จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
-
- Verified User
- โพสต์: 1448
- ผู้ติดตาม: 0
จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 1
พอเรา ประมาณ การณ์ ต่างๆ หมด แล้ว เราจะ ประมาณ การณ์ P/E เท่าไหร่ ดีครับ
รู้สึกว่า ถ้า เลือก P/E ผิด ก็ประมาณ มูลต่า ผิดได้ง่าย ๆ พอจะมีหลักเกณฑ์ อะไรไหมครับ
(สมมติละกัน ว่า หุ้นตัวนี้ กำไร โตตลอด เฉลี่ย ปีละ 10%)
พอจะมี บทความแนะนำไหมครับ
รู้สึกว่า ถ้า เลือก P/E ผิด ก็ประมาณ มูลต่า ผิดได้ง่าย ๆ พอจะมีหลักเกณฑ์ อะไรไหมครับ
(สมมติละกัน ว่า หุ้นตัวนี้ กำไร โตตลอด เฉลี่ย ปีละ 10%)
พอจะมี บทความแนะนำไหมครับ
ผมเป็นคนความจำสั้น จึง post สิ่งที่อ่านหรือพบเจอที่คิดว่าอาจจะใช้ประโยชน์ใน board
เพื่อจะได้กลับมาอ่านทีหลัง
หากเยอะไปหรือ ทำให้เพื่อนๆ รำคาญในต้องขออภัยด้วยครับ
หากบางหัวข้อไม่มีเนื้อ หรือ เพื่อนๆ บันทึกเนื้อข่าวเพิ่มให้จะขอบคุณอย่างยิ่งครับ
เพื่อจะได้กลับมาอ่านทีหลัง
หากเยอะไปหรือ ทำให้เพื่อนๆ รำคาญในต้องขออภัยด้วยครับ
หากบางหัวข้อไม่มีเนื้อ หรือ เพื่อนๆ บันทึกเนื้อข่าวเพิ่มให้จะขอบคุณอย่างยิ่งครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 2
พอดี อยากรู้มาก เลยเปิดบทวิเคราะห์ แล้ว เทียบแต่ละโบรกดู ก็เห็น ให้ไม่เท่ากัน
เลยโทรไปถามดู
นักวิเคราะห์ บอกว่า ก็ ดูจาก average 5 ปี หรือ บางที่ก็ ให้ค่า 1 Standard Diviation เหนือ Average เพราะมองว่า มันมี คุณภาพกำไรดี
รอคำแนะนำเพิ่มเติมอยู่นะครับ
เลยโทรไปถามดู
นักวิเคราะห์ บอกว่า ก็ ดูจาก average 5 ปี หรือ บางที่ก็ ให้ค่า 1 Standard Diviation เหนือ Average เพราะมองว่า มันมี คุณภาพกำไรดี
รอคำแนะนำเพิ่มเติมอยู่นะครับ
ผมเป็นคนความจำสั้น จึง post สิ่งที่อ่านหรือพบเจอที่คิดว่าอาจจะใช้ประโยชน์ใน board
เพื่อจะได้กลับมาอ่านทีหลัง
หากเยอะไปหรือ ทำให้เพื่อนๆ รำคาญในต้องขออภัยด้วยครับ
หากบางหัวข้อไม่มีเนื้อ หรือ เพื่อนๆ บันทึกเนื้อข่าวเพิ่มให้จะขอบคุณอย่างยิ่งครับ
เพื่อจะได้กลับมาอ่านทีหลัง
หากเยอะไปหรือ ทำให้เพื่อนๆ รำคาญในต้องขออภัยด้วยครับ
หากบางหัวข้อไม่มีเนื้อ หรือ เพื่อนๆ บันทึกเนื้อข่าวเพิ่มให้จะขอบคุณอย่างยิ่งครับ
- mr_chai
- Verified User
- โพสต์: 754
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 3
การตีแผ่บทความสู่สาธารณะ เปิดสิ่งที่ต้องใช้เหตุผลมาอธิบบายประกอบครับ เพราะฉะนั้น
นักวิเคราะห์เค้าจะใช้หลักการที่ดูยุ่งยากซับซ้อน ปวดหัว ปวดตับๆๆๆๆ...
แต่สำหรับผม ผมจะดูPEเฉลี่ยของอุตสาหกรรม แล้วก็ PE เฉลี่ยของบริษัทที่ประกอบกิจการลักษณะคล้ายๆกัน
แล้วก็ดูว่าบริษัทที่เรากำลังประเมิณควรจะให้เท่าไหร่ดี .. ลงทุนไปเรื่อยๆก็จะรู้เองครับว่าบริษัทประเภทไหน
ควรให้ PE เท่าไหร่
(ลองอ่านบทความ PE ของพี่ yoyo ดูครับ http://yoyoway.com/ )
ผมว่าสุดท้ายแล้ว PE เป็นแค่ตัวบอกว่าหุ้นตัวนี้ ณ ราคานี้ ปัจจุบันแพงไปหรือถูกไป ขนาดไหน?
แต่ค่า PE ไม่สามารถบอกได้ว่าในอนาคตหุ้นตัวนี้เกินหรือต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสมหรือหรือยัง
สิ่งจะที่บอกได้ว่าเหมาะสมหรือไม่นั้นก็คือ ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต
ในอีก 2ปีหรือ 5 หรือ10 ปีข้างหน้าต่างหากครับ
การใช้หลักการที่ซับซ้อนแบบที่นักวิเคราะห์ออกบทวิเคราะห์มา อาจจะทำให้เราสับสน งุงงง งงงวย
ก็ได้ครับ เพราะนักวิเคราะห์แนะนำ "buy" .. นักลงทุน "sell" -- นักวิเคราะห์แนะนำ "sell" .. นักลงทุน "buy"
นักวิเคราะห์แนะนำ "hold" .. ก็ "ตัวใครตัวมัน" 55555
นักวิเคราะห์เค้าจะใช้หลักการที่ดูยุ่งยากซับซ้อน ปวดหัว ปวดตับๆๆๆๆ...
แต่สำหรับผม ผมจะดูPEเฉลี่ยของอุตสาหกรรม แล้วก็ PE เฉลี่ยของบริษัทที่ประกอบกิจการลักษณะคล้ายๆกัน
แล้วก็ดูว่าบริษัทที่เรากำลังประเมิณควรจะให้เท่าไหร่ดี .. ลงทุนไปเรื่อยๆก็จะรู้เองครับว่าบริษัทประเภทไหน
ควรให้ PE เท่าไหร่
(ลองอ่านบทความ PE ของพี่ yoyo ดูครับ http://yoyoway.com/ )
ผมว่าสุดท้ายแล้ว PE เป็นแค่ตัวบอกว่าหุ้นตัวนี้ ณ ราคานี้ ปัจจุบันแพงไปหรือถูกไป ขนาดไหน?
แต่ค่า PE ไม่สามารถบอกได้ว่าในอนาคตหุ้นตัวนี้เกินหรือต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสมหรือหรือยัง
สิ่งจะที่บอกได้ว่าเหมาะสมหรือไม่นั้นก็คือ ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต
ในอีก 2ปีหรือ 5 หรือ10 ปีข้างหน้าต่างหากครับ
การใช้หลักการที่ซับซ้อนแบบที่นักวิเคราะห์ออกบทวิเคราะห์มา อาจจะทำให้เราสับสน งุงงง งงงวย
ก็ได้ครับ เพราะนักวิเคราะห์แนะนำ "buy" .. นักลงทุน "sell" -- นักวิเคราะห์แนะนำ "sell" .. นักลงทุน "buy"
นักวิเคราะห์แนะนำ "hold" .. ก็ "ตัวใครตัวมัน" 55555
" คนที่มีความสุขที่สุด ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งที่ดีที่สุด เพียงรู้จักพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี
เขาก็จะกลายเป็นคนที่มีความสุขที่สุด "
วอเรนท์ บัฟเฟต
เขาก็จะกลายเป็นคนที่มีความสุขที่สุด "
วอเรนท์ บัฟเฟต
-
- Verified User
- โพสต์: 495
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 4
ในมุมมองของผมนะครับ ถ้ากำไรบริษัทสามารถเติบโตได้ 10 % ตลอด
P/E ก็ไม่ควรจะต่ำกว่า 10 ถ้าต่ำกว่านี้แปลว่าเริ่มถูกนะครับ
แต่เนื่องจากการกำไรต้นทบนั้นทำให้ P/E มักจะสูงกว่าสิบเป็นประจำ
สมมติว่า p = 10, E=1
ปีที่1 p=10 ,E=1 P/E=10
ปีที่2 p=10 ,E=1.1 P/E=9.09
ปีที่3 p=10 ,E=1.21 P/E=8.26
ปีที่4 p=10 ,E=1.33 P/E=7.51
ปีที่5 p=10 ,E=1.46 P/E=6.84
ถ้าราคาไม่ไปไหนแต่กำไรขึ้นเรื่อยๆ forward p/e ปีที่5 จะเหลืิอเพียง 6.84
ซึ่งหมายความว่าถ้าซื้อเลย ณ ตอนนั้นอีก 5 ปี มันจะต่ำกว่า value ของตัวมันเอง
แต่ก็ไม่มีอะไรมาบอกไ้ด้ว่าบริษัทจะสามารถทำกำไรได้ 10 % ต้นทบนะครับ
P/E ก็ไม่ควรจะต่ำกว่า 10 ถ้าต่ำกว่านี้แปลว่าเริ่มถูกนะครับ
แต่เนื่องจากการกำไรต้นทบนั้นทำให้ P/E มักจะสูงกว่าสิบเป็นประจำ
สมมติว่า p = 10, E=1
ปีที่1 p=10 ,E=1 P/E=10
ปีที่2 p=10 ,E=1.1 P/E=9.09
ปีที่3 p=10 ,E=1.21 P/E=8.26
ปีที่4 p=10 ,E=1.33 P/E=7.51
ปีที่5 p=10 ,E=1.46 P/E=6.84
ถ้าราคาไม่ไปไหนแต่กำไรขึ้นเรื่อยๆ forward p/e ปีที่5 จะเหลืิอเพียง 6.84
ซึ่งหมายความว่าถ้าซื้อเลย ณ ตอนนั้นอีก 5 ปี มันจะต่ำกว่า value ของตัวมันเอง
แต่ก็ไม่มีอะไรมาบอกไ้ด้ว่าบริษัทจะสามารถทำกำไรได้ 10 % ต้นทบนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2232
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 5
โดยส่วนตัวผมจะดูp/e โดยลองเทึยบกับกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นดูกับเทียบp/eของหุ้นตัวนั้นเองในอดีตว่าคนส่วนใหญ่ให้ค่าp/eซื้อขายกันที่เท่าไร แต่ผมจะยึดวิธีที่สองมากกว่าอันแรกแล้วดูค่าpegประกอบดูว่าเทียบกับgrowthแล้ว p/eเท่านี้สูงหรือต่ำเกินศักยภาพในการเติบโตหรือไม่
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 6
ไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัวมั้งครับ
ผมคิดว่ามันเป็นศิลปะ
มากกว่าจะเป็นศาสตร์
ส่วนตัวชอบใช้ PE เท่า Growth มาก
แต่ก็ไม่เคยกะเกณฑ์ว่า
PE ต้องเป็นตัวเลขกลมๆ เป๊ะๆ
ในขณะเดียวกันถ้าเราประเมินบริษัท
ในแบบ Worst Case ไว้ด้วย
จะเป็น Margin of Safety ที่ดีมากครับ
แค่นี้ ผมว่าเราก็ไม่จำเป็นแล้วครับ
ว่าเราจะกะ PE ไว้แม่นจริงๆ หรือเปล่า...
ผมคิดว่ามันเป็นศิลปะ
มากกว่าจะเป็นศาสตร์
ส่วนตัวชอบใช้ PE เท่า Growth มาก
แต่ก็ไม่เคยกะเกณฑ์ว่า
PE ต้องเป็นตัวเลขกลมๆ เป๊ะๆ
ในขณะเดียวกันถ้าเราประเมินบริษัท
ในแบบ Worst Case ไว้ด้วย
จะเป็น Margin of Safety ที่ดีมากครับ
แค่นี้ ผมว่าเราก็ไม่จำเป็นแล้วครับ
ว่าเราจะกะ PE ไว้แม่นจริงๆ หรือเปล่า...
-
- Verified User
- โพสต์: 6427
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 7
ผมไม่เห็นต้องใช้ PE เลย
เพราะผมใช้ DDM เป็นหลักเลย
ถ้าแต่ก่อน (3 ปีที่แล้ว) .. yield ตอนจะซื้อ ถ้าต่ำกว่า 10% ไม่สนใจเลย
แต่ตอนนี้ ... แถว 7% ก็เอาแล้ว ..
โดยไปเอาอีก 3.5% กว่าๆ คืนมาจากเครดิตภาษี ..
โดยรวม ก็ได้ 10% กว่าๆอยู่ดี
เผลอๆ มี Capital gain อีก เวลาอยากจะขาย ..
เพราะผมใช้ DDM เป็นหลักเลย
ถ้าแต่ก่อน (3 ปีที่แล้ว) .. yield ตอนจะซื้อ ถ้าต่ำกว่า 10% ไม่สนใจเลย
แต่ตอนนี้ ... แถว 7% ก็เอาแล้ว ..
โดยไปเอาอีก 3.5% กว่าๆ คืนมาจากเครดิตภาษี ..
โดยรวม ก็ได้ 10% กว่าๆอยู่ดี
เผลอๆ มี Capital gain อีก เวลาอยากจะขาย ..
คนที่รู้ว่าตัวเองยังไม่รู้ ย่อมมีโอกาสเรียนรู้
- OutOfMyMind
- Verified User
- โพสต์: 1232
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 8
สำหรับผม PE เอาไว้ดูว่าราคาตอนนี้มันถูกหรือเปล่า
แต่ไม่คิดว่าเราจะประเมิณ PE ที่เหมาะสมของบริษัทใด ๆ ออกมาได้อย่างแม่นยำนะครับ
แต่ไม่คิดว่าเราจะประเมิณ PE ที่เหมาะสมของบริษัทใด ๆ ออกมาได้อย่างแม่นยำนะครับ
แชทบอทสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
https://www.chathoon.com/
https://www.chathoon.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 93
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 9
ลองศึกษา dcf ดู น่าจะช่วย ทำให้ทำให้ประยุกต์ใช้ pe ได้ดีขึ้นครับ จะทำให้เข้าใจว่า
ทำไมหุ้น ต่างอุตสาหกรรมถึงมี pe ต่างกันฟ้ากับเหว
หรือแม้แต่ในอุตสาหกรรมเดียวกันบางที pe ต่างกันเท่าตัว
ทำไมหุ้น ต่างอุตสาหกรรมถึงมี pe ต่างกันฟ้ากับเหว
หรือแม้แต่ในอุตสาหกรรมเดียวกันบางที pe ต่างกันเท่าตัว
Learn the past.
Match the present.
Creat the future.
Match the present.
Creat the future.
-
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 10
ลองใช้ Justified P/E ดูสิครับ
Justifieg P/E เป็นการหา P/E ที่เหมาะโดยอ้างอิงจากปัจจัยพื้นฐาน
โดยจะมี 2 แบบนะครับ
1.Justified Leading P/E = (1-b)/(Re-g)
2.Justified Trialing P/E = ((1-b)*g)/(Re-g)
สูตรนี้ประยุกต์มาจาก Gordon Model ครับ
โดยจะเหมาะสมกับธุรกิจที่เข้าสู่ช่วง Maturity นะครับ เนื่องจากสูตรจะสมมติ
ว่า G คงที่ไปตลอด
แต่ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการหา Terminal Value ในการทำ DCF ไ้ด้ครับ
(หากยังสงสัยถามเพิ่มละกันครับ)
Justifieg P/E เป็นการหา P/E ที่เหมาะโดยอ้างอิงจากปัจจัยพื้นฐาน
โดยจะมี 2 แบบนะครับ
1.Justified Leading P/E = (1-b)/(Re-g)
2.Justified Trialing P/E = ((1-b)*g)/(Re-g)
สูตรนี้ประยุกต์มาจาก Gordon Model ครับ
โดยจะเหมาะสมกับธุรกิจที่เข้าสู่ช่วง Maturity นะครับ เนื่องจากสูตรจะสมมติ
ว่า G คงที่ไปตลอด
แต่ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการหา Terminal Value ในการทำ DCF ไ้ด้ครับ
(หากยังสงสัยถามเพิ่มละกันครับ)
การเปลี่ยนแปลง เริ่มต้นจากการยอมรับ
- Financeseed
- Verified User
- โพสต์: 1304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 11
เรียนถามครับ
กรณีที่ 1.Justified Leading P/E = (1-b)/(Re-g)
กรณีที่ 2.Justified Trialing P/E = ((1-b)*g)/(Re-g)
- กรณีที่ 1 และ 2 ใช้แตกต่างกันไหมครับ เช่น สูตรนี้ ต้องใช้กับหุ้นเติบโต หรือ ใช้ กับหุ้นวัฏจักร
- ตัวแปรที่ใช้ คือ แทน อะไรบ้างครับ เช่น g คือ อัตราการเติบโต, b และ Re คือ ไรหรอครับ
- ถ้าพี่ลองยกตัวอย่างแต่ละ กรณีมาประกอบ จะดีมากเลยครับ
ขอบคุณมาก เลยครับ
กรณีที่ 1.Justified Leading P/E = (1-b)/(Re-g)
กรณีที่ 2.Justified Trialing P/E = ((1-b)*g)/(Re-g)
- กรณีที่ 1 และ 2 ใช้แตกต่างกันไหมครับ เช่น สูตรนี้ ต้องใช้กับหุ้นเติบโต หรือ ใช้ กับหุ้นวัฏจักร
- ตัวแปรที่ใช้ คือ แทน อะไรบ้างครับ เช่น g คือ อัตราการเติบโต, b และ Re คือ ไรหรอครับ
- ถ้าพี่ลองยกตัวอย่างแต่ละ กรณีมาประกอบ จะดีมากเลยครับ
ขอบคุณมาก เลยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 12
ขอโทษครับผมเขียนไม่ค่อยละเอียดfinanceseed เขียน:เรียนถามครับ
กรณีที่ 1.Justified Leading P/E = (1-b)/(Re-g)
กรณีที่ 2.Justified Trialing P/E = ((1-b)*g)/(Re-g)
- กรณีที่ 1 และ 2 ใช้แตกต่างกันไหมครับ เช่น สูตรนี้ ต้องใช้กับหุ้นเติบโต หรือ ใช้ กับหุ้นวัฏจักร
- ตัวแปรที่ใช้ คือ แทน อะไรบ้างครับ เช่น g คือ อัตราการเติบโต, b และ Re คือ ไรหรอครับ
- ถ้าพี่ลองยกตัวอย่างแต่ละ กรณีมาประกอบ จะดีมากเลยครับ
ขอบคุณมาก เลยครับ
b = เปอร์เซ็นต์ของการนำเงินไปลงทุนต่อ
1-b = เปอร์เซ็นต์ของปันผลนั่นเอง (คือปันผลที่เป็นตัวเงินหารกำไรสุทธิ)
Re = Required Rate Return on Equity (ต้นทุนส่วนของเจ้าของ)
g = อัตราการเติบโตของกำไร
การหา b% ให้ดูจาก เปอร์เซ็นการจ่ายปันผลเฉลี่ยย้อนหลังครับ เช่น กำไร 3 บาท ปันผล 1 บาท แสดงว่า ปันผล (1/3)= 33% ดังนั้นเงินลงทุนต่อ (b) เท่ากับ 1-0.33=0.67 ครับ ซึ่งเราจะได้ b ของปีนึงมา จากนั้นหาของปีอื่นๆด้วยแล้วเอามาหาค่าเฉลี่ย
ส่วน Re จะหาได้จากการใช้ CAPM หรือ ใช้ Long Term Bond + Risk Premium ครับ(ผมคิดว่าถ้า beta กว่าหนึ่งมากๆ ใช้วิธี Long Term Bond + Risk Premium ดีกว่าครับ
Link นี้ เป็นการหา Re ด้วย CAPM ครับ
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id ... =5&gblog=4
เน้นว่าสูตรนี้ค่อนข้างเหมาะกับหุ้นอยู่ในช่วงเติบโตเต็มที่ เพราะสมมติฐานว่า g คงที่
โดยส่วนตัวคิดว่าเหมาะกับการหา Terminal Value มากกว่า
การเปลี่ยนแปลง เริ่มต้นจากการยอมรับ
- Financeseed
- Verified User
- โพสต์: 1304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 13
ขอบคุณครับ โง้ ตั้งนาน
-
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 15
ถามว่าเลือกใช้ต่างกันยังไง????bladew124 เขียน:ถามคุณ send ต่อครับ แล้ว leading PE กับ กับ trailing PE
เลือกใช้ต่างกันอย่างไรครับ
อันนี้ผมไม่แน่ใจนะ เอาเป็นตอบว่าผมใช่อย่างไรละกัน
บางครั้งผมใช้ Trailing PE ในการกรองหาหุ้นราคาถูก(แค่กรองนะครับไม่ได้บอกว่าหุ้นตัวนั้นราคาถูก เพราะบางครั้ง PE ที่ต่ำอาจเกินจากกำไรที่ไม่ปกติ) เนื่องจากฐานข้อมูล PE ของ SET หรือ พวก บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆมักเป็น Trailing PE
จากนั้นผมจะใช้ Leading PE เพื่อดูว่าจริงแล้วหุ้นตัวนี้ถูกหรือแพงกันแน่(เนื่องจากการลงทุนต้องมองไปที่อนาคต)
ซึ่งการจะหา Leading PE ได้ ก็ต้องมีการคาดการณ์กำไรในอนาคตครับ
วิธีการใช้ Leading PE เพื่อดูว่าถูกหรือแพง เราอาจเทียบกับ บริษัทที่ทำธุรกิจคล้ายกัน, ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม หรือ ใช้ Justified Leading PE นั่นเอง
สุดท้ายการใช้อัตราส่วนการเงินนั้นบอกแค่ว่า หุ้น A ถูก กว่าหุ้น B แต่ไม่ได้บอกว่า หุ้น A น่าลงทุนนะครับ
บางครั้งทั้งหุ้น A และ B อาจไม่น่าลงทุนทั้งสองตัว ยกเว้น เทียบกับ Justified PE ครับ ถ้าต่ำกว่าแสดงว่าน่าลงทุนครับ
แต่ปัญหาของ Justified PE คือ การที่ Re หรือ g เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยคำตอบที่ได้จะเปลี่ยนแปลงอย่างมาก(ซึ่งการคาดการณ์ Re และ g ที่แน่นอนก็ทำได้ยาก)
ดังนั้นวิธีที่คนส่วนใหญ่ใช้คือการหา Justified PE หรือ ราคาที่เหมาะสมของหุ้นแบบเป็นช่วง (ในกรณีของผมชอบหาแบบ Conservative ไว่ก่อน)
สุดท้ายการตัดสินใจอย่าลืม Margin of Safety และ เมื่อลงทุนไปแล้วก็อย่าลืมเรื่อง Mr.Market
และคิดให้รอบครอบก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ
การเปลี่ยนแปลง เริ่มต้นจากการยอมรับ
-
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 16
ผมแค่เคยเรียนมาถึงได้รู้ครับ ซึ่งทุกคนที่เรียนกับผมก็รู้กันทุกคนfinanceseed เขียน:ขอบคุณครับ โง้ ตั้งนาน
ถ้าคุณ financeseed ได้เรียนด้วยก็จะรู้เช่นกัน
จริงๆตัวผมต้องเรียนรู้อีกเยอะมากๆ ก็พยายามตามอ่านกระทู้ของพี่ในเวบนี้อยู่เหมือนกันครับ
การเปลี่ยนแปลง เริ่มต้นจากการยอมรับ
-
- Verified User
- โพสต์: 97
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 17
ขอบคุณครับ คุณsendsend เขียน:ถามว่าเลือกใช้ต่างกันยังไง????bladew124 เขียน:ถามคุณ send ต่อครับ แล้ว leading PE กับ กับ trailing PE
เลือกใช้ต่างกันอย่างไรครับ
อันนี้ผมไม่แน่ใจนะ เอาเป็นตอบว่าผมใช่อย่างไรละกัน
บางครั้งผมใช้ Trailing PE ในการกรองหาหุ้นราคาถูก(แค่กรองนะครับไม่ได้บอกว่าหุ้นตัวนั้นราคาถูก เพราะบางครั้ง PE ที่ต่ำอาจเกินจากกำไรที่ไม่ปกติ) เนื่องจากฐานข้อมูล PE ของ SET หรือ พวก บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆมักเป็น Trailing PE
จากนั้นผมจะใช้ Leading PE เพื่อดูว่าจริงแล้วหุ้นตัวนี้ถูกหรือแพงกันแน่(เนื่องจากการลงทุนต้องมองไปที่อนาคต)
ซึ่งการจะหา Leading PE ได้ ก็ต้องมีการคาดการณ์กำไรในอนาคตครับ
วิธีการใช้ Leading PE เพื่อดูว่าถูกหรือแพง เราอาจเทียบกับ บริษัทที่ทำธุรกิจคล้ายกัน, ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม หรือ ใช้ Justified Leading PE นั่นเอง
สุดท้ายการใช้อัตราส่วนการเงินนั้นบอกแค่ว่า หุ้น A ถูก กว่าหุ้น B แต่ไม่ได้บอกว่า หุ้น A น่าลงทุนนะครับ
บางครั้งทั้งหุ้น A และ B อาจไม่น่าลงทุนทั้งสองตัว ยกเว้น เทียบกับ Justified PE ครับ ถ้าต่ำกว่าแสดงว่าน่าลงทุนครับ
แต่ปัญหาของ Justified PE คือ การที่ Re หรือ g เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยคำตอบที่ได้จะเปลี่ยนแปลงอย่างมาก(ซึ่งการคาดการณ์ Re และ g ที่แน่นอนก็ทำได้ยาก)
ดังนั้นวิธีที่คนส่วนใหญ่ใช้คือการหา Justified PE หรือ ราคาที่เหมาะสมของหุ้นแบบเป็นช่วง (ในกรณีของผมชอบหาแบบ Conservative ไว่ก่อน)
สุดท้ายการตัดสินใจอย่าลืม Margin of Safety และ เมื่อลงทุนไปแล้วก็อย่าลืมเรื่อง Mr.Market
และคิดให้รอบครอบก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ
ขอถามอีกนิด
จากสูตรแสดงว่า leading PE จะต่ำกว่า trailing PE เสมอ หาก อัตราการเติบโต มากกว่า 1% ถูกต้องหรือปล่าวครับ
หรือ ค่า g ในสูตร ต้องหารด้วยร้อยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 18
[/quote]
ขอบคุณครับ คุณsend
ขอถามอีกนิด
จากสูตรแสดงว่า leading PE จะต่ำกว่า trailing PE เสมอ หาก อัตราการเติบโต มากกว่า 1% ถูกต้องหรือปล่าวครับ
หรือ ค่า g ในสูตร ต้องหารด้วยร้อยครับ[/quote]
โอ้... ขออภัยทุกคนอย่างยิ่งครับ สูตรผมผิดไปครับ
๋๋ี่Justified Trialing PE = ((1-b)*(1+g))/Re-g
(สีแดงคือที่แก้ไขครับ ขออภัยจริงๆ)
จากสูตรจะพบว่า Justified Trialing PE = Justified Leading PE*(1+g)
ดังนั้นหาก g มากกว่าศูนย์ Justified Leading PE จะต่ำกว่า Justified Trialing PE เสมอครับ
ขอบคุณครับ คุณsend
ขอถามอีกนิด
จากสูตรแสดงว่า leading PE จะต่ำกว่า trailing PE เสมอ หาก อัตราการเติบโต มากกว่า 1% ถูกต้องหรือปล่าวครับ
หรือ ค่า g ในสูตร ต้องหารด้วยร้อยครับ[/quote]
โอ้... ขออภัยทุกคนอย่างยิ่งครับ สูตรผมผิดไปครับ
๋๋ี่Justified Trialing PE = ((1-b)*(1+g))/Re-g
(สีแดงคือที่แก้ไขครับ ขออภัยจริงๆ)
จากสูตรจะพบว่า Justified Trialing PE = Justified Leading PE*(1+g)
ดังนั้นหาก g มากกว่าศูนย์ Justified Leading PE จะต่ำกว่า Justified Trialing PE เสมอครับ
การเปลี่ยนแปลง เริ่มต้นจากการยอมรับ
-
- Verified User
- โพสต์: 14
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 19
ผมสนใจวิธี DDM ที่คุณ yy แนะนำมาก หากมีแหล่งข้อมูลที่สามารถเรียนรู้ได้โดยเร็ว จะช่วยมือใหม่อย่างผมได้มากทีเดียว โปรดชี้แนะแหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษาด้วยครับ ขอบคุณมากครับyy เขียน:ผมไม่เห็นต้องใช้ PE เลย
เพราะผมใช้ DDM เป็นหลักเลย
ถ้าแต่ก่อน (3 ปีที่แล้ว) .. yield ตอนจะซื้อ ถ้าต่ำกว่า 10% ไม่สนใจเลย
แต่ตอนนี้ ... แถว 7% ก็เอาแล้ว ..
โดยไปเอาอีก 3.5% กว่าๆ คืนมาจากเครดิตภาษี ..
โดยรวม ก็ได้ 10% กว่าๆอยู่ดี
เผลอๆ มี Capital gain อีก เวลาอยากจะขาย ..
-
- Verified User
- โพสต์: 193
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะรู้ได้ไงว่า เราให้ P/E ตัวนั้น เหมาะ สม
โพสต์ที่ 20
ลองดูอารมณ์ตลาดด้วยก็ดีนะครับ ตอนที่ตลอดหมี ทุกคนเบื่อเลิกเล่นหุ้นกันส่วนใหญ่
หรือข่าวร้ายเต็มตลาดหรือ pannic ในแต่ละปี แต่ละปีจะมีเหตุการณ์แบบนี้เสมอ
เมื่อกรองจนได้หุ้นที่คิดว่าดีพอแล้ว ก็เข้าซื้อตอนช่วงเวลาดังกล่าวผมว่าก็จะปลอดภัย
มากขึ้นอีกระดับ
หรือข่าวร้ายเต็มตลาดหรือ pannic ในแต่ละปี แต่ละปีจะมีเหตุการณ์แบบนี้เสมอ
เมื่อกรองจนได้หุ้นที่คิดว่าดีพอแล้ว ก็เข้าซื้อตอนช่วงเวลาดังกล่าวผมว่าก็จะปลอดภัย
มากขึ้นอีกระดับ