2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
- Segasus_Seiya
- Verified User
- โพสต์: 105
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 31
ลบไปเกือบ 10% แต่เข้าใจในสิ่งที่พลาดตรงนั้นมาครับ
Nice
-
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 33
มูลค่า Port ลดลงจากสิ้นปีที่แล้ว ราว 20% ครับ..
หลักๆ มาจาก
> SCNYL ร่วงจาก ห้าร้อยกว่าไป สามร้อยกว่า..แล้วตัดใจ cut loss ไป...เรียกว่า Cut ไปที่ราคาต่ำเกือบที่สุดเลย
> PTL แรกๆ ก็ไม่เข้าใจ เห็นว่าหุ้นดี กำไรดี แต่ราคาร่วงตลอด เป็นเพราะผมไม่เข้าใจ timing ในการลงทุนหุ้นวัฎจักร.. พอได้อ่านบทความของ ดร. เรื่องนี้แล้วถึงตาสว่าง..
..ถือเป็นค่าวิชา..
หลักๆ มาจาก
> SCNYL ร่วงจาก ห้าร้อยกว่าไป สามร้อยกว่า..แล้วตัดใจ cut loss ไป...เรียกว่า Cut ไปที่ราคาต่ำเกือบที่สุดเลย
> PTL แรกๆ ก็ไม่เข้าใจ เห็นว่าหุ้นดี กำไรดี แต่ราคาร่วงตลอด เป็นเพราะผมไม่เข้าใจ timing ในการลงทุนหุ้นวัฎจักร.. พอได้อ่านบทความของ ดร. เรื่องนี้แล้วถึงตาสว่าง..
..ถือเป็นค่าวิชา..
-
- Verified User
- โพสต์: 2606
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 34
ยังถือตัวเดิมๆ หมั่นศึกษาตัวใหม่ๆ
หมั่นอ่านหนังสือลงทุนหลายๆเล่ม
Active กว่าเดิมเยอะ
แต่ในพอร์ต ตอนนี้ ไม่ได้ทำอะไรมาเกือบ ปีกว่าๆ แล้ว
ราคาขึ้นไปกว่าที่คาดเยอะ หวังว่าผลประกอบการณ์จะมาตามนัด มันจะได้เป็นเพียง Temporary High price
ถ้ามาตามหวัง ก็คงดี ถ้าผิดคาดก็คงมึน
หมั่นอ่านหนังสือลงทุนหลายๆเล่ม
Active กว่าเดิมเยอะ
แต่ในพอร์ต ตอนนี้ ไม่ได้ทำอะไรมาเกือบ ปีกว่าๆ แล้ว
ราคาขึ้นไปกว่าที่คาดเยอะ หวังว่าผลประกอบการณ์จะมาตามนัด มันจะได้เป็นเพียง Temporary High price
ถ้ามาตามหวัง ก็คงดี ถ้าผิดคาดก็คงมึน
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 35
ขอบคุณทั้งคำแนะนำ และ คำอวยพร จากพี่ picatos ครับ
กลยุทธ์ของผมไม่เปลี่ยนไปแต่อยา่งใด
ไมว่าจะตลาดจะถูกหรือแพง ก็ทำเหมือนเดิม
อย่างพี่หมอ สามัญชน บอก หาหุ้นที่ยังอันเดอร์แวลู่อยู่ตลอดเวลา
การถือหุ้นหลายตัวขึ้นของผม ไม่ได้หลากหลายจนไม่รู้จัก
ผมถือหุ้นอยู่มากสุด 6-8 ตัว หลักๆ 3-4 ตัวครับ
ก็วนเวียนอยู่กับตัวเดิมๆที่เคยศึกษาอยู่ อาศัยหลักการ switch
ไปมา เมื่อราคาหุ้นพวกนั้นขึ้นลงต่างเวลากัน (ลักจำวิธีการของ โยโย่ มา 555)
การคลอสเซ็คคุณภาพของหุ้นผมก็ยังต้องขอคำแนะนำอาจารย์ผมอยู่
การประเมินมูลค่าเพื่อหาราคาที่จะซื้อ อีกแหละ ยังต้องขอตัวช่วยอีกหลายท่าน
แต่ทั้งหมดทั้งปวง หลักการที่ถูกต้องก็อย่างที่พี่โตส แนะนำนะครับ
อย่าเอาผมมาเป็นสาระเลย ประสบการณ์ผมยังน้อยมากๆ
อาศัยความขยันอ่านเท่านั้นเอง
กลยุทธ์ของผมไม่เปลี่ยนไปแต่อยา่งใด
ไมว่าจะตลาดจะถูกหรือแพง ก็ทำเหมือนเดิม
อย่างพี่หมอ สามัญชน บอก หาหุ้นที่ยังอันเดอร์แวลู่อยู่ตลอดเวลา
การถือหุ้นหลายตัวขึ้นของผม ไม่ได้หลากหลายจนไม่รู้จัก
ผมถือหุ้นอยู่มากสุด 6-8 ตัว หลักๆ 3-4 ตัวครับ
ก็วนเวียนอยู่กับตัวเดิมๆที่เคยศึกษาอยู่ อาศัยหลักการ switch
ไปมา เมื่อราคาหุ้นพวกนั้นขึ้นลงต่างเวลากัน (ลักจำวิธีการของ โยโย่ มา 555)
การคลอสเซ็คคุณภาพของหุ้นผมก็ยังต้องขอคำแนะนำอาจารย์ผมอยู่
การประเมินมูลค่าเพื่อหาราคาที่จะซื้อ อีกแหละ ยังต้องขอตัวช่วยอีกหลายท่าน
แต่ทั้งหมดทั้งปวง หลักการที่ถูกต้องก็อย่างที่พี่โตส แนะนำนะครับ
อย่าเอาผมมาเป็นสาระเลย ประสบการณ์ผมยังน้อยมากๆ
อาศัยความขยันอ่านเท่านั้นเอง
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- surachet70
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 36
ตั้งเป้า 15% ทั้งปี ได้มา 7.5% เมื่อเดินทางมาครึ่งปี
ยังอยู่ในแผน แต่น่าจะทำได้ดีกว่านี้
ยังอยู่ในแผน แต่น่าจะทำได้ดีกว่านี้
Imagination is more important than knowledge....
- Murphy.Bkk
- Verified User
- โพสต์: 37
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 37
ได้ผลตอบแทนประมาณ 20% (ไม่รวมปันผล) ครับ
รู้สึกพอใจกับผลตอบแทนที่ได้ เพราะตั้งเป้าทั้งปีไว้น้อยกว่านี้ครับ
ที่ชนะตลาดได้ น่าจะมาจาก การถือหุ้นน้อยตัว ทำให้ผลตอบแทนไม่ไปตามตลาดและตัวที่มั่นใจถือในอัตราส่วนมาก และบังเอิญมันขึ้นมาครับ
รู้สึกพอใจกับผลตอบแทนที่ได้ เพราะตั้งเป้าทั้งปีไว้น้อยกว่านี้ครับ
ที่ชนะตลาดได้ น่าจะมาจาก การถือหุ้นน้อยตัว ทำให้ผลตอบแทนไม่ไปตามตลาดและตัวที่มั่นใจถือในอัตราส่วนมาก และบังเอิญมันขึ้นมาครับ
เราซื้อหุ้นดีทุกตัวไม่ได้ แต่หุ้นที่เราซื้อต้องดีเท่านั้น
เราซื้อหุ้นทุกตัวที่ขึ้นไม่ได้ แต่หุ้นที่เราซื้อต้องขึ้นเท่านั้น
เราซื้อหุ้นทุกตัวที่ขึ้นไม่ได้ แต่หุ้นที่เราซื้อต้องขึ้นเท่านั้น
- CHOOKY
- Verified User
- โพสต์: 540
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 39
6เดือน54 คิดเทียบ YOY แล้ว ดีขึ้นมาก
6เดือน54 คิดเทียบ End of Year ก็ +13.xx% โดยในช่วง เดือนที่ผ่านมา swing อยู่ประมาณ + 9% ถึง + 13.xx%
-ข้อผิดพลาด คือ แพ้ใจตัวเอง / ไม่มั่นใจในกิจการ / กิจการที่เลือกแล้ว ราคาลดลงไม่กล้าซื้อ ฯ
-พัฒนาการที่ดีขึ้น - ประเมินมูลค่าหุ้นได้ดีขึ้น ในกิจการบางประเภท/ ตัดสินใจขายถูกเวลา(ราคาเกิน/ใกล้ มูลค่าที่ประเมินได้) ฯ
ขอบคุณเว็บ ไทยวีไอ รวมถึงเพื่อนสมาชิก ทุกท่าน ที่ช่วยขัดเกลา ครับ
6เดือน54 คิดเทียบ End of Year ก็ +13.xx% โดยในช่วง เดือนที่ผ่านมา swing อยู่ประมาณ + 9% ถึง + 13.xx%
-ข้อผิดพลาด คือ แพ้ใจตัวเอง / ไม่มั่นใจในกิจการ / กิจการที่เลือกแล้ว ราคาลดลงไม่กล้าซื้อ ฯ
-พัฒนาการที่ดีขึ้น - ประเมินมูลค่าหุ้นได้ดีขึ้น ในกิจการบางประเภท/ ตัดสินใจขายถูกเวลา(ราคาเกิน/ใกล้ มูลค่าที่ประเมินได้) ฯ
ขอบคุณเว็บ ไทยวีไอ รวมถึงเพื่อนสมาชิก ทุกท่าน ที่ช่วยขัดเกลา ครับ
"ค้นหาคุณค่าให้พบ แล้วซื้อหุ้นกิจการที่ดีนั้น ซึ่งมีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี และยังมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง"
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 40
+1 เห็นด้วยอย่างแรง และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่เคยวัดผลตอบแทนการลงทุนnoooon010 เขียน:ผมว่า เราไม่ได้ลงทุนเพื่อแข่งกับใคร บทเรียนที่เราได้จากการลงทุน และเราได้ทำอะไรอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์หรือเปล่านั้นน่าสนใจกว่ามาก เพราะสามารถนำมาใช้ได้ตลอดชีวิตครับ
สบายทั้งใจ และสบายทั้งเงินที่ลงทุนไว้ครับ มีเวลาว่างไปทำสิ่งที่เรารัก และมีเวลาไปศึกษาสิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติม ได้รู้จักคนมากขึ้น เรียนรู้จากประสบการณ์ของเค้า (ส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวกับหุ้น แต่นำมาพัฒนาแนวคิดได้นะครับ)
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
สำคัญกว่า คือ การสะสมความรู้ connections และประสบการณ์ทุกวัน เพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น
สุดท้ายเมื่อมีอิสรภาพทางการเงิน เนื่องจากตายไปก็นำไปไม่ได้ ให้ครอบครัวก็เกินพอ ก็นำส่วนเกินที่สบายใจจะสละมาช่วยกันทำให้สังคมดีขึ้นบ้าง
- SupachaiZ594
- Verified User
- โพสต์: 834
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 41
6 เดือน ผลตอบแทนรวมไม่ถึง 10% ครับ
ปัจจุปันลดพอร์ตเหลือแค่ 10% กลัวตลาดจะเป็นขาลง
ลองปรับพอร์ตบางส่วนมาเทรดรายวันรายสัปดาห์ ปรากฏว่า ขาดทุนยับเยิน
สรุป ปีนี้ ผมแพ้ตัวเองยับเยินครับ หากลยุทธ์ใหม่ ๆ มาลองตลอดตั้งแต่ต้นปี จนตัวเองสับสน
สุดท้ายยอมตัดใจขายขาดทุนหลายตัวเพื่อตั้งต้นใหม่
ข้อคิดที่ได้ในปีนี้ คือ
เทรดเยอะ ไม่ได้หมายความว่า กำไรจะเยอะตาม
เทรดดี ๆ ไม่กี่ครั้ง ก็เีพียงพอแล้วกับกำไรงาม ๆ
ปัจจุปันลดพอร์ตเหลือแค่ 10% กลัวตลาดจะเป็นขาลง
ลองปรับพอร์ตบางส่วนมาเทรดรายวันรายสัปดาห์ ปรากฏว่า ขาดทุนยับเยิน
สรุป ปีนี้ ผมแพ้ตัวเองยับเยินครับ หากลยุทธ์ใหม่ ๆ มาลองตลอดตั้งแต่ต้นปี จนตัวเองสับสน
สุดท้ายยอมตัดใจขายขาดทุนหลายตัวเพื่อตั้งต้นใหม่
ข้อคิดที่ได้ในปีนี้ คือ
เทรดเยอะ ไม่ได้หมายความว่า กำไรจะเยอะตาม
เทรดดี ๆ ไม่กี่ครั้ง ก็เีพียงพอแล้วกับกำไรงาม ๆ
- birth_pianist
- Verified User
- โพสต์: 65
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 42
ยังติดลบอยู่ 20 % ไม่ได้ผิดพลาดด้านการศึกษาหาหุ้น แต่ผิดพลาดด้านจิตใจอ่อนไหวเกินไป
คุณสมบัติที่ไม่พึงประสงค์ของนักลงทุน คือ ซื้อดอย ขายหมู รู้งี้
-
- Verified User
- โพสต์: 1311
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 45
สุดยอดครับpicatos เขียน:ขอบคุณที่พี่โดมเป็นกำลังใจให้กับเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างผมด้วยครับ...dome@perth เขียน:สวัสดีครับพี่มิ เอาครึ่งปีก่อนเลยหรือ
ของผมดีกว่าตลาด มาก ได้มากกว่าเป้าหมายทั้งปีแล้วหละ
แต่เำพื่อความไม่ประมาท เพลย์เซฟเพื่อให้พอร์ตไม่ลดลงกว่านี้
โดยการกระจายการถือครองหลายตัวขึ้น
และยังให้กองหน้า ใช้กลยุทธ์ เสาะ สืบ ขุด ล่า
หาหุ้นผลตอบแทนสูงอยู่ตลอดเวลา อย่าหยุดนิ่งพอร์ตเราเล็กอยู่
9 หลักเมื่อไหร่ค่อย สบายๆ ผ่อนคลายทีหลัง.......สู้ๆครับ
เป็นกำลังใจให้เบี้ยน้อยหอยน้อยด้วยกันทุกท่านครับ
โดยส่วนตัวผมว่ากลยุทธหาหุ้นผลตอบแทนสูงอยู่ตลอดเวลา เป็นกลยุทธที่อันตรายในสภาวะตลาด เศรษฐกิจ และระดับความถูกแพงของหุ้นโดยรวม ณ ขณะนี้ครับ... สำหรับผม... กลยุทธที่ผมใช้ในช่วงนี้จะเป็นการรักษาเงินต้นอย่างระมัดระวัง ไม่เปิดตัวเองไปสู่ความเสี่ยงที่มากจนเกินไป... และไม่กระจายพอร์ตมากจนเกินไปครับ
ผมมีความเชื่อว่า... ความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดของ VI คือ ความเสี่ยงจากความไม่รู้และไม่เข้าใจในกิจการครับ... ดังนั้นการถือหุ้นมากตัวจนเกินไป บางทีเราลงทุนโดยมีความเข้าใจในกิจการนั้นๆ น้อยมากๆ โดยเข้าไปเล่นแค่ Story หนึ่งๆ ในกรอบระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวมีความเสี่ยงมาก หากเรื่องที่เราคิดไม่เป็นไปตามที่คาด และไม่มีพื้นฐานในระยะยาวรองรับ... ทำให้ผมตกรถ พลาดไม่ได้ลงทุนหุ้นไปหลายๆ ตัว... ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องทำใจเอาไว้ตั้งแต่ต้นว่าเราเลือกกลยุทธแบบนี้ในการลงทุน
วันก่อนมีพี่คนนึงบอกว่าผมลงทุนอยู่ในหุ้นแค่ไม่กี่ตัว หุ้นตัวอื่นๆ ผมไม่สนใจหรอก... ซึ่งก็ทำให้ผมได้กลับมาพิจารณาตัวเองว่ามันเกิดจากอัตตา อคติส่วนตัว หรือความเห็นผิดบางอย่างที่ควรแก้ไขหรือไม่... พอมาพิจารณา... ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่... อันที่จริง ผมก็อ่าน ก็ศึกษากิจการอื่นๆ อยู่เรื่อยๆ... แต่ส่วนใหญ่ผมจะจบการศึกษาอยู่ที่ Business Model กับ Competitive Strategy แล้วก็ตัดกิจการนั้นๆ ออกไปจาก List เพราะ เป็นกิจการที่ยากเกินความสามารถของผมที่จะเข้าใจได้เป็นส่วนใหญ่... ตัวที่ผ่านเข้ามาใน List ก็จะลงลึกไปถึงระดับ Operation และระดับ Financial ... ถ้าระดับปฎิบัติการโอเค สภาพตลาดและเศรษฐกิจรองรับ และไม่มีความเสี่ยงมากจนเกินไป ค่อยจะลงลึกไปถึงระดับการประเมินมูลค่ากิจการและการศึกษางบการเงินอย่างละเอียด
โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่า... ตลาดยิ่งแพงเรายิ่งหาหุ้นได้ยาก... ตลาดยิ่งแพงยิ่งหมายถึงความเสี่ยง โอกาสที่จะเกิดความเสียหายที่เพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ... ดังนั้นผมเชื่อว่าในสภาวะตลาดแบบนี้ เราควรที่จะยกระดับ ยกมาตรฐาน การคัดกรอง เพิ่มความเข้มงวดในการคัดเลือกกิจการเข้ามาใน List ให้มากขึ้น... ผลลัพธ์ก็คือ ผมหาหุ้นใหม่ๆ ดีๆ เข้ามาในพอร์ตได้น้อยลงๆ...
นอกจากนี้... ผมมองว่า... ยิ่งตลาดแพง... เราควรจะควบคุมจิตใจให้อย่าคึกคักจนเกินไป ขยันหาหุ้นให้น้อยลง ระมัดระวังต่อสัญญาณเตือนภัยต่างๆ ให้มากขึ้น... ในขณะที่เกิดวิกฤต หรือตลาดหุ้นตกต่ำ กลับเป็นช่วงที่เราพยายามปลุกปลอบตัวเองให้คึกคักอย่างถึงที่สุด ควรขยันหาหุ้นให้มากๆ ... ซึ่งหากทำกลับกัน... หายนะในการลงทุนอาจมาเยือนได้หากสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่คาด... และส่วนใหญ่ก็มักจะไม่เป็นไปตามที่คาดตามกฎไตรลักษณ์
การพยายามหาอัตราผลตอบแทนสูงสุด ภายใต้สภาวะตลาดแบบนี้ หมายถึง การยอมรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น การต้องเลือกที่จะหลับตาข้างนึง ไปจนถึงการหลับตาข้างครึ่ง เลือกกิจการที่คุณภาพของรายได้และกำไรในอดีตไม่ค่อยมีเสถียรภาพ แต่มีศักยภาพที่จะสร้างรายได้และกำไรที่สูงในอนาคต โดยเมินเฉยกับคุณภาพและความโปร่งใสของผู้บริหาร รวมไปถึงหวังการเติบโตของกิจการที่มาจาก Non-Organic Growth ซึ่งพวก Non-Organic Growth เหล่านี้หากศึกษาในอดีต ผมว่าส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด ไม่ได้สร้างรายได้และกำไรให้กับกิจการอย่างที่ผู้บริหารคุยโตโอ้อวดเอาไว้ได้เลยสักโครงการ โดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะทำให้ภาพของกำไรในระยะสั้นตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย... และบางกิจการโครงการเหล่านี้กลับเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหากับธุรกิจหลักด้วยซ้ำ
สุดท้ายนี้ ขอให้พี่โดมพอร์ตถึง 9 หลักไวๆ นะครับพี่...
- nACrophiles_117
- Verified User
- โพสต์: 1362
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 46
ขอถามอะไรโง่ๆหน่อยครับ ว่าวิธีการคิดเป็นอย่างไร สมมติว่า
ปลายปี 53 มีเงินลงอยุ่ในพอร์ต 100 บาท มูลค่า ณ ปิดตลาดวันที่ 31 ธค เป็น 120 บาท
ต่อมา ในช่วง 6 เดือน ได้ปันผล ไป 5 บาท ระหว่างนี้ได้ทำการปรับพอร์ต หลงโจ้งคือ ขายหุ้นไปกำไร 10 บาท และเอาเงินดังกล่าว + เติมเงินใหม่เข้าไปอีก เพื่อไปซื้อหุ้นใหม่
สรุปว่าสิ้นวันที่ 30 มิย เม็ดเงินลงทุนในหุ้น เป็น 120 บาท มูลค่าหุ้นตอนปิดเป็น 125 บาท
อย่างนี้จะคิดผลตอบแทนเป็นกี่เปอร์เซนต์ครับ
ขอบพระคุณล่วงหน้าขอรับ
ปลายปี 53 มีเงินลงอยุ่ในพอร์ต 100 บาท มูลค่า ณ ปิดตลาดวันที่ 31 ธค เป็น 120 บาท
ต่อมา ในช่วง 6 เดือน ได้ปันผล ไป 5 บาท ระหว่างนี้ได้ทำการปรับพอร์ต หลงโจ้งคือ ขายหุ้นไปกำไร 10 บาท และเอาเงินดังกล่าว + เติมเงินใหม่เข้าไปอีก เพื่อไปซื้อหุ้นใหม่
สรุปว่าสิ้นวันที่ 30 มิย เม็ดเงินลงทุนในหุ้น เป็น 120 บาท มูลค่าหุ้นตอนปิดเป็น 125 บาท
อย่างนี้จะคิดผลตอบแทนเป็นกี่เปอร์เซนต์ครับ
ขอบพระคุณล่วงหน้าขอรับ
labor omnia vincit
-
- Verified User
- โพสต์: 809
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 47
+89% YTD ครับ เริ่มถอยเหมือนกันจากเคยถือหุ้น 100% ก็ลดลงมาเหลือ 65% ครับ และเพิ่มสัดส่วนในหุ้นที่ไม่หวือหวามากแต่มีอนาคตครับ
บทเรียนสำคัญในช่วงครึ่งปีแรกนี้คือ 1.การรู้จักพอ และ 2.เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เรากำหนดอนาคตได้จากสิ่งที่เราทำในปัจจุบัน
บทเรียนสำคัญในช่วงครึ่งปีแรกนี้คือ 1.การรู้จักพอ และ 2.เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เรากำหนดอนาคตได้จากสิ่งที่เราทำในปัจจุบัน
-
- Verified User
- โพสต์: 210
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 48
25% รวมเงินปันผลครับ
ยอมรับว่าปีนี้เหนื่อย ยากพอดูครับ
ยอมรับว่าปีนี้เหนื่อย ยากพอดูครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 298
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 49
ขอบคุณครับพี่picatos สำหรับคำแนะนำดีๆที่แบ่งปันpicatos เขียน: โดยส่วนตัวผมว่ากลยุทธหาหุ้นผลตอบแทนสูงอยู่ตลอดเวลา เป็นกลยุทธที่อันตรายในสภาวะตลาด เศรษฐกิจ และระดับความถูกแพงของหุ้นโดยรวม ณ ขณะนี้ครับ... สำหรับผม... กลยุทธที่ผมใช้ในช่วงนี้จะเป็นการรักษาเงินต้นอย่างระมัดระวัง ไม่เปิดตัวเองไปสู่ความเสี่ยงที่มากจนเกินไป... และไม่กระจายพอร์ตมากจนเกินไปครับ
ผมมีความเชื่อว่า... ความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดของ VI คือ ความเสี่ยงจากความไม่รู้และไม่เข้าใจในกิจการครับ... ดังนั้นการถือหุ้นมากตัวจนเกินไป บางทีเราลงทุนโดยมีความเข้าใจในกิจการนั้นๆ น้อยมากๆ โดยเข้าไปเล่นแค่ Story หนึ่งๆ ในกรอบระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวมีความเสี่ยงมาก หากเรื่องที่เราคิดไม่เป็นไปตามที่คาด และไม่มีพื้นฐานในระยะยาวรองรับ... ทำให้ผมตกรถ พลาดไม่ได้ลงทุนหุ้นไปหลายๆ ตัว... ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องทำใจเอาไว้ตั้งแต่ต้นว่าเราเลือกกลยุทธแบบนี้ในการลงทุน
วันก่อนมีพี่คนนึงบอกว่าผมลงทุนอยู่ในหุ้นแค่ไม่กี่ตัว หุ้นตัวอื่นๆ ผมไม่สนใจหรอก... ซึ่งก็ทำให้ผมได้กลับมาพิจารณาตัวเองว่ามันเกิดจากอัตตา อคติส่วนตัว หรือความเห็นผิดบางอย่างที่ควรแก้ไขหรือไม่... พอมาพิจารณา... ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่... อันที่จริง ผมก็อ่าน ก็ศึกษากิจการอื่นๆ อยู่เรื่อยๆ... แต่ส่วนใหญ่ผมจะจบการศึกษาอยู่ที่ Business Model กับ Competitive Strategy แล้วก็ตัดกิจการนั้นๆ ออกไปจาก List เพราะ เป็นกิจการที่ยากเกินความสามารถของผมที่จะเข้าใจได้เป็นส่วนใหญ่... ตัวที่ผ่านเข้ามาใน List ก็จะลงลึกไปถึงระดับ Operation และระดับ Financial ... ถ้าระดับปฎิบัติการโอเค สภาพตลาดและเศรษฐกิจรองรับ และไม่มีความเสี่ยงมากจนเกินไป ค่อยจะลงลึกไปถึงระดับการประเมินมูลค่ากิจการและการศึกษางบการเงินอย่างละเอียด
โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่า... ตลาดยิ่งแพงเรายิ่งหาหุ้นได้ยาก... ตลาดยิ่งแพงยิ่งหมายถึงความเสี่ยง โอกาสที่จะเกิดความเสียหายที่เพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ... ดังนั้นผมเชื่อว่าในสภาวะตลาดแบบนี้ เราควรที่จะยกระดับ ยกมาตรฐาน การคัดกรอง เพิ่มความเข้มงวดในการคัดเลือกกิจการเข้ามาใน List ให้มากขึ้น... ผลลัพธ์ก็คือ ผมหาหุ้นใหม่ๆ ดีๆ เข้ามาในพอร์ตได้น้อยลงๆ...
นอกจากนี้... ผมมองว่า... ยิ่งตลาดแพง... เราควรจะควบคุมจิตใจให้อย่าคึกคักจนเกินไป ขยันหาหุ้นให้น้อยลง ระมัดระวังต่อสัญญาณเตือนภัยต่างๆ ให้มากขึ้น... ในขณะที่เกิดวิกฤต หรือตลาดหุ้นตกต่ำ กลับเป็นช่วงที่เราพยายามปลุกปลอบตัวเองให้คึกคักอย่างถึงที่สุด ควรขยันหาหุ้นให้มากๆ ... ซึ่งหากทำกลับกัน... หายนะในการลงทุนอาจมาเยือนได้หากสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่คาด... และส่วนใหญ่ก็มักจะไม่เป็นไปตามที่คาดตามกฎไตรลักษณ์
การพยายามหาอัตราผลตอบแทนสูงสุด ภายใต้สภาวะตลาดแบบนี้ หมายถึง การยอมรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น การต้องเลือกที่จะหลับตาข้างนึง ไปจนถึงการหลับตาข้างครึ่ง เลือกกิจการที่คุณภาพของรายได้และกำไรในอดีตไม่ค่อยมีเสถียรภาพ แต่มีศักยภาพที่จะสร้างรายได้และกำไรที่สูงในอนาคต โดยเมินเฉยกับคุณภาพและความโปร่งใสของผู้บริหาร รวมไปถึงหวังการเติบโตของกิจการที่มาจาก Non-Organic Growth ซึ่งพวก Non-Organic Growth เหล่านี้หากศึกษาในอดีต ผมว่าส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด ไม่ได้สร้างรายได้และกำไรให้กับกิจการอย่างที่ผู้บริหารคุยโตโอ้อวดเอาไว้ได้เลยสักโครงการ โดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะทำให้ภาพของกำไรในระยะสั้นตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย... และบางกิจการโครงการเหล่านี้กลับเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหากับธุรกิจหลักด้วยซ้ำ
อย่า...วัดความลึกของแม่น้ำด้วยขาทั้ง2ข้าง
- Unstablemind
- Verified User
- โพสต์: 405
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 51
ขอแชร์เรื่องแพ้น่ะปีห้าสามผมเข้ามาใหม่ๆก็ลองศึกษาหุ้นและไปเอาหุ้น tipco มาผมก็นั่งเห็นกำไรดีๆเฮฮาแบบเม่าโครตๆ แต่ผมทำการบ้านไม่พอcharonp เขียน:สุดยอดกันทุกคนเลยนะครับพี่ๆ ชาว VI ทั้งหลาย
แต่อยากให้คนแพ้เข้ามาแชร์กันเยอะๆครับ
ส่วนผมยังไม่ได้เข้าตลาดครับ ทุนยังไม่พอ
นับถือทุกท่านครับ
เงินบาทแข็ง น้ำกลั่น(flood)สัปปรดมันเลยแพงแต่ตอนนั้นผมไม่รู้มันจะทำไห้กำไรติดลบ ผมไม่ได้ศึกษาปัจจัยหลักพอและพอราคามันตกแรงเสียดายที่ไม่ขายเพิ่งมาศึกษาอะไรได้บ้างถึงปัจจัยของธุรกิจนั้นและ fearมันก็เข้าและผมไปขายเพราะมันไม่ไห้ปันผล
และตอนนี้ผมทำการบ้านมากขึ้นก่อนจะลงทุนไม่รู้อ่ะแต่ตอนนี้ผมไม่ได้เก็บหุ้นมา
ตอนนี้ผมก็มีหุ้น ห้าสิบเปอร์ของพอร์ทที่ได้เก็บปีห้าสามเอาปัลผล
และอีกห้าสิบเปอร์ของพอร์ทก็เก็บเป็นเงินสดเพราะผมกำลังศึกษาอ่านงบบที่สนใจจะได้ไม่เจ็บ
So i don't know if my comments make any sense but the most important thing i have learned
is that you really have to do your homework. Doing your homework is so important!!!
Its all about getting alpha.
-
- Verified User
- โพสต์: 409
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 52
ผิดหวังกับตัวเองนิดหน่อยเรื่องการต่อราคาครับ อุตสาศึกษาbusiness model แล้วไปดูของจริงมาแล้วมั่นใจแล้ว ต่อแค่ 0.03 บาท มันก็วิ่งไปแล้ว เหตุการณ์นี้สอนให้รู้ว่าถ้ามั่นใจแล้ว อย่าต่อราคาแค่ไม่กี่สตางค์ เมื่อเทียบกับจำนวนเด้งที่มันเกิดขึ้น
หลักการของการลงทุนแบบ VI คือการซื้อหุ้นที่มูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นไม่ว่าหุ้นนั้นจะเป็นหุ้นประเภทใดก็ตามควรจะได้รับการพิจารณาเหมือนๆกันในแง่ความคุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับราคาที่นักลงทุนจะจ่าย ...เครดิต อ.โจ ลูกอีสาน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1018
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 54
จบครึ่งปีมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดเพิ่มขึ้นมา 55 % จากสิ้นปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมเริ่มใช้ margin เป็นปีแรก เปรียบเทียบก็คงเหมือนกับบริษัทที่มี de สูงขึ้น แล้วทำให้ roe สูงขึ้นตามด้วย ยอมรับว่าค่อนข้างหวาดเสียวพอเห็นใครต่อใครลดพอร์ตลง เหลือแต่ผมที่ยังถือเต็ม port แล้วใช้ margin เต็มวงเงิน แถมออกอาการเสพติด margin ด้วย (เหลือวงเงินเท่าไหร่ต้องซื้อหุ้นหมด )
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1018
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 55
จบครึ่งปีมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดเพิ่มขึ้นมา 55 % จากสิ้นปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมเริ่มใช้ margin เป็นปีแรก เปรียบเทียบก็คงเหมือนกับบริษัทที่มี de สูงขึ้น แล้วทำให้ roe สูงขึ้นตามด้วย ยอมรับว่าค่อนข้างหวาดเสียวพอเห็นใครต่อใครลดพอร์ตลง เหลือแต่ผมที่ยังถือเต็ม port แล้วใช้ margin เต็มวงเงิน แถมออกอาการเสพติด margin ด้วย (เหลือวงเงินเท่าไหร่ต้องซื้อหุ้นหมด )
-
- Verified User
- โพสต์: 40
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 56
เคยได้สิบกว่าเปอร์เซ็นแต่สรุป ณ วันนี้ได้แค่เปอร์เซ็นกว่า เพราะในพอร์ตมี 2 ตัว แต่เอาเงินถมเพิ่มไปกับหุ้นตัวนึงคิดแล้วเป็นเงินเกือบ 3 เท่า ของอีกตัวนึง เลยถัวกันได้เปอร์เซ็นกว่าแค่นั้นเองครับ ปีนี้ขอแค่ได้ร้อยละ 15 ก็พอใจแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 58
ผมรวมปันผลแล้วครับ
ครึ่งปี -10%
ปีต่อปี +79% ซึ่งชะลอตัวลงมาก
กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีอยู่ครับ
ครึ่งปี -10%
ปีต่อปี +79% ซึ่งชะลอตัวลงมาก
กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีอยู่ครับ
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 59
ไม่น่าเชื่อ ลงทุนแบบเต่าแต่ผลตอบแทนครึ่งปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจแฮะ
รวมปันผล คำนวณแบบ IRR ได้ 19.27%
ลงทุนแต่ในหุ้นเต่าๆ เอื่อยซะมาก wg makro se-ed GL ตัวโกรทมีแค่ 2ตัว cpall กะ bla ก็ทำผลงานที่น่าพอใจได้แฮะ
รวมปันผล คำนวณแบบ IRR ได้ 19.27%
ลงทุนแต่ในหุ้นเต่าๆ เอื่อยซะมาก wg makro se-ed GL ตัวโกรทมีแค่ 2ตัว cpall กะ bla ก็ทำผลงานที่น่าพอใจได้แฮะ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2011 จบครึ่งปีแล้ว อาการเป็นไงกันบ้าง
โพสต์ที่ 60
พิมพ์ผิดคับ ที่ถูก คือไม่รวมปันผลjo7393 เขียน:ไม่น่าเชื่อ ลงทุนแบบเต่าแต่ผลตอบแทนครึ่งปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจแฮะ
รวมปันผล คำนวณแบบ IRR ได้ 19.27%
ลงทุนแต่ในหุ้นเต่าๆ เอื่อยซะมาก wg makro se-ed GL ตัวโกรทมีแค่ 2ตัว cpall กะ bla ก็ทำผลงานที่น่าพอใจได้แฮะ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด