ศุกร์ ก.ค. 01, 2011 10:48 am | 0 คอมเมนต์
dome@perth เขียน: สวัสดีครับพี่มิ เอาครึ่งปีก่อนเลยหรือ
ของผมดีกว่าตลาด
มาก ได้มากกว่าเป้าหมายทั้งปีแล้วหละ
แต่เำพื่อความไม่ประมาท เพลย์เซฟเพื่อให้พอร์ตไม่ลดลงกว่านี้
โดยการกระจายการถือครองหลายตัวขึ้น
และยังให้กองหน้า ใช้กลยุทธ์ เสาะ สืบ ขุด ล่า
หาหุ้นผลตอบแทนสูงอยู่ตลอดเวลา อย่าหยุดนิ่งพอร์ตเราเล็กอยู่
9 หลักเมื่อไหร่ค่อย สบายๆ ผ่อนคลายทีหลัง.......สู้ๆครับ
เป็นกำลังใจให้เบี้ยน้อยหอยน้อยด้วยกันทุกท่านครับ
ขอบคุณที่พี่โดมเป็นกำลังใจให้กับเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างผมด้วยครับ...
โดยส่วนตัวผมว่ากลยุทธหาหุ้นผลตอบแทนสูงอยู่ตลอดเวลา เป็นกลยุทธที่อันตรายในสภาวะตลาด เศรษฐกิจ และระดับความถูกแพงของหุ้นโดยรวม ณ ขณะนี้ครับ... สำหรับผม... กลยุทธที่ผมใช้ในช่วงนี้จะเป็นการรักษาเงินต้นอย่างระมัดระวัง ไม่เปิดตัวเองไปสู่ความเสี่ยงที่มากจนเกินไป... และไม่กระจายพอร์ตมากจนเกินไปครับ
ผมมีความเชื่อว่า... ความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดของ VI คือ ความเสี่ยงจากความไม่รู้และไม่เข้าใจในกิจการครับ... ดังนั้นการถือหุ้นมากตัวจนเกินไป บางทีเราลงทุนโดยมีความเข้าใจในกิจการนั้นๆ น้อยมากๆ โดยเข้าไปเล่นแค่ Story หนึ่งๆ ในกรอบระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวมีความเสี่ยงมาก หากเรื่องที่เราคิดไม่เป็นไปตามที่คาด และไม่มีพื้นฐานในระยะยาวรองรับ... ทำให้ผมตกรถ พลาดไม่ได้ลงทุนหุ้นไปหลายๆ ตัว... ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องทำใจเอาไว้ตั้งแต่ต้นว่าเราเลือกกลยุทธแบบนี้ในการลงทุน
วันก่อนมีพี่คนนึงบอกว่าผมลงทุนอยู่ในหุ้นแค่ไม่กี่ตัว หุ้นตัวอื่นๆ ผมไม่สนใจหรอก... ซึ่งก็ทำให้ผมได้กลับมาพิจารณาตัวเองว่ามันเกิดจากอัตตา อคติส่วนตัว หรือความเห็นผิดบางอย่างที่ควรแก้ไขหรือไม่... พอมาพิจารณา... ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่... อันที่จริง ผมก็อ่าน ก็ศึกษากิจการอื่นๆ อยู่เรื่อยๆ... แต่ส่วนใหญ่ผมจะจบการศึกษาอยู่ที่ Business Model กับ Competitive Strategy แล้วก็ตัดกิจการนั้นๆ ออกไปจาก List เพราะ เป็นกิจการที่ยากเกินความสามารถของผมที่จะเข้าใจได้เป็นส่วนใหญ่... ตัวที่ผ่านเข้ามาใน List ก็จะลงลึกไปถึงระดับ Operation และระดับ Financial ... ถ้าระดับปฎิบัติการโอเค สภาพตลาดและเศรษฐกิจรองรับ และไม่มีความเสี่ยงมากจนเกินไป ค่อยจะลงลึกไปถึงระดับการประเมินมูลค่ากิจการและการศึกษางบการเงินอย่างละเอียด
โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่า... ตลาดยิ่งแพงเรายิ่งหาหุ้นได้ยาก... ตลาดยิ่งแพงยิ่งหมายถึงความเสี่ยง โอกาสที่จะเกิดความเสียหายที่เพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ... ดังนั้นผมเชื่อว่าในสภาวะตลาดแบบนี้ เราควรที่จะยกระดับ ยกมาตรฐาน การคัดกรอง เพิ่มความเข้มงวดในการคัดเลือกกิจการเข้ามาใน List ให้มากขึ้น... ผลลัพธ์ก็คือ ผมหาหุ้นใหม่ๆ ดีๆ เข้ามาในพอร์ตได้น้อยลงๆ...
นอกจากนี้... ผมมองว่า... ยิ่งตลาดแพง... เราควรจะควบคุมจิตใจให้อย่าคึกคักจนเกินไป ขยันหาหุ้นให้น้อยลง ระมัดระวังต่อสัญญาณเตือนภัยต่างๆ ให้มากขึ้น... ในขณะที่เกิดวิกฤต หรือตลาดหุ้นตกต่ำ กลับเป็นช่วงที่เราพยายามปลุกปลอบตัวเองให้คึกคักอย่างถึงที่สุด ควรขยันหาหุ้นให้มากๆ ... ซึ่งหากทำกลับกัน... หายนะในการลงทุนอาจมาเยือนได้หากสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่คาด... และส่วนใหญ่ก็มักจะไม่เป็นไปตามที่คาดตามกฎไตรลักษณ์
การพยายามหาอัตราผลตอบแทนสูงสุด ภายใต้สภาวะตลาดแบบนี้ หมายถึง การยอมรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น การต้องเลือกที่จะหลับตาข้างนึง ไปจนถึงการหลับตาข้างครึ่ง เลือกกิจการที่คุณภาพของรายได้และกำไรในอดีตไม่ค่อยมีเสถียรภาพ แต่มีศักยภาพที่จะสร้างรายได้และกำไรที่สูงในอนาคต โดยเมินเฉยกับคุณภาพและความโปร่งใสของผู้บริหาร รวมไปถึงหวังการเติบโตของกิจการที่มาจาก Non-Organic Growth ซึ่งพวก Non-Organic Growth เหล่านี้หากศึกษาในอดีต ผมว่าส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด ไม่ได้สร้างรายได้และกำไรให้กับกิจการอย่างที่ผู้บริหารคุยโตโอ้อวดเอาไว้ได้เลยสักโครงการ โดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะทำให้ภาพของกำไรในระยะสั้นตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย... และบางกิจการโครงการเหล่านี้กลับเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหากับธุรกิจหลักด้วยซ้ำ
สุดท้ายนี้ ขอให้พี่โดมพอร์ตถึง 9 หลักไวๆ นะครับพี่...