การใช้ Margin
- green-orange
- Verified User
- โพสต์: 896
- ผู้ติดตาม: 0
การใช้ Margin
โพสต์ที่ 1
ขอความรู้เกี่ยวกับการใช้ margin หน่อยครับ
คืออยากทราบว่า ถ้าเราเปิดพอร์ทโดยการโอนหุ้น A ไปค้ำที่พอร์ท margin 1 หุ้นมูลค่า 100 บาท แล้วเราก็ใช้ margin ซื้อหุ้น B 10 บาท คำถามคือ เค้าจะบังคับขายตอนไหนครับ
1 บังคับขายตามมูลค่าพอร์ทโดยรวม (A+B) ที่ลดลงถึงกำหนดของทางโบรก
หรือ
2 บังคับขายตามมูลค่าของหุ้น B ที่ลดลงมาถึงกำหนดของทางโบรก
ขอบคุณครับ
คืออยากทราบว่า ถ้าเราเปิดพอร์ทโดยการโอนหุ้น A ไปค้ำที่พอร์ท margin 1 หุ้นมูลค่า 100 บาท แล้วเราก็ใช้ margin ซื้อหุ้น B 10 บาท คำถามคือ เค้าจะบังคับขายตอนไหนครับ
1 บังคับขายตามมูลค่าพอร์ทโดยรวม (A+B) ที่ลดลงถึงกำหนดของทางโบรก
หรือ
2 บังคับขายตามมูลค่าของหุ้น B ที่ลดลงมาถึงกำหนดของทางโบรก
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การใช้ Margin
โพสต์ที่ 2
น่าจะข้อ2 มั้งครับgreen-orange เขียน:ขอความรู้เกี่ยวกับการใช้ margin หน่อยครับ
คืออยากทราบว่า ถ้าเราเปิดพอร์ทโดยการโอนหุ้น A ไปค้ำที่พอร์ท margin 1 หุ้นมูลค่า 100 บาท แล้วเราก็ใช้ margin ซื้อหุ้น B 10 บาท คำถามคือ เค้าจะบังคับขายตอนไหนครับ
1 บังคับขายตามมูลค่าพอร์ทโดยรวม (A+B) ที่ลดลงถึงกำหนดของทางโบรก
หรือ
2 บังคับขายตามมูลค่าของหุ้น B ที่ลดลงมาถึงกำหนดของทางโบรก
ขอบคุณครับ
- tritara
- Verified User
- โพสต์: 386
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การใช้ Margin
โพสต์ที่ 3
รู้สึกว่าเค้าจะคิดจากมูลค่าส่วนของทุนครับ
มีหุ้น A 100 บาท หุ้น B 10 บาท
ณ วันที่เราซื้อ ทุนคือ 100 บาท หนี้สิน 10 บาท
สมมติวันถัดมา หุ้นตก หุ้น A เหลือ 80 บาท หุ้น B เหลือ 9 บาท
ทรัพย์สินย์จะเหลือ 89 บาท เกิดจากทุน 79 บาท ส่วนหนี้สินยัง 10 บาทเท่าเดิม
ทีนี้เค้าก็จะกำหนดว่าห้ามส่วนของทุนต่ำกว่ากี่ % ก็ว่าไป ปกติในโปรแกรมที่ผมใช้เค้าจะบอกไว้อะครับ ว่าถ้า equity เหลือเท่าไหร่จะโดน Call เหลือเท่าไหร่จะโดน Force
ผมตอบเท่าที่ผมรู้นะครับ คิดว่าน่าจะประมาณนี้
แต่สำคัญที่สุดของคนที่จะใช้มาร์จิ้นในความคิดของผมคือ ต้องรู้จักการ stop lose ครับ ถ้าโดน Force เมื่อไหร่เป็นอันจบเกม โอกาสจะกลับมาเหมือนเดิมนั้นยากมากครับ
มีหุ้น A 100 บาท หุ้น B 10 บาท
ณ วันที่เราซื้อ ทุนคือ 100 บาท หนี้สิน 10 บาท
สมมติวันถัดมา หุ้นตก หุ้น A เหลือ 80 บาท หุ้น B เหลือ 9 บาท
ทรัพย์สินย์จะเหลือ 89 บาท เกิดจากทุน 79 บาท ส่วนหนี้สินยัง 10 บาทเท่าเดิม
ทีนี้เค้าก็จะกำหนดว่าห้ามส่วนของทุนต่ำกว่ากี่ % ก็ว่าไป ปกติในโปรแกรมที่ผมใช้เค้าจะบอกไว้อะครับ ว่าถ้า equity เหลือเท่าไหร่จะโดน Call เหลือเท่าไหร่จะโดน Force
ผมตอบเท่าที่ผมรู้นะครับ คิดว่าน่าจะประมาณนี้
แต่สำคัญที่สุดของคนที่จะใช้มาร์จิ้นในความคิดของผมคือ ต้องรู้จักการ stop lose ครับ ถ้าโดน Force เมื่อไหร่เป็นอันจบเกม โอกาสจะกลับมาเหมือนเดิมนั้นยากมากครับ
~เกรียนหุ้นตัวจริง~
-
- Verified User
- โพสต์: 189
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การใช้ Margin
โพสต์ที่ 5
มันมีสูตรซับซ้อนมากกว่านั้นอ่ะครับ
เพราะหุ้นแต่ละตัวสามารถเล่น margin ได้ไม่เท่ากัน
เช่น PTT ได้ 50% คุณมี 100บาท ซื้อหุ้นได้ 200บาท
เมื่อมูลค่ามันต่ำลงเกือบๆ 50% คุณก็จะโดน force
พูดง่ายๆว่าเมื่อขายแล้วเอาเงินไปใช้หนี้จะแทบไม่เหลือเงินสด
กลับมาคืนคุณ (หมดตัว) เมื่อไหร่นั่นแหละเขาก็จะบังคับขาย
เพื่อให้แน่ใจว่าโบรกฯจะไม่ขาดทุนคุณ
ส่วนดอกเบี้ยนั้นจะคิดเป็นรายเดือนเพิ่มยอดเข้าไปในบัญชีนั่นแหละครับ
ไม่ต้องไปจ่ายอะไรเขา
หุ้นบางตัวก็ไม่รับ margin บางตัวก็รับแต่อัตราน้อย
เอาง่ายๆว่าหุ้นยอดนิยมมักจะรับที่ 50% ครับ
เพราะหุ้นแต่ละตัวสามารถเล่น margin ได้ไม่เท่ากัน
เช่น PTT ได้ 50% คุณมี 100บาท ซื้อหุ้นได้ 200บาท
เมื่อมูลค่ามันต่ำลงเกือบๆ 50% คุณก็จะโดน force
พูดง่ายๆว่าเมื่อขายแล้วเอาเงินไปใช้หนี้จะแทบไม่เหลือเงินสด
กลับมาคืนคุณ (หมดตัว) เมื่อไหร่นั่นแหละเขาก็จะบังคับขาย
เพื่อให้แน่ใจว่าโบรกฯจะไม่ขาดทุนคุณ
ส่วนดอกเบี้ยนั้นจะคิดเป็นรายเดือนเพิ่มยอดเข้าไปในบัญชีนั่นแหละครับ
ไม่ต้องไปจ่ายอะไรเขา
หุ้นบางตัวก็ไม่รับ margin บางตัวก็รับแต่อัตราน้อย
เอาง่ายๆว่าหุ้นยอดนิยมมักจะรับที่ 50% ครับ
- green-orange
- Verified User
- โพสต์: 896
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การใช้ Margin
โพสต์ที่ 6
ขอบคุณ K.Tritara มากครับ ได้ความกระจ่างขี้นมากเลย ผมไม่เคยเล่นมาร์จิ้นเลยครับ เลยอยากจะศึกษาไว้หน่อยครับtritara เขียน:รู้สึกว่าเค้าจะคิดจากมูลค่าส่วนของทุนครับ
มีหุ้น A 100 บาท หุ้น B 10 บาท
ณ วันที่เราซื้อ ทุนคือ 100 บาท หนี้สิน 10 บาท
สมมติวันถัดมา หุ้นตก หุ้น A เหลือ 80 บาท หุ้น B เหลือ 9 บาท
ทรัพย์สินย์จะเหลือ 89 บาท เกิดจากทุน 79 บาท ส่วนหนี้สินยัง 10 บาทเท่าเดิม
ทีนี้เค้าก็จะกำหนดว่าห้ามส่วนของทุนต่ำกว่ากี่ % ก็ว่าไป ปกติในโปรแกรมที่ผมใช้เค้าจะบอกไว้อะครับ ว่าถ้า equity เหลือเท่าไหร่จะโดน Call เหลือเท่าไหร่จะโดน Force
ผมตอบเท่าที่ผมรู้นะครับ คิดว่าน่าจะประมาณนี้
แต่สำคัญที่สุดของคนที่จะใช้มาร์จิ้นในความคิดของผมคือ ต้องรู้จักการ stop lose ครับ ถ้าโดน Force เมื่อไหร่เป็นอันจบเกม โอกาสจะกลับมาเหมือนเดิมนั้นยากมากครับ
- green-orange
- Verified User
- โพสต์: 896
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การใช้ Margin
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณ K.Tamจัง มากเหมือนกันครับ เพิ่งรู้ว่าหุ้นแต่ละตัวใช้มาร์จิ้นได้ไม่เท่ากัน แล้วไม่ทราบว่าเราต้องจ่ายดอกเค้าเมื่อไหร่ครับ ตอนเลิกใช้จิ้นเหรอครับค่อยหักยอดทีเดียวTamจัง เขียน:มันมีสูตรซับซ้อนมากกว่านั้นอ่ะครับ
เพราะหุ้นแต่ละตัวสามารถเล่น margin ได้ไม่เท่ากัน
เช่น PTT ได้ 50% คุณมี 100บาท ซื้อหุ้นได้ 200บาท
เมื่อมูลค่ามันต่ำลงเกือบๆ 50% คุณก็จะโดน force
พูดง่ายๆว่าเมื่อขายแล้วเอาเงินไปใช้หนี้จะแทบไม่เหลือเงินสด
กลับมาคืนคุณ (หมดตัว) เมื่อไหร่นั่นแหละเขาก็จะบังคับขาย
เพื่อให้แน่ใจว่าโบรกฯจะไม่ขาดทุนคุณ
ส่วนดอกเบี้ยนั้นจะคิดเป็นรายเดือนเพิ่มยอดเข้าไปในบัญชีนั่นแหละครับ
ไม่ต้องไปจ่ายอะไรเขา
หุ้นบางตัวก็ไม่รับ margin บางตัวก็รับแต่อัตราน้อย
เอาง่ายๆว่าหุ้นยอดนิยมมักจะรับที่ 50% ครับ
- green-orange
- Verified User
- โพสต์: 896
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การใช้ Margin
โพสต์ที่ 9
ตอนนี้ผมเริ่มคิดว่าการใช้มาร์จิ้นนั้นก็มีประโยชน์นะครับ แต่ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขดังนี้ครับchootana เขียน:คุณวิชาญสงสัยต้องเปิดอบรมการใช้ margin (ล้อเล่นน่ะครับ)
1 ควรใช้เมื่อไหร่
2 ใช้อย่างไร (หมายถึงว่าต้องเข้าใจเงื่อนไขและวิธีการของโบรกที่จะ call หรือ force เรา)
3 ประเภทหุ้นที่เราควรจะใช้จิ้นครับ
4 จำนวนเหมาะสมที่จะใช้จิ้นครับ
จากเงื่อนไขข้อ 2 ตอนนี้ผมยังเข้าใจไม่หมด คือ ผมสงสัยต่อว่า
1 โบรกจาก call หรือ force เราจากส่วนทุนที่เป็นต้วค้ำประกันอย่างเดียวตามที่คุณ Tritara อธิบายจริงหรือไม่ (หุ้น A)
2 แล้วมีเงื่อนไขอะไรอย่างอื่นเพิ่มเติมเกี่ยวกับส่วนหนี้สินหรือไม่ (หุ้น B)
3 ผมจะหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากไหน เคยสอบถามมาร์แล้ว แต่เค้าไม่รู้เรื่อง ท่านผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 23
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การใช้ Margin
โพสต์ที่ 11
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?t=26516
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?t=24312
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?t=22149
กระทู้เก่าๆเรื่องการใช้มาร์จิ้นครับ อาจจะพอมีประโยชน์บ้าง
คุณfantasia บอกวิธีคิดไว้ได้ละเอียดดีครับ
เข้าใจว่าใช้หุ้นค้ำกับใช้เงินสดก็ใช้วิธีคิดแบบเดียวกัน หุ้นที่ใช้ค้ำเป็นหลักประกันต้องเป็นหุ้นในSET50
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?t=24312
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?t=22149
กระทู้เก่าๆเรื่องการใช้มาร์จิ้นครับ อาจจะพอมีประโยชน์บ้าง
คุณfantasia บอกวิธีคิดไว้ได้ละเอียดดีครับ
เข้าใจว่าใช้หุ้นค้ำกับใช้เงินสดก็ใช้วิธีคิดแบบเดียวกัน หุ้นที่ใช้ค้ำเป็นหลักประกันต้องเป็นหุ้นในSET50
- green-orange
- Verified User
- โพสต์: 896
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การใช้ Margin
โพสต์ที่ 12
ขอบคุณมากครับ ได้ประโยชน์มากทีเดียวครับcrash เขียน:http://board.thaivi.org/viewtopic.php?t=26516
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?t=24312
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?t=22149
กระทู้เก่าๆเรื่องการใช้มาร์จิ้นครับ อาจจะพอมีประโยชน์บ้าง
คุณfantasia บอกวิธีคิดไว้ได้ละเอียดดีครับ
เข้าใจว่าใช้หุ้นค้ำกับใช้เงินสดก็ใช้วิธีคิดแบบเดียวกัน หุ้นที่ใช้ค้ำเป็นหลักประกันต้องเป็นหุ้นในSET50
-
- Verified User
- โพสต์: 23
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การใช้ Margin
โพสต์ที่ 14
++ทำไมหลังๆมานี้คนถามผมเรื่อง Margin กันเยอะจังท่าทางนี่จะเป็น Indicator ตัวหนึ่งที่สะท้อนถึงความร้อนแรงของตลาดเหมือนกันนะเนี่ย .. ไม่ว่าใครมาปรึกษาผม ผมก็จะแนะนำไปว่าไม่ควรเล่น Margin หรอกครับ ถ้าประสบการณ์ในการลงทุนยังต่ำไป (ต่ำในที่นี้คือต่ำกว่า 5 ปีและยังไม่เคยผ่านวิกฤต) ผมเองเกือบหมดตัวเพราะ Margin เหมือนกันนะครับ พอดีว่าตัดใจได้ เลยขายหุ้นช่วงขาลงเพื่อลดหนี้ .. เกือบเอาตัวไม่รอด
ความเสี่ยงของ Margin มันมีมากกว่าที่คนทั่วไปรู้กันอยู่เยอะมาก เช่น- สภาพคล่องของหุ้นในช่วงขาลงนั้นมันแย่มากๆ ทำให้เราขายหุ้นยาก แต่จะไม่ขายก็ลำบากเพราะหุ้นมันลงเรื่อยๆ ไม่ขายก่อน ก็อาจจะโดนโบรกบังคับขายได้ แต่พอจะขายจริงๆก็ทำใจลำบาก เพราะหุ้นไม่มีคนซื้อ ยิ่งเราขายเท่าไหร่หุ้นมันก็ยิ่งลงหนักเท่านั้น ยิ่งหุ้นลงโบรกก็จะยิ่งบังคับขายต่อไปเรื่อยๆ... แล้วระหว่างที่เราขายๆอยู่ทำให้หุ้นลงเยอะ บางทีมันจะไปทำให้คนอื่นที่ใช้ Margin ในหุ้นที่เราเล่นนั้นโดนบังคับขายอีก หุ้นมันก็ยิ่งลงหนัก ยิ่งลงเราก็ต้องยิ่งขายอีก.... เป็นวงเวียนที่อันตรายมากๆ เพราะมันขัดกับหลังการ vi อย่างยิ่ง เพราะ vi นี่ถ้าหุ้นลงแล้วพื้นฐานไม่เปลี่ยนเราต้องซื้อเพิ่ม แต่นี้เราต้องทำกลับกัน หุ้นยิ่งลงก็ต้องยิ่งขาย เละครับเละ- หุ้นที่เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน บางทีโบรกเค้าก็ถอดออกได้ดื้อๆนะครับ ถ้าเราถือหุ้นตัวนั้นเป็นจำนวนเยอะของ port ... พอเค้าเอาออก จากที่เรามีมูลค่าสินทรัพย์ค้ำประกันอยู่สูงๆ ก็อาจจะลดลงจะโดน Force sell ได้อีก ... ผมยังไม่เคยโดน เพราะหุ้นที่เค้าเอาออกนั้นผมถืออยู่ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่มีเพือนผมโดนกัน.. บ่นกันยิกเลย
- บางทีหุ้นดีๆ ราคาถูก ราคาก็ไหลลงได้โดนไม่ต้องมีเหตุผล ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับ port เรามากเหมือนกัน
- เวลาให้ Margin แล้วได้กำไรความโลภมันจะครอบงำ จากที่เราเคยตั้งใจว่าจะใช้จำนวนไม่เยอะ เราก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วใช้เยอะขึ้นเรื่อยๆ จนความเสี่ยงสูงขึ้นๆ สุดท้ายก็อาจจะซวยได้เมื่อหุ้นลง.. ผมมีเพื่อนเหมือนกัน บอกว่าตั้งใจจะใช้แค่นิดเดียวไม่เกิน 10-15% .... ไม่ทันไรก็ใช้ 20 30 40% ด้วยความโลภมันครอบงำ
- การใช้ Margin นี่เป็นการขยายโอกาสขาขึ้น ในขณะเดียวกันก็ขยายโอกาสขาลงเช่นกัน คนจะเริ่มใช้ Margin มักจะมองในมุมกำไรอย่างเดียว และส่วนใหญ่มักจะใช้หลังจากมีความมั่นใจในการลงทุนพอสมควร (หลังจากกำไรมาพอสมควร) ซึ่งในขณะที่คนส่วนใหญ่มีความมั่นใจ หุ้นก็มักจะขึ้นมาพอสมควรแล้ว สุดท้ายเค้าก็จะใช้ Margin ในช่วงที่หุ้นนั้นเริ่มมีราคาแพงขึ้นๆ ความเสียงก็เพิ่มขึ้นๆ แบบนี้เจ๊งง่ายครับไม่แนะนำ... แต่ถ้าเกิดใครมาถามผมเรื่อง Margin ในช่วงต้นปี 52 นี่ก็อีกเรื่องนึง ตอนนั้นมีแต่คนกลัว ราคาหุ้นก็ต่ำ หุ้นถูกเพียบ.. ผมว่าแบบนั้นมากกว่าที่เหมาะในการใช้ Margin ... ในภาวะแบบนี้ที่หาหุ้นราคาถูกๆแบบปีที่แล้วยากขึ้น ผมก็ลด Margin มาพอสมควรแล้ว คาดว่าอีกไม่นานนี้ Margin ผมก็จะหมดแล้วเหลือเงินสดนิดหน่อยด้วยซ้ำ รอจังหวะให้หาหุ้นถูกๆได้ก่อนแล้วค่อยมาพิจารณาใช้ใหม่
ผู้เขียน คุณYOYO http://www.yoyoway.com/ วันที่ SATURDAY, JANUARY 16, 2010
ความเสี่ยงของ Margin มันมีมากกว่าที่คนทั่วไปรู้กันอยู่เยอะมาก เช่น- สภาพคล่องของหุ้นในช่วงขาลงนั้นมันแย่มากๆ ทำให้เราขายหุ้นยาก แต่จะไม่ขายก็ลำบากเพราะหุ้นมันลงเรื่อยๆ ไม่ขายก่อน ก็อาจจะโดนโบรกบังคับขายได้ แต่พอจะขายจริงๆก็ทำใจลำบาก เพราะหุ้นไม่มีคนซื้อ ยิ่งเราขายเท่าไหร่หุ้นมันก็ยิ่งลงหนักเท่านั้น ยิ่งหุ้นลงโบรกก็จะยิ่งบังคับขายต่อไปเรื่อยๆ... แล้วระหว่างที่เราขายๆอยู่ทำให้หุ้นลงเยอะ บางทีมันจะไปทำให้คนอื่นที่ใช้ Margin ในหุ้นที่เราเล่นนั้นโดนบังคับขายอีก หุ้นมันก็ยิ่งลงหนัก ยิ่งลงเราก็ต้องยิ่งขายอีก.... เป็นวงเวียนที่อันตรายมากๆ เพราะมันขัดกับหลังการ vi อย่างยิ่ง เพราะ vi นี่ถ้าหุ้นลงแล้วพื้นฐานไม่เปลี่ยนเราต้องซื้อเพิ่ม แต่นี้เราต้องทำกลับกัน หุ้นยิ่งลงก็ต้องยิ่งขาย เละครับเละ- หุ้นที่เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน บางทีโบรกเค้าก็ถอดออกได้ดื้อๆนะครับ ถ้าเราถือหุ้นตัวนั้นเป็นจำนวนเยอะของ port ... พอเค้าเอาออก จากที่เรามีมูลค่าสินทรัพย์ค้ำประกันอยู่สูงๆ ก็อาจจะลดลงจะโดน Force sell ได้อีก ... ผมยังไม่เคยโดน เพราะหุ้นที่เค้าเอาออกนั้นผมถืออยู่ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่มีเพือนผมโดนกัน.. บ่นกันยิกเลย
- บางทีหุ้นดีๆ ราคาถูก ราคาก็ไหลลงได้โดนไม่ต้องมีเหตุผล ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับ port เรามากเหมือนกัน
- เวลาให้ Margin แล้วได้กำไรความโลภมันจะครอบงำ จากที่เราเคยตั้งใจว่าจะใช้จำนวนไม่เยอะ เราก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วใช้เยอะขึ้นเรื่อยๆ จนความเสี่ยงสูงขึ้นๆ สุดท้ายก็อาจจะซวยได้เมื่อหุ้นลง.. ผมมีเพื่อนเหมือนกัน บอกว่าตั้งใจจะใช้แค่นิดเดียวไม่เกิน 10-15% .... ไม่ทันไรก็ใช้ 20 30 40% ด้วยความโลภมันครอบงำ
- การใช้ Margin นี่เป็นการขยายโอกาสขาขึ้น ในขณะเดียวกันก็ขยายโอกาสขาลงเช่นกัน คนจะเริ่มใช้ Margin มักจะมองในมุมกำไรอย่างเดียว และส่วนใหญ่มักจะใช้หลังจากมีความมั่นใจในการลงทุนพอสมควร (หลังจากกำไรมาพอสมควร) ซึ่งในขณะที่คนส่วนใหญ่มีความมั่นใจ หุ้นก็มักจะขึ้นมาพอสมควรแล้ว สุดท้ายเค้าก็จะใช้ Margin ในช่วงที่หุ้นนั้นเริ่มมีราคาแพงขึ้นๆ ความเสียงก็เพิ่มขึ้นๆ แบบนี้เจ๊งง่ายครับไม่แนะนำ... แต่ถ้าเกิดใครมาถามผมเรื่อง Margin ในช่วงต้นปี 52 นี่ก็อีกเรื่องนึง ตอนนั้นมีแต่คนกลัว ราคาหุ้นก็ต่ำ หุ้นถูกเพียบ.. ผมว่าแบบนั้นมากกว่าที่เหมาะในการใช้ Margin ... ในภาวะแบบนี้ที่หาหุ้นราคาถูกๆแบบปีที่แล้วยากขึ้น ผมก็ลด Margin มาพอสมควรแล้ว คาดว่าอีกไม่นานนี้ Margin ผมก็จะหมดแล้วเหลือเงินสดนิดหน่อยด้วยซ้ำ รอจังหวะให้หาหุ้นถูกๆได้ก่อนแล้วค่อยมาพิจารณาใช้ใหม่
ผู้เขียน คุณYOYO http://www.yoyoway.com/ วันที่ SATURDAY, JANUARY 16, 2010