ถ้า recession มาจริง พวก vi จะทำอย่างไร

[Jeng]

ช่วงนี้รู้สึก มีข่าว recession มาเรื่อยๆ

เราควรอยู่เฉยๆ หรือวางแผนปรับตัว กรณีเกิด recession

หรือ มีอะไรเป็นดัชนีชี้วัดที่สำคัญ

ที่จะทำให้นักลงทุนป้องกันตัวได้ กรณีเกิด recession จริงๆ

[Jeng]

สำหรับผม ผมแบ่งเงินเป็น 2 พอร์ท

1. พอร์ท vi

2. พอร์ท เก็งกำไร

พอร์ท vi ถือ ที่ผ่านมาแดง 100 จุด ก็ถือ และเตรียมรับปันผล

ส่วนพอร์ทเก็งกำไร ก็รอซื้อตัวที่ มี mos สูงๆ ตอนที่ราคาลงมาต่ำๆ

เพราะผมยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจเมืองไทยดี และรัฐบาลก็มีนโยบายที่ดี

สรุปว่าปีหน้าดี แต่ ตอนนี้

หมดข่าวดี เพราะ ประกาศผลประกอบการณ์ไปแล้ว

และน้ำมัน อยู่แถวๆ 80 เหรียญนี่

ถ้า เศรษฐกิจโลกไม่ดี แล้วน้ำมันลงต่อ ผมก็เดาต่อว่า ptt และกลุ่มก็ลงไปด้วย

เคยเจอตอน 145 ลงมา 35

ซึ่งหุ้นนี่ก็ประหลาดจริงๆ บริษัทที่เราถือไม่เกี่ยวกับ ptt เลย แต่พอ ptt และกลุ่มลง

ดัชนีดันลง ผลคือ หุ้นเราลงไปด้วย

ผมไม่ได้คาดการณ์ว่า จะต้องลงแน่นอนนะครับ

เพียงแต่ ติดตาม และหาแนวทางปฎิบัติว่า ถ้าลงมา จะเล่นอย่างไร ถ้าขึ้น จะเล่นอย่างไรแค่นั้นเองครับ

ถ้าหุ้นขึ้นไปเลย พอร์ท vi ก็ happy

ถ้าหุ้นลง พอร์ท เก็งกำไร ก็น่าจะได้ซื้อหุ้นดีๆ ราคาถูกๆ ทีเล็งมานาน

[ศิษย์เซียน007]

พอร์ทเก็งกำไรเชิญมาทางนี้หน่อยคับ



http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 59330.html

[densin]

แผนที่พอจะทำกำไรได้ แล้วแต่ความถนัดแต่ละคน

1. แผนSap ขายก่อนรอซื้อใหม่ แต่ต้องซื้อกลับให้ต่ำกว่าทัน
2. แผนหนีความจริง ถือหุ้นทิ้งไว้ถ้าคิดว่าบริษัทน่าถือ แล้วกลับไปทำมาหากิน ไม่ดูพอร์ท ไม่เจ็บปวด
รับปันผล กับหารายได้อื่น ค่อยๆเก็บสะสมหุ้น แล้วกลับมาดูพอร์ทใหม่เมื่อเลิกresession
3 แผนหาโอกาสในวิกฤติ หาธุรกิจที่ไม่กระทบหรือกระทบน้อย หรือถ้าให้ดีเลยก็หาบริษัทที่สามารถเติบโตสู้recessionได้
(ตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง เห็นว่าส่งออกเจริญเติบโตดี ใครลงทุนถูกsectorก็ทำกำไรได้)
4 แผนหนีออกจากตลาด ถือเงินสด
5 แผนhedgeความเสี่ยง คำนวนหาBetaของพอร์ท แล้วshort futureไว้

ข้อ 1, 4,5 ไม่เป็นVIสักเท่าไหร่ ตอบผิดคำถาม

[ซุนเซ็ก]

ถ้า recession มาจริง ?
...ผมใช้กลยุทธ์ที่ 36 หลบหนี
"ถอยหนีในการทำสงครามนั้นมิใช่ความผิดผลาด หากแต่เป็นเรื่องธรรมดาสามัญในการทำศึก
การถอยหนีเป็นการถอยเพื่อหาหนทางหลีกเลี่ยงความเสียหาย และหาโอกาสชิงตอบโต้ในภายหลัง
มิใช่เป็นการถอยหนีอย่างสิ้นเชิง"
------------
ถ้ารู้ว่า recession มาจริง...
เหตุผลใดต้องอยู่บนเรือที่กำลังจะจม ผมไม่คิดว่านั้นจำเป็นเลย
เพราะถ้า recession มาจริง fundamental ย่อมเปลี่ยน, valuation ย่อมเปลี่ยน, และ fairvalue ก็ต้องเปลี่ยน
หรือมองในแง่ risk reward ถ้าโอกาสกำไรมีน้อยกว่าขาดทุน ผมคงจะไม่ทำสิ่งนั้น
การหนี...เราอาจจะพลาดโอกาสเล็กน้อย ถ้าหากมันไม่ได้ recession จริง
แค่กลับมาซื้อใหม่ในราคาสูงกว่าเดิมหน่อย
แต่ถ้า recession จริง เราได้สร้างโอกาสยิ่งใหญ่...มีเงินสดในเวลาที่ควรต้องมี

ใครจะใช้แผนไหนก็ไม่มีผิดหรือถูก ขึ้นอยู่กับมุมมองแต่ละคน
เอาตามความพอใจ, สบายใจดีที่สุดครับ

[superboy]

ลูกน้อง+เซลล์+คนรอบตัว ชวนคุยแต่เรื่องทอง

งานนี้ สงสัยจะได้เห็น บาทละ 3หมื่นอย่างที่โฆษณากันไว้ หรือ ดอย ดูกันไปอีก 3 เดือน

[jek ae]

recession มาก็ดี ไม่มาก็ไม่เป็นไรครับ

ตอนนี้ผมมีพอร์ตที่ให้ปันผลรายปีเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายโดยไม่ต้องทำงานประจำ ส่วนภรรยาผมเธอเก็บเงินสดเอาไว้มูลค่าเท่าๆกับพอร์ตลงทุน เงินส่วนนี้ก็ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยราวๆครึ่งนึงของปันผล ถ้าไม่มีวิกฤติผมก็อยู่ได้ไม่เดือดร้อน แต่ถ้ามีวิกฤติขึ้นมา ผมคงไปอ้อนวอนขอเงินภรรยามาลงทุนหุ้นเพิ่มเติมได้ โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าสามารถหาหุ้นที่ให้ yield มากกว่า 15% อย่างยั่งยืนได้ ให้เธอถอนเงินให้ผมซะดีๆ

[harikung]

ปัญหาคือไม่รู้ว่ามันมาจริงมั้ยน่ะสิครับ

[poonpoon7]

ถ้า recession มาจริง ?
...ผมใช้กลยุทธ์ที่ 36 หลบหนี
"ถอยหนีในการทำสงครามนั้นมิใช่ความผิดผลาด หากแต่เป็นเรื่องธรรมดาสามัญในการทำศึก
การถอยหนีเป็นการถอยเพื่อหาหนทางหลีกเลี่ยงความเสียหาย และหาโอกาสชิงตอบโต้ในภายหลัง
มิใช่เป็นการถอยหนีอย่างสิ้นเชิง"
------------
ถ้ารู้ว่า recession มาจริง...
เหตุผลใดต้องอยู่บนเรือที่กำลังจะจม ผมไม่คิดว่านั้นจำเป็นเลย
เพราะถ้า recession มาจริง fundamental ย่อมเปลี่ยน, valuation ย่อมเปลี่ยน, และ fairvalue ก็ต้องเปลี่ยน
หรือมองในแง่ risk reward ถ้าโอกาสกำไรมีน้อยกว่าขาดทุน ผมคงจะไม่ทำสิ่งนั้น
การหนี...เราอาจจะพลาดโอกาสเล็กน้อย ถ้าหากมันไม่ได้ recession จริง
แค่กลับมาซื้อใหม่ในราคาสูงกว่าเดิมหน่อย
แต่ถ้า recession จริง เราได้สร้างโอกาสยิ่งใหญ่...มีเงินสดในเวลาที่ควรต้องมี

ใครจะใช้แผนไหนก็ไม่มีผิดหรือถูก ขึ้นอยู่กับมุมมองแต่ละคน
เอาตามความพอใจ, สบายใจดีที่สุดครับ

ขอรบกวนถามพี่ซุนเซ็กหน่อยน่ะครับ

แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า recession จะเกิดครับ?

[nasesus]

ตลาดขาลงต้องไม่กระจายการลงทุนหลายตัว เพราะผลที่ได้จะไม่ได้ต่างอะไรกับ set แต่จะมีหุ้นเพียงบางตัวที่ร่วงน้อยหรือทานทนตลาดได้ ควรเหลือหุ้นในพอร์ตให้น้อยตัวที่สุด แต่ต้องเป็นตัวที่มั่นใจที่สุด รู้ลึกที่สุด เข้าใจความเป็นไปของบริษัทมากที่สุด สำหรับผมไม่รู้ว่า recession จะมาเมื่อไหร่ แต่เรือที่จะฝ่าพายุ ขอให้เป็นเรือที่แข็งแกร่งที่สุด

[greenman]

recession บอกหรือทำนายยากมาก โดยส่วนตัวสงสัย แต่อเมริการคงไม่ปล่อยให้ตัวเองตกตำขนาดนั้น

[Kaiser]

ถ้าอาจารย์ไพบูลย์ถามคำถามนี้กับพี่หมอสามัญชน ผมเดาว่าพี่หมอจะทำหน้าตาย แล้วตอบว่า "ผมก็ทำเหมือนเดิม"

[คนขุดทอง]

ถ้าใครรู้อนาคตได้จริงคนนั้นคงต้องรวยมากกว่า วอเรนต์ บัฟเฟ่ต์ แม้แต่ วอเรนต์ บัฟเฟ่ต์ นักลงทุนที่ประสพความสำเร็จที่สุดในโลกยังบอกว่า ช่วงนี้ถ้าหุ้นยิ่งลงเขาจะยิ่งซื้อ

[reiter]

ขออนุญาตแสดงทัศนะด้วยบทความจากบลอกของผมนะครับ

ถ้าจะเกิดวิกฤติ

http://reitertvi.wordpress.com/2011/08/ ... %E0%B8%B4/

[ซุนเซ็ก]

ขอรบกวนถามพี่ซุนเซ็กหน่อยน่ะครับ
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า recession จะเกิดครับ?

ยากครับ แต่จากคำถามพี่เจ๋งคือ "ถ้า recession มาจริง พวก vi จะทำอย่างไร"
มาจริง ตัดสินใจไม่ยากเลยครับ โยกเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า

รู้ได้อย่างไรว่า recession จะเกิด? ฟันธงได้ยากครับ อย่างมากก็แค่คิดว่า
โดยอาศัยจากตัวเลขทางเศรษฐกิจมหภาคต่างๆ
Leading Economic Index, ISM Manufacturing, Consumer Confidence,
Unemployment Rate etc. และที่ชัดขึ้นอีกก็ GDP ครับ

อะไรที่บัฟเฟตทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่า ลินซ์ทำไม่ได้ เนฟฟ์ทำไม่ได้ วิลโอนิลทำไม่ได้ โซรอสทำไม่ได้ ไปด้วย
เพียงแค่ได้ยินว่าบัฟเฟตไม่ทำ จะไม่ศึกษาในเรื่องนั้นๆเลย ผมว่านั้นเป็นการปิดกั้นตัวเองไปมั้ยครับ

[chukieat30]

ถ้า recession มาจริง พวก vi จะทำอย่างไร

ืำทำใจครับ เพราะมัน ผ่านมาแล้วก้จะผ่านไปอีกครั้ง หาโอกาศซื้อหุ้นราคาที่เหมาะสม

มันอาจะเป็นทะเลคลั่งหรือคลื่นเทียม เราไม่อาจรู้ แต่ถ้าน้ำทะเลเริ่มหดหายไป

แสดงว่า สึนามิกำลังจะมา

การเอาเรือออกไปช่วงสึนามิ โอกาศจมมีมากกว่า 80 เปอเซ็นต์ครับ

ดังนั้น ประโยคอมตะ คือ อย่าเพิ่งรับมีดจากฟากฟ้า มีดมันยังหล่นไม่หยุด

เวลาสึนามิมา MOS ไม่ช่วยอะไรก้แค่เขื่อนกั้นน้ำทะเลแบบหลวมๆ

คลื่นลูกนี้ มันแรงน้อยกว่า The greatest Recission 2008 นิดเดียว



ผมทำได้แค่เพียงทบทวนตัวเอง และวางแผนซื้อหุ้นที่จะไม่กระทบ

[aonzzung]

คลื่นลูกนี้ มันแรงน้อยกว่า The greatest Recission 2008 นิดเดียว

รบกวนถามนิดนึงครับ

วิเคราะห์จากอะไรครับ ถึงคิดว่าจะแรงกว่า subprime crisis?

ในเมื่อมันยังไม่เกิด(และก็ไม่เห็นว่าใครจะทำนายได้ว่าจะเกิดหรือไม่)
แล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดจิงหรือเปล่า
ทำไมถึงรู้ว่ามันจะแรง จะอ่อนกว่าครับ?

[dome@perth]

แค่เข้ามาอ่าน ครับ

เผื่อลักจำ เอาไปเป็นทางหนีทีไล่ 555

[chukieat30]

คลื่นลูกนี้ มันแรงน้อยกว่า The greatest Recission 2008 นิดเดียว

รบกวนถามนิดนึงครับ

วิเคราะห์จากอะไรครับ ถึงคิดว่าจะแรงกว่า subprime crisis? ไม่คิดว่าแรงกว่านะครับ

คิดว่าเบากว่า แต่ไม่มาก ถ้าซัพไพรม์คลื่น 9 เมตร รอบนี้ก้คง 7 เมตร

ในเมื่อมันยังไม่เกิด(และก็ไม่เห็นว่าใครจะทำนายได้ว่าจะเกิดหรือไม่)
แล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดจิงหรือเปล่า
ทำไมถึงรู้ว่ามันจะแรง จะอ่อนกว่าครับ?

ที่ USA 2008 นั้นผมว่าแรงสุดแล้วครับ เพราะบริษัทชั้นนำรวมถึงวนธนกิจใหญ่ๆล้มลง

ซึ่งก้เหมือนมวลน้ำก้อนใหญ่มากเข้ากระทบฝั่ง

ขณะที่ตอนนี้ USA ยังไม่มีอะไรแย่เท่าเดิม เพราะยังไม่มีวนธนกิจล้มหรือ ธนาคารล้ม

ขณะที่ยุโรปเอง หลายๆประเทศธนาคารเริ่มจะส่อแววไม่รอด ที่เหลือก้แค่ บิ๊กทรี

เยอรมัน ฝรั่งเศษ อิตาลี่ ซึ่ง 3 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุโรป ก้เริ่มจะง่อนแง่น

ถ้า 3 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยูโรป้า ล้มลง เมื่อนั้นแหล่ะครับ

ขนาดเศรษฐกิจ ของยุโรปไม่เล็กกว่า อเมริกาเท่าไหร่ ถ้ายุโรปล้มลง มวลน้ำที่จะซัดมา

บ้านเราก้คงไม่น้อยกว่าตอนซัพไพรม์เท่าไหร่

แต่อย่าลืมว่า ตอน 2008 ไม่ใช่ซับไพรม์อย่างเดียวนะครับ มีม๊อฟยึดสนามบินด้วย

ดังนั้น รอบนี้ ผมจึงมองว่า หมีตัวนี้ไม่ตะปบ เซทลงลึกเท่าปี2008

มันเป็นโอกาศที่จะเลือกของดีราคาถูก และสมเหตุผลเข้าพอรท์ครับ



ในเมื่อมันยังไม่เกิด(และก็ไม่เห็นว่าใครจะทำนายได้ว่าจะเกิดหรือไม่)


คำถามดีครับ งั้นเอาแบบนี้ คนตกตึกมีโอกาศกระดูกหักกี่เปอเซ็นต์ครับ

โอกาศไม่หักเลยก้มีครับ (ถ้าแขวนพระหลวงพ่อรอด) แต่ก้น้อยมาก

รอบนี้ ธนาคารฝั่งยุโรปออกอาการ เหมือนคนตกตึกครับ


แล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดจิงหรือเปล่า
ทำไมถึงรู้ว่ามันจะแรง จะอ่อนกว่าครับ?[/quote]

บิ๊กทรี หรือ ยุโรป เมกา และญี่ปุ่น เป็นผู้บริโภคโลกครับ 3ผู้ยิ่งใหญ่ ก้เหมือน

3กุมารพี่น้อง ขนาดเศรษฐกิจย่อมจะไม่หนีกันมาก

ถ้าเกิดล้มไป คลื่นที่มากระทบฝั่ง คงจะแรงมากน้อยต่างกันไม่มาก

[chukieat30]

อยากรู้ว่าผมมองเศรษฐกิจ ของยุโรปยังไง ลองอ่าน สามก๊กตอน

โจโฉแตกทัพเรือครับ ยุโรปก้เหมือนเรือโจโฉที่ต้องกลของบังทอง เวลาไฟลามมา

ยังไงก้ไหม้ หมดครับ จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง ถ้าจะรอดก้ต้อง ถอดเรือที่ไหม้ออกไป

ว่าแต่จะเลือกล้มกระดานยูโร เพื่อเอาคนหนีออก หรือ จะยอมไหม้หมดทุกลำหล่ะครับ


ส่วเมกานั้น ผมไม่วอรี่เลย เค้าเรียก เงินยายซื้อขนมยาย แต่เงินไม่พอก้ไปยืมเงินตา

ปู่และญาติมา หนี้ของเมกานั้นไปตก แค่ 4 ประเทศใหญ่ๆ คือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น
รัสเซีย

มัดมือชกแบบนี้ ยังไงก้ไล่ไม่จนครับ 4ประเทศคงยอมให้ ดีกว่า ชักดาบครับ

เพราะถ้าชักดาบ 4ประเทศก้ยังสู้กำลังทหารของเมกาไม่ได้

ทุกอย่างบนโลกถูก โค้ดด้วยค่าเงิน ดอลล์ จะเปลี่ยนตะกร้า มาโค้ด หยวน เยน

หรือ รูปี คงเป็นไปไม่ได้ครับ ดังนั้นที่เมกา ไม่ต้องห่วง


ผมมองแบบนี้นะ เศรษฐศาสตร์ฉบับชาวบ้าน

[Java The Boy]

ถ้า recession มาจริง ?
...ผมใช้กลยุทธ์ที่ 36 หลบหนี
"ถอยหนีในการทำสงครามนั้นมิใช่ความผิดผลาด หากแต่เป็นเรื่องธรรมดาสามัญในการทำศึก
การถอยหนีเป็นการถอยเพื่อหาหนทางหลีกเลี่ยงความเสียหาย และหาโอกาสชิงตอบโต้ในภายหลัง
มิใช่เป็นการถอยหนีอย่างสิ้นเชิง"

แผนเดียวกันครับ "หนีคือสุดยอดกลยุทธ์"

[คนขุดทอง]

นักลงทุนระดับโลกอย่าง บัฟเฟ่ต์ หรือ ปีเตอร์ลินช์ ยังยอมรับอย่างไม่อายเลยว่า พวกเขาไม่สามารถคาดการณ์เศรฐกิจโลกได้ แต่พวกเขาสามารถเข้าใจและพอจะคาดการณ์กิจการที่เขาลงทุนอยู่ ได้ เพราะฉนั้นพวกเขาจึงมักใช้กลยุกต์ ไม่ทำอะไร อยู่เฉยๆ หรือ stay clam stay invest มีแต่พวก trader เท่านั้น ที่พยายามคาดการณ์ เศรฐกิจโลกและใช้ว่องไวและเป็นผู้นำในการเข้าๆออกๆการเก็งกำไร เพื่อสร้างกำไร แต่ใช่ว่าพวกเขาจะประสพความสำเร็จทำกำไรได้ บ่อยครั้งพวก trader ประสพผลขาดทุนอย่างหนัก จนต้องปิดกิจการไปก็เยอะมาก ถามว่าพวกเราอยากเป็น invester หรือ trader

[ศิษย์เซียน007]

ตลาดขาลงต้องไม่กระจายการลงทุนหลายตัว เพราะผลที่ได้จะไม่ได้ต่างอะไรกับ set แต่จะมีหุ้นเพียงบางตัวที่ร่วงน้อยหรือทานทนตลาดได้ ควรเหลือหุ้นในพอร์ตให้น้อยตัวที่สุด แต่ต้องเป็นตัวที่มั่นใจที่สุด รู้ลึกที่สุด เข้าใจความเป็นไปของบริษัทมากที่สุด สำหรับผมไม่รู้ว่า recession จะมาเมื่อไหร่ แต่เรือที่จะฝ่าพายุ ขอให้เป็นเรือที่แข็งแกร่งที่สุด

เรือดำน้ำ(ฝ่าพายุได้แน่ๆ)

[ศิษย์เซียน007]

เมื่อเรามองย้อนกลับไปในยุคโบราณนั้น Sir Isaac Newton ผู้เป็นบิดาและผู้ค้นพบแนวทางในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เกี่ยวกับผลกระทบของสิ่งต่างๆ ซึ่งเป็นปัญหาที่มีตัวแปรอยู่ 2 ตัวแปร (ปัญหา 2 วัตถุ) เช่น โลกและดวงจันทร์ โดยวิธีการแก้ปัญหาของนิวตันก็คือ เขาได้ตัดเอาตัวแปรอื่นๆรอบๆออกไปก่อน เพื่อที่จะสามารถแก้ไขปัญหาทางคณิตศาสตร์ชิ้นนี้ออกมาได้ และเมื่อสิ่งต่างๆเริ่มสำเร็จผล เขาจึงได้ตั้งสมมุติฐานของเขาต่อมาว่า สูตรหรือแนวทางในการแก้ปัญที่มีตัวแปรอยู่ 2 ตัวของเขานั้น จะสามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ซึ่งมีตัวแปรมากกว่า 3 ตัว โดยที่ตัวแปรแต่ละตัวจะทำปฎิกริยาตอบสนองต่อกันไปมาออกมาได้ (ปัญหา 3 วัตถุหรือมากกว่า)

อย่างไรก็ตาม ในอีก 200 ปีต่อมา ก็ยังไม่มีใครที่จะสามารถแก้โจทย์นี้ออกมาได้ และเพื่อให้เรื่องนี้เร็วขึ้น ผมจะขอข้ามมาถึงในขณะที่ อองรี ปวงกาเร (Henri Poincare) สุดยอดนักคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ชาวฝรั่งเศษ ได้รับรางวัลจากพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์สวีเดน ในปี 1889 แต่ไม่ใช่รางวัลในการที่เขาสามารถแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์นี้ออกมาได้ ในทางกลับกันแล้ว เขาได้รับรางวัลเนื่องจากเขาสามารถพิสูจน์ออกมาได้ว่า มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ออกมาต่างหาก

ศาสตราจารย์ปวงกาเร ได้ค้นพบว่า เพียงแค่ปัญหาที่มีตัวแปรหรือวัตถุแค่ 3 ตัวนั้น ผลกระทบไปมาจากตัวแปรแต่ละตัวที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้เราไม่สามารถที่จะสามารถคำนวณได้อย่าง “แน่นอน” ว่า ผลกระทบจากการตอบสนองไปมาของตัวแปรแต่ละตัวต่อจะก่อให้เกิดสิ่งไดหรือเกิดขึ้นในรูปแบบใด และอะไรจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น, พันธบัตร และอนุพันธ์ล่วงหน้าเช่นเดียวกัน และถึงแม้ว่าการคาดคะเนโดย “ประมาณ” นั้นจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นจริงนั้นมักจะตรงข้ามกับสัญชาติญาณหรือความเชื่อของคนเราโดยทั่วไป นั่นก็คือ ยิ่งเรา (Market Participant) พยายามที่จะสร้าง Model ที่มีความแม่นยำมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งจะทำให้ Model เหล่านี้ไม่สามารถตอบได้ว่าอะไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคตยิ่งขึ้นเท่านั้น

[chukieat30]

นักลงทุนระดับโลกอย่าง บัฟเฟ่ต์ หรือ ปีเตอร์ลินช์ ยังยอมรับอย่างไม่อายเลยว่า พวกเขาไม่สามารถคาดการณ์เศรฐกิจโลกได้ แต่พวกเขาสามารถเข้าใจและพอจะคาดการณ์กิจการที่เขาลงทุนอยู่ ได้ เพราะฉนั้นพวกเขาจึงมักใช้กลยุกต์ ไม่ทำอะไร อยู่เฉยๆ หรือ stay clam stay invest มีแต่พวก trader เท่านั้น ที่พยายามคาดการณ์ เศรฐกิจโลกและใช้ว่องไวและเป็นผู้นำในการเข้าๆออกๆการเก็งกำไร เพื่อสร้างกำไร แต่ใช่ว่าพวกเขาจะประสพความสำเร็จทำกำไรได้ บ่อยครั้งพวก trader ประสพผลขาดทุนอย่างหนัก จนต้องปิดกิจการไปก็เยอะมาก ถามว่าพวกเราอยากเป็น invester หรือ trader

investor ก้ดู mos ของตัวเองด้วยนะครับ พวกเซียนๆอย่างปีเตอร์ลินซ์ บัฟเฟตทุนต่ำมาก

กลัวแต่จะเป็น การหลงผิดว่า การเหลือ mos ของตัวเองนั้นมากแล้ว

เวลาเขื่อนแตก คนที่จะรอดต้องมี ซุปเปอร์ Mos ครับ Mos30-50 มันน้อยมาก

พวก mos น้อยๆควร ชั่งใจให้มาก ว่า ถอยวันนี้ยังหวนกลับมารุกได้ แต่ถ้าพลาดวันนี้

เราอาจกลับมาได้ยาก

คนขาดทุน 50เปอเซ็นต์ ต้องทำกำไรให้ได้ 100 เปอเซ็นต์ จึงเท่าทุน


ใครจะออกเรือไปตอนนี้ ก้ขอให้โชคดีครับ ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง

หลายๆท่าน ที่เค้ามีระดับซุปเปอร์MOS เค้าถึงใจเย็นอยู่ได้ครับ

คนที่ไม่มี หรือ มีน้อย ผมว่า อย่าเสี่ยงดีกว่านะครับ

จะเทรดเดอร์ หรือ อินเวสเตอร์ เวลา สึนามิมา คนที่มี MOSน้อย ก้จะลอยตามน้ำไปหมดครับ


เวลาผ่านไปน้ำลด แยกศพไม่ออกครับ ใครเทรดเดอร์ หรือ อินเวสเตอร์

เพราะมันกองกันแยกไม่ออก

[prakarnb]

ผมคิดว่า ทำอะไร เมื่อเกิด Recession มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่า ควรทำเมื่อไหร่ สำหรับผมแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดแล้ว ตลาดจะเห็นฟ้องกันว่ามันรุนแรงในยุโรปก็คือ การล้มละลายของธนาคาร ครับ
เกิดเมื่อไหร่ ต้อง Cut ทันทีแล้วรอ ( เหมือนช่วง เลห์แมนฯ )

[tum_H]

ซึ่งหุ้นนี่ก็ประหลาดจริงๆ บริษัทที่เราถือไม่เกี่ยวกับ ptt เลย แต่พอ ptt และกลุ่มลง

ดัชนีดันลง ผลคือ หุ้นเราลงไปด้วย

นี่เขาเรียกว่าความกลัวครับพี่ กลัวในสิ่งที่ไม่คาดคิด กลัวในสิ่งที่มองไม่ออก

บางครั้งหากเราไม่แน่ใจ ไม่เข้าใจหรือหาเหตุผลสนับสนุนไม่ได้ ก็จำเป็นต้องหลบออกมายืนดู
แต่หากเรา มีข้อมูลที่น่าเชื่อ ก็ยังคงต้องทนกับความผันผวนในระยะสั้นและทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ปี 2008 เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ อย่างที่พี่เจ๋งว่า หุ้นที่ไม่เกี่ยวข้อง ก็ทนความผันผวน
ในระยะสั้นของตลาดไม่ได้เหมือนกัน แต่ในระยะกลางถึงยาวก็จะฟื้นตัวได้ดีกว่าตลาดเช่นกัน

สำหรับผมก็มองภาพตลาดไม่ออกเหมือนกันว่าจะไปทางไหน ยุโรปก็มีปัญหา อเมริกาก็มีปัญหา
มองมาเอเชีย ญีปุ่นเองก็เจอพิษภายใน ยังไม่รวมความผันผวนของค่าเงิน ไทยเราเองอาจโชค
ดีหน่อยที่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องภาษีรถ บ้าน ค่าแรง 300บาท โครงการลงทุนขนาดใหญ่

ตอนวิกฤตปี 2008 บริษัทผมส่งออก 50% ขายในประเทศ 50% ปรากฏว่ายอดขายภายใน +4 แต่
ส่งออก -50 ซึ่งหากเปรียบเทียบกัน ก็จะเห็นว่าความเชื่อมั่นภายนอกประเทศนั้นลดลงอย่างมาก

MOS และข้อมูลของหุ้นที่เราถืออยู่ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ครับ หลายคนมีต้นทุน 5 บาท
ตอนนี้ราคา 40 หากตลาดเกิดวิกฤต ผมว่าก็ไม่มีอะไรน่ากังวลในการถือ แต่ถ้าเรามี MOS น้อยและไม่
แน่ใจในหุ้นที่ถือ ก็ต้องพิจารณาในการปรับพอร์ตต่อไปตามสไตล์ใคร สไตล์มันครับ

การลงทุนสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ความสบายใจ ครับ

[chukieat30]

ซึ่งหุ้นนี่ก็ประหลาดจริงๆ บริษัทที่เราถือไม่เกี่ยวกับ ptt เลย แต่พอ ptt และกลุ่มลง

ดัชนีดันลง ผลคือ หุ้นเราลงไปด้วย

นี่เขาเรียกว่าความกลัวครับพี่ กลัวในสิ่งที่ไม่คาดคิด กลัวในสิ่งที่มองไม่ออก

บางครั้งหากเราไม่แน่ใจ ไม่เข้าใจหรือหาเหตุผลสนับสนุนไม่ได้ ก็จำเป็นต้องหลบออกมายืนดู
แต่หากเรา มีข้อมูลที่น่าเชื่อ ก็ยังคงต้องทนกับความผันผวนในระยะสั้นและทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ปี 2008 เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ อย่างที่พี่เจ๋งว่า หุ้นที่ไม่เกี่ยวข้อง ก็ทนความผันผวน
ในระยะสั้นของตลาดไม่ได้เหมือนกัน แต่ในระยะกลางถึงยาวก็จะฟื้นตัวได้ดีกว่าตลาดเช่นกัน

สำหรับผมก็มองภาพตลาดไม่ออกเหมือนกันว่าจะไปทางไหน ยุโรปก็มีปัญหา อเมริกาก็มีปัญหา
มองมาเอเชีย ญีปุ่นเองก็เจอพิษภายใน ยังไม่รวมความผันผวนของค่าเงิน ไทยเราเองอาจโชค
ดีหน่อยที่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องภาษีรถ บ้าน ค่าแรง 300บาท โครงการลงทุนขนาดใหญ่

ตอนวิกฤตปี 2008 บริษัทผมส่งออก 50% ขายในประเทศ 50% ปรากฏว่ายอดขายภายใน +4 แต่
ส่งออก -50 ซึ่งหากเปรียบเทียบกัน ก็จะเห็นว่าความเชื่อมั่นภายนอกประเทศนั้นลดลงอย่างมาก

MOS และข้อมูลของหุ้นที่เราถืออยู่ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ครับ หลายคนมีต้นทุน 5 บาท
ตอนนี้ราคา 40 หากตลาดเกิดวิกฤต ผมว่าก็ไม่มีอะไรน่ากังวลในการถือ แต่ถ้าเรามี MOS น้อยและไม่
แน่ใจในหุ้นที่ถือ ก็ต้องพิจารณาในการปรับพอร์ตต่อไปตามสไตล์ใคร สไตล์มันครับ

การลงทุนสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ความสบายใจ ครับ

+1 ให้แล้วนะครับ

ใครมี MOS มาก ก้ไม่เป็นไร แต่ถ้าน้อยๆสัก 30-50 ผมว่าเจอคลื่นแรงๆๆ กำแพงก้พัง

เวลามันลงมา บางทีสิ่งที่คิดว่าดี สิ่งที่คิดว่าพอ บางทีมันก้ช่วยอะไรไม่ได้เลย

ต้องแล้วแต่สายป่านด้านต้นทุนด้วยนะครับ

หนีไม่น่าอาย เท่าแพ้แล้วเสียดายครับ ตลาดหุ้นไม่ได้เปิดวันเดียวหรือปีเดียว

พลาดแล้วบางทีก้กลับมาในเกมยาก สู้อยู่บนภูดูเขารบกัน คอยเก็บเกี่ยวดีกว่าครับ


ลงมาจากเขา บางทีนักรบที่เลื่องชื่อ ก้อาจจะสิ้นชื่อในสนามรบ ถ้าฝืนธรรมชาติ

นักรบผู้กล้า ก้เกิดขึ้นใหม่แทนที่ ตลาดหุ้นก้แบบนี้แหล่ะครับ

ตราบใดคุณยังไม่หยุดรบ ไม่แน่ว่าคุณจะหลักอะไร ก้พลาดได้ทุกคน และอาจจะล้มหายไป

ผมว่า ตราบใดที่ยังอยู่รักษาชีวิตและกำลังไว้ก่อน

เราไม่ได้ไปแข่งกับใคร เราแข่งกับตัวเอง ถ้าแพ้เราอาจย้อนเวลาไปเล่นไม่ได้แล้ว

สำคัญคือ เราจะรอดและมีความมั่งคั่งถึงวันที่เราจะหยุดรบไหม

เมื่อไหร่หยุดรบ จะเป็นผู้กล้า หรือ คนขี้แพ้ ก้ตอนนั้น

[tt]

นี่ดัชนีนับจากต้นปียังบวกอยู่เลยนะครับ ทำไมถึงคิดเรื่อง recession กันแล้ว

[Jeng]

นี่ดัชนีนับจากต้นปียังบวกอยู่เลยนะครับ ทำไมถึงคิดเรื่อง recession กันแล้ว

คิดต่างได้เลยครับ ยินดีรับฟังทุกความเห็น