สุดยอดมากครับ ไว้ผมจะรอติดตามกระทู้ใหม่นะครับ ผมติดตามอ่านตลอดเลย คุณคือ my idolchinn เขียน:+ 110% กว่าๆ ครับ
ปี 2553 ตั้งใจว่าจะเลิกเล่นหุ้นแล้ว
แต่ เบื่อพนักงานแบงค์ โทรหาเงินฝากกันจัง
ให้ปรับไปถือนั่นนี่ สุดท้ายถอนไปฝากไว้ในหุ้นดีกว่า คุยกับมาร์คนเดียวพอ
ช่วงต้นปี 2554 เลยเริ่มหาหุ้น มองง่ายๆ เข้า web ที่ ranking stock กด dividend
มองผ่านๆ ดูว่าอะไรธุรกิจนิ่งๆ แล้วเราเข้าใจเจอ 2 อุต คือ ไฟฟ้า กับ มือถือ
คัดเลือกหุ้นมา มี advance dtac glow ratch egco
ทำการศึกษา 1 คืนเต็ม dtac ถูกมากที่สุด เมื่อมองจาก กระแสเงินสด
บวกกับมองsmart phone ผ่าน demographic
การใช้data ต้องไปไกลกว่านี้แน่ๆ
ตอนนั้นแฟนจับเล่น smart phone แล้วเลยเข้าใจ
ว่าคนเห็น แต่ยังไม่มีก็ต้องอยากได้แน่ๆ
ปันผลต่ำๆ ก็ 7% มองกระแสเงินสดเงินเหลือเยอะมาก ไปดู telenor เห็นว่ามีปัญหาที่อินเดียกับบังคลาเทศ
เดาว่า คงมีปันผลพิเศษแน่ๆ จากกระแสเงินสดที่เหลือมากเกินกว่าจะทำ 3g และปัญหา nominee กับ เงินลงทุนที่อินเดีย
วันที่เริ่มทำการศึกษา ราคาอยู่42 ได้ซื้อ 48-55 ก็ซื้อ ยังคุ้ม ซื้อตัวเดียว + margin
ราคาที่ 72-80 มีการลด เงินกู้ เพราะใกล้เป้าหมาย+เจอหุ้นเป้าหมายใหม่จึง ดึงทุนกลับ
พอประกาศปันผลพิเศษจริง ก็ขายหมด ไม่ค่อยอยากได้ xd เพราะ dividend มีคนอยากได้กันเยอะ
ทำให้ขายหุ้นได้ง่าย หลัง xd กลัวคนไม่อยากได้กันแล้ว
จบละครับเหตุการณ์ปีที่แล้ว ไว้ปีหน้ามาตั้งกระทู้ใหม่ คงมีเรื่องมาเล่าใหม่
(ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 8
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 61
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 62
ขออธิบาย xirr อีกครั้ง
A B
1 -1500 1/1/2000
2 1000 5/7/2001
3 -2000 1/1/2002
4 -5000 7/9/2002
5 300 8/8/2004
6 7000 1/5/2005
7 -500 1/1/2006
8 900 7/1/2007
9 800 9/1/2007
xirr(values,dates,guess)
xirr(A1:A9,B1:B9)=3.65%
values ต้องมีค่าทั้งบวกและลบ
ค่าลบหมายถึงเงินที่ใส่เข้าไป (ดังนั้นค่าแรกต้องมีค่าเป็นลบ)
ค่าบวกหมายถึงเงินที่ได้รับจากการลงทุน
ถ้าค่าในเซล A1 เป็น บวก เครื่องก็ยังคำนวณให้อยู่ดี แต่ผลที่ได้จะผิดทันที
dates คือวันที่ที่เราได้รับเงิน หรือวันที่ที่ใส่เงินเข้าไป
guess คือค่าประมาณอัตราดอกเบี้ยที่เราคิดไว้ เช่น 2% ช่วยให้คอมคำนวณเร็วขึ้น
(ไม่ต้องใส่ก็ได้)
อัตราดอกเบี้ยที่เครื่องคำนวณออกมาคืออัตราดอกเบี้ยทบต้น
ถ้าช่วงเวลาที่ใส่เงินและรับเงินเป็นช่วงเวลาที่แน่นอนเช่นปีละครั้ง ใช้ IRR ก็พอ
xirr และ irr สามารถ ประยุกต์ใช้หา growrh ของ รายได้ และกำไร ของบริษัทที่เราสนใจได้
A B
1 -1500 1/1/2000
2 1000 5/7/2001
3 -2000 1/1/2002
4 -5000 7/9/2002
5 300 8/8/2004
6 7000 1/5/2005
7 -500 1/1/2006
8 900 7/1/2007
9 800 9/1/2007
xirr(values,dates,guess)
xirr(A1:A9,B1:B9)=3.65%
values ต้องมีค่าทั้งบวกและลบ
ค่าลบหมายถึงเงินที่ใส่เข้าไป (ดังนั้นค่าแรกต้องมีค่าเป็นลบ)
ค่าบวกหมายถึงเงินที่ได้รับจากการลงทุน
ถ้าค่าในเซล A1 เป็น บวก เครื่องก็ยังคำนวณให้อยู่ดี แต่ผลที่ได้จะผิดทันที
dates คือวันที่ที่เราได้รับเงิน หรือวันที่ที่ใส่เงินเข้าไป
guess คือค่าประมาณอัตราดอกเบี้ยที่เราคิดไว้ เช่น 2% ช่วยให้คอมคำนวณเร็วขึ้น
(ไม่ต้องใส่ก็ได้)
อัตราดอกเบี้ยที่เครื่องคำนวณออกมาคืออัตราดอกเบี้ยทบต้น
ถ้าช่วงเวลาที่ใส่เงินและรับเงินเป็นช่วงเวลาที่แน่นอนเช่นปีละครั้ง ใช้ IRR ก็พอ
xirr และ irr สามารถ ประยุกต์ใช้หา growrh ของ รายได้ และกำไร ของบริษัทที่เราสนใจได้
Blueplanet
-
- Verified User
- โพสต์: 320
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 64
ครับ มือใหม่อย่างผมเลยต้องขุดกระทู้เก่าๆ มาเป็นแนวทางน่าเสียดายจริงๆ ปีนี้ไม่มีโอกาสได้เห็นเทพมา post ให้ทราบถึงผลตอบแทนเลย ไม่ใช่แค่ผลตอบแทน แต่รวมไปถึงการวิเคราะห์หุ้นต่างๆ เทพหลายๆท่านเลิก post กันไปหมด น่าเสียดายจริงๆ
ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา…
จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว
ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
แค่บินไปให้ถึงฝัน เท่านั้นพอ
จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว
ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
แค่บินไปให้ถึงฝัน เท่านั้นพอ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 384
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 66
ผมอยากให้พี่เล็กช่วยเล่าประสบการณ์ลงทุน ในปีที่ผ่านมาได้ไหมครับพี่leksmile เขียน:น่าเสียดายจริงๆ ปีนี้ไม่มีโอกาสได้เห็นเทพมา post ให้ทราบถึงผลตอบแทนเลย ไม่ใช่แค่ผลตอบแทน แต่รวมไปถึงการวิเคราะห์หุ้นต่างๆ เทพหลายๆท่านเลิก post กันไปหมด น่าเสียดายจริงๆ
(และ แถมปีก่อนๆด้วยเลยก็ดีครับ)
ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับผมและเพื่อนๆนักลงทุนอีกหลายๆคนเลยครับ
ด้วยความเคารพครับพี่
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 67
ขอบคุณ Ii'8N และคุณ blueplanet ที่อธิบายเพิ่มครับ เข้าใจว่าผมผิดที่ตอนแรกรวมเรื่องเงินฝากในบัญชีด้วย แต่ XIRR คือนับเฉพาะที่จ่ายรับจากการลงทุนไปแล้ว เช่น โอนเงินเข้ามาในบัญชีแต่ยังไม่ซื้อหลักทรัพย์ไม่ต้องบันทึกรายการไว้คำนวน
และเงิน A1 คือเงินที่เราจ่ายเป็นต้นทุนตั้งแต่เริ่มลงทุนไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าไร จนถึงสิ้นปีก่อนโดยไม่นับผลตอนแทนระหว่างที่ผ่านมาที่ยังไม่นำกลับมาลงทุนต่อสินะครับ ถ้าผมเข้าใจถูกแล้วจะลองไปคำนวนอีกทีครับ
และเงิน A1 คือเงินที่เราจ่ายเป็นต้นทุนตั้งแต่เริ่มลงทุนไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าไร จนถึงสิ้นปีก่อนโดยไม่นับผลตอนแทนระหว่างที่ผ่านมาที่ยังไม่นำกลับมาลงทุนต่อสินะครับ ถ้าผมเข้าใจถูกแล้วจะลองไปคำนวนอีกทีครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 68
มือใหม่และมือกลาง ๆ น่าจะเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากสุด สำหรับสมาชิกของเวบในตอนนี้นะครับ และจากประสบการณ์ที่ยังไม่มากและความสามารถก็ยังไม่เยอะ หากว่ามาเล่าว่าแนวทางและผลตอบแทนปีที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง และพวกพี่ ๆ ที่มี " จิตอาสา " ก็มาแนะนำพร้อมทั้งให้แนวทางหรือเห็นว่ายังต้องปรับปรุงในจุดไหนบ้าง เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในปีนี้ เหมือนสิ้นปีที่ก็เข้ามาพบอาจารย์พร้อมทั้งผลงานที่ทำได้ และอาจารย์ก็แนะนำกลับไป ผมว่าต้องได้ประโยชน์อย่างมากเลยสำหรับมือใหม่อย่างพวกเรา ๆ และพี่ ๆ ก็ไม่โดนหาว่ามาคุยเพื่อ อะไรต่อมิอะไรอีกครับ ผมเชื่อว่าพี่ๆ ที่เก่ง ผลที่ทำได้ก็รู้ ๆ อยู่แหละครับว่าเป็นไง ไม่รู้จะมีใครเห็นด้วยมั้ยsirimethagul เขียน:ครับ มือใหม่อย่างผมเลยต้องขุดกระทู้เก่าๆ มาเป็นแนวทางน่าเสียดายจริงๆ ปีนี้ไม่มีโอกาสได้เห็นเทพมา post ให้ทราบถึงผลตอบแทนเลย ไม่ใช่แค่ผลตอบแทน แต่รวมไปถึงการวิเคราะห์หุ้นต่างๆ เทพหลายๆท่านเลิก post กันไปหมด น่าเสียดายจริงๆ
- VI Wannabe
- Verified User
- โพสต์: 1013
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 69
จริงๆจะมองรวมหรือไม่รวมก็ได้ครับแล้วแต่สะดวกขอให้ consistency (จริงๆ ส่วนตัว ผมรวมเพราะ cash ก็เป็นการลงทุนชนิดหนึ่งที่เราตัดสินใจว่าจะถือ หรือ ไม่ถือ เหมือน fund manger ที่ต้องตัดสินใจว่าจะถือหุ้นหรือเงินสด)ถุงเงินเก่า เขียน:ขอบคุณ Ii'8N และคุณ blueplanet ที่อธิบายเพิ่มครับ เข้าใจว่าผมผิดที่ตอนแรกรวมเรื่องเงินฝากในบัญชีด้วย แต่ XIRR คือนับเฉพาะที่จ่ายรับจากการลงทุนไปแล้ว เช่น โอนเงินเข้ามาในบัญชีแต่ยังไม่ซื้อหลักทรัพย์ไม่ต้องบันทึกรายการไว้คำนวน
และเงิน A1 คือเงินที่เราจ่ายเป็นต้นทุนตั้งแต่เริ่มลงทุนไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าไร จนถึงสิ้นปีก่อนโดยไม่นับผลตอนแทนระหว่างที่ผ่านมาที่ยังไม่นำกลับมาลงทุนต่อสินะครับ ถ้าผมเข้าใจถูกแล้วจะลองไปคำนวนอีกทีครับ
เช่นต้นปี Jan 2011 มี เงินในหุ้น 1 ล้านบาท อีก 1 ล้านบาทเก็บไว้เตรียมรอซื้อตอนหุ้นตก (ที่เก็บเอาไว้ใช้จ่ายก็แยกออกมาไม่รวม)
ต้นปี ก็ ใส่ -2 ล้าน (คิดเสมือนเริ่มลงทุนใหม่ตอนต้นปี ทั้งๆที่เราอาจลงทุนมาหลายปีแล้ว)
Mar 2011 ถอนเงินไปซื้อ iphone จาก บช รอหุ้นตกก็ใส่ +30,000 (เงินที่ flow out ให้ใส่ +, flow in เข้า port ให้ใส่ -)
Jun 2011 ถูก lottery หรือได้ bonus 1 แสนเอาเข้า port ก็ใส่ -100,000
สิ้นปี port หุ้น โตเป็น 2 ล้าน เงินฝากเหลือ 5 แสน (เพราะ switch ไปซื้อหุ้นระหว่างปี) เราก็ใส่ + 2.5 ล้าน (เสมือนเราขายทุกอย่างเลิกลงทุนเหลือเงินคืนมาเท่าใหร่)
แค่นี้เราก็จะได้ IRR ของ ปี 2011 เราก็อาจจะทำแยกรายปีลักษณะนี้ หรือ หา IRR ต่อปีสะสม(cumulative) โดยทำตั้งแต่แรกไปเรื่อย โดย update ที่วันสุดท้ายว่า port เราขนาดเท่าไหร่ มันก็จะคำนวนเป็น irr ต่อปีมาให้ (คือ XIRR ได้ผลมาเป็น % ต่อปีเลยน่ะครับ)
By the way, ผมค่อนข้างเห็นด้วย ว่าการบอก % ผลตอบแทน มันบอกอะไรได้ยากเพราะไม่รู้ว่าคำนวนมายังไง รวมเงินเดือนไหม , ใช้ margin ไหม, ซื้อ derivatives ไหม etc หา IRR ของตัวเอง เทียบกับตลาด(ที่รวม dividend) หรือ กองทุนดีกว่าครับ ถ้าเราได้น้อยกว่าติดต่อกันหลายปีจะได้ พิจารณา ซื้อ index หรือ ให้มืออาชีพลงทุน เราจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์กับตัวเราและครอบครัวดีกว่าครับ
"Attempt to be fearful when others are greedy and to be greedy only when others are fearful"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
-
- Verified User
- โพสต์: 141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 70
สำหรับผม -13% ครับแต่น่าจะลบเยอะกว่านี้ด้วยซ้ำ
บริษัท ที่ผมลงทุน ก็ดีนะครับ และบางตัวราคาก็ขึ้นจากตอนที่ผมซื้อแต่ไงผมติดลบ
- ผมชอบทยอยซื้อครับ ฟังดูเหมือนก็น่าจะถูกต้อง แต่การทยอยซื้อของผมสิครับ เช่น ผมซื้อไม้แรก ที่10 บาท / 5% ของที่ตั้งใจไว้ พอราคาขยับ ไป 12 ผมก็ซื้ออีก 10% ของที่ตั้งใจ ขยับอีกก็ซื้ออีก มากกว่าเดิมบ้างน้อยกว่าเดิมบ้างแล้วแต่ว่ามีเงินวันไหน สุดท้ายพอราคาไม่ไปต่อ ต้นทุนผมก็ใกล้เคียงราคาตลาด พอมันย่อลงหน่อย ผมติดลบเลย
- เวลาผมซื้อผมไม่เคยตั้งรอbid เลย ขนาดช่วงตลาด ลงที่ผ่านมาผมยังเคาะขวาอย่างเดียวเลย เหมือนกลัวใครจะมาแย่ง มาร์ผมยังถามเลยว่า พี่รีบขึ้นเครื่องเหรอกลัวตกเครื่องหรือไง พี่ตั้งย่อมาอีก2 ช่องยังได้เลย และก็ได้จริง ๆ กลับกันเวลาขายก็ดันไม่เคยตั้ง offer เลยโยนใส่ bid. ตลอด เซ็งตัวเองเหมือนกันครับ
พี่ๆเพื่อนๆท่านใดมีวิธีเปลี่ยน จริต ตัวเองด้านนี้บ้างมั้ยครับ ปีนี้สงสัยต้องตั้งใจเปลี่ยน จริต ตัวเองเยอะเลย ไม่งั้นสงสัยได้เลิกเล่นก่อนวัยอันควรแน่เลยผม
บริษัท ที่ผมลงทุน ก็ดีนะครับ และบางตัวราคาก็ขึ้นจากตอนที่ผมซื้อแต่ไงผมติดลบ
- ผมชอบทยอยซื้อครับ ฟังดูเหมือนก็น่าจะถูกต้อง แต่การทยอยซื้อของผมสิครับ เช่น ผมซื้อไม้แรก ที่10 บาท / 5% ของที่ตั้งใจไว้ พอราคาขยับ ไป 12 ผมก็ซื้ออีก 10% ของที่ตั้งใจ ขยับอีกก็ซื้ออีก มากกว่าเดิมบ้างน้อยกว่าเดิมบ้างแล้วแต่ว่ามีเงินวันไหน สุดท้ายพอราคาไม่ไปต่อ ต้นทุนผมก็ใกล้เคียงราคาตลาด พอมันย่อลงหน่อย ผมติดลบเลย
- เวลาผมซื้อผมไม่เคยตั้งรอbid เลย ขนาดช่วงตลาด ลงที่ผ่านมาผมยังเคาะขวาอย่างเดียวเลย เหมือนกลัวใครจะมาแย่ง มาร์ผมยังถามเลยว่า พี่รีบขึ้นเครื่องเหรอกลัวตกเครื่องหรือไง พี่ตั้งย่อมาอีก2 ช่องยังได้เลย และก็ได้จริง ๆ กลับกันเวลาขายก็ดันไม่เคยตั้ง offer เลยโยนใส่ bid. ตลอด เซ็งตัวเองเหมือนกันครับ
พี่ๆเพื่อนๆท่านใดมีวิธีเปลี่ยน จริต ตัวเองด้านนี้บ้างมั้ยครับ ปีนี้สงสัยต้องตั้งใจเปลี่ยน จริต ตัวเองเยอะเลย ไม่งั้นสงสัยได้เลิกเล่นก่อนวัยอันควรแน่เลยผม
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 71
ผมเพิ่งเริ่มลงทุนเมื่อเดือน พ.ย. ปี 2554 ก็เลยยังบวกๆลบๆ บ้างครับ
ระยะยาวขอผลตอบแทนทบต้น 15% ก็พอละ มากกว่านั้นถือเป็นกำไรครับ
ระยะยาวขอผลตอบแทนทบต้น 15% ก็พอละ มากกว่านั้นถือเป็นกำไรครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 73
เห็นด้วยครับว่าจริง ๆ แล้วควรรวมผลตอบแทนทั้งหมด เช่นการถือเงินสดในพอร์ตนั้นจริง ๆ แล้วเราก็ได้ดอกเบี้ยจากโบรกด้วย ซึ่งดอกเบี้ยก็จะโอนเข้ามาในพอร์ตของเรา หรือถ้าใครจะฝากเงินกับธ.ก็คงคิดคล้าย ๆ กัน จะว่าไปการใส่เครื่องหมายบวกลบแค่เป็นการบอกถึงการไหลเข้าออกของเงิน แต่จริง ๆ แทบจะไม่ต้องไปคำนวณกำไรขาดทุนของหุ้นรายตัวเลย เพราะ XIRR สามารถใช้มูลค่าทั้งหมดตอนสุดท้ายมาคำนวณผลตอบแทนต่อปีได้เลย แต่จะมีปัญหาหน่อยถ้าระยะเวลาไม่ถึงปี เพราะตัวเลขที่ได้จะเป็นต่อปี บางครั้งจะทำให้ตัวเลขดูสูงเกินจริงจึงต้องคิดเทียบเป็นระยะเวลาอีกทีหนึ่งVI Wannabe เขียน:จริงๆจะมองรวมหรือไม่รวมก็ได้ครับแล้วแต่สะดวกขอให้ consistency (จริงๆ ส่วนตัว ผมรวมเพราะ cash ก็เป็นการลงทุนชนิดหนึ่งที่เราตัดสินใจว่าจะถือ หรือ ไม่ถือ เหมือน fund manger ที่ต้องตัดสินใจว่าจะถือหุ้นหรือเงินสด)ถุงเงินเก่า เขียน:ขอบคุณ Ii'8N และคุณ blueplanet ที่อธิบายเพิ่มครับ เข้าใจว่าผมผิดที่ตอนแรกรวมเรื่องเงินฝากในบัญชีด้วย แต่ XIRR คือนับเฉพาะที่จ่ายรับจากการลงทุนไปแล้ว เช่น โอนเงินเข้ามาในบัญชีแต่ยังไม่ซื้อหลักทรัพย์ไม่ต้องบันทึกรายการไว้คำนวน
และเงิน A1 คือเงินที่เราจ่ายเป็นต้นทุนตั้งแต่เริ่มลงทุนไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าไร จนถึงสิ้นปีก่อนโดยไม่นับผลตอนแทนระหว่างที่ผ่านมาที่ยังไม่นำกลับมาลงทุนต่อสินะครับ ถ้าผมเข้าใจถูกแล้วจะลองไปคำนวนอีกทีครับ
เช่นต้นปี Jan 2011 มี เงินในหุ้น 1 ล้านบาท อีก 1 ล้านบาทเก็บไว้เตรียมรอซื้อตอนหุ้นตก (ที่เก็บเอาไว้ใช้จ่ายก็แยกออกมาไม่รวม)
ต้นปี ก็ ใส่ -2 ล้าน (คิดเสมือนเริ่มลงทุนใหม่ตอนต้นปี ทั้งๆที่เราอาจลงทุนมาหลายปีแล้ว)
Mar 2011 ถอนเงินไปซื้อ iphone จาก บช รอหุ้นตกก็ใส่ +30,000 (เงินที่ flow out ให้ใส่ +, flow in เข้า port ให้ใส่ -)
Jun 2011 ถูก lottery หรือได้ bonus 1 แสนเอาเข้า port ก็ใส่ -100,000
สิ้นปี port หุ้น โตเป็น 2 ล้าน เงินฝากเหลือ 5 แสน (เพราะ switch ไปซื้อหุ้นระหว่างปี) เราก็ใส่ + 2.5 ล้าน (เสมือนเราขายทุกอย่างเลิกลงทุนเหลือเงินคืนมาเท่าใหร่)
แค่นี้เราก็จะได้ IRR ของ ปี 2011 เราก็อาจจะทำแยกรายปีลักษณะนี้ หรือ หา IRR ต่อปีสะสม(cumulative) โดยทำตั้งแต่แรกไปเรื่อย โดย update ที่วันสุดท้ายว่า port เราขนาดเท่าไหร่ มันก็จะคำนวนเป็น irr ต่อปีมาให้ (คือ XIRR ได้ผลมาเป็น % ต่อปีเลยน่ะครับ)
By the way, ผมค่อนข้างเห็นด้วย ว่าการบอก % ผลตอบแทน มันบอกอะไรได้ยากเพราะไม่รู้ว่าคำนวนมายังไง รวมเงินเดือนไหม , ใช้ margin ไหม, ซื้อ derivatives ไหม etc หา IRR ของตัวเอง เทียบกับตลาด(ที่รวม dividend) หรือ กองทุนดีกว่าครับ ถ้าเราได้น้อยกว่าติดต่อกันหลายปีจะได้ พิจารณา ซื้อ index หรือ ให้มืออาชีพลงทุน เราจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์กับตัวเราและครอบครัวดีกว่าครับ
ผมเคยคุยกับเพื่อนที่ทำงานกองทุนรวมว่ากองทุนเค้าคิดผลตอบแทนยังไง จริง ๆ แล้วมันมีความซับซ้อนมาก แต่ละวิธีก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 74
ผมกลับมองอีกมุมหนึ่งนะครับว่าวิธีของคุณ chaleekilo จะว่าไปมันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ทำให้ถึงขนาดขาดทุนนะครับchaleekilo เขียน:สำหรับผม -13% ครับแต่น่าจะลบเยอะกว่านี้ด้วยซ้ำ
บริษัท ที่ผมลงทุน ก็ดีนะครับ และบางตัวราคาก็ขึ้นจากตอนที่ผมซื้อแต่ไงผมติดลบ
- ผมชอบทยอยซื้อครับ ฟังดูเหมือนก็น่าจะถูกต้อง แต่การทยอยซื้อของผมสิครับ เช่น ผมซื้อไม้แรก ที่10 บาท / 5% ของที่ตั้งใจไว้ พอราคาขยับ ไป 12 ผมก็ซื้ออีก 10% ของที่ตั้งใจ ขยับอีกก็ซื้ออีก มากกว่าเดิมบ้างน้อยกว่าเดิมบ้างแล้วแต่ว่ามีเงินวันไหน สุดท้ายพอราคาไม่ไปต่อ ต้นทุนผมก็ใกล้เคียงราคาตลาด พอมันย่อลงหน่อย ผมติดลบเลย
- เวลาผมซื้อผมไม่เคยตั้งรอbid เลย ขนาดช่วงตลาด ลงที่ผ่านมาผมยังเคาะขวาอย่างเดียวเลย เหมือนกลัวใครจะมาแย่ง มาร์ผมยังถามเลยว่า พี่รีบขึ้นเครื่องเหรอกลัวตกเครื่องหรือไง พี่ตั้งย่อมาอีก2 ช่องยังได้เลย และก็ได้จริง ๆ กลับกันเวลาขายก็ดันไม่เคยตั้ง offer เลยโยนใส่ bid. ตลอด เซ็งตัวเองเหมือนกันครับ
พี่ๆเพื่อนๆท่านใดมีวิธีเปลี่ยน จริต ตัวเองด้านนี้บ้างมั้ยครับ ปีนี้สงสัยต้องตั้งใจเปลี่ยน จริต ตัวเองเยอะเลย ไม่งั้นสงสัยได้เลิกเล่นก่อนวัยอันควรแน่เลยผม
ประเด็นการทะยอยซื้อขาขึ้น ผมเองก็ทำบ่อย ๆ ครับ จะว่าไปบรรดาเซียนส่วนหนึ่งแนะนำให้ทะยอยซื้อขาขึ้นมากกว่าซื้อถัวขาลงด้วยซ้ำ (แต่ในความเป็นจริง คนส่วนใหญ่จะชอบซื้อถัวขาลงมากกว่าซื้อขาขึ้น) แต่ถ้าคิดจะปรับจริง ๆ ผมมองว่าราคาฐานที่เริ่มซื้อถ้าเรามั่นใจและราคาหุ้นลงมาต่ำมาก ๆ เราน่าที่จะซื้อเป็น % ที่สูง ในขณะเดียวกันถ้าหุ้นขยับขึ้นมันก็อาจจะเป็นการยืนยันสมมติฐานของเราว่าถูกต้องเราก็ซื้อเพิ่ม แต่จากที่คุณบอกมาถ้าไม้สองของคุณ ราคาหุ้นสูงกว่าไม้แรก 20% แถมจำนวนหุ้นรวมยังเท่ากับแค่ 15% ของที่ตั้งใจ ตรงนี้ผมว่าน่าจะปรับครับ เพราะดูกว้างเกินไป นอกจากนั้นควรมีลิมิตว่าราคาเกินเท่าไหร่ถึงจะหยุด เพราะคุณเองก็คงเห็นแล้วว่าการไล่ซื้อตามไปเรื่อย สุดท้ายราคาหุ้นที่คุณมีอยู่มันก็จะเป็นราคาใกล้เคียงราคาเฉลี่ย
ส่วนเรื่องการเคาะซื้อ offer ขาย bid จริง ๆ ผมมองว่ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนะครับ ถ้าคุณถือหุ้นยาว แต่ถ้ารอได้คุณก็จะได้ราคาถูกหรือแพงกว่านิดหน่อยเท่านั้น ผมว่าการเคาะซื้อขายเลยจะมีผลมากกับคนที่เก็งกำไรครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 75
leky เขียน: ผมเคยคุยกับเพื่อนที่ทำงานกองทุนรวมว่ากองทุนเค้าคิดผลตอบแทนยังไง จริง ๆ แล้วมันมีความซับซ้อนมาก แต่ละวิธีก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ
จะว่าซับซ้อนก็ไม่เชิงครับ
ลองคิดตาม ก็จะรู้ว่าทำความเข้าใจง่าย
ขึ้นกับว่าจะยึดช่วงเวลา หรือปริมาณเงินเป็นหลัก
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 6&start=18
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 76
ขอบคุณ VI Wannabe และคุณ Ii'8N
ได้เข้าไปอ่านกระทู้ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=45776 ที่โยงไปและทำความเข้าใจในตอนนี้คือ
1. ตอนนี้คือผมคิดเฉพาะเงินเข้าออกบัญชีซื้อขายหุ้นเท่านั้นแทนที่ตอนแรกรวมทรัพย์สินรวมทั้งหมด (บัญชีเงินฝากอื่น ฉลาก) จะได้เทียบกับคนอื่น ๆ ที่หลายคนแยกเงินลงทุนในหุ้น และลดภาระการคำนวนด้วย
2. เงินต้น (A1) ใช้มูลค่าพอร์ตสิ้นปีที่แล้ว โดยสมมุติว่าขายหุ้นออกทั้งหมด
3. ปันผลคิดเป็นเงินออก (+) เหมือนลดตุ้นทุน เพราะยังไม่กลับมาลงทุน
4. เงินโอนเข้าพอร์ตเป็นรายการลบ (-) เงินโอนออกจากพอร์ตเป็นรายการบวก (+)
5. ค่า guess ไม่ได้ใส่ เพราะยังไม่มีค่ากำหนดไว้เป็นค่ากลางไว้เทียบ
ตามนี้จะได้ XIRR เท่ากับเพิ่ม 2.02 (+2.02%) ครับ
แต่ยังคิดว่ามีปัญหาเพราะเงินโอนเข้าเป็นลบ (-) แล้วซื้อหุ้นจะเป็นลบ (-) อีกแบบนี้น่าจะเป็นรายการซ้ำหรือเปล่าครับ หรือต้องให้เงินฝากในบัญชีหุ้นเป็นเหมือนหุ้นตัวหนึ่ง เมื่อจะซื้อหุ้นจะเหมือนขายเงินฝาก (+) แต่แบบนี้ก็จะกลายเป็นว่ารายการที่เกี่ยวซื้อหุ้นในครั้งนั้นเป็น 0 สิครับ
ป.ล. ไม่มีใครเขียนถึงหรือยกตัวอย่างของที่เกี่ยวรายการเงินฝากเลย สงสัยว่าทั่วไปเขาไม่คิดกันหรือครับ
ได้เข้าไปอ่านกระทู้ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=45776 ที่โยงไปและทำความเข้าใจในตอนนี้คือ
1. ตอนนี้คือผมคิดเฉพาะเงินเข้าออกบัญชีซื้อขายหุ้นเท่านั้นแทนที่ตอนแรกรวมทรัพย์สินรวมทั้งหมด (บัญชีเงินฝากอื่น ฉลาก) จะได้เทียบกับคนอื่น ๆ ที่หลายคนแยกเงินลงทุนในหุ้น และลดภาระการคำนวนด้วย
2. เงินต้น (A1) ใช้มูลค่าพอร์ตสิ้นปีที่แล้ว โดยสมมุติว่าขายหุ้นออกทั้งหมด
3. ปันผลคิดเป็นเงินออก (+) เหมือนลดตุ้นทุน เพราะยังไม่กลับมาลงทุน
4. เงินโอนเข้าพอร์ตเป็นรายการลบ (-) เงินโอนออกจากพอร์ตเป็นรายการบวก (+)
5. ค่า guess ไม่ได้ใส่ เพราะยังไม่มีค่ากำหนดไว้เป็นค่ากลางไว้เทียบ
ตามนี้จะได้ XIRR เท่ากับเพิ่ม 2.02 (+2.02%) ครับ
แต่ยังคิดว่ามีปัญหาเพราะเงินโอนเข้าเป็นลบ (-) แล้วซื้อหุ้นจะเป็นลบ (-) อีกแบบนี้น่าจะเป็นรายการซ้ำหรือเปล่าครับ หรือต้องให้เงินฝากในบัญชีหุ้นเป็นเหมือนหุ้นตัวหนึ่ง เมื่อจะซื้อหุ้นจะเหมือนขายเงินฝาก (+) แต่แบบนี้ก็จะกลายเป็นว่ารายการที่เกี่ยวซื้อหุ้นในครั้งนั้นเป็น 0 สิครับ
ป.ล. ไม่มีใครเขียนถึงหรือยกตัวอย่างของที่เกี่ยวรายการเงินฝากเลย สงสัยว่าทั่วไปเขาไม่คิดกันหรือครับ
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 77
การโอนเงินเข้าบัญชี ยังไม่ถือเป็นการลงทุน
เรายังไม่ได้ตัดสินใจลงทุนบริษัทไหนๆ เลย จึงถือว่าไม่มีความหมาย มองผ่านไม่ต่างกับวางเงินกองทิ้งไว้เฉยๆ
ยกเว้นกรณีเดียว คือคุณหวังดอกเบี้ย จากการทิ้งเงินไว้เฉยๆ กับโบรคฯ
ช่วงที่ยังไม่ได้ซื้อหุ้น ก็คือช่วงลงทุนกับโบรคฯ โบรคฯ เอาเงินไปหมุนลงทุนก่อน คล้ายฝากธนาคาร
เช่น 4 มกรา 2553 โอนเงินเข้าบัญชี 2 ล้าน
ทิ้งเงินไว้เฉยๆ 1 ปี 4 มกรา 2554 จึงเริ่มเอาเงินที่ได้ไปซื้อหุ้น แต่พบว่าเงินงอกมานิดนึง
เหตุการณ์สมมติ
4-Jan-2010 ....... -2,000,000 เงินลงทุนไหลออกจากกระเป๋า
4-Jan-2011 ....... 2,040,000 ผลหลังจากลงทุน ฝากไว้ในโบรคฯ กรณีนี้ได้ดอก 2%
4-Jan-2011 ....... -2,005,245.24 เอาไปซื้อหุ้น แต่ซื้อได้ไม่เต็ม เพราะต้องมีค่า comm+vat และต้องให้ได้ lot 100
4-Jan-2012 ....... 3,456,789 ผลหลังจากลงทุน ฝากเงินไว้ในกิจการให้เอาไปลงทุน 1 ปีเต็ม
เรายังไม่ได้ตัดสินใจลงทุนบริษัทไหนๆ เลย จึงถือว่าไม่มีความหมาย มองผ่านไม่ต่างกับวางเงินกองทิ้งไว้เฉยๆ
ยกเว้นกรณีเดียว คือคุณหวังดอกเบี้ย จากการทิ้งเงินไว้เฉยๆ กับโบรคฯ
ช่วงที่ยังไม่ได้ซื้อหุ้น ก็คือช่วงลงทุนกับโบรคฯ โบรคฯ เอาเงินไปหมุนลงทุนก่อน คล้ายฝากธนาคาร
เช่น 4 มกรา 2553 โอนเงินเข้าบัญชี 2 ล้าน
ทิ้งเงินไว้เฉยๆ 1 ปี 4 มกรา 2554 จึงเริ่มเอาเงินที่ได้ไปซื้อหุ้น แต่พบว่าเงินงอกมานิดนึง
เหตุการณ์สมมติ
4-Jan-2010 ....... -2,000,000 เงินลงทุนไหลออกจากกระเป๋า
4-Jan-2011 ....... 2,040,000 ผลหลังจากลงทุน ฝากไว้ในโบรคฯ กรณีนี้ได้ดอก 2%
4-Jan-2011 ....... -2,005,245.24 เอาไปซื้อหุ้น แต่ซื้อได้ไม่เต็ม เพราะต้องมีค่า comm+vat และต้องให้ได้ lot 100
4-Jan-2012 ....... 3,456,789 ผลหลังจากลงทุน ฝากเงินไว้ในกิจการให้เอาไปลงทุน 1 ปีเต็ม
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 79
โอโฮ......ทำไมคิดละเอียดกันจรังครับ
ผมคิดแค่คร่าวๆครับ เงินเพิ่มเดิม ที่ใส่ไปทั้งปีก็หารสองไปเลย
เงินที่เอาออกทั้งปีก็หารสองเหมือนกัน
หลังจากนั้นก็เอาพอร์ตปลายปีลบด้วยต้นปีมาคิดผลตอบแทน แค่นั้นเองครับ
หากคิดระเอียดถี่ยิบแบบนั้น. ผมว่าเราจะไปยึดเก่าของเดิมมากไปหรือเปล่าครับ
ผมจะดูขนาดพอร์ตปัจจุบันเป็นหลักครับ. หากไม่รวมพวกเอาเข้าเอาออกแล้ว
ขอให้มันเติบโตขึ้นตามเป้าที่วางไว้ก็พอแล้ว. เอาเวลาไปหาหุ้นดีกว่าครับ
แต่ยังไงก็ขอขอขคุณทุกท่านที่อุตส่าห์ให้ความรู้ในการคิดผลตอบแทนที่ถูกต้องครับ
แต่สำหรับผมแล้ว. Too hard too complicated ครับ
ผมคิดแค่คร่าวๆครับ เงินเพิ่มเดิม ที่ใส่ไปทั้งปีก็หารสองไปเลย
เงินที่เอาออกทั้งปีก็หารสองเหมือนกัน
หลังจากนั้นก็เอาพอร์ตปลายปีลบด้วยต้นปีมาคิดผลตอบแทน แค่นั้นเองครับ
หากคิดระเอียดถี่ยิบแบบนั้น. ผมว่าเราจะไปยึดเก่าของเดิมมากไปหรือเปล่าครับ
ผมจะดูขนาดพอร์ตปัจจุบันเป็นหลักครับ. หากไม่รวมพวกเอาเข้าเอาออกแล้ว
ขอให้มันเติบโตขึ้นตามเป้าที่วางไว้ก็พอแล้ว. เอาเวลาไปหาหุ้นดีกว่าครับ
แต่ยังไงก็ขอขอขคุณทุกท่านที่อุตส่าห์ให้ความรู้ในการคิดผลตอบแทนที่ถูกต้องครับ
แต่สำหรับผมแล้ว. Too hard too complicated ครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 80
อือ...มาคิดอีกที อย่างที่คุณลูกอิสานพูดใช่เลยครับ
ถ้าเอาเงินกองทิ้งไว้สักพัก โดยไม่ลงทุนในหุ้นเลย และระยะเวลาสั้นๆ ที่โบรคยังไม่คิดดอกเบี้ยให้
ผลตอบแทน เป็นศูนย์ช่วงนั้น
ถัดมา พอจะคิดเป็นผลตอบแทนจริงๆ เพราะเป็นคิดว่าเงินทุน จริงๆ แล้ว IRR จะถือว่าติดลบด้วยซ้ำ
เพราะถ้าคิดเวลานี้รวมไปด้วย จะทำให้ตัวเลขผลตอบแทนที่โบรคฯ โชว์ให้เราใน port ของจริงนี้น้อยกว่า เวลาลองคิด IRR ถ้าไม่ได้นับเริ่มต้นจากที่ไปซื้อหุ้น แต่นับจากวันที่เอาเงินไปกองไว้แทน IRR ถูกกร่อนลงกว่า % แบบ NAV ด้วยเพราะการนับระยะเวลาเพิ่มเข้าไป
ยิ่งถ้าทิ้งไว้นาน และช่วงระยะเวลานั้นยังไม่ได้อะไรจากโบรคฯ เลย อย่างไปตัดสินใจซื้อก่อนครบกำหนดที่โบรคฯ จะคิดดอกให้วันเดียวพอดี ช่วงนั้น หุ้นที่ชื่อ "เงินสด" ถือว่าไม่ทำงานเลย
ค่าเสียโอกาสเห็นผลตอนนี้จริงๆ
มาคิดอีกที ส่วนหนึ่งคนที่ลงเงินเต็มพอร์ต 100% และไม่ทิ้งระยะเวลาให้พอร์ตให้หายใจด้วยเงินสด เพราะมันตรงกับหลักการไม่ทิ้งช่วงให้เงินทุนหยุดพักทำงานแบบนี้นี่เอง
ยิ่งถ้าเอาเงินสดไปพักทิ้งเฉยๆ ก่อน แถมที่จริงไม่ได้คิดแบบกลยุทธ์ประเภทรอจังหวะซื้อใหญ่อะไร (ทางเทคนิค ไม่มีสัญญาณซื้อให้เห็น ทาง VI ไม่มีสัญญาณอะไรเลยว่าจะมี "ของถูก" ร่วงลงมาให้สอย) เช่น โอนเงินเข้าไปแล้ว บังเอิญวุ่นติดภารกิจพ่อตาตาย (แต่เป็นพ่อของกิ๊กเลยยุ่งกว่าพ่อตาจริง ) เด็กพาณิชย์ที่เคยเป็นกิ๊กตอนสมัยวัยรุ่นดันพาลูกมาประกาศว่าเคยไปไข่ทิ้งไว้ แล้วผีซ้ำด้ำพลอยเมียหนีไปมีชู้ยังพอทน แต่นี่หมิ่นเชิงชายด้วยการหนีไปกับทอม ทำให้ช้ำใจหนักไม่ได้ดูแลพอร์ต
ยิ่งถ้าเป็นตรงช่วงตลาดขาขึ้นพรวดๆ อย่างปีก่อนประเภทหลับตาจิ้มตัวไหนก็รวย ดังนั้น ถ้ากิจการดีที่เราเลือกลงทุน ยิ่งไม่ต้องพุดถึง พลาดจังหวะซื้อไปเดือนเดียว อาจพลาดได้เด้ง จะเห็นชัดกับเสียโอกาสที่คิดเป็นจำนวนเงินได้จริง
ถ้าระยะเวลาสั้นๆ ตลาดหมี complicate อย่างที่คุณโดมพูดไปหน่อยจริงๆ เพราะมันดูเหมือนหยุมหยิม แต่ถ้ามาตรงช่วงตลาดกระทิงมันชัดเป็นแบบนี้จริงๆ
ผมว่าสุดท้าย ขึ้นกับว่า ระยะเวลาสูญญากาศนั้นที่มีต่อปริมาณเงินนั้นๆ มีผลต่อการเสียโอกาส เป็น "นัยสำคัญ" กับเจ้าของเงินก้อนนั้นหรือเปล่า เพราะแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนแค่ 1 พัน ก็ถือว่าสำคัญอย่างยิ่งยวด ในขณะที่บางคน ต้องหลายหมื่น บางคนหลายแสนไปเท่านั้นจึงจะเอามาคิด
ถ้าเอาเงินกองทิ้งไว้สักพัก โดยไม่ลงทุนในหุ้นเลย และระยะเวลาสั้นๆ ที่โบรคยังไม่คิดดอกเบี้ยให้
ผลตอบแทน เป็นศูนย์ช่วงนั้น
ถัดมา พอจะคิดเป็นผลตอบแทนจริงๆ เพราะเป็นคิดว่าเงินทุน จริงๆ แล้ว IRR จะถือว่าติดลบด้วยซ้ำ
เพราะถ้าคิดเวลานี้รวมไปด้วย จะทำให้ตัวเลขผลตอบแทนที่โบรคฯ โชว์ให้เราใน port ของจริงนี้น้อยกว่า เวลาลองคิด IRR ถ้าไม่ได้นับเริ่มต้นจากที่ไปซื้อหุ้น แต่นับจากวันที่เอาเงินไปกองไว้แทน IRR ถูกกร่อนลงกว่า % แบบ NAV ด้วยเพราะการนับระยะเวลาเพิ่มเข้าไป
ยิ่งถ้าทิ้งไว้นาน และช่วงระยะเวลานั้นยังไม่ได้อะไรจากโบรคฯ เลย อย่างไปตัดสินใจซื้อก่อนครบกำหนดที่โบรคฯ จะคิดดอกให้วันเดียวพอดี ช่วงนั้น หุ้นที่ชื่อ "เงินสด" ถือว่าไม่ทำงานเลย
ค่าเสียโอกาสเห็นผลตอนนี้จริงๆ
มาคิดอีกที ส่วนหนึ่งคนที่ลงเงินเต็มพอร์ต 100% และไม่ทิ้งระยะเวลาให้พอร์ตให้หายใจด้วยเงินสด เพราะมันตรงกับหลักการไม่ทิ้งช่วงให้เงินทุนหยุดพักทำงานแบบนี้นี่เอง
ยิ่งถ้าเอาเงินสดไปพักทิ้งเฉยๆ ก่อน แถมที่จริงไม่ได้คิดแบบกลยุทธ์ประเภทรอจังหวะซื้อใหญ่อะไร (ทางเทคนิค ไม่มีสัญญาณซื้อให้เห็น ทาง VI ไม่มีสัญญาณอะไรเลยว่าจะมี "ของถูก" ร่วงลงมาให้สอย) เช่น โอนเงินเข้าไปแล้ว บังเอิญวุ่นติดภารกิจพ่อตาตาย (แต่เป็นพ่อของกิ๊กเลยยุ่งกว่าพ่อตาจริง ) เด็กพาณิชย์ที่เคยเป็นกิ๊กตอนสมัยวัยรุ่นดันพาลูกมาประกาศว่าเคยไปไข่ทิ้งไว้ แล้วผีซ้ำด้ำพลอยเมียหนีไปมีชู้ยังพอทน แต่นี่หมิ่นเชิงชายด้วยการหนีไปกับทอม ทำให้ช้ำใจหนักไม่ได้ดูแลพอร์ต
ยิ่งถ้าเป็นตรงช่วงตลาดขาขึ้นพรวดๆ อย่างปีก่อนประเภทหลับตาจิ้มตัวไหนก็รวย ดังนั้น ถ้ากิจการดีที่เราเลือกลงทุน ยิ่งไม่ต้องพุดถึง พลาดจังหวะซื้อไปเดือนเดียว อาจพลาดได้เด้ง จะเห็นชัดกับเสียโอกาสที่คิดเป็นจำนวนเงินได้จริง
ถ้าระยะเวลาสั้นๆ ตลาดหมี complicate อย่างที่คุณโดมพูดไปหน่อยจริงๆ เพราะมันดูเหมือนหยุมหยิม แต่ถ้ามาตรงช่วงตลาดกระทิงมันชัดเป็นแบบนี้จริงๆ
ผมว่าสุดท้าย ขึ้นกับว่า ระยะเวลาสูญญากาศนั้นที่มีต่อปริมาณเงินนั้นๆ มีผลต่อการเสียโอกาส เป็น "นัยสำคัญ" กับเจ้าของเงินก้อนนั้นหรือเปล่า เพราะแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนแค่ 1 พัน ก็ถือว่าสำคัญอย่างยิ่งยวด ในขณะที่บางคน ต้องหลายหมื่น บางคนหลายแสนไปเท่านั้นจึงจะเอามาคิด
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 82
ผมว่าถ้าคิดจะคำนวณ XIRR มันไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลยครับ เพราะจากตัวอย่างนี่ จะเห็นได้ว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับกำไรขาดทุนของหุ้นรายตัวเลย มีแต่เงินที่เข้า ๆ ออก ๆ ซึ่งจะว่าไปต่อให้เงินเข้าออกทุกวัน ก็คีย์ใส่ excell วันละครั้งอยู่ดีครับ แต่ในความเป็นจริงเงินที่ไหลเข้าออกผมเชื่อว่าส่วนใหญ่คงไม่ได้ถี่ขาดนั้น
ส่วนกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จมันจะอยู่ในมูลค่าของหุ้นในพอร์ต ณ ขณะนั้นบวกกับเงินสดในพอร์ตที่เหลือ เอามาใส่ในบรรทัดสุดท้ายแล้วกดออกมาก็เรียบร้อยครับ ยิ่งถ้าเป็นเงินสดที่ฝากกับโบรก ดอกเบี้ยมันก็จะถูกโอนเข้ามารวมกับเงินสดในพอร์ตอยู่แล้ว ส่วนเงินปันผลกับดอกเบี้ยจากเงินลงทุนในกรณีที่ไม่ได้ฝากไว้กับโบรก เราก็เอามารวมกับมูลค่าของพอร์ตในบรรทัดสุดท้ายได้ครับ
การคิดแบบคร่าว ๆ จะง่ายในกรณีที่เงินไม่ได้มีการไหลเข้าออกตลอดเวลาครับ แต่ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้ครับ เช่น
มค. ใส่เงินลงทุน 1 ล้านบาท ซื้อหุ้น A สิ้นสุดเดือนธค. มีกำไรจากเงินก้อนนี้ 2 แสนบาท เท่ากับ 20% แต่สมมติในเดือนตค. เพิ่มเงินลงทุนในหุ้น A อีก 1 ล้านบาท แต่หุ้นล็อตหลังนี้ตอนจบเดือนธค.เท่าทุน แบบนี้จะมีปัญหาแน่ครับ เพราะถ้าเจ้าของพอร์ตเอาเงินก้อนหลังมารวมผลตอบแทนจะเหลือ 10% ต่อปี แต่ในความเป็นจริงถ้าดูในรายละเอียดจะเห็นว่าเงินก้อนหลังถูกเอามาลงทุนเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น
ยิ่งถ้าคนที่เอาเงินเข้า ๆ ออก ๆ สุดท้ายก็จะงงครับว่ามูลค่าพอร์ตที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงเกิดจากการบริหารพอร์ตหรือเงินที่เข้าออกกันแน่
ยิ่งถ้าเป็นคนที่ใส่เงินเข้ามาในพอร์ตทุกเดือน เงินแต่ละก้อนมีอายุไม่เท่ากันก็จะมีปัญหาทำให้ตัวเลขมันบิดเบือนครับ
ส่วนกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จมันจะอยู่ในมูลค่าของหุ้นในพอร์ต ณ ขณะนั้นบวกกับเงินสดในพอร์ตที่เหลือ เอามาใส่ในบรรทัดสุดท้ายแล้วกดออกมาก็เรียบร้อยครับ ยิ่งถ้าเป็นเงินสดที่ฝากกับโบรก ดอกเบี้ยมันก็จะถูกโอนเข้ามารวมกับเงินสดในพอร์ตอยู่แล้ว ส่วนเงินปันผลกับดอกเบี้ยจากเงินลงทุนในกรณีที่ไม่ได้ฝากไว้กับโบรก เราก็เอามารวมกับมูลค่าของพอร์ตในบรรทัดสุดท้ายได้ครับ
การคิดแบบคร่าว ๆ จะง่ายในกรณีที่เงินไม่ได้มีการไหลเข้าออกตลอดเวลาครับ แต่ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้ครับ เช่น
มค. ใส่เงินลงทุน 1 ล้านบาท ซื้อหุ้น A สิ้นสุดเดือนธค. มีกำไรจากเงินก้อนนี้ 2 แสนบาท เท่ากับ 20% แต่สมมติในเดือนตค. เพิ่มเงินลงทุนในหุ้น A อีก 1 ล้านบาท แต่หุ้นล็อตหลังนี้ตอนจบเดือนธค.เท่าทุน แบบนี้จะมีปัญหาแน่ครับ เพราะถ้าเจ้าของพอร์ตเอาเงินก้อนหลังมารวมผลตอบแทนจะเหลือ 10% ต่อปี แต่ในความเป็นจริงถ้าดูในรายละเอียดจะเห็นว่าเงินก้อนหลังถูกเอามาลงทุนเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น
ยิ่งถ้าคนที่เอาเงินเข้า ๆ ออก ๆ สุดท้ายก็จะงงครับว่ามูลค่าพอร์ตที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงเกิดจากการบริหารพอร์ตหรือเงินที่เข้าออกกันแน่
ยิ่งถ้าเป็นคนที่ใส่เงินเข้ามาในพอร์ตทุกเดือน เงินแต่ละก้อนมีอายุไม่เท่ากันก็จะมีปัญหาทำให้ตัวเลขมันบิดเบือนครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1018
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 83
เห็นผลตอบแทนแต่ละคนแล้ว แทบจะไม่กล้าโพสเลยครับ แต่ความจริงก็คือความจริง ครึ่งปีแรกปี 54 ทำผลงานไว้ที่ +54 % หุ้นเกือบทุกตัวที่ถือตอนนั้นเข้าเป้าเกือบหมดทั้งในแง่ของราคาและกำไรจริงๆ ของบริษัท แต่ครึ่งปีหลังผมก็มาเจอกับสัจธรรมข้อหนึ่งของการลงทุน คือความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้เสมอ ต่อให้เราวิเคราะห์กิจการดีแค่ไหน ก็ยังสามารถมี factor ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ เสมอ ผมเคยคิดว่าบริษัทที่ผมถือมีความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดแค่ผบห.เป็นอะไรไปหรือไฟไหม้ (แต่คิดไม่ถึงเรื่องน้ำท่วม) สุดท้ายกำไรที่ผมทำไว้ครึ่งปีแรกก็โดนพัดไปกับสายน้ำ และก็ยังโดนถ่วงด้วยดอกเบี้ย margin จนสิ้นปีเหลือ +7.5% ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่น้อยที่สุดไม่นับปี 51 ตั้งแต่ลงทุนมา ครับ T T
-
- Verified User
- โพสต์: 809
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 84
216% ครับ
ต้นปีได้ Jas เป็นพระเอก
กลางปีได้ Kamart เป็นพระเอก แต่รีบขาย Kamart เร็วเกินไป เพราะคิดว่าราคามันขึ้นมาเต็มมูลค่าแล้ว กลัวว่าจะเกิดโศกนาถกรรมแบบ Jas
ขออนุญาตแชร์ความรู้สึกระหว่างทางที่ถือ Kamart ล่ะกัน ตั้งแต่ตอนแรกที่ซื้อตอน 0.44 บาท และระหว่างทางที่ทยอยปล่อยที่ราคาสุดท้ายแถว 3 บาท ว่าที่จริงแล้วมันไม่ได้สวยงามเหมือนที่ใครหลายๆ คนคิดว่า ถ้าซื้อตอนต้นปี แล้วยังถืออยู่ป่านนี้รวยไปแล้ว
แรกเริ่มที่เห็นหุ้นตัวนี้ก็เพราะการซื้อของผู้บริหารกลางๆ มิ.ย. ที่ซื้อมากอย่างมีนัยสำคัญ ก็เลยสงสัยว่ามันคืออะไร ก็ไล่อ่าน 56-1 ดู ก็ถึงบางอ้อว่า model change อย่างมีนัยสำคัญ ช่วงเสาร์อาทิตย์ก็เลยลอง survey ร้าน Kamart ดู ก็ไม่ได้ขายดีมาก แต่ด้วยความที่ขี้สงสัยอยากลองใช้สินค้าก็เลยถอยมาซะเลย 2,500 บาท และก็ลองถามคนขายดูว่าขายดีมั้ย เจ้าของก็บอกขายดีมาก ตอนนั้นก็งงๆ ว่าเจ้าของโกหกหรือเปล่า เพราะไม่ค่อยมีลูกค้าเข้าร้านเลย แต่คุยไปคุยมาก็ถึงได้รู้ว่าร้านเค้าจัดโปรโมชั่นทุกต้นเดือน ลดถึง 40% ตอนนั้นมันกลางเดือน ก็ไม่แปลกที่จะไม่ค่อยมีลูกค้าช่วงนั้น คุยไปคุยมาก็ได้ข้อมูลเพิ่มอีกว่าค่า Franchise ห้าแสนคืนทุนแล้วทั้งๆ ที่เพิ่งเปิดได้ 3 เดือน ก็ยิ่งตกใจว่ามันขายดีขนาดนั้นเลยเหรอ กลับมาก็รีบประเมิน valuation คร่าวๆ อืมวันจันทร์ต้องรีบสอยเข้าพอร์ทซะแล้ว
พอวันจันทร์เปิดมามันเปิดโดดไป 7% เลยรู้สึกว่าว่าจะมีหลายคนเห็นคล้ายๆ กัน ก็ตัดใจซื้อที่ 0.44 บาท ท้้ังๆ ที่มันเปิดโดดขนาดนั้น เพราะยังเชื่อในพื้นฐานว่ามี upside อีกมากโข และคิดว่าตัวน้ีเป็น new Jas แน่นอน แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าอัดเต็มพอร์ท เพราะก็ไม่มั่นใจเต็มร้อย จำได้ว่าไล่เก็บจนต้นทุนเฉลี่ยประมาณ 0.55 บาท และก็ถือทิ้งไว้ ระหว่างทางถ้าใครดูราคาย้อนหลังได้จะพบว่าราคามันสวิงมากๆ ถึงมากที่สุด ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะลิ่งถึง 4-5 ครั้ง แต่ก็มีติดลบมากกว่า 10% ต่อวันก็หลายครั้งอยู่ ติด cash balance ทั้งหมด 3-4 ครั้ง เรียกได้ว่าเป็นเส้นทางที่หฤโหดมาก กว่าที่ราคาหุ้นมันจะขึ้นมาได้จนถึงทุกวันนี้
ผมถึงอยากแชร์ว่า การมองย้อนกลับไปในสิ่งที่ผ่านมาแล้วมันง่าย รู้งี้ซ้ือตอนนั้น มาขายตอนนี้ หรือ ถ้าเห็นตัวนี้ก่อนอย่างนั้น ก็อย่างงี้ มันต่างจากความรู้สึกหรือประสบการณ์จริงที่ระหว่างทางเราไม่รู้เลยว่าราคามันจะไปในทิศทางไหน ยิ่งหุ้นที่ volatile มากๆ แบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เข็มทิศอันเดียวที่บอกเราได้ก็คือปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งระหว่างทางมันก็เกิดคำถามตลอดเวลาว่าเราประเมินอะไรผิดไปหรือเปล่า มันใช่แบบที่เราคิดจริงหรือ ถ้าเราประเมินผิดล่ะ มันอาจเป็นแค่หุ้นปั่นตัวนึง ระวังมันอาจจะโดนถล่มขายนะ ความคิดต่างๆ เหล่านี้คอยกวนใจอยู่ตลอดเวลา
ส่วนเรื่องวิธีประเมินมูลค่า Kamart ผมเคยแชร์ไว้้แล้วใน ร้อยคนร้อยหุ้น ไม่ขอแชร์ซ้ำอีกว่าทำไมผมถึงประเมิน มูลค่า Kamart ไว้เท่านี้ ผมอาจจะผิดก็ได้ เนื่องจากราคาปัจจุบันมันมาไกลกว่าราคาที่ผมประเมินได้มากแล้ว ซึ่งก็รู้สึกเสียดายพอสมควร แต่ในเมื่อเรารู้แค่นี้ ก็ไม่ควรที่จะโลภเกินความรู้ และอย่างน้อยผมก็คิดว่าก็ได้บทเรียนที่สำคัญมากๆ ในการหาปลาด้วยตัวเองได้ระดับนึงแล้ว สักวันก็น่าจะหาปลาที่ขนาดพอๆ กับ Kamart ได้อีก
เห็นคุณชิณเข้ามาตอบในนี้ด้วย ก็ขอขอบคุณคุณชิณอีกครั้งนะครับ นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่ผมขอความรู้ Jas จากคุณชิณช่วงแรกๆ และพี่ๆ หลายท่านในที่นี้ที่ช่วยกันถกเรื่องพื้นฐานจนกระจ่าง มีการรับฟังความเห็นซึ่งกันและกันแม้จะเป็นความเห็นแย้ง ซึ่งต่างจากปัจจุบันมากที่รู้สึกว่าจะใช้บอร์ดนี้ในทางเชียร์หุ้นซะส่วนใหญ่ ถ้าใครเห็นแย้งก็จะมาซ้ำเติมหรือไม่ก็กดลบซะงั้น เสียดายบรรยากาศดีๆ ที่ผ่านมาจริงๆ ครับ
แต่ถึงยังไงผมก็ยังคงวนเวียนอยู่แถวๆ นี้ละครับ ถ้าอันไหนผมแชร์ได้ มีความรู้มากพอก็จะช่วยๆ แชร์ครับ คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ เหลือเกินครับ อยากให้กลับมาเร็วๆ
ต้นปีได้ Jas เป็นพระเอก
กลางปีได้ Kamart เป็นพระเอก แต่รีบขาย Kamart เร็วเกินไป เพราะคิดว่าราคามันขึ้นมาเต็มมูลค่าแล้ว กลัวว่าจะเกิดโศกนาถกรรมแบบ Jas
ขออนุญาตแชร์ความรู้สึกระหว่างทางที่ถือ Kamart ล่ะกัน ตั้งแต่ตอนแรกที่ซื้อตอน 0.44 บาท และระหว่างทางที่ทยอยปล่อยที่ราคาสุดท้ายแถว 3 บาท ว่าที่จริงแล้วมันไม่ได้สวยงามเหมือนที่ใครหลายๆ คนคิดว่า ถ้าซื้อตอนต้นปี แล้วยังถืออยู่ป่านนี้รวยไปแล้ว
แรกเริ่มที่เห็นหุ้นตัวนี้ก็เพราะการซื้อของผู้บริหารกลางๆ มิ.ย. ที่ซื้อมากอย่างมีนัยสำคัญ ก็เลยสงสัยว่ามันคืออะไร ก็ไล่อ่าน 56-1 ดู ก็ถึงบางอ้อว่า model change อย่างมีนัยสำคัญ ช่วงเสาร์อาทิตย์ก็เลยลอง survey ร้าน Kamart ดู ก็ไม่ได้ขายดีมาก แต่ด้วยความที่ขี้สงสัยอยากลองใช้สินค้าก็เลยถอยมาซะเลย 2,500 บาท และก็ลองถามคนขายดูว่าขายดีมั้ย เจ้าของก็บอกขายดีมาก ตอนนั้นก็งงๆ ว่าเจ้าของโกหกหรือเปล่า เพราะไม่ค่อยมีลูกค้าเข้าร้านเลย แต่คุยไปคุยมาก็ถึงได้รู้ว่าร้านเค้าจัดโปรโมชั่นทุกต้นเดือน ลดถึง 40% ตอนนั้นมันกลางเดือน ก็ไม่แปลกที่จะไม่ค่อยมีลูกค้าช่วงนั้น คุยไปคุยมาก็ได้ข้อมูลเพิ่มอีกว่าค่า Franchise ห้าแสนคืนทุนแล้วทั้งๆ ที่เพิ่งเปิดได้ 3 เดือน ก็ยิ่งตกใจว่ามันขายดีขนาดนั้นเลยเหรอ กลับมาก็รีบประเมิน valuation คร่าวๆ อืมวันจันทร์ต้องรีบสอยเข้าพอร์ทซะแล้ว
พอวันจันทร์เปิดมามันเปิดโดดไป 7% เลยรู้สึกว่าว่าจะมีหลายคนเห็นคล้ายๆ กัน ก็ตัดใจซื้อที่ 0.44 บาท ท้้ังๆ ที่มันเปิดโดดขนาดนั้น เพราะยังเชื่อในพื้นฐานว่ามี upside อีกมากโข และคิดว่าตัวน้ีเป็น new Jas แน่นอน แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าอัดเต็มพอร์ท เพราะก็ไม่มั่นใจเต็มร้อย จำได้ว่าไล่เก็บจนต้นทุนเฉลี่ยประมาณ 0.55 บาท และก็ถือทิ้งไว้ ระหว่างทางถ้าใครดูราคาย้อนหลังได้จะพบว่าราคามันสวิงมากๆ ถึงมากที่สุด ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะลิ่งถึง 4-5 ครั้ง แต่ก็มีติดลบมากกว่า 10% ต่อวันก็หลายครั้งอยู่ ติด cash balance ทั้งหมด 3-4 ครั้ง เรียกได้ว่าเป็นเส้นทางที่หฤโหดมาก กว่าที่ราคาหุ้นมันจะขึ้นมาได้จนถึงทุกวันนี้
ผมถึงอยากแชร์ว่า การมองย้อนกลับไปในสิ่งที่ผ่านมาแล้วมันง่าย รู้งี้ซ้ือตอนนั้น มาขายตอนนี้ หรือ ถ้าเห็นตัวนี้ก่อนอย่างนั้น ก็อย่างงี้ มันต่างจากความรู้สึกหรือประสบการณ์จริงที่ระหว่างทางเราไม่รู้เลยว่าราคามันจะไปในทิศทางไหน ยิ่งหุ้นที่ volatile มากๆ แบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เข็มทิศอันเดียวที่บอกเราได้ก็คือปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งระหว่างทางมันก็เกิดคำถามตลอดเวลาว่าเราประเมินอะไรผิดไปหรือเปล่า มันใช่แบบที่เราคิดจริงหรือ ถ้าเราประเมินผิดล่ะ มันอาจเป็นแค่หุ้นปั่นตัวนึง ระวังมันอาจจะโดนถล่มขายนะ ความคิดต่างๆ เหล่านี้คอยกวนใจอยู่ตลอดเวลา
ส่วนเรื่องวิธีประเมินมูลค่า Kamart ผมเคยแชร์ไว้้แล้วใน ร้อยคนร้อยหุ้น ไม่ขอแชร์ซ้ำอีกว่าทำไมผมถึงประเมิน มูลค่า Kamart ไว้เท่านี้ ผมอาจจะผิดก็ได้ เนื่องจากราคาปัจจุบันมันมาไกลกว่าราคาที่ผมประเมินได้มากแล้ว ซึ่งก็รู้สึกเสียดายพอสมควร แต่ในเมื่อเรารู้แค่นี้ ก็ไม่ควรที่จะโลภเกินความรู้ และอย่างน้อยผมก็คิดว่าก็ได้บทเรียนที่สำคัญมากๆ ในการหาปลาด้วยตัวเองได้ระดับนึงแล้ว สักวันก็น่าจะหาปลาที่ขนาดพอๆ กับ Kamart ได้อีก
เห็นคุณชิณเข้ามาตอบในนี้ด้วย ก็ขอขอบคุณคุณชิณอีกครั้งนะครับ นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่ผมขอความรู้ Jas จากคุณชิณช่วงแรกๆ และพี่ๆ หลายท่านในที่นี้ที่ช่วยกันถกเรื่องพื้นฐานจนกระจ่าง มีการรับฟังความเห็นซึ่งกันและกันแม้จะเป็นความเห็นแย้ง ซึ่งต่างจากปัจจุบันมากที่รู้สึกว่าจะใช้บอร์ดนี้ในทางเชียร์หุ้นซะส่วนใหญ่ ถ้าใครเห็นแย้งก็จะมาซ้ำเติมหรือไม่ก็กดลบซะงั้น เสียดายบรรยากาศดีๆ ที่ผ่านมาจริงๆ ครับ
แต่ถึงยังไงผมก็ยังคงวนเวียนอยู่แถวๆ นี้ละครับ ถ้าอันไหนผมแชร์ได้ มีความรู้มากพอก็จะช่วยๆ แชร์ครับ คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ เหลือเกินครับ อยากให้กลับมาเร็วๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 85
ต้องขอโทษท่านอื่น ๆ ด้วยนะครับ ที่ทำให้ต้องมาอธิบายเรื่อง XIRR นี้ เพราะยังมีเรื่องที่ยังไม่เข้าใจหลายอย่าง ยิ่งลองทำยิ่งทำให้มีเรื่องสงสัยใหม่ขึ้นมาอีก อย่างล่าสุดลองคิดเอาค่าปันผลออก เพราะเวลาได้ปันผลจะโอนไปที่บัญชีเงินฝากธนาคารไม่ใช่บัญชีหุ้น แต่แบบนี้จะแปลกที่ผมลงทุนจะเน้นปันผล แต่ถ้าลองแบบรวมปันผล ก็ต้องมีรายการซื้อบัญชีเงินฝากด้วย... ยิ่งคิดยิ่งยังไม่เข้าใจ เดี๋ยวจะลองไปศึกษาให้มากกว่านี้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 86
ไม่เป็นไรครับ เพราะตอนที่ผมรู้จักการคิดแบบนี้ครั้งแรกก็อ่านจากกระทู้ที่มีคนเคยโพสต์ไว้ครับ พอดีผมหาไม่เจอไม่งั้นจะมาลิ้งค์มาให้ถุงเงินเก่า เขียน:ต้องขอโทษท่านอื่น ๆ ด้วยนะครับ ที่ทำให้ต้องมาอธิบายเรื่อง XIRR นี้ เพราะยังมีเรื่องที่ยังไม่เข้าใจหลายอย่าง ยิ่งลองทำยิ่งทำให้มีเรื่องสงสัยใหม่ขึ้นมาอีก อย่างล่าสุดลองคิดเอาค่าปันผลออก เพราะเวลาได้ปันผลจะโอนไปที่บัญชีเงินฝากธนาคารไม่ใช่บัญชีหุ้น แต่แบบนี้จะแปลกที่ผมลงทุนจะเน้นปันผล แต่ถ้าลองแบบรวมปันผล ก็ต้องมีรายการซื้อบัญชีเงินฝากด้วย... ยิ่งคิดยิ่งยังไม่เข้าใจ เดี๋ยวจะลองไปศึกษาให้มากกว่านี้ครับ
จริง ๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากครับ อย่างที่บอก การคิดนับแต่เงินที่จะลงทุน การไหลเข้าออกของเงินเหมือนทุนที่ไหลเข้าออก (ใส่เครื่องหมายบวกหรือลบ) ส่วนกำไรขาดทุนของหุ้นมันจะอยู่ในมูลค่าของพอร์ตทั้งหมดที่บวกเงินสดที่เหลือกับเงินปันผลแล้วเป็นบรรทัดสุดท้าย ผมว่าคุณควรรวมปันผลไปด้วยเพราะมันก็คือผลตอบแทนอย่างหนึ่งครับ
ปกติผมทำนาน ๆ ครั้งครับ ไม่เสียเวลา แต่ตอนแรกจะงง ๆ หน่อยครับ เดิมทีผมดูคร่าว ๆ แต่พอคิดให้เป็นระบบมันทำให้เราเห็นภาพได้ดีขึ้นครับ ที่สำคัญผลตอบแทนที่คิดได้เป็น "แบบทบต้นต่อปี" ถ้าระยะเวลาลงทุนไม่ถึงปีควรคิดเทียบออกมาเป็นเวลาจริง ไม่งั้นตัวเลขจะดูสูงผิดปกติครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 87
ที่อาจจะทำให้งงอีกอย่างหนึ่งคือเวลาคิดรอบของปีใหม่ครับ ก็เอามูลค่าของพอร์ตทั้งหมดมาคิดตั้งต้นใหม่ในบรรทัดแรกครับแล้วทำแบบเดิมครับleky เขียน:ไม่เป็นไรครับ เพราะตอนที่ผมรู้จักการคิดแบบนี้ครั้งแรกก็อ่านจากกระทู้ที่มีคนเคยโพสต์ไว้ครับ พอดีผมหาไม่เจอไม่งั้นจะมาลิ้งค์มาให้ถุงเงินเก่า เขียน:ต้องขอโทษท่านอื่น ๆ ด้วยนะครับ ที่ทำให้ต้องมาอธิบายเรื่อง XIRR นี้ เพราะยังมีเรื่องที่ยังไม่เข้าใจหลายอย่าง ยิ่งลองทำยิ่งทำให้มีเรื่องสงสัยใหม่ขึ้นมาอีก อย่างล่าสุดลองคิดเอาค่าปันผลออก เพราะเวลาได้ปันผลจะโอนไปที่บัญชีเงินฝากธนาคารไม่ใช่บัญชีหุ้น แต่แบบนี้จะแปลกที่ผมลงทุนจะเน้นปันผล แต่ถ้าลองแบบรวมปันผล ก็ต้องมีรายการซื้อบัญชีเงินฝากด้วย... ยิ่งคิดยิ่งยังไม่เข้าใจ เดี๋ยวจะลองไปศึกษาให้มากกว่านี้ครับ
จริง ๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากครับ อย่างที่บอก การคิดนับแต่เงินที่จะลงทุน การไหลเข้าออกของเงินเหมือนทุนที่ไหลเข้าออก (ใส่เครื่องหมายบวกหรือลบ) ส่วนกำไรขาดทุนของหุ้นมันจะอยู่ในมูลค่าของพอร์ตทั้งหมดที่บวกเงินสดที่เหลือกับเงินปันผลแล้วเป็นบรรทัดสุดท้าย ผมว่าคุณควรรวมปันผลไปด้วยเพราะมันก็คือผลตอบแทนอย่างหนึ่งครับ
ปกติผมทำนาน ๆ ครั้งครับ ไม่เสียเวลา แต่ตอนแรกจะงง ๆ หน่อยครับ เดิมทีผมดูคร่าว ๆ แต่พอคิดให้เป็นระบบมันทำให้เราเห็นภาพได้ดีขึ้นครับ ที่สำคัญผลตอบแทนที่คิดได้เป็น "แบบทบต้นต่อปี" ถ้าระยะเวลาลงทุนไม่ถึงปีควรคิดเทียบออกมาเป็นเวลาจริง ไม่งั้นตัวเลขจะดูสูงผิดปกติครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 88
ดาวน์โหลดไฟเอกเซลล์ ผลตอบแทน และ สถิติ ของตลาด ปี 2554 ได้แล้วนะครับ
http://www.set.or.th/th/market/market_statistics.html
อัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาด = 3.72%
ผลตอบแทนส่วนต่างดัชนี 1,025.32-1,032.76 = - 0.72%
P/E ของตลาด = 12.07 เท่า
http://www.set.or.th/th/market/market_statistics.html
อัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาด = 3.72%
ผลตอบแทนส่วนต่างดัชนี 1,025.32-1,032.76 = - 0.72%
P/E ของตลาด = 12.07 เท่า
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 70
- ผู้ติดตาม: 0
Re: (ยังไม่มีใครตั้ง) ผลตอบแทน 2554 เป็นอย่างไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 89
-5% รวมปันผลแล้ว T-T เริ่มลงทุน มกรา 54
สาเหตุ
1. ตอนซื้อแรกๆ วัดมูลค่าไม่ได้ หา MOS ไม่เจอ แต่ซื้อไปเพราะบริษัทดีเชิงปริมาณ
2. กอดอิเล็กทรอนิค แล้วลงเอาๆ ซื้อถัวแล้ว ถ้าไม่ถัวก็อาจจะหนักกว่านี้
3. วิเคราะห์ผิดพลาด ตัดทิ้งทันที 1 ตัว กลุ่มอสังหา
น้อมรับคำแนะนำ สำหรับปี55 ต้องทำการบ้านหนักเลยครับ
สาเหตุ
1. ตอนซื้อแรกๆ วัดมูลค่าไม่ได้ หา MOS ไม่เจอ แต่ซื้อไปเพราะบริษัทดีเชิงปริมาณ
2. กอดอิเล็กทรอนิค แล้วลงเอาๆ ซื้อถัวแล้ว ถ้าไม่ถัวก็อาจจะหนักกว่านี้
3. วิเคราะห์ผิดพลาด ตัดทิ้งทันที 1 ตัว กลุ่มอสังหา
น้อมรับคำแนะนำ สำหรับปี55 ต้องทำการบ้านหนักเลยครับ