กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 121
ผมว่าเวปนี้ก็ยังไม่ได้เสื่อมอะไรนะครับ
เปรียบเสมือนคนก็แค่มีคนมาวิจารณ์
แต่การถูกวิจารณ์ ก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องแย่หรือไม่ดีตามที่ถูกวิจารณ์ครับ
เมื่อเวลาผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็ผ่านไป
ช่าวก่อนนหน้านี้ผมดูซีรีย์เกาหลีเรื่อง Midas ผมชอบบทสนทนาในซีรีย์นี้อยู่ตอนนึงก็คือ นักลงทุนต้องไม่ยึดติดกับอดีต
ไม่ว่าจะเป็นอดีตแห่งความผิดพลาดหรืออดีตแห่งความสำเร็จ
เพราะมีแต่ต้องก้าวต่อไป
การยึดติดกับอดีตที่ล้มเหลว มีแต่ทำให้ท้อถอย ให้มองหาจุดที่ทำให้เกิดความผิดพลาดมาเป็นบทเรียนวันหน้า
ส่วนการยึดติดกับอดีตที่สำเร็จ ทำให้หลงระเริง และชะล่าใจ กลายเป็นความผิดพลาดในวันหน้าได้
เชานเดียวกั
เปรียบเสมือนคนก็แค่มีคนมาวิจารณ์
แต่การถูกวิจารณ์ ก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องแย่หรือไม่ดีตามที่ถูกวิจารณ์ครับ
เมื่อเวลาผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็ผ่านไป
ช่าวก่อนนหน้านี้ผมดูซีรีย์เกาหลีเรื่อง Midas ผมชอบบทสนทนาในซีรีย์นี้อยู่ตอนนึงก็คือ นักลงทุนต้องไม่ยึดติดกับอดีต
ไม่ว่าจะเป็นอดีตแห่งความผิดพลาดหรืออดีตแห่งความสำเร็จ
เพราะมีแต่ต้องก้าวต่อไป
การยึดติดกับอดีตที่ล้มเหลว มีแต่ทำให้ท้อถอย ให้มองหาจุดที่ทำให้เกิดความผิดพลาดมาเป็นบทเรียนวันหน้า
ส่วนการยึดติดกับอดีตที่สำเร็จ ทำให้หลงระเริง และชะล่าใจ กลายเป็นความผิดพลาดในวันหน้าได้
เชานเดียวกั
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 122
ในส่วนของสมาชิกเวปเปรียบไปก็เหมือนคนในครอบครัว
เวลามีคนมาว่าคนในครอบครัวของเรา ก็ย่อมโกรธเป็นธรรมดา
แต่ขอให้มีสติครับ
ความวุ่นวายจะไม่เกิดหากมีสติ
อันลมปากเขา เราไม่อาจบังคับไม่ให้เขาพูด
แต่ใจของเรา เราสามารถข่มจิตมิให้หมอง
จะดีชั่วหาใช่เพราะลมปาก
หนทางออกมีเสมอในสติ
เวลามีคนมาว่าคนในครอบครัวของเรา ก็ย่อมโกรธเป็นธรรมดา
แต่ขอให้มีสติครับ
ความวุ่นวายจะไม่เกิดหากมีสติ
อันลมปากเขา เราไม่อาจบังคับไม่ให้เขาพูด
แต่ใจของเรา เราสามารถข่มจิตมิให้หมอง
จะดีชั่วหาใช่เพราะลมปาก
หนทางออกมีเสมอในสติ
- The Dark
- Verified User
- โพสต์: 209
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 123
ใครว่าเสื่อม ไม่เสื่อมผมไม่รู้นะครับ
ในฐานะมือใหม่ ผมเข้ามาศึกษาหาความรู้ในเวปนี้ ร่วมกับการอ่านหนังสือที่พี่ๆแนะนำ เวปอื่นผมไม่เคยเข้าไปดูเลย
ทำให้ผมเดินตามทางการลงทุนที่ถูกต้อง ที่เหมาะกับตัวเอง ผมจะไล่อ่านไปเรื่อยๆ ทั้งห้องมือใหม่ ห้องValue investor
ห้องกระทู้คุณค่า ห้องนั่งเล่น ห้องร้อยคนร้อยหุ้น โดยเฉพาะห้องร้อยคนร้อยเล่ม หนังสือเล่มไหนน่าสนใจ
ผมซื้อเก็บหมด อ่านตามแทบไม่ทัน
ผมเข้าเวปทุกวัน ส่วนใหญ่ช่วงนี้เข้าจะกดดูตรง View unread posts กระทู้ไหนไม่ได้อ่านก็ตามอ่าน
หุ้นตัวไหนชื่อไม่คุ้น หรือไม่รู้จักก็จะเข้าไปดูทำความรู้จักซักหน่อย
สุดท้ายก็เป็นกำลังใจให้พี่ๆทีมงานครับ ในการพัฒนาเวปต่อไป
ถ้าไม่มีเวปนี้ ก็ไม่มีผมอย่างตอนนี้เช่นกันครับ
ในฐานะมือใหม่ ผมเข้ามาศึกษาหาความรู้ในเวปนี้ ร่วมกับการอ่านหนังสือที่พี่ๆแนะนำ เวปอื่นผมไม่เคยเข้าไปดูเลย
ทำให้ผมเดินตามทางการลงทุนที่ถูกต้อง ที่เหมาะกับตัวเอง ผมจะไล่อ่านไปเรื่อยๆ ทั้งห้องมือใหม่ ห้องValue investor
ห้องกระทู้คุณค่า ห้องนั่งเล่น ห้องร้อยคนร้อยหุ้น โดยเฉพาะห้องร้อยคนร้อยเล่ม หนังสือเล่มไหนน่าสนใจ
ผมซื้อเก็บหมด อ่านตามแทบไม่ทัน
ผมเข้าเวปทุกวัน ส่วนใหญ่ช่วงนี้เข้าจะกดดูตรง View unread posts กระทู้ไหนไม่ได้อ่านก็ตามอ่าน
หุ้นตัวไหนชื่อไม่คุ้น หรือไม่รู้จักก็จะเข้าไปดูทำความรู้จักซักหน่อย
สุดท้ายก็เป็นกำลังใจให้พี่ๆทีมงานครับ ในการพัฒนาเวปต่อไป
ถ้าไม่มีเวปนี้ ก็ไม่มีผมอย่างตอนนี้เช่นกันครับ
ถามไถ่โลกหล้า รักคือสิ่งใด
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 124
ปัจจุบันเวบไทยวิไม่เสื่อมหรอกครับ เพราะผมรู้ดีว่า กรรมการบริหาร mod ชุดปัจจุบันเป็นอย่างไร เรารู้จักและพฤติกรรมหลายท่านระดับหนึ่ง เมื่อครั้งท่านประธานบูมารับหน้าที่ ทีมมอดได้คุยกัน วางกฎเกณฑ์การควบคุมเวบด้วยเห็นว่าสมาชิกมีเพิ่มขึ้นมาก วัตถุประสงค์หลักอันหนึ่ง คือ ไม่ต้องการให้มีการเชียร์หุ้นบนเวบ จะเห็นได้ว่ามีกติกาออกมา mod ก็พยายามรักษากติกา ได้มีการลบกระทู้จำนวนมาก mod บางท่านอาจมีไม้บรรทัดที่เข้มงวด ผิดพลาดบ้าง ทำให้สมาชิกส่วนหนึ่งไม่พอใจ ทุกครั้ง mod ก็ได้คุยกันเพื่อแก้ปัญหาและอาจเพื่อให้กติกาผ่อนคลายลงบ้างตามเหมาะสม ตัวอย่างหนึ่งที่ดี คือ การสร้าง watch dog การสร้าง like และ dislike เพื่อให้สมาชิกได้คุมกันเอง (ต้องยกเครดิตให้ web admin และคณะ ) จนเป็นแบบที่เห็นปัจจุบันนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเวบเราได้มีการพัฒนาอย่างไร และถึงวันนี้ ถือว่าเป็นเวบที่ปลอดจากผลประโยชน์ส่วนตัว ทุกวันนี้ mod ก้ระวังตัวมากหากจะต้องได้อะไรจากการบริหารเวบนี้
พูดถึงกรณี jas นั้น ผมรู้เรื่องบ้าง รู้พัฒนาการบ้าง ตราบจนปัจจุบันไม่เคยมีส่วนได้เสียหรือเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในมุมมองของผม ผมว่ามันเป็นไปตามที่ ดร นิเวศน์ เขียนบทความ CI นะครับ กล่าวคือ วันนี้ สมาชิก vi ที่รู้จักกันและติดต่อกัน มีจำนวนมาก port รวมกันน่าจะกว่าหมื่นล้านบาท
ถ้าศึกษากรณี jas จะเห็นว่ามีการสร้าง story ที่ดี (เชื่อด้วยว่าโดยบริสุทธิ์ใจ) มีผู้เข้าร่วมวงจากทุกกลุ่มตั้งแต่ vi broker นักวิเคราะห์ เจ้าของ นักข่าว นักลงทุน technical นักเก็งกำไร ชาวบ้านที่โลภจากเพียงแค่เงี่ยหูฟัง ทำให้ราคาวิ่งอย่างมาก
บอกตรง ๆ นะครับ เรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ราคาหุ้นเริ่มทะยาน ไม่มีใครกล้าฟันธงว่าหุ้น jas จะเป็นอย่างไรในอนาคต story จะเป็นจริงไหม แต่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ และได้พิสูจน์มาประมาณปีเศษแล้ว แล้ววันนี้ท่านก็น่าจะตัดสินใจได้เองว่าเป็นอย่างไร
ผมมองว่าราคาที่ขึ้นไม่เกี่ยวกับการ post บนเวบเลย เริ่มต้นเกิดจากการแอบกระซิบบวกการผสมโรงจากกลุ่มต่าง ๆ ดังกล่าว ข้างต้น เวบเราเสียอีก ที่หลายต่อหลายครั้งมีสมาชิก post แย้งให้เห็นความเสี่ยงด้วยซ้ำไป บ้างคร้้งแย้งเพียงเพราะหวังดีเห็นว่าเมื่อราคาวิ่งขึ้นสูง เพราะเมื่อราคาสูงขึ้น ความเสี่ยงก็ย่อมสูงขึ้นตาม จึงอยากให้สมาชิกระมัดระวังมากขึ้น ก็ถูกโต้ด้วยการขอหลักฐาน และต่อมาก็ได้มีการถกยกใหญ่หลายครั้งอย่างเช่นเมื่อครั้งลงมากจาก 2 บาทกว่าเหลือบาทกว่า
ไม่อยากหาว่าใครถูกใครผิด เพราะใครทำอะไร เขาย่อมรู้ดีที่สุด เราจะไปรู้ใจทุกคนได้อย่างไร แต่อยากบอกว่า เรื่องนี้ ทำให้หลายคนเสียใจ หลายคนได้คิดมากขึ้น หลายคนถูกกล่าวหาในทางร้ายเกินไป แต่หวังว่าทั้งหมดเป็นกรณีศึกษาจะนำมาซึ่งการพัฒนาที่ดีขึ้นต่อไปในระยะยาว
กลับมาประเด็น เวบจะเสื่อมหรือไม่ ผมว่าน่าจะขึ้นกับสมาชิกมากกว่า ในความเห็นส่วนตัว สมาชิกที่เราไม่พึงประสงค์ คือ สมาชิกที่
1. ชอบให้ร้าย มองในแง่ร้าย ไม่ว่าจะเป็นการให้ร้ายบริษัท ผู้บริหาร และ สมาชิกด้วยกัน
2. รำพันเรื่องตนเอง (ไม่มีใครอยากรู้เรื่องของท่าน มันน่ารำคาญมากกว่า)
3. ไม่รู้กาละเทศะว่าอะไร สมควรไม่สมควรมา post
4. ไม่ปฏิบัติตามกติกาเวบ
พูดถึงกรณี jas นั้น ผมรู้เรื่องบ้าง รู้พัฒนาการบ้าง ตราบจนปัจจุบันไม่เคยมีส่วนได้เสียหรือเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในมุมมองของผม ผมว่ามันเป็นไปตามที่ ดร นิเวศน์ เขียนบทความ CI นะครับ กล่าวคือ วันนี้ สมาชิก vi ที่รู้จักกันและติดต่อกัน มีจำนวนมาก port รวมกันน่าจะกว่าหมื่นล้านบาท
ถ้าศึกษากรณี jas จะเห็นว่ามีการสร้าง story ที่ดี (เชื่อด้วยว่าโดยบริสุทธิ์ใจ) มีผู้เข้าร่วมวงจากทุกกลุ่มตั้งแต่ vi broker นักวิเคราะห์ เจ้าของ นักข่าว นักลงทุน technical นักเก็งกำไร ชาวบ้านที่โลภจากเพียงแค่เงี่ยหูฟัง ทำให้ราคาวิ่งอย่างมาก
บอกตรง ๆ นะครับ เรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ราคาหุ้นเริ่มทะยาน ไม่มีใครกล้าฟันธงว่าหุ้น jas จะเป็นอย่างไรในอนาคต story จะเป็นจริงไหม แต่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ และได้พิสูจน์มาประมาณปีเศษแล้ว แล้ววันนี้ท่านก็น่าจะตัดสินใจได้เองว่าเป็นอย่างไร
ผมมองว่าราคาที่ขึ้นไม่เกี่ยวกับการ post บนเวบเลย เริ่มต้นเกิดจากการแอบกระซิบบวกการผสมโรงจากกลุ่มต่าง ๆ ดังกล่าว ข้างต้น เวบเราเสียอีก ที่หลายต่อหลายครั้งมีสมาชิก post แย้งให้เห็นความเสี่ยงด้วยซ้ำไป บ้างคร้้งแย้งเพียงเพราะหวังดีเห็นว่าเมื่อราคาวิ่งขึ้นสูง เพราะเมื่อราคาสูงขึ้น ความเสี่ยงก็ย่อมสูงขึ้นตาม จึงอยากให้สมาชิกระมัดระวังมากขึ้น ก็ถูกโต้ด้วยการขอหลักฐาน และต่อมาก็ได้มีการถกยกใหญ่หลายครั้งอย่างเช่นเมื่อครั้งลงมากจาก 2 บาทกว่าเหลือบาทกว่า
ไม่อยากหาว่าใครถูกใครผิด เพราะใครทำอะไร เขาย่อมรู้ดีที่สุด เราจะไปรู้ใจทุกคนได้อย่างไร แต่อยากบอกว่า เรื่องนี้ ทำให้หลายคนเสียใจ หลายคนได้คิดมากขึ้น หลายคนถูกกล่าวหาในทางร้ายเกินไป แต่หวังว่าทั้งหมดเป็นกรณีศึกษาจะนำมาซึ่งการพัฒนาที่ดีขึ้นต่อไปในระยะยาว
กลับมาประเด็น เวบจะเสื่อมหรือไม่ ผมว่าน่าจะขึ้นกับสมาชิกมากกว่า ในความเห็นส่วนตัว สมาชิกที่เราไม่พึงประสงค์ คือ สมาชิกที่
1. ชอบให้ร้าย มองในแง่ร้าย ไม่ว่าจะเป็นการให้ร้ายบริษัท ผู้บริหาร และ สมาชิกด้วยกัน
2. รำพันเรื่องตนเอง (ไม่มีใครอยากรู้เรื่องของท่าน มันน่ารำคาญมากกว่า)
3. ไม่รู้กาละเทศะว่าอะไร สมควรไม่สมควรมา post
4. ไม่ปฏิบัติตามกติกาเวบ
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 125
เด๋วนี้เวปเรา มี นิวอินโนเวชั่นแปลกๆเยอะครับ
1.หนังหน้าไฟ
2.ร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมา
3.ผี ครับ ไม่รู้แลนหรือเป็ด
ขอไม่ขยายความครับ เพราะ 3ข้อนี้ผมไม่ได้กล่าวเจาะจงถึงใคร
ใครรู้ตัวก้จงเร่งแก้ไขตัวเอง
ขอให้เป็นนักลงทุน วีไอ แต่ขออย่าให้เป็นคุณไวที่หลงแสงเฮาก้วง
ฝากไว้แค่นี้ครับ
1.หนังหน้าไฟ
2.ร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมา
3.ผี ครับ ไม่รู้แลนหรือเป็ด
ขอไม่ขยายความครับ เพราะ 3ข้อนี้ผมไม่ได้กล่าวเจาะจงถึงใคร
ใครรู้ตัวก้จงเร่งแก้ไขตัวเอง
ขอให้เป็นนักลงทุน วีไอ แต่ขออย่าให้เป็นคุณไวที่หลงแสงเฮาก้วง
ฝากไว้แค่นี้ครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 126
อาจารย์ ท่านเขียนมาเพื่อเตือนสตินักลงทุนหลายๆท่านเรื่อง คุณไว
ผมขอยกบทความท่านอาจารย์มาเพื่อเตือนสติ
เส้นทางเศรษฐีหุ้นหนุ่ม โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมากอย่างหนึ่งในแวดวงของนักลงทุน ที่ผมเห็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็คือ มีคนหนุ่ม (ที่เป็นสาวมีน้อยมาก) จำนวนไม่น้อย
เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นตั้งแต่หรือก่อนที่จะเรียนจบมหาวิทยาลัย คนหนุ่มเหล่านี้ บางคนแทบจะไม่เคยทำงานเป็นพนักงานของหน่วยงานใด บางคนอาจจะทำงานกับธุรกิจ “ที่บ้าน” ที่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก หลายคนก็ “ทำงานไปอย่างนั้นเอง” แต่ชีวิตจิตใจอาจจะอยู่กับการลงทุนในตลาดหุ้น
แต่สิ่งที่ผมคิดว่าน่าทึ่ง ก็คือ คนหนุ่มบางคน หลังจากที่ผ่านการลงทุนมาไม่กี่ปี ด้วยเงินที่น้อยมาก บัดนี้พวกเขาได้กลายเป็น “เศรษฐี” มีเงินหลายสิบล้าน หรือบางคนเป็นร้อยล้านบาทตั้งแต่อายุยังไม่ครบ 30 ปี ผมพยายามวิเคราะห์หาว่า พวกเขาทำอย่างไรจึงสร้างตนเองให้ร่ำรวยได้เร็วขนาดนั้น และต่อไปนี้คือเส้นทางของพวกเขา ที่ผมจินตนาการขึ้น โดยอิงจากการที่ผมได้สัมผัสกับพวกเขาหลายๆ คน นำมาร้อยเรียงเป็นนิยาย “ร่วมสมัย”
คุณไว (มาจากภาษาอังกฤษว่า VI) เริ่มต้นด้วยเงินเพียง 250,000 บาท ด้วยความทุ่มเทเขาศึกษาการลงทุนอย่างหนัก ทั้งการลงทุนแบบพื้นฐาน และความคิดแบบนักเทคนิค เขาเข้าร่วมอบรมและสัมมนาจำนวนมาก เขาได้รู้จักนักลงทุนร่วมอุดมการณ์ทั้งผ่านเว็บไซต์การลงทุน และการเข้าร่วมในกิจกรรมการลงทุนต่างๆ เช่น ในงานแนะนำหรือเยี่ยมชมบริษัทจดทะเบียน เขาเริ่มเห็นว่า มีบริษัทที่มี “คุณภาพดี” จำนวนไม่น้อยที่อยู่ๆ ก็มีราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นมาก หลายตัวมีราคาขึ้นไปหลายเท่าตัวในเวลาอันสั้นเพียงไม่กี่เดือน เขาเริ่ม “จับได้” ว่า หุ้นเหล่านี้มักมีคุณสมบัติและ “พฤติกรรม” อย่างไร และเมื่อเขาเห็น เขาก็ทุ่มเงินทั้งหมดซื้อหุ้นตัวนั้นพร้อมๆ กับการใช้ มาร์จิน หรือกู้เงินจากโบรกเกอร์อีกเท่าตัวมาซื้อหุ้น ครั้งแรกด้วยเม็ดเงิน 500,000 บาท
หุ้นที่ซื้อมีราคาเพิ่มขึ้นตามคาดจาก 500,000 บาท เป็น 750,000 บาทในเวลาเดือนเดียว เขาสั่งซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นตามกำไรที่ได้ด้วยเงินมาร์จินที่เพิ่มขึ้น ราคาหุ้นยังเพิ่มขึ้นอีกและเขาสั่งซื้อหุ้นเพิ่มอีกตามวงเงินมาร์จินที่เพิ่มขึ้นอีก ในบางช่วงเมื่อหุ้นขึ้นไปแรง เขาก็ขายไปบ้างและก็กลับไปซื้อใหม่เมื่อหุ้นปรับตัวลง พอผ่านไป 3 เดือน เมื่อหุ้น เริ่ม “นิ่ง” นั่นคือ การวิ่งขึ้นลงของราคาและหรือปริมาณการซื้อขายเริ่มลดน้อยลง เขาก็ขายหุ้นทิ้งทั้งหมด เม็ดเงินที่เหลือของเขา คือ 1 ล้านบาท เขาทำกำไร 300% หรือ 3 เท่าภายในเวลา 3 เดือน
หลังจากนั้น เขาสังเกตเห็นหุ้นตัวใหม่ที่มีคุณสมบัติและพฤติกรรมคล้ายๆ กับหุ้นตัวเดิม ซึ่งเขาได้รับรู้ผ่าน “เครือข่าย” และเช่นเดิม เขาทุ่มเงิน 1 ล้านบาทที่มีอยู่พร้อมๆ กับการใช้มาร์จินเต็มอัตราอีก 1 ล้านบาทเข้าซื้อหุ้นตัวใหม่ และก็เช่นเคย หุ้นวิ่งตามคาด แต่เขาใช้เวลายาวกว่าหุ้นตัวเดิมในการทำเงินจาก 2 ล้านบาทเป็น 3 ล้านบาท หลังจากหักเงินกู้มาร์จิน เขาเหลือเงิน 2 ล้านบาท เมื่อลงทุนมาครบปีแรก เงิน 250,000 บาท กลายเป็นเงิน 2 ล้านบาท หลังจากลงทุนเพียง 1 ปี ผลตอบแทน คือ 700% ในหนึ่งปี เงินโตขึ้นมาเป็น 8 เท่า เขาเห็นแล้วว่านี่คือ “มหัศจรรย์” ของการลงทุน ในแบบ “ของเขา”
เงิน 2 ล้านบาทของเขายังคงถูกใช้ในการลงทุนตาม “สูตรเดิม” แต่ปรับเปลี่ยนบ้าง เขาเริ่มมีหุ้นเล่น 2-3 ตัวในเวลาเดียวกัน การใช้เงินมาร์จินก็ปรับลดลง จากเดิม 100% ก็อาจจะเปลี่ยนไปเป็น 80% เหตุผลก็เป็นเพราะเขาไม่เจอหุ้นตัวที่ “ใช่” อย่างปีก่อน เขาเริ่มกลัวบ้างว่า การเล่นหุ้นตัวเดียวและใช้มาร์จินเต็มที่นั้นอันตราย เขาอาจจะพลาดได้ ว่าที่จริง เขาก็เคยพลาดจากหุ้นบางตัวแต่โชคดีที่เขา “ออก” ได้ทัน ปีที่สองนี้ พอร์ตของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านบาท ผลตอบแทน 100% แต่เขา รู้สึก “ผิดหวัง” เพราะเมื่อเทียบกับผลตอบแทนของปีก่อนแล้ว น้อยลงมาก นั่นก็คือ ผลตอบแทนของเขาแพ้เพื่อนในกลุ่มอย่าง “ยับเยิน”
ปีที่สามของเขาผ่านไปอย่าง “ยากลำบาก” เพราะเกิด “ภาวะวิกฤติ” ผลตอบแทนติดลบถึง 25% เงินในพอร์ตเหลือ 3 ล้านบาท สูตรที่เคยใช้การได้ดีกลับกลายเป็นตรงกันข้าม หุ้นที่เขาเข้าลงทุนมีราคาลดลงมาก โชคยังดีที่เขาไม่ถูก “บังคับขาย” เพื่อรักษาอัตรามาร์จินไว้ พอขึ้นปีที่สี่ ทุกอย่างกลับมาสดใสดังเดิม เขามีความรู้และประสบการณ์เพิ่มขึ้นมาก บางครั้งเขาไม่ใช่แค่เป็น “ผู้ตาม” แต่เขาเป็น “ผู้นำ” ในการค้นหาหุ้นที่จะลงทุนและ “ผลักดัน” ราคาหุ้นให้ขึ้นไปด้วย สิ้นปีที่สี่ พอร์ตของเขาผ่านหลัก 10 ล้านไปได้เหมือน “ฝัน” เขาเริ่มได้รับการยอมรับว่าเป็น คนที่มีความสามารถสูงแม้อายุยังน้อย
ปีที่ห้าของคุณไว เขาเริ่มมีหุ้นหลายตัวมากขึ้น การใช้มาร์จินลดลง เฉลี่ยแล้วเขาใช้เพียง 50% เขาเริ่มเห็นว่าการรักษาเงินต้นไว้ เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้การทำเงินมากๆ แต่มีความเสี่ยงสูง ด้วยภาวะตลาดหุ้นที่ยังสดใสและ “สูตร” การลงทุนของเขายังทำงานได้ดี ในช่วงหลังๆ นี้ สื่อสมัยใหม่ช่วยให้มีการเผยแพร่สูตรสำเร็จ ในการลงทุนรวมถึงตัวหุ้นที่น่าสนใจได้มากและเร็วขึ้น ทำให้พอร์ตลงทุนของเขาโตขึ้นอีก 100% เขามีเงิน 20 ล้าน และถือว่าเป็นเศรษฐีน้อยๆ คนหนึ่ง พ่อแม่เขาภาคภูมิใจมากที่ลูกหาเงินได้มาก และกลายเป็น “เศรษฐี” คนแรกของ “เครือญาติ” เพื่อนฝูงและคนรู้จักยอมรับในฝีมือของเขา บางคนถือว่าเขาเป็น “กูรู” คนหนึ่งของวงการหุ้น
ปีที่หกเริ่มต้นด้วยตลาดหุ้นที่ไม่สดใสนัก พอร์ตของคุณไวไม่ใคร่จะไปไหน ขณะนี้ เขาเริ่มรู้สึกว่าหุ้นมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด เงิน 20 ล้านของเขา หมายถึง ชีวิตที่ดีๆ ที่เขาต้องรักษาไว้โดยให้มีความเสี่ยงน้อยลง แน่นอน เขาอยากได้ผลตอบแทนมาก แต่ถ้ามันเป็นเรื่องเสี่ยงเกินไป เขาไม่อยากรับ มาร์จินที่เขาเคยใช้เต็ม ขณะนี้ลดลงมาก บางช่วงเขาไม่ได้ใช้เลย หุ้นที่เคยมีอยู่เพียง 2-3 ตัวก็กลายเป็น 7-8 ตัว เขายังใช้สูตรเดิมในการลงทุน แต่ผลกำไรที่ได้จากหุ้นแต่ละตัว เมื่อคิดเทียบกับพอร์ต 20 ล้านแล้วไม่มากนัก ซึ่งหุ้น 7-8 ตัวนั้น โอกาสที่เขาจะได้กำไรโดดเด่นทุกตัวดูเหมือนจะยาก จบปีที่หก ผลตอบแทนของเขาลดลงเหลือ 20% เมื่อเทียบกับอดีตแล้วลดลงมาก แต่เป็นผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ที่หุ้นแทบไม่ให้ผลตอบแทนเลย
ปลายปีที่หก คุณไวแต่งงานกับสาวสวยที่มีดีกรีเป็นแพทย์ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขา เพราะเพื่อนๆ นักลงทุนของเขาที่ “ลงทุนเป็นอาชีพ” และไม่ได้ทำงานในบริษัทใหญ่ๆ ที่ “มีหน้ามีตา” หลายคน ต่างแต่งงานหรือมีแฟนเป็นผู้หญิงที่ผู้ชายต่างหมายปอง บางทีการเป็น “เศรษฐี” ตั้งแต่อายุน้อย อาจจะลบล้างค่านิยมเก่าๆ ว่า คุณต้องมีงานการเป็นหลักเป็นฐานที่แน่นอนได้
ความสำเร็จในแบบของคุณไว ผมคิดว่าไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายถ้ามองไปในอนาคต บางที คุณไวอาจจะโชคดีที่เริ่มต้นช่วง “โอกาสทอง” ที่หุ้นบางประเภท ปรับตัวขึ้นมาก คนรุ่นใหม่อาจไม่ได้เจอแบบนั้น การใช้มาร์จินและลงทุนในหุ้นน้อยตัวเกินไป เป็นความเสี่ยงที่สูงเกินไป และอาจทำให้เรา “ติด” จนในที่สุดวันหนึ่งเราอาจจะพลาดอย่างร้ายแรงจนทำให้เกิดหายนะได้ ผมคิดว่า การลงทุนโดยยึดหลักการที่เหมาะสม น่าจะเป็นทางเดินที่ดีกว่าสำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มีความสามารถพิเศษในการลงทุน
โดย: ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ขอบคุณท่านอาจารย์ครับ
ผมขอยกบทความท่านอาจารย์มาเพื่อเตือนสติ
เส้นทางเศรษฐีหุ้นหนุ่ม โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมากอย่างหนึ่งในแวดวงของนักลงทุน ที่ผมเห็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็คือ มีคนหนุ่ม (ที่เป็นสาวมีน้อยมาก) จำนวนไม่น้อย
เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นตั้งแต่หรือก่อนที่จะเรียนจบมหาวิทยาลัย คนหนุ่มเหล่านี้ บางคนแทบจะไม่เคยทำงานเป็นพนักงานของหน่วยงานใด บางคนอาจจะทำงานกับธุรกิจ “ที่บ้าน” ที่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก หลายคนก็ “ทำงานไปอย่างนั้นเอง” แต่ชีวิตจิตใจอาจจะอยู่กับการลงทุนในตลาดหุ้น
แต่สิ่งที่ผมคิดว่าน่าทึ่ง ก็คือ คนหนุ่มบางคน หลังจากที่ผ่านการลงทุนมาไม่กี่ปี ด้วยเงินที่น้อยมาก บัดนี้พวกเขาได้กลายเป็น “เศรษฐี” มีเงินหลายสิบล้าน หรือบางคนเป็นร้อยล้านบาทตั้งแต่อายุยังไม่ครบ 30 ปี ผมพยายามวิเคราะห์หาว่า พวกเขาทำอย่างไรจึงสร้างตนเองให้ร่ำรวยได้เร็วขนาดนั้น และต่อไปนี้คือเส้นทางของพวกเขา ที่ผมจินตนาการขึ้น โดยอิงจากการที่ผมได้สัมผัสกับพวกเขาหลายๆ คน นำมาร้อยเรียงเป็นนิยาย “ร่วมสมัย”
คุณไว (มาจากภาษาอังกฤษว่า VI) เริ่มต้นด้วยเงินเพียง 250,000 บาท ด้วยความทุ่มเทเขาศึกษาการลงทุนอย่างหนัก ทั้งการลงทุนแบบพื้นฐาน และความคิดแบบนักเทคนิค เขาเข้าร่วมอบรมและสัมมนาจำนวนมาก เขาได้รู้จักนักลงทุนร่วมอุดมการณ์ทั้งผ่านเว็บไซต์การลงทุน และการเข้าร่วมในกิจกรรมการลงทุนต่างๆ เช่น ในงานแนะนำหรือเยี่ยมชมบริษัทจดทะเบียน เขาเริ่มเห็นว่า มีบริษัทที่มี “คุณภาพดี” จำนวนไม่น้อยที่อยู่ๆ ก็มีราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นมาก หลายตัวมีราคาขึ้นไปหลายเท่าตัวในเวลาอันสั้นเพียงไม่กี่เดือน เขาเริ่ม “จับได้” ว่า หุ้นเหล่านี้มักมีคุณสมบัติและ “พฤติกรรม” อย่างไร และเมื่อเขาเห็น เขาก็ทุ่มเงินทั้งหมดซื้อหุ้นตัวนั้นพร้อมๆ กับการใช้ มาร์จิน หรือกู้เงินจากโบรกเกอร์อีกเท่าตัวมาซื้อหุ้น ครั้งแรกด้วยเม็ดเงิน 500,000 บาท
หุ้นที่ซื้อมีราคาเพิ่มขึ้นตามคาดจาก 500,000 บาท เป็น 750,000 บาทในเวลาเดือนเดียว เขาสั่งซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นตามกำไรที่ได้ด้วยเงินมาร์จินที่เพิ่มขึ้น ราคาหุ้นยังเพิ่มขึ้นอีกและเขาสั่งซื้อหุ้นเพิ่มอีกตามวงเงินมาร์จินที่เพิ่มขึ้นอีก ในบางช่วงเมื่อหุ้นขึ้นไปแรง เขาก็ขายไปบ้างและก็กลับไปซื้อใหม่เมื่อหุ้นปรับตัวลง พอผ่านไป 3 เดือน เมื่อหุ้น เริ่ม “นิ่ง” นั่นคือ การวิ่งขึ้นลงของราคาและหรือปริมาณการซื้อขายเริ่มลดน้อยลง เขาก็ขายหุ้นทิ้งทั้งหมด เม็ดเงินที่เหลือของเขา คือ 1 ล้านบาท เขาทำกำไร 300% หรือ 3 เท่าภายในเวลา 3 เดือน
หลังจากนั้น เขาสังเกตเห็นหุ้นตัวใหม่ที่มีคุณสมบัติและพฤติกรรมคล้ายๆ กับหุ้นตัวเดิม ซึ่งเขาได้รับรู้ผ่าน “เครือข่าย” และเช่นเดิม เขาทุ่มเงิน 1 ล้านบาทที่มีอยู่พร้อมๆ กับการใช้มาร์จินเต็มอัตราอีก 1 ล้านบาทเข้าซื้อหุ้นตัวใหม่ และก็เช่นเคย หุ้นวิ่งตามคาด แต่เขาใช้เวลายาวกว่าหุ้นตัวเดิมในการทำเงินจาก 2 ล้านบาทเป็น 3 ล้านบาท หลังจากหักเงินกู้มาร์จิน เขาเหลือเงิน 2 ล้านบาท เมื่อลงทุนมาครบปีแรก เงิน 250,000 บาท กลายเป็นเงิน 2 ล้านบาท หลังจากลงทุนเพียง 1 ปี ผลตอบแทน คือ 700% ในหนึ่งปี เงินโตขึ้นมาเป็น 8 เท่า เขาเห็นแล้วว่านี่คือ “มหัศจรรย์” ของการลงทุน ในแบบ “ของเขา”
เงิน 2 ล้านบาทของเขายังคงถูกใช้ในการลงทุนตาม “สูตรเดิม” แต่ปรับเปลี่ยนบ้าง เขาเริ่มมีหุ้นเล่น 2-3 ตัวในเวลาเดียวกัน การใช้เงินมาร์จินก็ปรับลดลง จากเดิม 100% ก็อาจจะเปลี่ยนไปเป็น 80% เหตุผลก็เป็นเพราะเขาไม่เจอหุ้นตัวที่ “ใช่” อย่างปีก่อน เขาเริ่มกลัวบ้างว่า การเล่นหุ้นตัวเดียวและใช้มาร์จินเต็มที่นั้นอันตราย เขาอาจจะพลาดได้ ว่าที่จริง เขาก็เคยพลาดจากหุ้นบางตัวแต่โชคดีที่เขา “ออก” ได้ทัน ปีที่สองนี้ พอร์ตของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านบาท ผลตอบแทน 100% แต่เขา รู้สึก “ผิดหวัง” เพราะเมื่อเทียบกับผลตอบแทนของปีก่อนแล้ว น้อยลงมาก นั่นก็คือ ผลตอบแทนของเขาแพ้เพื่อนในกลุ่มอย่าง “ยับเยิน”
ปีที่สามของเขาผ่านไปอย่าง “ยากลำบาก” เพราะเกิด “ภาวะวิกฤติ” ผลตอบแทนติดลบถึง 25% เงินในพอร์ตเหลือ 3 ล้านบาท สูตรที่เคยใช้การได้ดีกลับกลายเป็นตรงกันข้าม หุ้นที่เขาเข้าลงทุนมีราคาลดลงมาก โชคยังดีที่เขาไม่ถูก “บังคับขาย” เพื่อรักษาอัตรามาร์จินไว้ พอขึ้นปีที่สี่ ทุกอย่างกลับมาสดใสดังเดิม เขามีความรู้และประสบการณ์เพิ่มขึ้นมาก บางครั้งเขาไม่ใช่แค่เป็น “ผู้ตาม” แต่เขาเป็น “ผู้นำ” ในการค้นหาหุ้นที่จะลงทุนและ “ผลักดัน” ราคาหุ้นให้ขึ้นไปด้วย สิ้นปีที่สี่ พอร์ตของเขาผ่านหลัก 10 ล้านไปได้เหมือน “ฝัน” เขาเริ่มได้รับการยอมรับว่าเป็น คนที่มีความสามารถสูงแม้อายุยังน้อย
ปีที่ห้าของคุณไว เขาเริ่มมีหุ้นหลายตัวมากขึ้น การใช้มาร์จินลดลง เฉลี่ยแล้วเขาใช้เพียง 50% เขาเริ่มเห็นว่าการรักษาเงินต้นไว้ เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้การทำเงินมากๆ แต่มีความเสี่ยงสูง ด้วยภาวะตลาดหุ้นที่ยังสดใสและ “สูตร” การลงทุนของเขายังทำงานได้ดี ในช่วงหลังๆ นี้ สื่อสมัยใหม่ช่วยให้มีการเผยแพร่สูตรสำเร็จ ในการลงทุนรวมถึงตัวหุ้นที่น่าสนใจได้มากและเร็วขึ้น ทำให้พอร์ตลงทุนของเขาโตขึ้นอีก 100% เขามีเงิน 20 ล้าน และถือว่าเป็นเศรษฐีน้อยๆ คนหนึ่ง พ่อแม่เขาภาคภูมิใจมากที่ลูกหาเงินได้มาก และกลายเป็น “เศรษฐี” คนแรกของ “เครือญาติ” เพื่อนฝูงและคนรู้จักยอมรับในฝีมือของเขา บางคนถือว่าเขาเป็น “กูรู” คนหนึ่งของวงการหุ้น
ปีที่หกเริ่มต้นด้วยตลาดหุ้นที่ไม่สดใสนัก พอร์ตของคุณไวไม่ใคร่จะไปไหน ขณะนี้ เขาเริ่มรู้สึกว่าหุ้นมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด เงิน 20 ล้านของเขา หมายถึง ชีวิตที่ดีๆ ที่เขาต้องรักษาไว้โดยให้มีความเสี่ยงน้อยลง แน่นอน เขาอยากได้ผลตอบแทนมาก แต่ถ้ามันเป็นเรื่องเสี่ยงเกินไป เขาไม่อยากรับ มาร์จินที่เขาเคยใช้เต็ม ขณะนี้ลดลงมาก บางช่วงเขาไม่ได้ใช้เลย หุ้นที่เคยมีอยู่เพียง 2-3 ตัวก็กลายเป็น 7-8 ตัว เขายังใช้สูตรเดิมในการลงทุน แต่ผลกำไรที่ได้จากหุ้นแต่ละตัว เมื่อคิดเทียบกับพอร์ต 20 ล้านแล้วไม่มากนัก ซึ่งหุ้น 7-8 ตัวนั้น โอกาสที่เขาจะได้กำไรโดดเด่นทุกตัวดูเหมือนจะยาก จบปีที่หก ผลตอบแทนของเขาลดลงเหลือ 20% เมื่อเทียบกับอดีตแล้วลดลงมาก แต่เป็นผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ที่หุ้นแทบไม่ให้ผลตอบแทนเลย
ปลายปีที่หก คุณไวแต่งงานกับสาวสวยที่มีดีกรีเป็นแพทย์ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขา เพราะเพื่อนๆ นักลงทุนของเขาที่ “ลงทุนเป็นอาชีพ” และไม่ได้ทำงานในบริษัทใหญ่ๆ ที่ “มีหน้ามีตา” หลายคน ต่างแต่งงานหรือมีแฟนเป็นผู้หญิงที่ผู้ชายต่างหมายปอง บางทีการเป็น “เศรษฐี” ตั้งแต่อายุน้อย อาจจะลบล้างค่านิยมเก่าๆ ว่า คุณต้องมีงานการเป็นหลักเป็นฐานที่แน่นอนได้
ความสำเร็จในแบบของคุณไว ผมคิดว่าไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายถ้ามองไปในอนาคต บางที คุณไวอาจจะโชคดีที่เริ่มต้นช่วง “โอกาสทอง” ที่หุ้นบางประเภท ปรับตัวขึ้นมาก คนรุ่นใหม่อาจไม่ได้เจอแบบนั้น การใช้มาร์จินและลงทุนในหุ้นน้อยตัวเกินไป เป็นความเสี่ยงที่สูงเกินไป และอาจทำให้เรา “ติด” จนในที่สุดวันหนึ่งเราอาจจะพลาดอย่างร้ายแรงจนทำให้เกิดหายนะได้ ผมคิดว่า การลงทุนโดยยึดหลักการที่เหมาะสม น่าจะเป็นทางเดินที่ดีกว่าสำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มีความสามารถพิเศษในการลงทุน
โดย: ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ขอบคุณท่านอาจารย์ครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- Botong
- Verified User
- โพสต์: 85
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 127
ถึงทีม MOD,
ทุกที่ มีทั้งคนดี และ คนไม่ดี...
หากท่านมีลูกน้อง 100 คน ยังไงท่านก็ไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้หรอกครับ
ครึ่งนึงอาจชอบ แต่อีกครึ่งอาจไม่ชอบ แต่ยังไงก็ต้องทำตาม เพราะกฏ คือ กฏ
กฏระเบียบมีไว้ เพื่อควบคุม ไม่ใช่เพื่อเอาใจ ดังนั้นจึงมีความไม่พอใจเกิดขึ้นเสมอ
หากท่านไปดิ้นรน เพื่อจะทำให้ทุกคนพอใจ นั่นแหละผิด
"ใครชิงใครชังช่างเถิด
ใครเชิดใครชังช่างเขา
ใครด่าใครบ่นทนเอา
ใจเราร่มเย็นเป็นพอ"
สิ่งสำคัญคือเป้าหมาย ที่ต้องการสานต่อการให้ความรู้ในแนว พื้นฐาน ไม่ใช่อย่างอื่น ไม่ใช่จำนวนสมาชิกที่ต้องมากขึ้น "เป้าหมายอยู่ที่คุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ"
ที่นี่ไม่เสียค่าสมาชิกใดๆ ทุกคนเข้าฟรี อย่างมากหากไม่พอใจก็แค่ออกไป ไม่กลับมาอีก
ไม่ต้องไปน้อยใจอะไรหรอกครับ ผมว่า... หากเราตั้งใจทำดีอยู่แล้ว ก็ทำต่อไปเถิดครับ
ทุกที่ มีทั้งคนดี และ คนไม่ดี...
หากท่านมีลูกน้อง 100 คน ยังไงท่านก็ไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้หรอกครับ
ครึ่งนึงอาจชอบ แต่อีกครึ่งอาจไม่ชอบ แต่ยังไงก็ต้องทำตาม เพราะกฏ คือ กฏ
กฏระเบียบมีไว้ เพื่อควบคุม ไม่ใช่เพื่อเอาใจ ดังนั้นจึงมีความไม่พอใจเกิดขึ้นเสมอ
หากท่านไปดิ้นรน เพื่อจะทำให้ทุกคนพอใจ นั่นแหละผิด
"ใครชิงใครชังช่างเถิด
ใครเชิดใครชังช่างเขา
ใครด่าใครบ่นทนเอา
ใจเราร่มเย็นเป็นพอ"
สิ่งสำคัญคือเป้าหมาย ที่ต้องการสานต่อการให้ความรู้ในแนว พื้นฐาน ไม่ใช่อย่างอื่น ไม่ใช่จำนวนสมาชิกที่ต้องมากขึ้น "เป้าหมายอยู่ที่คุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ"
ที่นี่ไม่เสียค่าสมาชิกใดๆ ทุกคนเข้าฟรี อย่างมากหากไม่พอใจก็แค่ออกไป ไม่กลับมาอีก
ไม่ต้องไปน้อยใจอะไรหรอกครับ ผมว่า... หากเราตั้งใจทำดีอยู่แล้ว ก็ทำต่อไปเถิดครับ
*** better together ***
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 128
ความเสื่อมคืออะไร
พฤติกรรมของความเสื่อม ความประพฤติปฏิบัติที่จัดว่าเป็นกรรมชั่ว มีอยู่ ๓ ทางคือ ทางกายทางวาจา ทางใจ กับการเกี่ยวข้องกับอบายมุข
ความเสื่อมทางกาย ได้แก่ การผิดศีล ๓ ข้อแรก คือ
๑) เจตนาฆ่าทั้งคนและสัตว์ ตลอดจนการเบียดเบียนทำร้ายร่างกาย และการทรมานทั้งคน และสัตว์ ด้วยวิธีต่างๆ
๒) เจตนาลักขโมย การโจรกรรม จี้ปล้น คดโกง คอรัปชั่น ปลอมแปลงเอกสาร ละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นต้น
๓) เจตนาประพฤติผิดทางเพศ
ความเสื่อมทางวาจา ได้แก่การทำผิดศีลข้อ ๔ ซึ่งมีรายละเอียด ๔ ประการ
๑) เจตนาพูดเท็จ
๒) เจตนาพูดส่อเสียด ทำให้คนแตกแยกกัน
๓) เจตนาพูดคำหยาบ
๔) เจตนาพูดเพ้อเจ้อ นินทา
ความเสื่อมทางใจ เป็นการกระทำผิดที่ทุจริตทางใจ มีรายละเอียดอยู่ ๓ ประการ คือ
๑) เพ่งเล็งอยากได้ของของผู้อื่นมาเป็นของตน หรือมักได้ในทางที่ไม่ชอบ
๒) คิดพยาบาทจองเวร
๓) มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องโลกและความเป็นไปของชีวิต
คำจริงบางคำไม่เสนาะหู คำโป้ปดมักจะหอมหวาน
หันหลังคืนฝั่งก้จะรู้ แยกแยะจริงเท็จ แยกแยะสติ จริงเท็จประการใดอยู่ในใจ
คนดี ทำดี คนไม่เห็น แต่ฟ้าดินเห็น คนชั่วทำชั่ว คนไม่เห็นแต่ฟ้าเห็น
จะชั่วหรือดี อยู่ที่เจตนา
พฤติกรรมของความเสื่อม ความประพฤติปฏิบัติที่จัดว่าเป็นกรรมชั่ว มีอยู่ ๓ ทางคือ ทางกายทางวาจา ทางใจ กับการเกี่ยวข้องกับอบายมุข
ความเสื่อมทางกาย ได้แก่ การผิดศีล ๓ ข้อแรก คือ
๑) เจตนาฆ่าทั้งคนและสัตว์ ตลอดจนการเบียดเบียนทำร้ายร่างกาย และการทรมานทั้งคน และสัตว์ ด้วยวิธีต่างๆ
๒) เจตนาลักขโมย การโจรกรรม จี้ปล้น คดโกง คอรัปชั่น ปลอมแปลงเอกสาร ละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นต้น
๓) เจตนาประพฤติผิดทางเพศ
ความเสื่อมทางวาจา ได้แก่การทำผิดศีลข้อ ๔ ซึ่งมีรายละเอียด ๔ ประการ
๑) เจตนาพูดเท็จ
๒) เจตนาพูดส่อเสียด ทำให้คนแตกแยกกัน
๓) เจตนาพูดคำหยาบ
๔) เจตนาพูดเพ้อเจ้อ นินทา
ความเสื่อมทางใจ เป็นการกระทำผิดที่ทุจริตทางใจ มีรายละเอียดอยู่ ๓ ประการ คือ
๑) เพ่งเล็งอยากได้ของของผู้อื่นมาเป็นของตน หรือมักได้ในทางที่ไม่ชอบ
๒) คิดพยาบาทจองเวร
๓) มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องโลกและความเป็นไปของชีวิต
คำจริงบางคำไม่เสนาะหู คำโป้ปดมักจะหอมหวาน
หันหลังคืนฝั่งก้จะรู้ แยกแยะจริงเท็จ แยกแยะสติ จริงเท็จประการใดอยู่ในใจ
คนดี ทำดี คนไม่เห็น แต่ฟ้าดินเห็น คนชั่วทำชั่ว คนไม่เห็นแต่ฟ้าเห็น
จะชั่วหรือดี อยู่ที่เจตนา
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 129
อยากให้อ่านสำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่านครับ ผมว่ามันมีความสำคัญทุกจุดที่อ.พยายามจะสื่อ "ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนจบ" ทั้งตัว "เซียน" เอง "CI ทั้งวงนอกและวงใน" ครับ
Wednesday, 18 May 2011
เล่นหุ้นตามเซียน
ในช่วงเร็ว ๆ นี้ แนวทางการลงทุนหรือการเล่นหุ้นที่เป็นที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุดน่าจะเป็นการลงทุนแบบ “Value Investment” เพราะหุ้น “Value” หรือหุ้นที่มี “พื้นฐาน” ที่ดี หลาย ๆ ตัวนั้น มีราคาปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น นอกจากนั้น ปริมาณการซื้อขายหุ้นก็เพิ่มสูงขึ้นมาก หลาย ๆ ตัวกลายเป็นหุ้นยอดนิยมที่มีปริมาณการซื้อขายติดอันดับสูงสุดหนึ่งในสิบของตลาดหุ้นทั้ง ๆ ที่เป็นหุ้นขนาดเล็ก ถ้ามองเฉพาะปริมาณการซื้อขายก็น่าจะพูดได้ว่าหุ้นเหล่านี้เป็นหุ้น “เก็งกำไรอย่างรุนแรง” ไปแล้ว หุ้นที่เรียกว่า “Value” ที่คนเล่นกันทั้งตลาดนั้นเอง ถ้ามองจากข้อมูลตัวเลขและการวิเคราะห์ตามมาตรฐานของ Value Investor “พันธุ์แท้” ก็ดูเหมือนว่าหุ้นเหล่านั้นที่อาจจะ “เคย” เป็นหุ้น Value หมดความเป็น Value ไปแล้วด้วยเหตุผลที่ว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปเกิน “พื้นฐาน” มาก
อะไรทำให้หุ้นคุณค่ากลายเป็นหุ้นยอดนิยม ? คำตอบผมคิดว่าเกิดจากจำนวนของนักลงทุนที่เป็น Value Investor หรือ VI มีจำนวนมากขึ้นและที่สำคัญกว่าก็คือ มีเม็ดเงินที่ใช้ในการลงทุนมากขึ้นมาก นักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้าตลาดในช่วงหลัง ๆ นี้ เริ่มเห็นคุณค่าของการลงทุนในกิจการที่ดีและมีราคาถูกให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับการฝากเงินซึ่งให้ดอกเบี้ยน้อยมาก แต่ปัญหาของนักลงทุนก็คือจะหาหุ้นตัวไหนที่จะเป็นหุ้น “Value” ไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่จะวิเคราะห์หุ้นได้อย่างลึกซึ้ง ดังนั้น ทางออกก็คือ คอยดูว่าคนที่วิเคราะห์หุ้นเก่ง ๆ ระดับ “เซียน” ว่าเขาซื้อหุ้นตัวไหน เสร็จแล้วก็ซื้อตาม นี่เป็นวิธีการ “ลอกการบ้าน” ที่ไม่มีครูจับได้ ในอีกด้านหนึ่ง เซียนเอง บ่อยครั้งก็อยากให้ลอกการบ้าน หลาย ๆ คนพยายามกระจายคำตอบให้คนอื่นลอกด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้ามีคนซื้อหุ้นตามมาก ๆ หุ้นที่ตนเองซื้อไว้ก็จะมีราคาปรับตัวขึ้น ดังนั้น ทั้งคนลอกการบ้านและคนให้ลอกต่างก็ได้ประโยชน์ โดยเฉพาะในช่วงสั้น ๆ ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไป และนี่คือสิ่งที่ผมจะพูดถึงการลงทุน “กระแสใหม่” ที่ผมอยากจะเรียกว่าการ “เล่นหุ้นตามเซียน” หรือถ้าจะเรียกให้เท่ขึ้นไปหน่อยก็คือ Celebrity Investment หรือเรียกย่อ ๆ ว่า CI ซึ่งเป็นการเล่นหุ้นตามคนดังหรือ “เซียน VI”
เรื่องการเล่นหุ้นตามเซียนนี้ ปีเตอร์ ลินช์ เขียนไว้ในหนังสือ One Up on Wall Street ว่า เขาไม่แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นตามเซียนหรือตัวเขาเอง เหตุผลมี 3 ข้อ คือ 1) เซียนหรือ ปีเตอร์ ลินช์อาจจะผิด เขาบอกว่าเขาผิดประมาณ 40% ของการเลือกซื้อหุ้น) ข้อ 2) แม้ว่าเขาจะถูก คุณก็ไม่มีทางรู้ว่าเขาจะเปลี่ยนใจเกี่ยวกับหุ้นและขายไปเมื่อไร) และข้อ 3) คุณมีข้อมูลที่ดีกว่า และมันอยู่รอบ ๆ ตัวคุณ สิ่งที่ทำให้มันดีกว่าก็คือ คุณสามารถที่จะติดตามมันได้ เช่นเดียวกับที่ ปีเตอร์ ลินช์ ติดตามหุ้นของเขา อย่างไรก็ตาม คำแนะนำของลินช์เองนั้น ผมคิดว่าคนที่จะปฎิบัติตามน่าจะเป็นคนที่มีความรู้หรือมีความสามารถหรือมีความตั้งใจสูงที่จะศึกษาวิธีการลงทุนแบบ VI ส่วนคนที่ “เล่นหุ้น” นั่นก็คือ คนที่หวังทำกำไรอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้นคงจะไม่เห็นด้วยและคิดว่า CI น่าจะให้ผลได้ดีกว่า
การลงทุนแบบ CI นั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ยากโดยเฉพาะในยุคที่ข่าวสารต่าง ๆ สามารถกระจายไปได้อย่างรวดเร็วผ่านสื่ออีเล็คโทรนิคส์สมัยใหม่ต่าง ๆ วิธีก็คือ ขั้นแรก ดูว่าใครคือ “เซียน” นี่ก็คือการเข้าไปตามเวบไซ้ต์หรือสื่อต่าง ๆ ที่มีการกล่าวขวัญถึงว่าใครสามารถซื้อขายหุ้นทำกำไรได้มากมายขนาดไหนในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนั้น การบอกต่อ ๆ กันในหมู่นักลงทุนก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ เมื่อกำหนดได้แล้วว่าใครคือเซียน สิ่งที่จะต้องทำต่อมาก็คือ คอยติดตามว่าเซียนกำลังจะเข้าซื้อหุ้นตัวไหน ซึ่งบางทีก็ไม่ยาก เพราะเซียนจำนวนไม่น้อยก็พยายามบอกต่ออยู่แล้ว ไม่โดยตรงก็โดยอ้อม ในบางครั้ง ถึงเซียนจะไม่ได้บอก แต่เนื่องจากเซียนได้เข้าซื้อหุ้นบางตัวจนมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ซึ่งจะถูกรายงานในเวบไซ้ต์ของตลาดเมื่อมีการปิดบุ๊คเพื่อการประชุมผู้ถือหุ้น แต่ข้อมูลนี้อาจจะไม่เป็นปัจจุบันมากนัก บางกรณีอาจจะเกิดขึ้นมาแล้วเป็นปีก็เป็นได้
เมื่อกำหนดได้แล้วว่าใครคือเซียน CI แต่ละคนดูเหมือนจะรู้ว่าเซียนแต่ละคนนั้น มี “กระบวนท่า” หรือใช้หลักการลงทุนแนวไหน เช่น ชำนาญทางด้านหุ้นโตเร็ว หุ้นวัฏจักร หุ้นฟื้นตัว หุ้นมีสตอรี่ หรืออื่น ๆ รวมถึงระดับของพอร์ตหรือเม็ดเงินที่มักจะเข้าซื้อหุ้นด้วย ประเด็นก็คือ CI นั้น มักจะซื้อตามเซียนที่มีแนวคิดหรือ “จริต” ที่สอดคล้องกับตัวเองและไม่ตามเซียนที่มีแนวทางอีกแบบหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ถ้าตนเองนั้นชอบเล่นหุ้นแบบสั้น ๆ ไม่เกินปีหรือไม่เกินหนึ่งเดือน โอกาสก็คือ เขาจะไม่สนใจเซียนที่ชอบลงทุนระยะยาว แต่จะชอบเซียนที่เน้นลงทุนในหุ้นที่จะมีผลการดำเนินงานในระยะสั้นที่ดีมากกว่า
เมื่อพบว่าเซียนได้เข้าซื้ออย่างมีนัยสำคัญแล้ว CI “วงใน” นั่นคือ CI ที่อาจจะคุ้นเคยกับเซียนก็จะซื้อตามก่อน ต่อมาข้อมูลที่ว่าเซียนได้เข้าซื้อแล้วก็จะถูก “ถ่ายทอด” ต่อมายัง CI “วงนอก” ที่อาจจะห่างออกมาหน่อยแต่ก็ยังจำกัดอยู่ในกลุ่มคนบางกลุ่มเช่นที่ติดตามเวบไซ้ต์การลงทุนอย่างใกล้ชิดซึ่งจะเริ่มมาซื้อตามหลังจากราคาหุ้นเริ่มเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเนื่องมาจากการที่มีแรงซื้อเพิ่มขึ้นมามาก กระบวนการนี้จะคล้าย ๆ กับสิ่งที่ จอร์จ โซรอส พูดถึง นั่นคือ กระบวนการ Reflexivity หรือกระบวนการที่คนในตลาดซื้อหุ้นทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้พื้นฐานหรือมุมมองต่อหุ้นเปลี่ยนไป ทำให้คนมาซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งก็จะกลับมาเสริมพื้นฐานหรือมุมมองของหุ้นต่อไปอีกต่อเนื่องกันไปเป็นลูกโซ่ ในบางครั้งกระบวนการนี้ก็อาจจะรุนแรงมากขึ้นจนราคาหุ้นกลายเป็นฟองสบู่เนื่องจาก CI ชุดสุดท้ายที่เข้ามาเล่น
CI ชุดท้าย ๆ ก็คือนักเล่นหุ้นทั่ว ๆ ไป ที่ได้ข่าวว่าเซียนได้เข้ามาซื้อหุ้นจากสื่อกระแสหลักเช่นหนังสือพิมพ์และอาจจะบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ พวกเขาจะเข้ามาเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาหุ้นเป็นหลัก ด้วยปริมาณการซื้อขายมโหฬารเนื่องจากเป็นการซื้อขายเป็นรายวันหรืออาจจะเป็นรายนาทีCI กลุ่มนี้จะไม่สนใจเลยว่าหุ้นนั้นยังมี Value หรือไม่ สิ่งที่พวกเขาคาดหรือจับตานั้นมีเพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือ หุ้นตัวนี้ รายใหญ่หรือจ้าวหรือสปอนเซอร์ ยังเล่นหรือไม่ ถ้ายังเล่น พวกเขาก็พร้อมเข้ามาเสี่ยง ถ้าเลิกก็ “ตัวใครตัวมัน” เหนือสิ่งอื่นใด เขาคิดว่าเขาจะ “ออก” ทันเสมอเนื่องจากปริมาณการซื้อขายหุ้นเมื่อถึงจุดนี้มีสูงมาก อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ ครั้ง การตกของหุ้นในจุดนี้จะแรงมากจนหนีไม่ทันก็มี
การเป็น CI นั้น ในช่วง 2- 3 ปี มานี้ ซึ่งเป็นช่วงที่หุ้นบูมเป็นกระทิง ดูเหมือนว่าจะเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ทำเงินได้ไม่น้อยสำหรับบางคนโดยเฉพาะที่เป็น CI วงต้น ๆ เหนือสิ่งอื่นใด อาจจะเป็นช่วงที่ยังมีหุ้น Value ที่ยังถูกมากเหลืออยู่ให้เซียนเข้าไปเก็บและเผื่อไปถึง CI ได้ไม่น้อย อย่างไรก็ตาม อนาคตหลังจากนี้ หุ้นที่เป็น Value อาจจะเหลือน้อยหรือแทบหมดแล้ว และเซียนก็อาจจะผิดพลาดได้ ดังนั้น CI ที่เข้าไปซื้อตามอาจจะพบว่าการทำเงินนั้นยากลำบากมากขึ้นจนถึงกับขาดทุนก็เป็นไปได้โดยเฉพาะ CI วงหลัง ๆ สำหรับผมแล้ว การเป็น CI นั้น ยากที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว ดังนั้น สำหรับ VI ที่มุ่งมั่นแล้ว การวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตนเองจะดีกว่าการ “ลอกการบ้าน” แน่นอน แม้ว่าเราจะไม่เก่งเท่าเซียน
Wednesday, 18 May 2011
เล่นหุ้นตามเซียน
ในช่วงเร็ว ๆ นี้ แนวทางการลงทุนหรือการเล่นหุ้นที่เป็นที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุดน่าจะเป็นการลงทุนแบบ “Value Investment” เพราะหุ้น “Value” หรือหุ้นที่มี “พื้นฐาน” ที่ดี หลาย ๆ ตัวนั้น มีราคาปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น นอกจากนั้น ปริมาณการซื้อขายหุ้นก็เพิ่มสูงขึ้นมาก หลาย ๆ ตัวกลายเป็นหุ้นยอดนิยมที่มีปริมาณการซื้อขายติดอันดับสูงสุดหนึ่งในสิบของตลาดหุ้นทั้ง ๆ ที่เป็นหุ้นขนาดเล็ก ถ้ามองเฉพาะปริมาณการซื้อขายก็น่าจะพูดได้ว่าหุ้นเหล่านี้เป็นหุ้น “เก็งกำไรอย่างรุนแรง” ไปแล้ว หุ้นที่เรียกว่า “Value” ที่คนเล่นกันทั้งตลาดนั้นเอง ถ้ามองจากข้อมูลตัวเลขและการวิเคราะห์ตามมาตรฐานของ Value Investor “พันธุ์แท้” ก็ดูเหมือนว่าหุ้นเหล่านั้นที่อาจจะ “เคย” เป็นหุ้น Value หมดความเป็น Value ไปแล้วด้วยเหตุผลที่ว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปเกิน “พื้นฐาน” มาก
อะไรทำให้หุ้นคุณค่ากลายเป็นหุ้นยอดนิยม ? คำตอบผมคิดว่าเกิดจากจำนวนของนักลงทุนที่เป็น Value Investor หรือ VI มีจำนวนมากขึ้นและที่สำคัญกว่าก็คือ มีเม็ดเงินที่ใช้ในการลงทุนมากขึ้นมาก นักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้าตลาดในช่วงหลัง ๆ นี้ เริ่มเห็นคุณค่าของการลงทุนในกิจการที่ดีและมีราคาถูกให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับการฝากเงินซึ่งให้ดอกเบี้ยน้อยมาก แต่ปัญหาของนักลงทุนก็คือจะหาหุ้นตัวไหนที่จะเป็นหุ้น “Value” ไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่จะวิเคราะห์หุ้นได้อย่างลึกซึ้ง ดังนั้น ทางออกก็คือ คอยดูว่าคนที่วิเคราะห์หุ้นเก่ง ๆ ระดับ “เซียน” ว่าเขาซื้อหุ้นตัวไหน เสร็จแล้วก็ซื้อตาม นี่เป็นวิธีการ “ลอกการบ้าน” ที่ไม่มีครูจับได้ ในอีกด้านหนึ่ง เซียนเอง บ่อยครั้งก็อยากให้ลอกการบ้าน หลาย ๆ คนพยายามกระจายคำตอบให้คนอื่นลอกด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้ามีคนซื้อหุ้นตามมาก ๆ หุ้นที่ตนเองซื้อไว้ก็จะมีราคาปรับตัวขึ้น ดังนั้น ทั้งคนลอกการบ้านและคนให้ลอกต่างก็ได้ประโยชน์ โดยเฉพาะในช่วงสั้น ๆ ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไป และนี่คือสิ่งที่ผมจะพูดถึงการลงทุน “กระแสใหม่” ที่ผมอยากจะเรียกว่าการ “เล่นหุ้นตามเซียน” หรือถ้าจะเรียกให้เท่ขึ้นไปหน่อยก็คือ Celebrity Investment หรือเรียกย่อ ๆ ว่า CI ซึ่งเป็นการเล่นหุ้นตามคนดังหรือ “เซียน VI”
เรื่องการเล่นหุ้นตามเซียนนี้ ปีเตอร์ ลินช์ เขียนไว้ในหนังสือ One Up on Wall Street ว่า เขาไม่แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นตามเซียนหรือตัวเขาเอง เหตุผลมี 3 ข้อ คือ 1) เซียนหรือ ปีเตอร์ ลินช์อาจจะผิด เขาบอกว่าเขาผิดประมาณ 40% ของการเลือกซื้อหุ้น) ข้อ 2) แม้ว่าเขาจะถูก คุณก็ไม่มีทางรู้ว่าเขาจะเปลี่ยนใจเกี่ยวกับหุ้นและขายไปเมื่อไร) และข้อ 3) คุณมีข้อมูลที่ดีกว่า และมันอยู่รอบ ๆ ตัวคุณ สิ่งที่ทำให้มันดีกว่าก็คือ คุณสามารถที่จะติดตามมันได้ เช่นเดียวกับที่ ปีเตอร์ ลินช์ ติดตามหุ้นของเขา อย่างไรก็ตาม คำแนะนำของลินช์เองนั้น ผมคิดว่าคนที่จะปฎิบัติตามน่าจะเป็นคนที่มีความรู้หรือมีความสามารถหรือมีความตั้งใจสูงที่จะศึกษาวิธีการลงทุนแบบ VI ส่วนคนที่ “เล่นหุ้น” นั่นก็คือ คนที่หวังทำกำไรอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้นคงจะไม่เห็นด้วยและคิดว่า CI น่าจะให้ผลได้ดีกว่า
การลงทุนแบบ CI นั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ยากโดยเฉพาะในยุคที่ข่าวสารต่าง ๆ สามารถกระจายไปได้อย่างรวดเร็วผ่านสื่ออีเล็คโทรนิคส์สมัยใหม่ต่าง ๆ วิธีก็คือ ขั้นแรก ดูว่าใครคือ “เซียน” นี่ก็คือการเข้าไปตามเวบไซ้ต์หรือสื่อต่าง ๆ ที่มีการกล่าวขวัญถึงว่าใครสามารถซื้อขายหุ้นทำกำไรได้มากมายขนาดไหนในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนั้น การบอกต่อ ๆ กันในหมู่นักลงทุนก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ เมื่อกำหนดได้แล้วว่าใครคือเซียน สิ่งที่จะต้องทำต่อมาก็คือ คอยติดตามว่าเซียนกำลังจะเข้าซื้อหุ้นตัวไหน ซึ่งบางทีก็ไม่ยาก เพราะเซียนจำนวนไม่น้อยก็พยายามบอกต่ออยู่แล้ว ไม่โดยตรงก็โดยอ้อม ในบางครั้ง ถึงเซียนจะไม่ได้บอก แต่เนื่องจากเซียนได้เข้าซื้อหุ้นบางตัวจนมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ซึ่งจะถูกรายงานในเวบไซ้ต์ของตลาดเมื่อมีการปิดบุ๊คเพื่อการประชุมผู้ถือหุ้น แต่ข้อมูลนี้อาจจะไม่เป็นปัจจุบันมากนัก บางกรณีอาจจะเกิดขึ้นมาแล้วเป็นปีก็เป็นได้
เมื่อกำหนดได้แล้วว่าใครคือเซียน CI แต่ละคนดูเหมือนจะรู้ว่าเซียนแต่ละคนนั้น มี “กระบวนท่า” หรือใช้หลักการลงทุนแนวไหน เช่น ชำนาญทางด้านหุ้นโตเร็ว หุ้นวัฏจักร หุ้นฟื้นตัว หุ้นมีสตอรี่ หรืออื่น ๆ รวมถึงระดับของพอร์ตหรือเม็ดเงินที่มักจะเข้าซื้อหุ้นด้วย ประเด็นก็คือ CI นั้น มักจะซื้อตามเซียนที่มีแนวคิดหรือ “จริต” ที่สอดคล้องกับตัวเองและไม่ตามเซียนที่มีแนวทางอีกแบบหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ถ้าตนเองนั้นชอบเล่นหุ้นแบบสั้น ๆ ไม่เกินปีหรือไม่เกินหนึ่งเดือน โอกาสก็คือ เขาจะไม่สนใจเซียนที่ชอบลงทุนระยะยาว แต่จะชอบเซียนที่เน้นลงทุนในหุ้นที่จะมีผลการดำเนินงานในระยะสั้นที่ดีมากกว่า
เมื่อพบว่าเซียนได้เข้าซื้ออย่างมีนัยสำคัญแล้ว CI “วงใน” นั่นคือ CI ที่อาจจะคุ้นเคยกับเซียนก็จะซื้อตามก่อน ต่อมาข้อมูลที่ว่าเซียนได้เข้าซื้อแล้วก็จะถูก “ถ่ายทอด” ต่อมายัง CI “วงนอก” ที่อาจจะห่างออกมาหน่อยแต่ก็ยังจำกัดอยู่ในกลุ่มคนบางกลุ่มเช่นที่ติดตามเวบไซ้ต์การลงทุนอย่างใกล้ชิดซึ่งจะเริ่มมาซื้อตามหลังจากราคาหุ้นเริ่มเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเนื่องมาจากการที่มีแรงซื้อเพิ่มขึ้นมามาก กระบวนการนี้จะคล้าย ๆ กับสิ่งที่ จอร์จ โซรอส พูดถึง นั่นคือ กระบวนการ Reflexivity หรือกระบวนการที่คนในตลาดซื้อหุ้นทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้พื้นฐานหรือมุมมองต่อหุ้นเปลี่ยนไป ทำให้คนมาซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งก็จะกลับมาเสริมพื้นฐานหรือมุมมองของหุ้นต่อไปอีกต่อเนื่องกันไปเป็นลูกโซ่ ในบางครั้งกระบวนการนี้ก็อาจจะรุนแรงมากขึ้นจนราคาหุ้นกลายเป็นฟองสบู่เนื่องจาก CI ชุดสุดท้ายที่เข้ามาเล่น
CI ชุดท้าย ๆ ก็คือนักเล่นหุ้นทั่ว ๆ ไป ที่ได้ข่าวว่าเซียนได้เข้ามาซื้อหุ้นจากสื่อกระแสหลักเช่นหนังสือพิมพ์และอาจจะบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ พวกเขาจะเข้ามาเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาหุ้นเป็นหลัก ด้วยปริมาณการซื้อขายมโหฬารเนื่องจากเป็นการซื้อขายเป็นรายวันหรืออาจจะเป็นรายนาทีCI กลุ่มนี้จะไม่สนใจเลยว่าหุ้นนั้นยังมี Value หรือไม่ สิ่งที่พวกเขาคาดหรือจับตานั้นมีเพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือ หุ้นตัวนี้ รายใหญ่หรือจ้าวหรือสปอนเซอร์ ยังเล่นหรือไม่ ถ้ายังเล่น พวกเขาก็พร้อมเข้ามาเสี่ยง ถ้าเลิกก็ “ตัวใครตัวมัน” เหนือสิ่งอื่นใด เขาคิดว่าเขาจะ “ออก” ทันเสมอเนื่องจากปริมาณการซื้อขายหุ้นเมื่อถึงจุดนี้มีสูงมาก อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ ครั้ง การตกของหุ้นในจุดนี้จะแรงมากจนหนีไม่ทันก็มี
การเป็น CI นั้น ในช่วง 2- 3 ปี มานี้ ซึ่งเป็นช่วงที่หุ้นบูมเป็นกระทิง ดูเหมือนว่าจะเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ทำเงินได้ไม่น้อยสำหรับบางคนโดยเฉพาะที่เป็น CI วงต้น ๆ เหนือสิ่งอื่นใด อาจจะเป็นช่วงที่ยังมีหุ้น Value ที่ยังถูกมากเหลืออยู่ให้เซียนเข้าไปเก็บและเผื่อไปถึง CI ได้ไม่น้อย อย่างไรก็ตาม อนาคตหลังจากนี้ หุ้นที่เป็น Value อาจจะเหลือน้อยหรือแทบหมดแล้ว และเซียนก็อาจจะผิดพลาดได้ ดังนั้น CI ที่เข้าไปซื้อตามอาจจะพบว่าการทำเงินนั้นยากลำบากมากขึ้นจนถึงกับขาดทุนก็เป็นไปได้โดยเฉพาะ CI วงหลัง ๆ สำหรับผมแล้ว การเป็น CI นั้น ยากที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว ดังนั้น สำหรับ VI ที่มุ่งมั่นแล้ว การวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตนเองจะดีกว่าการ “ลอกการบ้าน” แน่นอน แม้ว่าเราจะไม่เก่งเท่าเซียน
"Become a risk taker, not a risk maker"
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 130
เรื่องการเล่นหุ้นตามเซียนนี้ ปีเตอร์ ลินช์ เขียนไว้ในหนังสือ One Up on Wall Street ว่า เขาไม่แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นตามเซียนหรือตัวเขาเอง เหตุผลมี 3 ข้อ คือ 1) เซียนหรือ ปีเตอร์ ลินช์อาจจะผิด เขาบอกว่าเขาผิดประมาณ 40% ของการเลือกซื้อหุ้น) ข้อ 2) แม้ว่าเขาจะถูก คุณก็ไม่มีทางรู้ว่าเขาจะเปลี่ยนใจเกี่ยวกับหุ้นและขายไปเมื่อไร) และข้อ 3) คุณมีข้อมูลที่ดีกว่า และมันอยู่รอบ ๆ ตัวคุณ สิ่งที่ทำให้มันดีกว่าก็คือ คุณสามารถที่จะติดตามมันได้ เช่นเดียวกับที่ ปีเตอร์ ลินช์ ติดตามหุ้นของเขา อย่างไรก็ตาม คำแนะนำของลินช์เองนั้น ผมคิดว่าคนที่จะปฎิบัติตามน่าจะเป็นคนที่มีความรู้หรือมีความสามารถหรือมีความตั้งใจสูงที่จะศึกษาวิธีการลงทุนแบบ VI ส่วนคนที่ “เล่นหุ้น” นั่นก็คือ คนที่หวังทำกำไรอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้นคงจะไม่เห็นด้วยและคิดว่า CI น่าจะให้ผลได้ดีกว่า
ผมว่าท่านอาจารย์ได้ให้นัยของการเตือนผ่านเรื่องนี้แล้วนะครับ
ว่า CI vs VI ต่างกันตรงไหน
ทุกๆบทความของอาจารย์ จะมีแก่นแท้แห่งการสั่งสอนครับ
ผมว่าท่านอาจารย์ได้ให้นัยของการเตือนผ่านเรื่องนี้แล้วนะครับ
ว่า CI vs VI ต่างกันตรงไหน
ทุกๆบทความของอาจารย์ จะมีแก่นแท้แห่งการสั่งสอนครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 2595
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 131
ผมชอบงานเขียนเรื่อง"คุณไว"มากเช่นกันครับ สะท้อนให้เห็นภาพปัจจุบันหลังปี 2008 มีคุณไวเกิดขึ้นมากเเละได้รับการยอมรับจาก คนทั่วไปทั้งในwebเเละเเวดวงการลงทุน ถึงขั้นมีคุณไวบางท่านบอกราคาหุ้นตัวใหม่ที่ซื้อออกสื่อ(ไม่ได้Postลงในweb ThaiVI แต่สัมภาษณ์สื่ออื่นแล้วมีคนเอามาลงในthaiviอีกที) ซึ่งผมมองว่าไม่สมควรเพราะMarket Cap ของคนใน ThaiVi รวมกันเยอะมาก อาจมี"บางคน"ที่ซื้อตาม แต่ผมไม่กล้าpostเเย้งเพราะมีเเต่คน Rep แบบchukieat30 เขียน:เด๋วนี้เวปเรา มี นิวอินโนเวชั่นแปลกๆเยอะครับ
1.หนังหน้าไฟ
2.ร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมา
3.ผี ครับ ไม่รู้แลนหรือเป็ด
ขอไม่ขยายความครับ เพราะ 3ข้อนี้ผมไม่ได้กล่าวเจาะจงถึงใคร
ใครรู้ตัวก้จงเร่งแก้ไขตัวเอง
ขอให้เป็นนักลงทุน วีไอ แต่ขออย่าให้เป็นคุณไวที่หลงแสงเฮาก้วง
ฝากไว้แค่นี้ครับ
อย่างไรก็ตามผมก็ได้เรียนรู้วิธีคิด การเลือกหุ้นเเละจุดขายจากคุณไว เเต่ถ้าเรียนเเล้วเราอย่าเรียนเเต่ข้อดีลองมองถึงความเสี่ยงเเละข้อเสียของการไวซึ่งข้อเขียนของอ.ทำให้เห็นความเสี่ยงของการไว
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 132
การเชียร์หุ้นผมเองมองว่ามันก็เป็นเรื่องปกติที่ยากจะบอกว่ามันไม่มี มันน่าจะรับได้ถ้าการเชียร์นั้นมันไม่น่าเกลียดจนเกินไป เพราะทุกคนก็มีแนวโน้มจะเชียร์หรือชอบหุ้นที่ตัวเองซื้ออยู่แล้ว เพียงแต่จะเชียร์มากน้อยเท่านั้น ถ้าเราเป็นเซียนที่ถูกพาดพิงเราจะทำอย่างไร
ถ้าเป็นการพาดพิงในเว็บเรื่องตอนซื้อเชียร์ ตอนขายเงียบ ถ้าผมเป็นเซียนที่ถูกพาดพิงผมคงเลือกที่จะชี้แจงครับ ถ้าผมโพสต์ถึงหุ้นตัวนั้นไป 20 ครั้ง ใน 20 ครั้งนั้นหุ้นอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ และมีปัจจัยลบอะไรที่ทำให้ผมขาย มันน่าจะแฟร์ดีครับ ถ้ากล้าจะพูดทั้งด้านดีและด้านร้ายของหุ้น และผมก็เชื่อว่าสมาชิกที่ติดตามเค้าก็น่าจะรับฟัง ถึงแม้มันอาจจะบอกอะไรไม่ได้มากนัก เพราะเจตนามันก็คงพิสูจน์ยาก แต่ถ้าการโพสต์เชียร์นั้นยังคงเกิดขึ้นในขณะที่หุ้นราคาสูง แต่มาปรากฎภายหลังว่าผมขายหุ้นออกไปหมดสวนทางกับที่โพสต์ ก็คงต้องให้สมาชิกตัดสินกันเองว่าจะเชื่อผมหรือไม่
ประเด็นเรื่องที่ลงในสื่อสิ่งพิมพ์รายหนึ่ง ผมเองมองว่าการที่เค้าใช้คำว่า "ทมิฬ" เป็นคำที่ค่อนข้างรุนแรงครับ ยิ่งมาผสมโรงกับเรื่องทำ short sell ใช้กราฟทางเทคนิคเข้าช่วย ซึ่งแทบจะเรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ตรงข้ามกับแนวทางของวีไอ จะว่าไปถ้าผมเป็นเซียนที่ถูกพาดพิง มันก็เหมือนกับทำให้คนเข้าใจว่าผมจงใจทำให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวผิดปกติ ช่องทางที่เราจะพิสูจน์ความจริงมันไม่ยากอยู่แล้วครับ ถ้าข้อมูลนั้นมันไม่เป็นความจริง คนเขียนก็เรียกได้ว่า "หมิ่นประมาท" ทำให้เกิดความเสียหาย การใช้ช่องทางของกฎหมายน่าจะช่วยได้ การตรวจสอบผมว่าก็คงไม่ยากเพราะข้อมูลซื้อขายทำ short sell มันสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว ถ้าผลออกมาว่าเราไม่ผิด ก็จะเป็นการประจาน "สื่อ" แห่งนั้นเองครับ
ในส่วนของนถท.ที่เสียหาย จะว่าไปผมมองว่าเราอาจจะบอกว่าเค้าไม่ใช้วิจารณญาณในการเสพข้อมูลเอง มันอาจจะใช่นะครับ แต่ถ้ามองอย่างลึกซึ้งผมเองก็เห็นใจครับ โดยเฉพาะนลท.หน้าใหม่ที่ "ภูมิต้านทาน" ทางการลงทุนยังไม่ดีพอ เค้าอาจจะไม่ได้มีเจตนาที่จะซื้อโดย "ไม่คิด" แต่ที่เค้าซื้อเพราะเค้าคิดว่าข้อมูลนั้นมันน่าจะเป็นจริง กลุ่มนี้คือกลุ่มที่น่าเห็นใจครับ
ในเว็บหุ้นบางเว็บที่ผมเคยเจอ มีคนดังในเว็บโพสต์ชี้นำการเก็งกำไรหุ้นเป็นรายวันหรือรายครึ่งวัน มีการบอกข่าวดีที่บิดเบือน เป้าหมายราคาที่สูงผิดปกติ ผมกลับแปลกใจที่คนที่เป็นสมาชิกในเว็บนั้น กลับไม่ว่าอะไรทั้ง ๆ ที่บางครั้งก็ขาดทุนหรือติดดอย แต่กลับเรียกร้องอีกว่าวันนี้จะเล่นอะไรดี ทั้ง ๆ ที่ถ้าใช้เหตุผลพิจารณามันก็เป็นไปได้สูงที่คนโพสต์จะซื้อหุ้นไว้ก่อน แต่เพราะอะไรคนในเว็บนั้นกลับไม่ต่อว่า ผมว่าเพราะคนที่เข้าไปในเว็บนั้นเค้ายอมรับอยู่แล้วกับเรื่องแบบนี้ เค้ายอมรับการเก็งกำไรแบบนี้ครับ
เว็บ Thaivi ผมว่าเป็นแหล่งความรู้ที่ดี การทำหน้าที่ของ MOD ผมว่าก็เหมาะสมครับ ผมเองกลับรู้สึกไม่สบายใจครับ ที่เรื่องหุ้นตัวหนึ่งกับปัญหาเดิม ๆ ยังคงเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า การที่จะให้คนดูแลเว็บมาดูแลได้ทุกอย่างมันคงเป็นไปไม่ได้ครับ และการที่สมาชิกเข้ามา "เสพ" ข้อมูล ก็ต้องเข้าใจครับว่า คุณไม่เคยเห็นหน้าค่าตาคนโพสต์ คุณไม่รู้จักเค้าเป็นการส่วนตัว คุณควรจะเชื่อสิ่งที่เค้าโพสต์มากน้อยขนาดไหน อย่าลืมครับเว็บนี้เป็นเว็บเปิดกว้างใคร ๆ ก็เข้ามาโพสต์แสดงความคิดเห็นได้ บางทีมันก็เป็นไปได้ครับที่รายใหญ่เค้าจะเข้ามาอ่านว่ารายย่อยคิดยังไงกัน กรณีการโพสต์บิดเบือนราคาฟิล์มของหุ้น PTL มันก็คงเป็นบทเรียนให้กับใครหลาย ๆ คนมาแล้ว
ความเห็นจากคน ๆ หนึ่งครับ ไม่ได้เป็นเซียนอะไรกับเขาหรอกครับ และอยากให้ MOD อย่าท้อแท้ครับ
ถ้าเป็นการพาดพิงในเว็บเรื่องตอนซื้อเชียร์ ตอนขายเงียบ ถ้าผมเป็นเซียนที่ถูกพาดพิงผมคงเลือกที่จะชี้แจงครับ ถ้าผมโพสต์ถึงหุ้นตัวนั้นไป 20 ครั้ง ใน 20 ครั้งนั้นหุ้นอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ และมีปัจจัยลบอะไรที่ทำให้ผมขาย มันน่าจะแฟร์ดีครับ ถ้ากล้าจะพูดทั้งด้านดีและด้านร้ายของหุ้น และผมก็เชื่อว่าสมาชิกที่ติดตามเค้าก็น่าจะรับฟัง ถึงแม้มันอาจจะบอกอะไรไม่ได้มากนัก เพราะเจตนามันก็คงพิสูจน์ยาก แต่ถ้าการโพสต์เชียร์นั้นยังคงเกิดขึ้นในขณะที่หุ้นราคาสูง แต่มาปรากฎภายหลังว่าผมขายหุ้นออกไปหมดสวนทางกับที่โพสต์ ก็คงต้องให้สมาชิกตัดสินกันเองว่าจะเชื่อผมหรือไม่
ประเด็นเรื่องที่ลงในสื่อสิ่งพิมพ์รายหนึ่ง ผมเองมองว่าการที่เค้าใช้คำว่า "ทมิฬ" เป็นคำที่ค่อนข้างรุนแรงครับ ยิ่งมาผสมโรงกับเรื่องทำ short sell ใช้กราฟทางเทคนิคเข้าช่วย ซึ่งแทบจะเรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ตรงข้ามกับแนวทางของวีไอ จะว่าไปถ้าผมเป็นเซียนที่ถูกพาดพิง มันก็เหมือนกับทำให้คนเข้าใจว่าผมจงใจทำให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวผิดปกติ ช่องทางที่เราจะพิสูจน์ความจริงมันไม่ยากอยู่แล้วครับ ถ้าข้อมูลนั้นมันไม่เป็นความจริง คนเขียนก็เรียกได้ว่า "หมิ่นประมาท" ทำให้เกิดความเสียหาย การใช้ช่องทางของกฎหมายน่าจะช่วยได้ การตรวจสอบผมว่าก็คงไม่ยากเพราะข้อมูลซื้อขายทำ short sell มันสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว ถ้าผลออกมาว่าเราไม่ผิด ก็จะเป็นการประจาน "สื่อ" แห่งนั้นเองครับ
ในส่วนของนถท.ที่เสียหาย จะว่าไปผมมองว่าเราอาจจะบอกว่าเค้าไม่ใช้วิจารณญาณในการเสพข้อมูลเอง มันอาจจะใช่นะครับ แต่ถ้ามองอย่างลึกซึ้งผมเองก็เห็นใจครับ โดยเฉพาะนลท.หน้าใหม่ที่ "ภูมิต้านทาน" ทางการลงทุนยังไม่ดีพอ เค้าอาจจะไม่ได้มีเจตนาที่จะซื้อโดย "ไม่คิด" แต่ที่เค้าซื้อเพราะเค้าคิดว่าข้อมูลนั้นมันน่าจะเป็นจริง กลุ่มนี้คือกลุ่มที่น่าเห็นใจครับ
ในเว็บหุ้นบางเว็บที่ผมเคยเจอ มีคนดังในเว็บโพสต์ชี้นำการเก็งกำไรหุ้นเป็นรายวันหรือรายครึ่งวัน มีการบอกข่าวดีที่บิดเบือน เป้าหมายราคาที่สูงผิดปกติ ผมกลับแปลกใจที่คนที่เป็นสมาชิกในเว็บนั้น กลับไม่ว่าอะไรทั้ง ๆ ที่บางครั้งก็ขาดทุนหรือติดดอย แต่กลับเรียกร้องอีกว่าวันนี้จะเล่นอะไรดี ทั้ง ๆ ที่ถ้าใช้เหตุผลพิจารณามันก็เป็นไปได้สูงที่คนโพสต์จะซื้อหุ้นไว้ก่อน แต่เพราะอะไรคนในเว็บนั้นกลับไม่ต่อว่า ผมว่าเพราะคนที่เข้าไปในเว็บนั้นเค้ายอมรับอยู่แล้วกับเรื่องแบบนี้ เค้ายอมรับการเก็งกำไรแบบนี้ครับ
เว็บ Thaivi ผมว่าเป็นแหล่งความรู้ที่ดี การทำหน้าที่ของ MOD ผมว่าก็เหมาะสมครับ ผมเองกลับรู้สึกไม่สบายใจครับ ที่เรื่องหุ้นตัวหนึ่งกับปัญหาเดิม ๆ ยังคงเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า การที่จะให้คนดูแลเว็บมาดูแลได้ทุกอย่างมันคงเป็นไปไม่ได้ครับ และการที่สมาชิกเข้ามา "เสพ" ข้อมูล ก็ต้องเข้าใจครับว่า คุณไม่เคยเห็นหน้าค่าตาคนโพสต์ คุณไม่รู้จักเค้าเป็นการส่วนตัว คุณควรจะเชื่อสิ่งที่เค้าโพสต์มากน้อยขนาดไหน อย่าลืมครับเว็บนี้เป็นเว็บเปิดกว้างใคร ๆ ก็เข้ามาโพสต์แสดงความคิดเห็นได้ บางทีมันก็เป็นไปได้ครับที่รายใหญ่เค้าจะเข้ามาอ่านว่ารายย่อยคิดยังไงกัน กรณีการโพสต์บิดเบือนราคาฟิล์มของหุ้น PTL มันก็คงเป็นบทเรียนให้กับใครหลาย ๆ คนมาแล้ว
ความเห็นจากคน ๆ หนึ่งครับ ไม่ได้เป็นเซียนอะไรกับเขาหรอกครับ และอยากให้ MOD อย่าท้อแท้ครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 2595
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 133
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ยังไงก็ทำตามกฎของWebก็น่าจะโอเค โพสราคาเป้าหมายร่วมกับValuation Model...leky เขียน:การเชียร์หุ้นผมเองมองว่ามันก็เป็นเรื่องปกติที่ยากจะบอกว่ามันไม่มี มันน่าจะรับได้ถ้าการเชียร์นั้นมันไม่น่าเกลียดจนเกินไป เพราะทุกคนก็มีแนวโน้มจะเชียร์หรือชอบหุ้นที่ตัวเองซื้ออยู่แล้ว เพียงแต่จะเชียร์มากน้อยเท่านั้น ถ้าเราเป็นเซียนที่ถูกพาดพิงเราจะทำอย่างไร......
....ในเว็บหุ้นบางเว็บที่ผมเคยเจอ มีคนดังในเว็บโพสต์ชี้นำการเก็งกำไรหุ้นเป็นรายวันหรือรายครึ่งวัน มีการบอกข่าวดีที่บิดเบือน เป้าหมายราคาที่สูงผิดปกติ ผมกลับแปลกใจที่คนที่เป็นสมาชิกในเว็บนั้น กลับไม่ว่าอะไรทั้ง ๆ ที่บางครั้งก็ขาดทุนหรือติดดอย แต่กลับเรียกร้องอีกว่าวันนี้จะเล่นอะไรดี ทั้ง ๆ ที่ถ้าใช้เหตุผลพิจารณามันก็เป็นไปได้สูงที่คนโพสต์จะซื้อหุ้นไว้ก่อน แต่เพราะอะไรคนในเว็บนั้นกลับไม่ต่อว่า ผมว่าเพราะคนที่เข้าไปในเว็บนั้นเค้ายอมรับอยู่แล้วกับเรื่องแบบนี้ เค้ายอมรับการเก็งกำไรแบบนี้ครับ
เว็บ Thaivi ผมว่าเป็นแหล่งความรู้ที่ดี การทำหน้าที่ของ MOD ผมว่าก็เหมาะสมครับ ผมเองกลับรู้สึกไม่สบายใจครับ ที่เรื่องหุ้นตัวหนึ่งกับปัญหาเดิม ๆ ยังคงเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า การที่จะให้คนดูแลเว็บมาดูแลได้ทุกอย่างมันคงเป็นไปไม่ได้ครับ และการที่สมาชิกเข้ามา "เสพ" ข้อมูล ก็ต้องเข้าใจครับว่า คุณไม่เคยเห็นหน้าค่าตาคนโพสต์ คุณไม่รู้จักเค้าเป็นการส่วนตัว คุณควรจะเชื่อสิ่งที่เค้าโพสต์มากน้อยขนาดไหน อย่าลืมครับเว็บนี้เป็นเว็บเปิดกว้างใคร ๆ ก็เข้ามาโพสต์แสดงความคิดเห็นได้ บางทีมันก็เป็นไปได้ครับที่รายใหญ่เค้าจะเข้ามาอ่านว่ารายย่อยคิดยังไงกัน กรณีการโพสต์บิดเบือนราคาฟิล์มของหุ้น PTL มันก็คงเป็นบทเรียนให้กับใครหลาย ๆ คนมาแล้ว
ความเห็นจากคน ๆ หนึ่งครับ ไม่ได้เป็นเซียนอะไรกับเขาหรอกครับ และอยากให้ MOD อย่าท้อแท้ครับ
Hilight อันบน ภาพตลาดหุ้นเหมือนบ่อนเลยครับ หรือคล้ายๆเล่นหวยรายวัน
Hilight อันล่าง น่ากลัวจังครับเเล้วไม่มีใครโพสเเย้งข้อมูลที่บิดเบือนเหรอครับ
เเต่สุดท้ายมีสิ่งที่จะติดตามคนเหล่านั้นคือ "กรรม" ครับ มันลบกันไม่ได้หรอก ได้เงินไปก็ต้องมีที่ให้เสียเงิน...
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
- tradtrae
- Verified User
- โพสต์: 247
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 134
ผมหยุดโพสท์มานาน เพราะเคยเหยียบตาปลาพี่ท่านนึงในร้อยหุ้นฯ
ในครั้งนั้น ผมเห็นว่า พี่ท่านนั้น เขียนเชียร์หุ้นตัวนี้มากเหลือเกิน พอไม่มีข่าวอะไร พี่เขาก็โพสท์เรื่องไร้สาระ เข้าไป ทำให้ดูเหมือนกับหุ้นตัวนี้มีข่าวเคลื่อนไหว
ผมกระตุกไป กลายเป็นโดนรุมจากเหล่าสาวกที่ไม่มองสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยึดติดอยู่ที่ พี่เขาคือคนของข้า ใครอย่าแตะ
อยากให้พิจารณาครับว่า นี่คือ จุดเสื่อมเล็กๆ จุดนึงของ Thai VI หรือไม่
ในครั้งนั้น ผมเห็นว่า พี่ท่านนั้น เขียนเชียร์หุ้นตัวนี้มากเหลือเกิน พอไม่มีข่าวอะไร พี่เขาก็โพสท์เรื่องไร้สาระ เข้าไป ทำให้ดูเหมือนกับหุ้นตัวนี้มีข่าวเคลื่อนไหว
ผมกระตุกไป กลายเป็นโดนรุมจากเหล่าสาวกที่ไม่มองสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยึดติดอยู่ที่ พี่เขาคือคนของข้า ใครอย่าแตะ
อยากให้พิจารณาครับว่า นี่คือ จุดเสื่อมเล็กๆ จุดนึงของ Thai VI หรือไม่
- tradtrae
- Verified User
- โพสต์: 247
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 135
ในอดีต โกดัก ถือว่าตัวเองเป็นจ้าวในเรื่องการถ่ายภาพ กำหนดทิศทางตลาดได้หมด พี่ๆ นักลงทุนทุกท่านครับ ถ้าพี่ๆ เป็นพนักงานในบริษัท โกดัก พี่ๆ จะรู้สึกภูมิใจไหมครับ ที่อยู่ในบริษัทที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้
สุดท้าย โกดัก ตอนนี้กลายเป็นบริษัทที่ค่อนข้างโนเนมในธุรกิจถ่ายภาพ เพียงเพราะความภาคภูมิใจในอดีตที่ทำให้พนักงานโกดัก ไม่คิดจะมองโลกความเป็นจริง ไม่มองในสิ่งที่เปลี่ยนไป ไม่รับฟังเสียงไม่รื่นหู กว่าจะยอมรับความเป็นจริงเหล่านั้นได้ก็สายไปเสียแล้ว
พี่ๆ อยากให้ Thai VI เติบโตขึ้นเรื่อยๆ หรือว่าอยากให้มันเป็นแค่ตำนานของนักลงทุนครับ
สุดท้าย โกดัก ตอนนี้กลายเป็นบริษัทที่ค่อนข้างโนเนมในธุรกิจถ่ายภาพ เพียงเพราะความภาคภูมิใจในอดีตที่ทำให้พนักงานโกดัก ไม่คิดจะมองโลกความเป็นจริง ไม่มองในสิ่งที่เปลี่ยนไป ไม่รับฟังเสียงไม่รื่นหู กว่าจะยอมรับความเป็นจริงเหล่านั้นได้ก็สายไปเสียแล้ว
พี่ๆ อยากให้ Thai VI เติบโตขึ้นเรื่อยๆ หรือว่าอยากให้มันเป็นแค่ตำนานของนักลงทุนครับ
- tradtrae
- Verified User
- โพสต์: 247
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 136
เห็นพี่ๆ แสดงความเห็นหลากหลาย มีทั้งเก็บประวัติจริง มีทั้งเก็บค่าสมาชิก และมีทั้งเข้มงวดการโพสต์
ตกลงเราจะปิดกั้นไม่ให้คนนอกเห็นไส้เน่าๆ ที่ยังคงอยู่
หรือว่าเราจะล้างไส้เน่าๆ เพื่อให้เวป Thai VI เป็นเวปที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนตลอดไปครับ
ตกลงเราจะปิดกั้นไม่ให้คนนอกเห็นไส้เน่าๆ ที่ยังคงอยู่
หรือว่าเราจะล้างไส้เน่าๆ เพื่อให้เวป Thai VI เป็นเวปที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนตลอดไปครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1161
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 137
THAI VI ให้ความรู้เสมอเนื่องจาก
1. สังคมคุณภาพ
2. กฏระเบียบที่ดี
ถ้าต้องปรับปรุงก็ทำเถอะครับ..เป็นเรื่องดีที่ไม่ควรยึดติด...แต่ยังไงก็ต้องให้เครดิตกับ mod และคนที่ให้ความรู้โดยไม่หวังอะไรตอบแทน...ขอขอบคุณจากใจจริงนะครับ
1. สังคมคุณภาพ
2. กฏระเบียบที่ดี
ถ้าต้องปรับปรุงก็ทำเถอะครับ..เป็นเรื่องดีที่ไม่ควรยึดติด...แต่ยังไงก็ต้องให้เครดิตกับ mod และคนที่ให้ความรู้โดยไม่หวังอะไรตอบแทน...ขอขอบคุณจากใจจริงนะครับ
ไม่ควรลงทุนอะไร ถ้าไม่รู้สึกสบายใจในสิ่งนั้น
- tradtrae
- Verified User
- โพสต์: 247
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 138
ส่วนตัว เข้าใจมาตลอดว่า ท่าน ดร.นิเวศ เป็นที่ปรึกษาให้กับเวป Thai VI แห่งนี้
ถ้าเป็นผม ผมจะรวบรวมปัญหาของเรื่องที่เขามองว่าเวป Thai VI เข้าสู่ยุคเสื่อม นำไปปรึกษาท่าน ดร.
เพื่อขอคำแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหา
เชื่อว่า คำแนะนำของท่าน พวกเราผู้เดินตามรอยปราชญ์ คงไม่มีใครแย้งคำแนะนำของท่านหรอกครับ
แต่ถ้าท่าน ดร.นิเวศ ไม่ได้เป็นที่ปรึกษา ผมก็ขออภัยที่เอ่ยนามท่าน
ถ้าเป็นผม ผมจะรวบรวมปัญหาของเรื่องที่เขามองว่าเวป Thai VI เข้าสู่ยุคเสื่อม นำไปปรึกษาท่าน ดร.
เพื่อขอคำแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหา
เชื่อว่า คำแนะนำของท่าน พวกเราผู้เดินตามรอยปราชญ์ คงไม่มีใครแย้งคำแนะนำของท่านหรอกครับ
แต่ถ้าท่าน ดร.นิเวศ ไม่ได้เป็นที่ปรึกษา ผมก็ขออภัยที่เอ่ยนามท่าน
- satantuey
- Verified User
- โพสต์: 743
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 139
"แล้วมันจะผ่านไปเอง"
บางทียิ่งพูด...ยิ่งแสดงออก มันก็เหมือนราดน้ำมันลงบนกองไฟ
จากที่ไล่อ่าน ทั้งในเวป thaivi หรือจะเวป pantip ผมก็เห็นว่าคน"ส่วนใหญ่" เข้าใจนะครับ รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่เราคงห้ามให้ทุกคนคิดเหมือนกันหมดไม่ได้ บางทีคนที่เค้าเสียหายจากหุ้นตัวนี้ ก็เป็นธรรมดาที่จะโวย
ดังนั้น....ปล่อยผ่านไปดีกว่า.... Thaivi ไม่เสื่อมหรอก เดี๋ยวเวลามันก็เยียวยาทุกอย่าง
บางทียิ่งพูด...ยิ่งแสดงออก มันก็เหมือนราดน้ำมันลงบนกองไฟ
จากที่ไล่อ่าน ทั้งในเวป thaivi หรือจะเวป pantip ผมก็เห็นว่าคน"ส่วนใหญ่" เข้าใจนะครับ รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่เราคงห้ามให้ทุกคนคิดเหมือนกันหมดไม่ได้ บางทีคนที่เค้าเสียหายจากหุ้นตัวนี้ ก็เป็นธรรมดาที่จะโวย
ดังนั้น....ปล่อยผ่านไปดีกว่า.... Thaivi ไม่เสื่อมหรอก เดี๋ยวเวลามันก็เยียวยาทุกอย่าง
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 140
torpongpak เขียน:เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ยังไงก็ทำตามกฎของWebก็น่าจะโอเค โพสราคาเป้าหมายร่วมกับValuation Model...leky เขียน:การเชียร์หุ้นผมเองมองว่ามันก็เป็นเรื่องปกติที่ยากจะบอกว่ามันไม่มี มันน่าจะรับได้ถ้าการเชียร์นั้นมันไม่น่าเกลียดจนเกินไป เพราะทุกคนก็มีแนวโน้มจะเชียร์หรือชอบหุ้นที่ตัวเองซื้ออยู่แล้ว เพียงแต่จะเชียร์มากน้อยเท่านั้น ถ้าเราเป็นเซียนที่ถูกพาดพิงเราจะทำอย่างไร......
....ในเว็บหุ้นบางเว็บที่ผมเคยเจอ มีคนดังในเว็บโพสต์ชี้นำการเก็งกำไรหุ้นเป็นรายวันหรือรายครึ่งวัน มีการบอกข่าวดีที่บิดเบือน เป้าหมายราคาที่สูงผิดปกติ ผมกลับแปลกใจที่คนที่เป็นสมาชิกในเว็บนั้น กลับไม่ว่าอะไรทั้ง ๆ ที่บางครั้งก็ขาดทุนหรือติดดอย แต่กลับเรียกร้องอีกว่าวันนี้จะเล่นอะไรดี ทั้ง ๆ ที่ถ้าใช้เหตุผลพิจารณามันก็เป็นไปได้สูงที่คนโพสต์จะซื้อหุ้นไว้ก่อน แต่เพราะอะไรคนในเว็บนั้นกลับไม่ต่อว่า ผมว่าเพราะคนที่เข้าไปในเว็บนั้นเค้ายอมรับอยู่แล้วกับเรื่องแบบนี้ เค้ายอมรับการเก็งกำไรแบบนี้ครับ
เว็บ Thaivi ผมว่าเป็นแหล่งความรู้ที่ดี การทำหน้าที่ของ MOD ผมว่าก็เหมาะสมครับ ผมเองกลับรู้สึกไม่สบายใจครับ ที่เรื่องหุ้นตัวหนึ่งกับปัญหาเดิม ๆ ยังคงเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า การที่จะให้คนดูแลเว็บมาดูแลได้ทุกอย่างมันคงเป็นไปไม่ได้ครับ และการที่สมาชิกเข้ามา "เสพ" ข้อมูล ก็ต้องเข้าใจครับว่า คุณไม่เคยเห็นหน้าค่าตาคนโพสต์ คุณไม่รู้จักเค้าเป็นการส่วนตัว คุณควรจะเชื่อสิ่งที่เค้าโพสต์มากน้อยขนาดไหน อย่าลืมครับเว็บนี้เป็นเว็บเปิดกว้างใคร ๆ ก็เข้ามาโพสต์แสดงความคิดเห็นได้ บางทีมันก็เป็นไปได้ครับที่รายใหญ่เค้าจะเข้ามาอ่านว่ารายย่อยคิดยังไงกัน กรณีการโพสต์บิดเบือนราคาฟิล์มของหุ้น PTL มันก็คงเป็นบทเรียนให้กับใครหลาย ๆ คนมาแล้ว
ความเห็นจากคน ๆ หนึ่งครับ ไม่ได้เป็นเซียนอะไรกับเขาหรอกครับ และอยากให้ MOD อย่าท้อแท้ครับ
Hilight อันบน ภาพตลาดหุ้นเหมือนบ่อนเลยครับ หรือคล้ายๆเล่นหวยรายวัน
มีจริงครับแต่ไม่ขอบอกว่าเว็บไหนนะครับ ไม่อยากให้คนเข้าไปดู การแนะนำมักทำตอนช่วงปิดตลาด ทำให้บางครั้งราคาหุ้นเปิดในราคาที่สูง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นเล็ก ๆ บางตัวจุดติดก็ลากยาวไปถึงซิลลิ่งก็มี บางตัวจุดไม่ติดก็แค่เปิดสูงแล้ววิ่งไปอีกหน่อยก็ลง แต่เท่าที่สังเกตมักจะจุดไม่ค่อยติด คนโพสต์มักอ้างว่ารู้ข้อมูลอินไซด์โดยเฉพาะตอนจะประกาศงบการเงิน แต่เหมือนสมาชิกในนั้นเค้ายอมรับว่านี่คือการเล่นเก็งกำไรครับ
Hilight อันล่าง น่ากลัวจังครับเเล้วไม่มีใครโพสเเย้งข้อมูลที่บิดเบือนเหรอครับ
มีครับ ผมจำชื่อไม่ได้ แต่ต้องยกความดีความชอบให้ครับ คงต้องให้คนที่อยู่ในหุ้น PTL มาเล่า หรือเข้าไปดูช่วงที่ PTL ไหลลงมาที่ 20 กว่าบาทครับ การบิดเบือนข้อมูลตรงนี้ถูกตั้งข้อสงสัยจากสมาชิกในห้อง จนสุดท้ายถ้าจำไม่ผิดเจ้าตัวก็ยอมรับแล้วหายไปเลยครับ
เเต่สุดท้ายมีสิ่งที่จะติดตามคนเหล่านั้นคือ "กรรม" ครับ มันลบกันไม่ได้หรอก ได้เงินไปก็ต้องมีที่ให้เสียเงิน...
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 142
อยากฝากถึง MOD ในประเด็น dislike 3 ครั้งแล้วกระทู้จะถูกลบครับ ผมว่ามันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย จริง ๆ ถ้าโดนมากกว่า 3 ครั้งแล้วการโพสต์นั้นไม่เหมาะสม คะแนนติดลบมันก็จะสื่อไปถึงคนโพสต์อยู่แล้วครับ ผมมองในอีกจุดหนึ่งกว่ามันก็มีความเป็นไปได้นะครับ ถ้าเราเกิดไปมองหุ้นตัวนั้นในด้านลบ ในขณะที่คนส่วนใหญ่มองในด้านบวก อาจทำให้คนไม่ถูกใจ dislike มากกว่า 3 ครั้ง ยิ่งห้องไหนสมาชิกเยอะ ๆ นี่แค่ 3 ก็ไม่ยากครับtradtrae เขียน:ผมหยุดโพสท์มานาน เพราะเคยเหยียบตาปลาพี่ท่านนึงในร้อยหุ้นฯ
ในครั้งนั้น ผมเห็นว่า พี่ท่านนั้น เขียนเชียร์หุ้นตัวนี้มากเหลือเกิน พอไม่มีข่าวอะไร พี่เขาก็โพสท์เรื่องไร้สาระ เข้าไป ทำให้ดูเหมือนกับหุ้นตัวนี้มีข่าวเคลื่อนไหว
ผมกระตุกไป กลายเป็นโดนรุมจากเหล่าสาวกที่ไม่มองสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยึดติดอยู่ที่ พี่เขาคือคนของข้า ใครอย่าแตะ
อยากให้พิจารณาครับว่า นี่คือ จุดเสื่อมเล็กๆ จุดนึงของ Thai VI หรือไม่
"Become a risk taker, not a risk maker"
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 143
จะไปถือสาหาสาระอะไรกับเว็บนั้น
ทำตัวเราให้ดีก็พอครับ:)
ทำตัวเราให้ดีก็พอครับ:)
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 298
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 144
ไปเที่ยวเขาใหญ่กลับมา ในเวปมีเรื่องราวให้โตเลยนะครับ ขอเป็นกำลังใจให้พี่picatos ที่ให้ความรู้วิธีการลงทุนแบบไม่มีกั๊กครับ ผมที่เป็นคนๆหนึ่งที่กำลังเดินทางตามแนวทางของvi เมื่อได้ยินคำพูดในแง่ลบก็จะอธิบายให้คนที่เขาเข้าใจผิด ให้เขาได้เข้าใจว่าการลงทุนแนวvi คือ การลงทุนโดยใช้ปัจจัยพื้นฐานในการคำนวนมูลค่าหุ้น ซื้อเมื่อถูก และขายเมื่อแพง แล้วเขาก็ถามว่าจะรู้ได้ยังไงว่า เมื่อไรถูก เมื่อไรแพง ผมก็บอกเขาว่าก็ศึกษาหาความรู้สิ อ่านหนังสือเยอะๆ แล้วจะรู้ว่าถูกเมื่อไร แพงเมื่อไร แล้วผมก็บอกไปอีกว่าผมรักเวปthaivi
อย่า...วัดความลึกของแม่น้ำด้วยขาทั้ง2ข้าง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 380
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 145
อ่านมาคร่าว ๆ
ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้กับทีมงาน web thaivi ทุกท่าน ทั้งในอดีต จนถึงปัจจุบันครับ ผมทราบดีว่าทุกท่านกำลังทำประโยชน์ให้กับสังคมการลงทุนของเรา และสร้างประโยชน์ให้กับคนอีกหลาย ๆ คนให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการลงทุนครับ ทุกท่านทำสิ่งที่ดี ๆ อยู่แล้ว มีคนเห็นอีกเยอะครับ ว่ามันเป็นสิ่งที่ดี บางครั้งอาจจะไม่ได้ออกมาพูดมากเท่าไหร่
ขอบคุณทีมงานทุกคนครับ
ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้กับทีมงาน web thaivi ทุกท่าน ทั้งในอดีต จนถึงปัจจุบันครับ ผมทราบดีว่าทุกท่านกำลังทำประโยชน์ให้กับสังคมการลงทุนของเรา และสร้างประโยชน์ให้กับคนอีกหลาย ๆ คนให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการลงทุนครับ ทุกท่านทำสิ่งที่ดี ๆ อยู่แล้ว มีคนเห็นอีกเยอะครับ ว่ามันเป็นสิ่งที่ดี บางครั้งอาจจะไม่ได้ออกมาพูดมากเท่าไหร่
ขอบคุณทีมงานทุกคนครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 146
ผมว่าทุกอย่างอยู่ที่ตัวเอง ผมไม่เคยซื้อหุ้นตามเซียนเลย
เพราะผมไม่เข้าใจบริษัท
thaivi เป็นเเหล่งรวบรวมข้อมูล
เเต่การที่จะเอาข้อมูลมาวิเคราะห์เป็นราคา อยู่ที่เเต่ละบุคคล
ซื้อหรือเปล่า ก็อยู่ที่ตัวบุคคล
จะเป็นเหยื่อเซียนหรือเปล่า ก็อยู่ที่ตัวเรา
เพราะผมไม่เข้าใจบริษัท
thaivi เป็นเเหล่งรวบรวมข้อมูล
เเต่การที่จะเอาข้อมูลมาวิเคราะห์เป็นราคา อยู่ที่เเต่ละบุคคล
ซื้อหรือเปล่า ก็อยู่ที่ตัวบุคคล
จะเป็นเหยื่อเซียนหรือเปล่า ก็อยู่ที่ตัวเรา
สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ เเละดับไปในที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 46
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 103
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 148
สำหรับผมแล้วthaivi มีคุณค่าสำหรับผมมาก รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ สำหรับคนที่มองว่าthaiviเสื่อม อาจเป็นเพราะว่า
เขาไม่รู้จักthaivi เพียงพอ เขาไม่รู้ว่าชุมชนนี้มันหลากหลายความคิด หลากหลายผู้คนที่มีโลภะ โทสะ โมหะ ต่างกันไป แต่หากมองให้ดี ในความหลากหลายนั้นมันก็เป็นสิ่งสวยงามและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้ ขอให้กำลังใจกับผู้จัดทำเว๊ปthaivi ทุกท่าน ครับ
เขาไม่รู้จักthaivi เพียงพอ เขาไม่รู้ว่าชุมชนนี้มันหลากหลายความคิด หลากหลายผู้คนที่มีโลภะ โทสะ โมหะ ต่างกันไป แต่หากมองให้ดี ในความหลากหลายนั้นมันก็เป็นสิ่งสวยงามและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้ ขอให้กำลังใจกับผู้จัดทำเว๊ปthaivi ทุกท่าน ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กระทู้ในพันทิพย์ "ไทวิเสื่อม"
โพสต์ที่ 149
ตอนเราทำกิจกรรมพบปะสังสรรค์ มันมีการเชียร์หุ้นบางตัวจนออกนอกหน้าหรือไม่
ตอนเราไป company visit บางบริษัท มีใครแจก paper บริษัทที่ตนเองแอบเก็บมาไว้ พร้อมบอกเป้าหมายเป็น 10 เท่าหรือไม่
ตอน web โดน กลต. สอบสวน
คนที่ทำให้เกิดประเด็นต่างๆ ต้องมารับผิดชอบหรือไม่
หรือคนที่โดนเรียกรับผิดชอบ เป็นเพียงคนดีๆที่ก่อตั้ง web แต่ไม่ได้เข้ามาหาประโยชน์กับรายย่อย + แมงเม่า
เวลาที่มีการปั่นหุ้นก่อนหน้านี้ใน web หลายๆปี
เราเรียกบุคคลที่ปั่นหุ้นโดยใช้ข้อมูลพื้นฐาน มาปั่นว่า เซียน
คนที่ไม่รู้อะไรก็เชื่อตามเค้า
ถ้าเรายึดหลัก กาลามสูตร เราคงไม่เชื่อตามอย่างไร้สติ
ถ้า web มีประโยชน์ web ก็คงมีคนนิยมเข้าต่อไป
ในสังคม มีทั้งคน ดี และไม่ดี
เราควรสนับสนุนคนดี ให้มีกำลังใจในการทำงานของเค้า
และเราควรรักษากฏเกณฑ์ เพื่อทำให้คนไม่ดี ได้รับรู้บ้างว่า
เวลาเค้าทำอะไรไม่ไดี เค้าต้องรับความผิดนั้นบ้าง
ทำอะไรก็ได้ตามนั้นครับ
ตอนเราไป company visit บางบริษัท มีใครแจก paper บริษัทที่ตนเองแอบเก็บมาไว้ พร้อมบอกเป้าหมายเป็น 10 เท่าหรือไม่
ตอน web โดน กลต. สอบสวน
คนที่ทำให้เกิดประเด็นต่างๆ ต้องมารับผิดชอบหรือไม่
หรือคนที่โดนเรียกรับผิดชอบ เป็นเพียงคนดีๆที่ก่อตั้ง web แต่ไม่ได้เข้ามาหาประโยชน์กับรายย่อย + แมงเม่า
เวลาที่มีการปั่นหุ้นก่อนหน้านี้ใน web หลายๆปี
เราเรียกบุคคลที่ปั่นหุ้นโดยใช้ข้อมูลพื้นฐาน มาปั่นว่า เซียน
คนที่ไม่รู้อะไรก็เชื่อตามเค้า
ถ้าเรายึดหลัก กาลามสูตร เราคงไม่เชื่อตามอย่างไร้สติ
ถ้า web มีประโยชน์ web ก็คงมีคนนิยมเข้าต่อไป
ในสังคม มีทั้งคน ดี และไม่ดี
เราควรสนับสนุนคนดี ให้มีกำลังใจในการทำงานของเค้า
และเราควรรักษากฏเกณฑ์ เพื่อทำให้คนไม่ดี ได้รับรู้บ้างว่า
เวลาเค้าทำอะไรไม่ไดี เค้าต้องรับความผิดนั้นบ้าง
ทำอะไรก็ได้ตามนั้นครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ