ระหว่าง LTF กับ หุ้น VI
-
- Verified User
- โพสต์: 77
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง LTF กับ หุ้น VI
โพสต์ที่ 4
LTF ตัวไหน ลงแบบ VI ครับ
เข้าใจครับว่า LTF ไง ก็ได้ 30% แน่นอน แต่ที่ถามเพราะอยากรู้ความเห็นเพื่อน ๆ เนื่องจาก LTF ก็มีข้อเสีย คือทิ้งเงินไว้ สามปีกว่า ๆ แต่ถ้าหุ้นเป็นขาลงจริง ๆ หนีก่อนได้ หรือถ้าขาขึ้นหรือได้ถูกตัวจริง (ตีแตก) หุ้น ก็ได้เยอะกว่าครับ
เข้าใจครับว่า LTF ไง ก็ได้ 30% แน่นอน แต่ที่ถามเพราะอยากรู้ความเห็นเพื่อน ๆ เนื่องจาก LTF ก็มีข้อเสีย คือทิ้งเงินไว้ สามปีกว่า ๆ แต่ถ้าหุ้นเป็นขาลงจริง ๆ หนีก่อนได้ หรือถ้าขาขึ้นหรือได้ถูกตัวจริง (ตีแตก) หุ้น ก็ได้เยอะกว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง LTF กับ หุ้น VI
โพสต์ที่ 6
จริง ๆ แล้วคือ 42.8571% ครับProxity เขียน:ไม่ต้องเลือกครับ...ซื้อ LTF แปลว่า ต้นทุนที่คุณซื้อมี MOS ทันที 30% จากเงินคืนภาษีได้คืน
แล้วเอาเงิน 30% ที่ได้คืนนี่แหละไปซื้อหุ้น VI ที่ต้องการ โดยถือว่าหุ้น VI ที่ได้มานี่ ได้มาฟรี !
มาจาก เงินต้นที่เหลือหากไม่ได้ลดหย่อน 70% และกำไรที่ประหยัดภาษีได้ 30%
= 30*100/70 = 42.8571% ต่อ 3 ปี 2 วัน
-
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง LTF กับ หุ้น VI
โพสต์ที่ 7
จากประสบการณ์ตรงเลยครับ ผมซื้อ LTF ทุกปีตามสิทธิ์แบบเต็มจำนวน บนฐานภาษี 30-37%
ปีที่เลวร้ายที่สุดคือ ปี 07 ก่อน Subprime ซื้อกองทุนที่ performance ไม่ค่อยดีนักคือ บัวหลวง LTF
ครบ 5 ปี..ยังมีกำไรเลยครับ 21% (ไม่นับเงินคืนจากการลดหย่อน)
ส่วนปีที่ดีมากคือ LTF ซื้อปี 08 (ซึ่งยังไม่ครบกำหนด) แต่ตอนนี้กำไรแล้ว 73% (ไม่รวมเงินคืนจากภาษี) โดยกองนี้เป็นกอง 70/30 ด้วยซ้ำ
ถ้าเอาเฉลี่ยของผมที่ซื้อมาทุกปี อยู่ที่ 21%-75% แต่ทั่วไปอยู่ราวๆ 35% (นับแต่ปี 04 เป็นต้นมา)
ผมบอกคนรู้จักทุกคน ลูกน้องและเพื่อนที่ทำงานทุกคนว่า LTF ได้สิทธิ์เท่าไร ซื้อให้เต็มที่..
ที่จริงผมว่า ลองคำนวณดูก็ได้ครับ
สมมติ คุณ Xsutt มีเงินตั้งใจซื้อหุ้น VI 7 แสนบาท LTF ได้ผลตอบแทน 35% และคุณ Xsutt ลงทุนเองได้กำไร 100%
> ถ้าซื้อ LTF 5 แสน (ตามสิทธิ์) และซื้อ หุ้น VI 2 แสน+1.5แสน (คืนภาษี)
จะได้เงินคืนมา คือ 6.75+7 = 1.375 ล้าน
> ถ้าไม่ซื้อ LTF เอาเงินไปซื้อหุ้นลงทุนเอง
จะได้เงินคืนมา 1.4 ล้าน
กรณีนี้ ส่วนต่างคือ 2.5 หมื่น บนสมมติฐานว่า คุณ xsutt สามารถสร้างผลตอบแทนได้ 100%
ผมว่าลองคำนวณดูก็อาจจะช่วยได้ครับ..
ส่วนตัวผม..ผมลงทั้ง LTF และซื้อหุ้นเองด้วย..ไม่ได้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ปีที่เลวร้ายที่สุดคือ ปี 07 ก่อน Subprime ซื้อกองทุนที่ performance ไม่ค่อยดีนักคือ บัวหลวง LTF
ครบ 5 ปี..ยังมีกำไรเลยครับ 21% (ไม่นับเงินคืนจากการลดหย่อน)
ส่วนปีที่ดีมากคือ LTF ซื้อปี 08 (ซึ่งยังไม่ครบกำหนด) แต่ตอนนี้กำไรแล้ว 73% (ไม่รวมเงินคืนจากภาษี) โดยกองนี้เป็นกอง 70/30 ด้วยซ้ำ
ถ้าเอาเฉลี่ยของผมที่ซื้อมาทุกปี อยู่ที่ 21%-75% แต่ทั่วไปอยู่ราวๆ 35% (นับแต่ปี 04 เป็นต้นมา)
ผมบอกคนรู้จักทุกคน ลูกน้องและเพื่อนที่ทำงานทุกคนว่า LTF ได้สิทธิ์เท่าไร ซื้อให้เต็มที่..
ที่จริงผมว่า ลองคำนวณดูก็ได้ครับ
สมมติ คุณ Xsutt มีเงินตั้งใจซื้อหุ้น VI 7 แสนบาท LTF ได้ผลตอบแทน 35% และคุณ Xsutt ลงทุนเองได้กำไร 100%
> ถ้าซื้อ LTF 5 แสน (ตามสิทธิ์) และซื้อ หุ้น VI 2 แสน+1.5แสน (คืนภาษี)
จะได้เงินคืนมา คือ 6.75+7 = 1.375 ล้าน
> ถ้าไม่ซื้อ LTF เอาเงินไปซื้อหุ้นลงทุนเอง
จะได้เงินคืนมา 1.4 ล้าน
กรณีนี้ ส่วนต่างคือ 2.5 หมื่น บนสมมติฐานว่า คุณ xsutt สามารถสร้างผลตอบแทนได้ 100%
ผมว่าลองคำนวณดูก็อาจจะช่วยได้ครับ..
ส่วนตัวผม..ผมลงทั้ง LTF และซื้อหุ้นเองด้วย..ไม่ได้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
-
- Verified User
- โพสต์: 411
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง LTF กับ หุ้น VI
โพสต์ที่ 8
ซื้อ LTF ครับ แต่ทยอยซื้อกองที่ลงทุนตลอดทั้งปี ในหุ้นกลุ่มที่ตรงกับที่คุณสนใจ
ประสบการณ์ตรงจากการซื้อ LTF ที่ผ่านมา หากทยอยซื้อจะได้ราคาโดยรวมมี mos สูง
ส่งผลให้ ผลตอบแทนที่ได้รับเมื่อครบกำหนดขายดีพอสมควร ขั้นต่ำที่ 15%
ประสบการณ์ตรงจากการซื้อ LTF ที่ผ่านมา หากทยอยซื้อจะได้ราคาโดยรวมมี mos สูง
ส่งผลให้ ผลตอบแทนที่ได้รับเมื่อครบกำหนดขายดีพอสมควร ขั้นต่ำที่ 15%
-
- Verified User
- โพสต์: 6427
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง LTF กับ หุ้น VI
โพสต์ที่ 10
LTF หมุนรอบใหม่ได้ทุกๆ 3 ปี กว่าๆ
เพราะสามารถนำเงินที่ขายได้ มาซื้อใหม่ โดยได้สิทธิภาษีใหม่อีกครั้งหนึ่ง
หมายความว่า ใช้เงินใหม่จริงๆแค่ 3 ปี
ที่เหลือเอาเงินที่ขายกองทุนที่ซื้อในปีแรกๆ มาซื้อต่อไปเรื่อยๆ
เพราะสามารถนำเงินที่ขายได้ มาซื้อใหม่ โดยได้สิทธิภาษีใหม่อีกครั้งหนึ่ง
หมายความว่า ใช้เงินใหม่จริงๆแค่ 3 ปี
ที่เหลือเอาเงินที่ขายกองทุนที่ซื้อในปีแรกๆ มาซื้อต่อไปเรื่อยๆ
คนที่รู้ว่าตัวเองยังไม่รู้ ย่อมมีโอกาสเรียนรู้
- Skyforever
- Verified User
- โพสต์: 1203
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง LTF กับ หุ้น VI
โพสต์ที่ 11
เทียบแบบนี้อาจจะไม่ได้นะครับ เพราะการลดหย่อนภาษีที่ได้ 35% นั้นได้เพียงครั้งเดียว ในปีที่ซื้อ แต่เราจะต้องถือไว้ถึง 5 ปีปฎิทิน หรือประมาณ 3 ปีตามระยะเวลาจริง ดังนั้นการได้ลดหย่อน 35% ใน 3 ปี ก็เท่ากับประมาณ 10.5% ต่อปีเท่านั้นเองProxity เขียน:จากประสบการณ์ตรงเลยครับ ผมซื้อ LTF ทุกปีตามสิทธิ์แบบเต็มจำนวน บนฐานภาษี 30-37%
ปีที่เลวร้ายที่สุดคือ ปี 07 ก่อน Subprime ซื้อกองทุนที่ performance ไม่ค่อยดีนักคือ บัวหลวง LTF
ครบ 5 ปี..ยังมีกำไรเลยครับ 21% (ไม่นับเงินคืนจากการลดหย่อน)
ส่วนปีที่ดีมากคือ LTF ซื้อปี 08 (ซึ่งยังไม่ครบกำหนด) แต่ตอนนี้กำไรแล้ว 73% (ไม่รวมเงินคืนจากภาษี) โดยกองนี้เป็นกอง 70/30 ด้วยซ้ำ
ถ้าเอาเฉลี่ยของผมที่ซื้อมาทุกปี อยู่ที่ 21%-75% แต่ทั่วไปอยู่ราวๆ 35% (นับแต่ปี 04 เป็นต้นมา)
ผมบอกคนรู้จักทุกคน ลูกน้องและเพื่อนที่ทำงานทุกคนว่า LTF ได้สิทธิ์เท่าไร ซื้อให้เต็มที่..
ที่จริงผมว่า ลองคำนวณดูก็ได้ครับ
สมมติ คุณ Xsutt มีเงินตั้งใจซื้อหุ้น VI 7 แสนบาท LTF ได้ผลตอบแทน 35% และคุณ Xsutt ลงทุนเองได้กำไร 100%
> ถ้าซื้อ LTF 5 แสน (ตามสิทธิ์) และซื้อ หุ้น VI 2 แสน+1.5แสน (คืนภาษี)
จะได้เงินคืนมา คือ 6.75+7 = 1.375 ล้าน
> ถ้าไม่ซื้อ LTF เอาเงินไปซื้อหุ้นลงทุนเอง
จะได้เงินคืนมา 1.4 ล้าน
กรณีนี้ ส่วนต่างคือ 2.5 หมื่น บนสมมติฐานว่า คุณ xsutt สามารถสร้างผลตอบแทนได้ 100%
ผมว่าลองคำนวณดูก็อาจจะช่วยได้ครับ..
ส่วนตัวผม..ผมลงทั้ง LTF และซื้อหุ้นเองด้วย..ไม่ได้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
จากตัวอย่างที่ยกมา หากคิดต่อไปจนครบกำหนด 3 ปี จะพบว่าการลงทุนในหุ้นทั้งหมดได้ผลตอบแทนสูงกว่าการทำ LTF เยอะมาก
ชนะเพราะไม่คิดเอาชนะ กำไรเพราะไม่โลภ ลงทุนอย่างมีความสุขเพราะจิตใจอยู่เหนืออารมณ์ตลาด
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
-
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง LTF กับ หุ้น VI
โพสต์ที่ 12
ผมไม่แน่ใจว่าหลักการคำนวณผิดตรงไหนครับ วานอธิบายอีกครั้งครับSkyforever เขียน: เทียบแบบนี้อาจจะไม่ได้นะครับ เพราะการลดหย่อนภาษีที่ได้ 35% นั้นได้เพียงครั้งเดียว ในปีที่ซื้อ แต่เราจะต้องถือไว้ถึง 5 ปีปฎิทิน หรือประมาณ 3 ปีตามระยะเวลาจริง ดังนั้นการได้ลดหย่อน 35% ใน 3 ปี ก็เท่ากับประมาณ 10.5% ต่อปีเท่านั้นเอง
จากตัวอย่างที่ยกมา หากคิดต่อไปจนครบกำหนด 3 ปี จะพบว่าการลงทุนในหุ้นทั้งหมดได้ผลตอบแทนสูงกว่าการทำ LTF เยอะมาก
ที่ผมยกตัวอย่างนี่ คือ ผลงาน LTF 35% ต่อ 5 ปีปฎิทิน (ผมซื้อเป็นแบบ 70/30 ซึ่งค่าเฉลี่ยอยู่ที่นี่เกือบทุกกองทุนที่ซื้อ) และผลตอบแทนการซื้อหุ้น 100% ก็ต่อรอบ 5 ปีปฎิทินด้วยเช่นกัน (สำหรับผม มันสุงมากแล้ว เพราะว่ากำไรเท่าตัวทุกๆ 5 ปี) แต่เรื่องตัวเลขว่าใครได้เท่าไร ผมไม่ได้มองว่าเป็นสาระสำคัญ เพราะแต่ละคนมี expectation ได้ไม่เท่ากัน แต่ว่าหากว่าหลักการคำนวณ ไม่ถูกต้อง อันนี้ผมกังวลและผมอยากแก้ไขวิธีคิดให้ถูกต้อง
- Skyforever
- Verified User
- โพสต์: 1203
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง LTF กับ หุ้น VI
โพสต์ที่ 13
อ๋อ.. เข้าใจแล้วครับ ตอนแรกไม่ได้บอกว่าผลตอบแทนต่อกี่ปี ผมคิดว่าคำนวณแค่ปีเดียวProxity เขียน:ผมไม่แน่ใจว่าหลักการคำนวณผิดตรงไหนครับ วานอธิบายอีกครั้งครับSkyforever เขียน: เทียบแบบนี้อาจจะไม่ได้นะครับ เพราะการลดหย่อนภาษีที่ได้ 35% นั้นได้เพียงครั้งเดียว ในปีที่ซื้อ แต่เราจะต้องถือไว้ถึง 5 ปีปฎิทิน หรือประมาณ 3 ปีตามระยะเวลาจริง ดังนั้นการได้ลดหย่อน 35% ใน 3 ปี ก็เท่ากับประมาณ 10.5% ต่อปีเท่านั้นเอง
จากตัวอย่างที่ยกมา หากคิดต่อไปจนครบกำหนด 3 ปี จะพบว่าการลงทุนในหุ้นทั้งหมดได้ผลตอบแทนสูงกว่าการทำ LTF เยอะมาก
ที่ผมยกตัวอย่างนี่ คือ ผลงาน LTF 35% ต่อ 5 ปีปฎิทิน (ผมซื้อเป็นแบบ 70/30 ซึ่งค่าเฉลี่ยอยู่ที่นี่เกือบทุกกองทุนที่ซื้อ) และผลตอบแทนการซื้อหุ้น 100% ก็ต่อรอบ 5 ปีปฎิทินด้วยเช่นกัน (สำหรับผม มันสุงมากแล้ว เพราะว่ากำไรเท่าตัวทุกๆ 5 ปี) แต่เรื่องตัวเลขว่าใครได้เท่าไร ผมไม่ได้มองว่าเป็นสาระสำคัญ เพราะแต่ละคนมี expectation ได้ไม่เท่ากัน แต่ว่าหากว่าหลักการคำนวณ ไม่ถูกต้อง อันนี้ผมกังวลและผมอยากแก้ไขวิธีคิดให้ถูกต้อง
ถ้าที่คำนวณเป็นการคำนวณต่อ 5 ปีปฎิทิน ผมก็ไม่มีอะไรแย้งครับ
ชนะเพราะไม่คิดเอาชนะ กำไรเพราะไม่โลภ ลงทุนอย่างมีความสุขเพราะจิตใจอยู่เหนืออารมณ์ตลาด
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
-
- Verified User
- โพสต์: 30
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง LTF กับ หุ้น VI
โพสต์ที่ 14
เรียนถาม ครับ
1.ผมเงินเดือน 3,2000 บาทคำนวนภาษีออกมาแล้วฐานภาษี 10 % เสียประมาณ 4000 บาทต่อปี
สามารถซื้อ LTF+RMF ได้เต็มสิทธิ์ ประมาณ 120,000 บาท
กับนำเงินส่วนเดียวกันนี้ไปซื้อหุ้น Vi ปันผล + gain ประมาณ 10 % ต่อปี
อันไหนคุ้มกว่ากันครับ
2.ช่วยแนะนำกองทุน LTF กับ RMF ที่เปิดใหม่ เน้น Vi ให้ด้วยครับ
ขอบคุณครับ
1.ผมเงินเดือน 3,2000 บาทคำนวนภาษีออกมาแล้วฐานภาษี 10 % เสียประมาณ 4000 บาทต่อปี
สามารถซื้อ LTF+RMF ได้เต็มสิทธิ์ ประมาณ 120,000 บาท
กับนำเงินส่วนเดียวกันนี้ไปซื้อหุ้น Vi ปันผล + gain ประมาณ 10 % ต่อปี
อันไหนคุ้มกว่ากันครับ
2.ช่วยแนะนำกองทุน LTF กับ RMF ที่เปิดใหม่ เน้น Vi ให้ด้วยครับ
ขอบคุณครับ
- densin
- Verified User
- โพสต์: 1073
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง LTF กับ หุ้น VI
โพสต์ที่ 15
ถ้าลงทุนหุ้นVIแล้วได้ ปันผล + gain ประมาณ 10 % ต่อปีnivet เขียน:เรียนถาม ครับ
1.ผมเงินเดือน 3,2000 บาทคำนวนภาษีออกมาแล้วฐานภาษี 10 % เสียประมาณ 4000 บาทต่อปี
สามารถซื้อ LTF+RMF ได้เต็มสิทธิ์ ประมาณ 120,000 บาท
กับนำเงินส่วนเดียวกันนี้ไปซื้อหุ้น Vi ปันผล + gain ประมาณ 10 % ต่อปี
อันไหนคุ้มกว่ากันครับ
2.ช่วยแนะนำกองทุน LTF กับ RMF ที่เปิดใหม่ เน้น Vi ให้ด้วยครับ
ขอบคุณครับ
ให้ไปลงทุนผ่านกองทุนดีกว่าครับ เฉลียๆประวัติมันได้ 20-40%ต่อปี
ไม่ต้องปวดหัวลงทุนเอง หักภาษีก็ได้
ส่วนเกินจากLTF ท่านสามารถลงทุนกองทุนที่ไม่ใช่LTFได้ไม่จำกัด
กำไรNAVไม่ต้องเสียภาษีอีกต่างหาก (เสียเฉพาะปันผลถ้าเป็นกองปันผล)
ผมรู้จักกองทุนไม่ค่อยเยอะนะครับ รู้แค่2เจ้าที่เห็นว่าผลประกอบการชนะตัวอื่นๆ
ก็ของอยุธยากับอเบอร์ดีนนี่แหละ
VI สายมืด = VI หน้ามืดซื้อตัวฮอทๆอย่าไม่ลืมหูลืมตา
-
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง LTF กับ หุ้น VI
โพสต์ที่ 16
คงมีอะไรผิดแล้วกระมังครับ..เงินเดือนเดือนละ 3200 บาท ไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีnivet เขียน:เรียนถาม ครับ
1.ผมเงินเดือน 3,2000 บาทคำนวนภาษีออกมาแล้วฐานภาษี 10 % เสียประมาณ 4000 บาทต่อปี
สามารถซื้อ LTF+RMF ได้เต็มสิทธิ์ ประมาณ 120,000 บาท
กับนำเงินส่วนเดียวกันนี้ไปซื้อหุ้น Vi ปันผล + gain ประมาณ 10 % ต่อปี
อันไหนคุ้มกว่ากันครับ
2.ช่วยแนะนำกองทุน LTF กับ RMF ที่เปิดใหม่ เน้น Vi ให้ด้วยครับ
ขอบคุณครับ
หากเงินเดือน 32,000 บาท ซื้อ LTF ได้ราวๆ 5 หมื่นเท่านั้นครับ ไม่ถึงแสน
การซื้อ LTF ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อกองเปิดใหม่ครับ เอากองเก่าที่ผลงานดีดีกว่าครับ
- tradtrae
- Verified User
- โพสต์: 247
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง LTF กับ หุ้น VI
โพสต์ที่ 17
ผมซื้อ LTF ตั้งแต่ปี 05 จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ขาย ตัวที่ได้ส่วนต่างของราคาสูงสุดคือ Aberdeen ที่มีส่วนต่างถึง 151.26% นอกนั้นเฉลี่ย 50% ยกเว้นของปี 09 ที่เฉลี่ย 42% และ และ 10 ยังต่ำอยู่
หากคิดตามโลจิกของ จขกท คือ มีฐานภาษีที่ 30% เท่ากับว่า ตลอด 5 ปีปฏิทินจะได้กำไรถึง 80% เอา 3 หารจะได้ประมาณ 27% เฉลี่ยต่อปี
มาที่หุ้นที่ผมลงทุนเมื่อปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ลงทุนแบบเด็กหัดลงทุนได้เพียงแค่นี้เอง เชื่อว่าคนที่เชี่ยวชาญกว่าผมน่าจะได้มากกว่า
แต่หากมองแบบลวกๆ แล้ว ถ้ามือใหม่หัดลงทุน ผมเชื่อว่าลงทุนใน LTF จะคุ้มกว่า และถ้าผู้มีความเชี่ยวชาญสูง ผมว่าลงทุนในหุ้นน่าจะมีกำไรมากกว่า
หากคิดตามโลจิกของ จขกท คือ มีฐานภาษีที่ 30% เท่ากับว่า ตลอด 5 ปีปฏิทินจะได้กำไรถึง 80% เอา 3 หารจะได้ประมาณ 27% เฉลี่ยต่อปี
มาที่หุ้นที่ผมลงทุนเมื่อปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ลงทุนแบบเด็กหัดลงทุนได้เพียงแค่นี้เอง เชื่อว่าคนที่เชี่ยวชาญกว่าผมน่าจะได้มากกว่า
แต่หากมองแบบลวกๆ แล้ว ถ้ามือใหม่หัดลงทุน ผมเชื่อว่าลงทุนใน LTF จะคุ้มกว่า และถ้าผู้มีความเชี่ยวชาญสูง ผมว่าลงทุนในหุ้นน่าจะมีกำไรมากกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง LTF กับ หุ้น VI
โพสต์ที่ 19
คงมีอะไรผิดแล้วกระมังครับ..เงินเดือนเดือนละ 3200 บาท ไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีProxity เขียน:nivet เขียน:เรียนถาม ครับ
1.ผมเงินเดือน 3,2000 บาทคำนวนภาษีออกมาแล้วฐานภาษี 10 % เสียประมาณ 4000 บาทต่อปี
สามารถซื้อ LTF+RMF ได้เต็มสิทธิ์ ประมาณ 120,000 บาท
กับนำเงินส่วนเดียวกันนี้ไปซื้อหุ้น Vi ปันผล + gain ประมาณ 10 % ต่อปี
อันไหนคุ้มกว่ากันครับ
2.ช่วยแนะนำกองทุน LTF กับ RMF ที่เปิดใหม่ เน้น Vi ให้ด้วยครับ
ขอบคุณครับ
หากเงินเดือน 32,000 บาท ซื้อ LTF ได้ราวๆ 5 หมื่นเท่านั้นครับ ไม่ถึงแสน
การซื้อ LTF ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อกองเปิดใหม่ครับ เอากองเก่าที่ผลงานดีดีกว่าครับ[/quote
ไม่แน่ใจนะครับ แต่เหมือน LTF สามารถซื้อเพื่อลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินแสนห้าหรือ 15%ของรายได้รหือเปล่าครับ อย่างกรณีรายได้ปีละซักสี่แสนนี่ก็น่าจะซื้อได้แสนห้าเลยนะครับ แต่ถ้ารายได้ปีละล้านขึ้นนี่ก็ซื้อได้ 15%ของรายได้นะครับ อย่างได้ปีละล้านห้าก็ซื้อได้สองแสนสอง ส่วน RMF จะคล้ายกันแต่ต้องไปหักพวกเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วยครับ แต่ของคุณฐาน10%อย่าซื้อเลยครับ ลดหย่อน10%ได้ปีแรกคิดคร่าวๆ ก็เหมือนลดภาษีได้แค่ปีละ3%กว่าๆเอง แต่เงินไปจมนานอย่างน้อยสามปี เกิดเหตุการณ์ผิดปกติที่หุ้นลงเยอะจะเอาเงินออกมาไม่ได้นะครับ ค่า nav ก็คงลงเยอะเหมือนกัน แต่ ltf ของหยๆที่มันสับกองได้ถ้าเกิดวิกฤตที่หุ้นลงมากและนานก็น่าจะสับไปลงกองที่เน้นตราสารหนี้ที่ nav ไม่น่าจะลดมากแทนได้นะครับ ผิดถูกอย่างไรบอกได้นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง LTF กับ หุ้น VI
โพสต์ที่ 20
LTF ซื้อได้ไม่เกิน 15% ของฐานภาษี แต่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท (มีปรับเปลี่ยน จำได้ปีหนึ่งวิ่งไปถึง 7.5 แสน)
อ้างอิง กรมสรรพากร http://www.rd.go.th/publish/557.0.html
ข้อ 1.5 ครับ
อ้างอิง กรมสรรพากร http://www.rd.go.th/publish/557.0.html
ข้อ 1.5 ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 385
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง LTF กับ หุ้น VI
โพสต์ที่ 21
ผมเคยคำนวณ ถ้าลงทุนในหุ้นได้ดีพอสมควร ฐานภาษี 30% ขึ้นไป ค่อยซื้อ LTF ถึงจะคุ้มครับ
โดยเฉพาะนักลงทุน VI
เพราะว่ากองทุนจะวิ่งตาม SET แต่เราเลือกหุ้นเป็นตัวๆไป + เครดิตภาษีเข้าไปอีก ควรทำผลงานทบต้นดีกว่า
ประเด็นอื่นๆที่ต้องเทียบ ก็เช่น
>ผลงานของกองทุน กับ ของเรา จะวัดกันต้องดูด้วยว่า วัดยังไง เช่น buy & hold หรือ DCA เพราะไม่เท่ากัน
>เงินที่เราออมได้ในแต่ละปี มันเกิน 15% ของรายได้ทั้งปีรึเปล่า ถ้าเกิน ยังไงก็ต้องกลับมาลงทุนในหุ้นอยู่ดี สู้ฝึกฝีมือเองดีกว่า
>นโยบายกองทุน ต้องดูแต่ละกอง บางกองปันผล บางกองไม่ปันผล ถ้าเป็น VI เลือกหุ้นดีจริง 3 ปีคงไม่ขาย ถือไว้มีแต่ปันผลโตตามธุรกิจ แต่กองทุนไม่ใช่แบบนั้น ยิ่งถือไว้นานสิทธิลดหย่อนภาษียิ่งเฉลี่ยต่ำลง
โดยเฉพาะนักลงทุน VI
เพราะว่ากองทุนจะวิ่งตาม SET แต่เราเลือกหุ้นเป็นตัวๆไป + เครดิตภาษีเข้าไปอีก ควรทำผลงานทบต้นดีกว่า
ประเด็นอื่นๆที่ต้องเทียบ ก็เช่น
>ผลงานของกองทุน กับ ของเรา จะวัดกันต้องดูด้วยว่า วัดยังไง เช่น buy & hold หรือ DCA เพราะไม่เท่ากัน
>เงินที่เราออมได้ในแต่ละปี มันเกิน 15% ของรายได้ทั้งปีรึเปล่า ถ้าเกิน ยังไงก็ต้องกลับมาลงทุนในหุ้นอยู่ดี สู้ฝึกฝีมือเองดีกว่า
>นโยบายกองทุน ต้องดูแต่ละกอง บางกองปันผล บางกองไม่ปันผล ถ้าเป็น VI เลือกหุ้นดีจริง 3 ปีคงไม่ขาย ถือไว้มีแต่ปันผลโตตามธุรกิจ แต่กองทุนไม่ใช่แบบนั้น ยิ่งถือไว้นานสิทธิลดหย่อนภาษียิ่งเฉลี่ยต่ำลง
-
- Verified User
- โพสต์: 99
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระหว่าง LTF กับ หุ้น VI
โพสต์ที่ 24
+++ อย่าลืม..ยังมีค่าธรรมเนียมในการบริหาร ต้องเสียอีกปีละ 1.75-2.00 %Skyforever เขียน:
เทียบแบบนี้อาจจะไม่ได้นะครับ เพราะการลดหย่อนภาษีที่ได้ 35% นั้นได้เพียงครั้งเดียว ในปีที่ซื้อ แต่เราจะต้องถือไว้ถึง 5 ปีปฎิทิน หรือประมาณ 3 ปีตามระยะเวลาจริง ดังนั้นการได้ลดหย่อน 35% ใน 3 ปี ก็เท่ากับประมาณ 10.5% ต่อปีเท่านั้นเอง
จากตัวอย่างที่ยกมา หากคิดต่อไปจนครบกำหนด 3 ปี จะพบว่าการลงทุนในหุ้นทั้งหมดได้ผลตอบแทนสูงกว่าการทำ LTF เยอะมาก