะตัดสินใจ ทำอะไรบางอย่างเลยทีเดียว
และสำหรับนักเก็งกำไรมือใหม่นั้น..
ซึ่งเป็นคนที่กำลังพยายาม จะเก็บประสบการณ์ในการเล่นหุ้น
มันอาจจะเป็นสิ่งที่ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ
และนี่คือเหตุผลว่าทำไม คุณจึงต้องการแผนการเล่นที่ชัดเจนค่ะ!
จงเขียนกฏในการเข้าซื้อ-ขายของคุณ
และทำตาม “กฏ” ของคุณอยู่ตลอดเวลาค่ะ
ในโลกของการเก็งกำไรนั้น คุณจะต้องมีระบบของคุณเอง
คุณจะต้องรู้ว่า คุณต้องการที่จะ..
สุญเสียเงินคุณมากเท่าไหร่ในแต่ละครั้ง
เช่น “ฉันจะยอมขาดทุนแค่ X ดอลลาร์ ในการเล่นแต่ละครั้งเท่านั้น”
และนี่คือเคล็ดลับเล็กๆน้อย ซึ่งจะช่วยให้คุณอยู่รอดในเกมนี้ได้
ในขณะที่คุณกำลังพยายามที่จะเรียนรู้ในตลาดหุ้นค่ะ
จงเล่นด้วยเงินทีละน้อย!
เช่น แค่ 1-2 สัญญาหากคุณเก็งกำไรในตลาดล่วงหน้า
หรือซื้อหุ้นไม่เกินครั้งละ 100 หุ้นเท่านั้นค่ะ
ความจริงแล้วในบางครั้ง การเริ่มต้นเก็งกำไรด้วยเงินจำนวนมากนั้น
อาจะทำให้..
คุณยิ่งหมดตัวเร็วขึ้นก็ได้ครับ
เนื่องจาก เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณมีเงินมากๆนั้น อาจทำให้คุณคิดว่า..
คุณสามารถที่จะเสี่ยงได้มากขึ้นนั่นเองครับ
เราได้ทำการสอบถามจากศาสตราจารย์ Werner Debondt
ซึ่งเป็นผู้ที่บุกเบิกในสาขาวิชา “Behavior Finance”
และเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย DePaul
ซึ่งตั้งอยู่ในชิคาโกนี่เองค่ะ
เขาได้บอกกับเราว่า ปัญหาหลักๆสำหรับนักเก็งกำไร และนักลงทุนส่วนใหญ่ก็คือ
พวกเขาไม่ได้กระจายความเสี่ยงอย่างเพียงพอนั่นเอง
เขากล่าวว่า นักลงทุนทั่วๆไปนั้น มักทำผิดพลาด
ด้วยการถือหุ้นประมาณ 2 ตัว ด้วยเงินที่เท่าๆกัน
หรือคิดเป็นตัวละประมาณ 50% ของเงินทุนเลยทีเดียว
และเขายังได้บอกเราอีกว่า วิธีการที่จะเอาชนะอุปสรรค จากอารมณ์ของเราได้นั้น
คือการมีระบบการลงทุนที่ดี และ “วินัย” ที่จะทำตามระบบได้เป็นอย่างดีค่ะ
http://mangmaoclub.com/trading-psycholo ... ness-tv-2/
ในวันนี้เรามาคุยกันในเรื่องของ “จิตวิทยาการลงทุน” กันต่อค่ะ
เราทุกคนนั้นรู้ดีว่า ในการที่จะประสบความสำเร็จ ในการลงทุนหรือเก็งกำไรนั้น
คุณจะต้องสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้เป็นอย่างดี
และ.. มีวินัยต่อระบบการลงทุนของคุณ
อย่างไรก็ตาม แนวคิดทั้งสองอย่างนี้ ก็ดูช่างยากเย็นเหลือเกินที่จะเข้าใจมันได้
สำหรับผู้ที่พึ่งจะเริ่มต้น เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นค่ะ
ดังนั้น เราจึงมีเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆ เพื่อช่วยให้คุณสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคุณ
จากนักเก็งกำไรสมัครเล่น ไปสู่ทัศนคติของนักเก็งกำไรมืออาชีพค่ะ!
คุณคงต้องยอมรับความจริงว่า
การทำกำไรจากตลาดหุ้นนั้นไม่ง่ายเลย
แต่มันก็สามารถเป็นไปได้ หากว่าคุณพยายามฝึกฝนอย่างหนัก
เช่นเดียวกับเหล่านักเก็งกำไรมืออาชีพค่ะ
และกฏข้อแรกของพวกเขาก็คือ..
อย่าเชื่อทุกๆคนที่เดินเข้ามาพูดว่า
คุณสามารถที่จะทำกำไรก้อนใหญ่ได้ ภายในระยะเวลาสั้นๆค่ะ!
คุณต้องทุ่มเทให้กับมัน..
ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะเป็นใคร หรือมีเงินมากแค่ไหน
ซึ่งความจริงแล้ว ยิ่งคุณมีเงินมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งอันตรายขึ้นเท่านั้น!
ดังนั้น มันจะดีกว่าหากคุณคิดว่า..
“ผมคงต้องทุ่มเทเวลากับมันสักพักใหญ่
และคงต้องใช้เวลาเป็นหลายๆปี กว่าที่จะทำมันได้ดีจริงๆ”
มันก็เหมือนกับทุกๆอย่างในชีวิตคุณแหละครับ!
นักเก็งกำไรมืออาชีพอย่าง Larry Levin ได้บอกกับเราว่า
เขาต้องใช้เวลาถึง 5 ปี กว่าที่เขาจะสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ
และเขายังได้บอกกับเราอีกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณควรจะต้องรู้ และเข้าใจก็คือ..
“คูณไม่มีวันรู้ได้อย่างแน่นอนว่า ตลาดจะเป็นอย่างไร”
ดังนั้น จงอย่ายึดติดกับ “ความเห็น” ของคุณค่ะ
ผมจะไม่พยายามคาดการณ์ว่า ตลาดจะวิ่งไปทางไหน
แต่มันไม่ได้หมายความว่าผมทำไม่ได้
ด้วยประสบการณ์ต่างๆของผมนั้น..
แน่นอนว่า ผมต้องพยายามที่จะอยู่ให้ถูกที่ถูกเวลา
แต่ผมก็ไม่พยายามที่จะคาดหวัง ให้สิ่งต่างๆเป็นไปอย่างที่คิดตลอดเวลา
หรืิอสิ่งที่ผมคิดจะต้อง “ถูก” อยู่เสมอ
ซึ่งที่จริงแล้ว ผมมักที่จะคิดในเชิงที่ว่า..
ผมจะทำอย่างไร เมื่อผมคิดผิด!
และนี่ก็คือเคล็ดลับข้อที่สองค่ะ นั่นก็คือ
นักเก็งกำไรมืออาชีพ จะมีจุดตัดขาดทุนอยู่เสมอค่ะ
และคุณก็ควรที่จะกำหนดมันเอาไว้ ตั้งแต่เริ่มเข้าซื้อค่ะ
ผมอยากจะบอกว่า “จุดตัดขาดทุน” นั้น
เปรียบเสมือน “เพื่อน” ของคุณครับ
แต่สำหรับนักเก็งกำไรมือใหม่หลายๆคนนั้น
พวกเขามักที่จะไม่ยอมใช้มัน
แน่นอน.. พวกเขามักจะคิดว่า “ผมจะตัดขาดทุน”
แต่เมื่อตลาดวิ่งสวนทาง และทำให้พวกเขาขาดทุนขึ้นมา
คุณรู้ไหมว่าเมื่อตลาดวิ่งสวนทางกับคุณ และทำให้เงินทุนของคุณลดลงนั้น
มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด ในการที่คุณจะตัดสินใจ ทำอะไรบางอย่างเลยทีเดียว
และสำหรับนักเก็งกำไรมือใหม่นั้น..
ซึ่งเป็นคนที่กำลังพยายาม จะเก็บประสบการณ์ในการเล่นหุ้น
มันอาจจะเป็นสิ่งที่ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ
และนี่คือเหตุผลว่าทำไม คุณจึงต้องการแผนการเล่นที่ชัดเจนค่ะ!
จงเขียนกฏในการเข้าซื้อ-ขายของคุณ
และทำตาม “กฏ” ของคุณอยู่ตลอดเวลาค่ะ
ในโลกของการเก็งกำไรนั้น คุณจะต้องมีระบบของคุณเอง
คุณจะต้องรู้ว่า คุณต้องการที่จะ..
สุญเสียเงินคุณมากเท่าไหร่ในแต่ละครั้ง
เช่น “ฉันจะยอมขาดทุนแค่ X ดอลลาร์ ในการเล่นแต่ละครั้งเท่านั้น”
และนี่คือเคล็ดลับเล็กๆน้อย ซึ่งจะช่วยให้คุณอยู่รอดในเกมนี้ได้
ในขณะที่คุณกำลังพยายามที่จะเรียนรู้ในตลาดหุ้นค่ะ
จงเล่นด้วยเงินทีละน้อย!
เช่น แค่ 1-2 สัญญาหากคุณเก็งกำไรในตลาดล่วงหน้า
หรือซื้อหุ้นไม่เกินครั้งละ 100 หุ้นเท่านั้นค่ะ
ความจริงแล้วในบางครั้ง การเริ่มต้นเก็งกำไรด้วยเงินจำนวนมากนั้น
อาจะทำให้..
คุณยิ่งหมดตัวเร็วขึ้นก็ได้ครับ
เนื่องจาก เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณมีเงินมากๆนั้น อาจทำให้คุณคิดว่า..
คุณสามารถที่จะเสี่ยงได้มากขึ้นนั่นเองครับ
เราได้ทำการสอบถามจากศาสตราจารย์ Werner Debondt
ซึ่งเป็นผู้ที่บุกเบิกในสาขาวิชา “Behavior Finance”
และเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย DePaul
ซึ่งตั้งอยู่ในชิคาโกนี่เองค่ะ
เขาได้บอกกับเราว่า ปัญหาหลักๆสำหรับนักเก็งกำไร และนักลงทุนส่วนใหญ่ก็คือ
พวกเขาไม่ได้กระจายความเสี่ยงอย่างเพียงพอนั่นเอง
เขากล่าวว่า นักลงทุนทั่วๆไปนั้น มักทำผิดพลาด
ด้วยการถือหุ้นประมาณ 2 ตัว ด้วยเงินที่เท่าๆกัน
หรือคิดเป็นตัวละประมาณ 50% ของเงินทุนเลยทีเดียว
และเขายังได้บอกเราอีกว่า วิธีการที่จะเอาชนะอุปสรรค จากอารมณ์ของเราได้นั้น
คือการมีระบบการลงทุนที่ดี และ “วินัย” ที่จะทำตามระบบได้เป็นอย่างดีค่ะ
http://mangmaoclub.com/trading-psycholo ... ness-tv-2/
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถามจากไก่อ่อนครับ
โพสต์ที่ 9
ความเห็นของผม การศึกษาจากบทเรียนของผู้อื่นมีข้อเสียคือ เรามักจะนำเหตุการณ์ปัจจุบันไปเทียบกับที่เคยศึกษามา และจะไม่มั่นใจถ้ามันไม่เหมือนกันเสียทีเดียว
ความจริง คือ เหตุการณ์ที่จะเหมือนกันขนาดนั้นมันไม่มีจริงครับ ในการตัดสินใจแต่ละครั้งๆ จะมีความไม่แน่นอนแฝงอยู่ตลอด ทางที่ดีคือควรยอมรับมันครับ
สิ่งที่จะชดเชยความไม่มั่นใจนี้ คือ ประสบการณ์ครับ ส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญมากๆ และจะหาคำตอบได้จากตัวเราเองนี่แหละ ข้อแนะนำของผมคือ จดบันทึกการตัดสินใจและเหตุผลประกอบการตัดสินใจไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วหมั่นทบทวนมันเป็นระยะๆ คอยปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นครับ
ที่สำคัญที่สุด คือ มันเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเวลา อย่าไปใจร้อนครับ ตลาดหุ้นไม่หายไปไหนครับ
ความจริง คือ เหตุการณ์ที่จะเหมือนกันขนาดนั้นมันไม่มีจริงครับ ในการตัดสินใจแต่ละครั้งๆ จะมีความไม่แน่นอนแฝงอยู่ตลอด ทางที่ดีคือควรยอมรับมันครับ
สิ่งที่จะชดเชยความไม่มั่นใจนี้ คือ ประสบการณ์ครับ ส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญมากๆ และจะหาคำตอบได้จากตัวเราเองนี่แหละ ข้อแนะนำของผมคือ จดบันทึกการตัดสินใจและเหตุผลประกอบการตัดสินใจไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วหมั่นทบทวนมันเป็นระยะๆ คอยปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นครับ
ที่สำคัญที่สุด คือ มันเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเวลา อย่าไปใจร้อนครับ ตลาดหุ้นไม่หายไปไหนครับ
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถามจากไก่อ่อนครับ
โพสต์ที่ 11
ตอนผมเริ่มลงทุน ผมชอบแนวคิดแบบปีเตอร์ ลินซ์ มาก
สังเกตจากสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา ไม่ต้องมองหาอะไรที่มันยากไปหรือสิ่งที่เรายังไม่แน่ใจ
เวลาเดินไปซื้อของใน 7-11 ก็ลองสังเกตดูว่า สินค้าตัวไหนที่ขายดี แล้วลองดูว่าบริษัทที่ผลิตได้เข้าในตลาดหลักทรัพย์มั้ย
ข้างๆบ้านออกรถใหม่ป้ายแดง หรืออะไรก็ตามที่มันอยู่ใกล้ตัวก่อนน่ะครับ
แล้วลงลึกไปถึงรายละเอียดต่างๆ
สังเกตจากสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา ไม่ต้องมองหาอะไรที่มันยากไปหรือสิ่งที่เรายังไม่แน่ใจ
เวลาเดินไปซื้อของใน 7-11 ก็ลองสังเกตดูว่า สินค้าตัวไหนที่ขายดี แล้วลองดูว่าบริษัทที่ผลิตได้เข้าในตลาดหลักทรัพย์มั้ย
ข้างๆบ้านออกรถใหม่ป้ายแดง หรืออะไรก็ตามที่มันอยู่ใกล้ตัวก่อนน่ะครับ
แล้วลงลึกไปถึงรายละเอียดต่างๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 8
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถามจากไก่อ่อนครับ
โพสต์ที่ 12
อันนี้อ่านมามั่งครับ เค้าบอกว่าให้ลงทุนตามข้างถนน ไม่ใช่ในตลาดpullmeunder เขียน:ตอนผมเริ่มลงทุน ผมชอบแนวคิดแบบปีเตอร์ ลินซ์ มาก
สังเกตจากสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา ไม่ต้องมองหาอะไรที่มันยากไปหรือสิ่งที่เรายังไม่แน่ใจ
เวลาเดินไปซื้อของใน 7-11 ก็ลองสังเกตดูว่า สินค้าตัวไหนที่ขายดี แล้วลองดูว่าบริษัทที่ผลิตได้เข้าในตลาดหลักทรัพย์มั้ย
ข้างๆบ้านออกรถใหม่ป้ายแดง หรืออะไรก็ตามที่มันอยู่ใกล้ตัวก่อนน่ะครับ
แล้วลงลึกไปถึงรายละเอียดต่างๆ
อันนี้สวนตัวผมค่อนข้างชอบเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถามจากไก่อ่อนครับ
โพสต์ที่ 13
เข้าไปเว็ป
http://siamchart.com/stock/
สามารถกรองหุ้นได้ตามใจ ตามสูตรก็ PE ต่ำ 10, PB ต่ำ 1 ,ปันผลสูงกว่า 5 ,ROE มากกว่า 10
ถ้าตอบคำถามตามรูปข้างล่างได้ก็จบหลักสูตรครับ
http://siamchart.com/stock/
สามารถกรองหุ้นได้ตามใจ ตามสูตรก็ PE ต่ำ 10, PB ต่ำ 1 ,ปันผลสูงกว่า 5 ,ROE มากกว่า 10
ถ้าตอบคำถามตามรูปข้างล่างได้ก็จบหลักสูตรครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถามจากไก่อ่อนครับ
โพสต์ที่ 14
ลืมเขียนที่มาของรูปข้างบน
Value Investing: Some Fundamental Truths by Jay Feeney, CFA
https://www.robecoinvest.com/us/eng/ins ... esting.jsp
Value Investing: Some Fundamental Truths by Jay Feeney, CFA
https://www.robecoinvest.com/us/eng/ins ... esting.jsp
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 105
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถามจากไก่อ่อนครับ
โพสต์ที่ 15
- จงใช้ชีวิตในแต่ละวันของคุณ ดุจดังว่ามันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต
- อย่าเสียเวลาเพื่อเติมเต็มชีวิตผู้อื่น อย่าติดกับดักของกฎเกณฑ์ที่ไม่มีข้อพิสูจน์ ซึ่งขึ้นอยู่กับผลของความคิดของคนอื่น
- จงกล้าที่จะทำตามหัวใจและสัญชาติญาณของคุณ
สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs)
- อย่าเสียเวลาเพื่อเติมเต็มชีวิตผู้อื่น อย่าติดกับดักของกฎเกณฑ์ที่ไม่มีข้อพิสูจน์ ซึ่งขึ้นอยู่กับผลของความคิดของคนอื่น
- จงกล้าที่จะทำตามหัวใจและสัญชาติญาณของคุณ
สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs)