บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
-
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
โพสต์ที่ 1
บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
ความกลัว เป็นสิ่งที่แพร่ขยายเข้าไปในจิตใจของมนุษย์ได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ความโลภจะช้ากว่า
เมื่อสอง สาม อาทิตย์ที่ผ่านมา ตลาด Wall Street ตกลงมาอย่างหนัก คนส่วนใหญ่มักจะพูดว่า "โอ้ ไม่เอานา มันลงอีกแล้วหรือ" แต่สำหรับวอร์เรน บัฟเฟต เขารู้สึกว่ากระปรี้กระเปร่ามาก ยังเปรยๆออกมาอีกว่า "ไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้มาก่อน" ทำไมนะเหรอ ก็เพราะว่า "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อนะสิ" คำพูดของเขาฟังดูแล้วง่ายมาก แต่ว่านะ ถ้าคุณอยากจะเป็นเศรษฐีพันล้าน คุณต้องคิดต่างจากคนส่วนใหญ่ เข้มแข็ง และไม่อ่อนไหว
ในความเป็นจริงแล้ว หุ้น เบิกชาย ฮาธาเวย์ ที่บัฟเฟตเป็นเจ้าของอยู่นั้น สะท้อนถึงเศรษฐกิจโดยรวมได้ แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา S&P ได้ downgrade หุ้นของเบิกชาย ฮาธาเวย์ จาก "เฉยๆ (Stable)" เป็น "ลบ (Negative)"
อืมมม เอ่าละ คุณบัฟเฟต คุณมีความเห็นอย่างไรบ้าง ที่ สแตนดาด แอนด์ พวร์ ดาวเกรด บริษัทคุณ ที่ผ่านมานะ
"ผมคิดว่า ผมไม่เห็นด้วยนะ หุ้นของเรายังคงแข็งแรงอยู่ ผมให้ AAA เลย แต่ว่าดอล์ล่าร์ของเรานี้สิ ที่ไม่ใช่AAA"
แล้ว... คุณมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเศรษฐกิจละ คุณบัฟเฟต
"สำหรับผมแล้ว มันจะกลับมาเร็วๆนี้แหละ ทางฝั่งยุโรปก็ไม่ได้เลวร้ายไปมากกว่านี้แล้วแหละ ที่เหลือมันเป็นเพราะอารมณ์ของคนส่วนใหญ่ที่เกิดจากความกลัวนะ"
นอกจากนี้ คุณมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับธุรกิจ ประกันภัยละ
"ไม่ค่อยดีนะ เพราะ อย่างที่คุณรู้ ในปีนี้โลกเราเกิดภัยธรรมชาติมากมาย ธุรกิจประกันภัยต้องเสียเงินไปตั้งเท่าไร จะกลับมากำไรคงยากหน่อย"
สุดท้ายเขายังทิ้งท้ายอีกด้วยว่า
this not a time for fear. This is a time for action. นี้ไม่ใช่เวลาของความกลัว แต่เป็นเวลาที่เราจะต้องซื้อ ต่างหากละ
Conclusion by SiTh LoRd P@cK เครดิตจากเว็บเพื่อนบ้านนะครับ เห็นว่ามีประโยชน์ครับ
ความกลัว เป็นสิ่งที่แพร่ขยายเข้าไปในจิตใจของมนุษย์ได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ความโลภจะช้ากว่า
เมื่อสอง สาม อาทิตย์ที่ผ่านมา ตลาด Wall Street ตกลงมาอย่างหนัก คนส่วนใหญ่มักจะพูดว่า "โอ้ ไม่เอานา มันลงอีกแล้วหรือ" แต่สำหรับวอร์เรน บัฟเฟต เขารู้สึกว่ากระปรี้กระเปร่ามาก ยังเปรยๆออกมาอีกว่า "ไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้มาก่อน" ทำไมนะเหรอ ก็เพราะว่า "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อนะสิ" คำพูดของเขาฟังดูแล้วง่ายมาก แต่ว่านะ ถ้าคุณอยากจะเป็นเศรษฐีพันล้าน คุณต้องคิดต่างจากคนส่วนใหญ่ เข้มแข็ง และไม่อ่อนไหว
ในความเป็นจริงแล้ว หุ้น เบิกชาย ฮาธาเวย์ ที่บัฟเฟตเป็นเจ้าของอยู่นั้น สะท้อนถึงเศรษฐกิจโดยรวมได้ แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา S&P ได้ downgrade หุ้นของเบิกชาย ฮาธาเวย์ จาก "เฉยๆ (Stable)" เป็น "ลบ (Negative)"
อืมมม เอ่าละ คุณบัฟเฟต คุณมีความเห็นอย่างไรบ้าง ที่ สแตนดาด แอนด์ พวร์ ดาวเกรด บริษัทคุณ ที่ผ่านมานะ
"ผมคิดว่า ผมไม่เห็นด้วยนะ หุ้นของเรายังคงแข็งแรงอยู่ ผมให้ AAA เลย แต่ว่าดอล์ล่าร์ของเรานี้สิ ที่ไม่ใช่AAA"
แล้ว... คุณมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเศรษฐกิจละ คุณบัฟเฟต
"สำหรับผมแล้ว มันจะกลับมาเร็วๆนี้แหละ ทางฝั่งยุโรปก็ไม่ได้เลวร้ายไปมากกว่านี้แล้วแหละ ที่เหลือมันเป็นเพราะอารมณ์ของคนส่วนใหญ่ที่เกิดจากความกลัวนะ"
นอกจากนี้ คุณมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับธุรกิจ ประกันภัยละ
"ไม่ค่อยดีนะ เพราะ อย่างที่คุณรู้ ในปีนี้โลกเราเกิดภัยธรรมชาติมากมาย ธุรกิจประกันภัยต้องเสียเงินไปตั้งเท่าไร จะกลับมากำไรคงยากหน่อย"
สุดท้ายเขายังทิ้งท้ายอีกด้วยว่า
this not a time for fear. This is a time for action. นี้ไม่ใช่เวลาของความกลัว แต่เป็นเวลาที่เราจะต้องซื้อ ต่างหากละ
Conclusion by SiTh LoRd P@cK เครดิตจากเว็บเพื่อนบ้านนะครับ เห็นว่ามีประโยชน์ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณที่นำมาลงให้นะครับ ทีนี้ลองมาอ่านตัวเต็มกันบ้าง แล้วลองมาพิจารณาดูว่าสภาพแวดล้อมของเรากับ Buffet มีที่เหมือนและต่างกันอย่างไรบ้าง แล้วค่อยนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับตัวเองอีกทีครับ
http://finance.fortune.cnn.com/2011/08/ ... uy-stocks/
http://finance.fortune.cnn.com/2011/08/ ... uy-stocks/
Impossible is Nothing
- untrataro25
- Verified User
- โพสต์: 952
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณมากครับ
"เพราะเรียบง่าย จึงชนะ"
- OutOfMyMind
- Verified User
- โพสต์: 1232
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
โพสต์ที่ 9
ของดีที่อยากได้ กำลังโปรโมชั่น สำหรับผมก็ซื้อตุนให้เต็มที่ แล้วหากว่ามันลงไปอีก แล้วไม่เหลือเงินซื้อเพิ่ม ผมก็ไม่เสียใจ เพราะเรากำหนดชีวิตเราเอง อย่าให้ตลาดมากำหนด ในเมื่อราคาลงมาในราคาที่เราพอใจที่จะซื้อ เราก็ตัดสินใจเอง ผมคิดแบบนี้ ในภาวะตลาดหดหู่ แต่ใจเรากลับเฉยๆ เพราะเรารู้สึกถึงอิสรภาพจากการเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตเอง ไม่ว่าจะผิดหรือถูก
แชทบอทสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
https://www.chathoon.com/
https://www.chathoon.com/
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 522
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
โพสต์ที่ 15
คำพูดนี้ต้องมองให้ดีคับ
ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้า บัฟเฟตจะมองที่มูลค่าคับ
ทีนี้หุ้นเมกาอาจจะมีตัวที่ดี และต่ำกว่ามูลค่าจริง หุ้นยิ่งลง ยิ่งซื้อได้
แต่เมืองไทยก็ขอให้มองตรงจุดนี้ด้วย
ว่าหุ้นในตลาดเราอยู่ในระดับไหน
ไม่ใช่ ยิ่งลง ยิ่งซื้อ อย่างไร้เหตุผล
ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้า บัฟเฟตจะมองที่มูลค่าคับ
ทีนี้หุ้นเมกาอาจจะมีตัวที่ดี และต่ำกว่ามูลค่าจริง หุ้นยิ่งลง ยิ่งซื้อได้
แต่เมืองไทยก็ขอให้มองตรงจุดนี้ด้วย
ว่าหุ้นในตลาดเราอยู่ในระดับไหน
ไม่ใช่ ยิ่งลง ยิ่งซื้อ อย่างไร้เหตุผล
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
โพสต์ที่ 16
ทยอยซื้อ แล้ว...ไม่มีถูกและผิด
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
โพสต์ที่ 17
ผมฝากไว้ให้คิดนะครับ
จอรช โซรอส ตอนนี้ได้ลงทุนในภาคเกษตร คงไม่มีใครด่าเค้านะครับ
หรือ กระทั่ง จิม โรเจอร์ ผู้โด่งดังก้ยังลงทุนในภาคเกษตร
ผมก้คิดแบบเดียวกับเค้าแหล่ะ ผมขอเรียก ว่า แม่เหล็กสลับขั้ว
แนวคิดง่ายๆ คือ เมื่อก่อนทุกประเทศเน้นกสิกรรม ต่อมาก้เข้าสู่อุตสาหกรรม
จนตอนนี้อุตสาหกรรมมากกว่า เกษตรกรรม เพราะ คนส่วนใหญ่เรียนสูงขึ้น
ก้ต้องการงานที่ ไม่ใช้แรงงาน
ปัญหาในอนาคต คือ แรงงานจะไม่มี และ สินค้าเกษตรก้จะแพง
เพราะ ต่อให้คุณมีทองท่วมหัว คุณก้ต้องเอาทองมาแลกอาหารไป
ทองหรือเงินกินไม่ได้ แต่อาหารกินได้
ดังนั้น ยุคที่เปลี่ยน คือ จากคนที่มีที่ดินมาก จนเข้าสู่ คนที่ทำอุตสาหกรรม
จนทำไปทำมา ต้องกลายเป็นยุคเกษตรกรรม มันจะน่าขำแค่ไหน
ถ้าคนมีเงินมีทองต้องง้อ คนมีอาหาร อยู่ดี
อาหาร น่าจะเป็นฟอเอเวอร์เทรน ที่แม้แต่โซรอสเองก้ ยอมรับ ว่า สำคัญ
คุณลองคิดง่ายๆ คุณไปมองเถอะข้าวแกงที่ไหน จานละ1 บาทแบบยุคพ่อแม่เราบ้าง
ตอนนี้ 1 บาทซื้อข้าวแกงซื้ออาหารได้ไหม ว่ากันต่อที่ บัฟเฟต
บัฟเฟตเองก้คง คิดง่ายๆไม่ยุ่งยาก รอบนี้ มะกันแบงค์ล้มแล้วหรือยัง คนถึงแห่เทขายหุ้น
ภาคเอกชน อ่อนแอมากถึงขนาดมีการตกงานในขนาดสูงแล้วหรือยัง
วนธรกิจ อ่อนแอ จนต้องมาอุ้มอีกไหม อุตสาหกรรมใหญ่ๆๆปลดคนแล้วหรือ
ผมว่า บัฟเฟตไม่เพ้อเจ้อพูดหรอก คนที่ด่าเค้าหรือว่าเค้าตะหาก ที่เพ้อเจ้อ
เค่ามองถึงแก่น แล้วคุณหล่ะ มองถึงไหน
ทุกคนกลัวเมกาจะล้ม แต่ยุโรป กลับมองรองลงมา ผมว่า รอบนี้ ความกลัวบังตาคน
ไอ้ที่ควรจะกลัว ก้ไม่กลัว
จอรช โซรอส ตอนนี้ได้ลงทุนในภาคเกษตร คงไม่มีใครด่าเค้านะครับ
หรือ กระทั่ง จิม โรเจอร์ ผู้โด่งดังก้ยังลงทุนในภาคเกษตร
ผมก้คิดแบบเดียวกับเค้าแหล่ะ ผมขอเรียก ว่า แม่เหล็กสลับขั้ว
แนวคิดง่ายๆ คือ เมื่อก่อนทุกประเทศเน้นกสิกรรม ต่อมาก้เข้าสู่อุตสาหกรรม
จนตอนนี้อุตสาหกรรมมากกว่า เกษตรกรรม เพราะ คนส่วนใหญ่เรียนสูงขึ้น
ก้ต้องการงานที่ ไม่ใช้แรงงาน
ปัญหาในอนาคต คือ แรงงานจะไม่มี และ สินค้าเกษตรก้จะแพง
เพราะ ต่อให้คุณมีทองท่วมหัว คุณก้ต้องเอาทองมาแลกอาหารไป
ทองหรือเงินกินไม่ได้ แต่อาหารกินได้
ดังนั้น ยุคที่เปลี่ยน คือ จากคนที่มีที่ดินมาก จนเข้าสู่ คนที่ทำอุตสาหกรรม
จนทำไปทำมา ต้องกลายเป็นยุคเกษตรกรรม มันจะน่าขำแค่ไหน
ถ้าคนมีเงินมีทองต้องง้อ คนมีอาหาร อยู่ดี
อาหาร น่าจะเป็นฟอเอเวอร์เทรน ที่แม้แต่โซรอสเองก้ ยอมรับ ว่า สำคัญ
คุณลองคิดง่ายๆ คุณไปมองเถอะข้าวแกงที่ไหน จานละ1 บาทแบบยุคพ่อแม่เราบ้าง
ตอนนี้ 1 บาทซื้อข้าวแกงซื้ออาหารได้ไหม ว่ากันต่อที่ บัฟเฟต
บัฟเฟตเองก้คง คิดง่ายๆไม่ยุ่งยาก รอบนี้ มะกันแบงค์ล้มแล้วหรือยัง คนถึงแห่เทขายหุ้น
ภาคเอกชน อ่อนแอมากถึงขนาดมีการตกงานในขนาดสูงแล้วหรือยัง
วนธรกิจ อ่อนแอ จนต้องมาอุ้มอีกไหม อุตสาหกรรมใหญ่ๆๆปลดคนแล้วหรือ
ผมว่า บัฟเฟตไม่เพ้อเจ้อพูดหรอก คนที่ด่าเค้าหรือว่าเค้าตะหาก ที่เพ้อเจ้อ
เค่ามองถึงแก่น แล้วคุณหล่ะ มองถึงไหน
ทุกคนกลัวเมกาจะล้ม แต่ยุโรป กลับมองรองลงมา ผมว่า รอบนี้ ความกลัวบังตาคน
ไอ้ที่ควรจะกลัว ก้ไม่กลัว
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 2232
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
โพสต์ที่ 18
+1ครับ สถานการณ์ไม่แน่นอน อึมครึมแบบนี้ mosสำคัญมากๆ แต่หุ้นไทยที่มีคุณภาพแทบไม่เหลือmosแล้วTibular เขียน:คำพูดนี้ต้องมองให้ดีคับ
ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้า บัฟเฟตจะมองที่มูลค่าคับ
ทีนี้หุ้นเมกาอาจจะมีตัวที่ดี และต่ำกว่ามูลค่าจริง หุ้นยิ่งลง ยิ่งซื้อได้
แต่เมืองไทยก็ขอให้มองตรงจุดนี้ด้วย
ว่าหุ้นในตลาดเราอยู่ในระดับไหน
ไม่ใช่ ยิ่งลง ยิ่งซื้อ อย่างไร้เหตุผล
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
โพสต์ที่ 19
ขอบคุณสำหรับบทสัมภาษณ์ครับ
- kabu
- Verified User
- โพสต์: 2149
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
โพสต์ที่ 21
ชอบอันนี้อ่ะครับ
--> "ผมยิ่งซื้อ หุ้นยิ่งลง" T__T
--> "ผมยิ่งซื้อ หุ้นยิ่งลง" T__T
"หนทางเดียวที่จะก้าวพ้นขอบเขตของความเป็นไปได้ คือก้าวเข้าสู่ความเป็นไปไม่ได้", Arthur C. Clarke
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
โพสต์ที่ 22
ชอบชอบ ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
โพสต์ที่ 23
แต่การซื้อก็ควรมีศิลปะ และดูว่า มันตรงกับ philosophy ที่เราใช้หรือไม่นะครับ
บริษัทที่ business model ไม่ดี หรือสิ่งที่เราไม่เข้าใจ Mr.Buffett ก็ไม่แนะนำให้ซื้อนะครับ
ความเข้าใจ นี่ ... มากน้อย ขนาดไหน
เพื่อนผมเคยบอกว่า Buffett เป็นเพื่อนกับ Bill Gates เค้าจะไม่เข้าใจ Microsoft เลยหรือ
เค้าจะคุยกับผู้บริหาร ผู้ก่อต้องไม่ได้เลยหรือ
แล้วทำไมเค้าเข้าใจ(อยู่บ้าง ...น่าจะมาก) แล้วเค้าไม่ลงทุนหุ้น MS ด้วยเงินในปริมาณที่มาก
คำตอบก็คือ เค้าไม่สามารถบอกอนาคตของบริษัทที่เค้าลงทุนได้ว่า อีก 5 ปี 10 ปี 20ปี ฯลฯ
บริษัท Microsoft จะเป็นอย่างไร Business model เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน
และเค้าเคยเจ็บมาก่อนกับบริษัทที่เค้าไม่เข้าใจดี
(เช่น Berkshire Hataway(ผมเขียนผิดชัวร์ ) หรือ Gen.re)
ผมว่า วินัยการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญ
และถ้าเราเทเงินจนหมด จนไม่มีกระสุน(เงินสดเหลือเลย)
ถ้าเราคิดผิด เราจะทำอย่างไร
ผมเองเป็น Buyer side ครับ
แต่ก็นึกคติของพี่มน ที่พี่เค้าเคยสอนว่า .เค้าชอบรอ.
หลายครั้งเราบอกว่า ยิ่งลง ยิ่งซื้อ เราก็ซื้อๆ จนเราไม่ได้ไปทบทวนว่าบริษัทเป็นอย่างไร
ทำไมราคาหุ้นถึงลง ฯลฯ
การลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจจะเป็นการป้องกันความเสี่ยงได้มากที่สุดครับ (From Sir Richard Brandson)
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
ปล.ถกเรื่องคติของ Buffett นี่สนุกนะครับ ผมว่าให้ข้อคิดได้มากเลย
การลงทุนเป็นศิลปะ และเราทำให้เป็นเรื่องที่สนุกได้ และนำมาใช้กับชีวิตประจำวันได้ครับ
หลายครั้ง ส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ ก็ยังทันซื้อหุ้นดีๆ หากเราเร่งรีบเกินไปครับ
บุญรักษาครับ
บริษัทที่ business model ไม่ดี หรือสิ่งที่เราไม่เข้าใจ Mr.Buffett ก็ไม่แนะนำให้ซื้อนะครับ
ความเข้าใจ นี่ ... มากน้อย ขนาดไหน
เพื่อนผมเคยบอกว่า Buffett เป็นเพื่อนกับ Bill Gates เค้าจะไม่เข้าใจ Microsoft เลยหรือ
เค้าจะคุยกับผู้บริหาร ผู้ก่อต้องไม่ได้เลยหรือ
แล้วทำไมเค้าเข้าใจ(อยู่บ้าง ...น่าจะมาก) แล้วเค้าไม่ลงทุนหุ้น MS ด้วยเงินในปริมาณที่มาก
คำตอบก็คือ เค้าไม่สามารถบอกอนาคตของบริษัทที่เค้าลงทุนได้ว่า อีก 5 ปี 10 ปี 20ปี ฯลฯ
บริษัท Microsoft จะเป็นอย่างไร Business model เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน
และเค้าเคยเจ็บมาก่อนกับบริษัทที่เค้าไม่เข้าใจดี
(เช่น Berkshire Hataway(ผมเขียนผิดชัวร์ ) หรือ Gen.re)
ผมว่า วินัยการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญ
และถ้าเราเทเงินจนหมด จนไม่มีกระสุน(เงินสดเหลือเลย)
ถ้าเราคิดผิด เราจะทำอย่างไร
ผมเองเป็น Buyer side ครับ
แต่ก็นึกคติของพี่มน ที่พี่เค้าเคยสอนว่า .เค้าชอบรอ.
หลายครั้งเราบอกว่า ยิ่งลง ยิ่งซื้อ เราก็ซื้อๆ จนเราไม่ได้ไปทบทวนว่าบริษัทเป็นอย่างไร
ทำไมราคาหุ้นถึงลง ฯลฯ
การลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจจะเป็นการป้องกันความเสี่ยงได้มากที่สุดครับ (From Sir Richard Brandson)
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
ปล.ถกเรื่องคติของ Buffett นี่สนุกนะครับ ผมว่าให้ข้อคิดได้มากเลย
การลงทุนเป็นศิลปะ และเราทำให้เป็นเรื่องที่สนุกได้ และนำมาใช้กับชีวิตประจำวันได้ครับ
หลายครั้ง ส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ ก็ยังทันซื้อหุ้นดีๆ หากเราเร่งรีบเกินไปครับ
บุญรักษาครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
- ซุนเซ็ก
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
โพสต์ที่ 24
บัฟเฟตพูดยังงี้ น่ากลัวครับ
ที่น่ากลัวไม่ใช่บัฟเฟต แต่น่ากลัวสำหรับการตีความของผู้ฟังมือใหม่
พี่ๆ VI มือเก่า มีความสามารถในการตีความได้อยู่แล้ว
แต่ที่เป็นห่วงคือมือใหม่ทุกคน เห็นหุ้นลงหน่อยก็ซื้อ ลงนิดก็ซื้อ
โดยไม่ทันได้คิดวิเคราะห์ว่ามันลงเพราะอะไร มันสมควรลงอีกมั้ย
แต่ไปเชื่อและปฏิบัติตามเพียง คำพูดประโยคเดียวของบัฟเฟต
แบบนี้ไม่ถูกต้อง และ จะนำมาซึ่งหายนะได้
ที่น่ากลัวไม่ใช่บัฟเฟต แต่น่ากลัวสำหรับการตีความของผู้ฟังมือใหม่
พี่ๆ VI มือเก่า มีความสามารถในการตีความได้อยู่แล้ว
แต่ที่เป็นห่วงคือมือใหม่ทุกคน เห็นหุ้นลงหน่อยก็ซื้อ ลงนิดก็ซื้อ
โดยไม่ทันได้คิดวิเคราะห์ว่ามันลงเพราะอะไร มันสมควรลงอีกมั้ย
แต่ไปเชื่อและปฏิบัติตามเพียง คำพูดประโยคเดียวของบัฟเฟต
แบบนี้ไม่ถูกต้อง และ จะนำมาซึ่งหายนะได้
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
-
- Verified User
- โพสต์: 173
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บัฟเฟต์ พูด "หุ้นยิ่งลง ผมยิ่งซื้อ"
โพสต์ที่ 25
สำหรับมือใหม่(อย่างผม)
๑. ควรจะมีราคาในใจ (fair value) ของบริษัทที่เราที่เราสนใจก่อน
๒. ดูผลกระทบต่อพื้นฐานของบริษัท (พื้นฐานเปลี่ยนหรือไม่)
๒. ถ้าราคาหุ้นตกลงมาถึงจุดที่มี margin of safety ในระดับที่เราพอใจ
แล้วถึงจะเข้าซื้อใช่ไหมครับ
มีจุดไหนที่ควรระวังอีกไหมครับ
๑. ควรจะมีราคาในใจ (fair value) ของบริษัทที่เราที่เราสนใจก่อน
๒. ดูผลกระทบต่อพื้นฐานของบริษัท (พื้นฐานเปลี่ยนหรือไม่)
๒. ถ้าราคาหุ้นตกลงมาถึงจุดที่มี margin of safety ในระดับที่เราพอใจ
แล้วถึงจะเข้าซื้อใช่ไหมครับ
มีจุดไหนที่ควรระวังอีกไหมครับ