เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
- warrant_buffer
- Verified User
- โพสต์: 235
- ผู้ติดตาม: 0
เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 1
ผมสงสัยมานานแล้วครับ ว่าคนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนแบบ VI ที่มีชื่อเสียง ในที่นี้ขอยกตัวอย่างมาเพียง 1 ท่านที่คิดว่าทุกๆคนก็น่าจะรู้จักกันดีนั่นก็คือ วอร์เรน บัฟเฟต แล้วกันนะครับ จากการที่ได้ศึกษาประวัติแบบคร่าวๆพบว่า บัฟเฟตมีบุคลิกแบบนึงที่น่าสนใจ คือมีลักษณะการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ซึ่งแตกต่างจากนักลงทุนคนอื่นๆ ในวอลล์สตรีต ที่อาจจะได้กำไรจากการลงทุนมากมาย ซึ่งผลตอบแทนเทียบเป็นเปอร์เซนต์ต่อปีอาจจะมากกว่าบัฟเฟตด้วยซ้ำ แต่ ชีวิตปกติกลับใช้ชีวิตแบบฟุ่มเฟือย อยากได้อะไรก็ต้องได้ อยากซื้ออะไรก็ต้องซื้อ ออกงานสังคมไฮโซ งานสังสรรค์ต่างๆ ซึ่งจริงอยู่ว่าเงินที่ใช้ไปในสิ่งเหล่านั้น อาจจะเป็นจำนวนไม่มาก เมื่อเทียบกับเงินกำไรที่ได้จากการลงทุน แต่ทำไมนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ กลับหลีกเลี่ยงที่จะมีพฤติกรรมเช่นนั้น ในทางตรงกันข้ามกลับทำตัวอีกแบบคือ low profile high profit หรือพยายามอยู่ห่างจากสังคมให้มากที่สุด เพราะอะไร? อย่างนึงที่ผมพอจะคิดออกในตอนนี้คือผู้ที่เป็น VI จริงๆ อาจจะจะเห็นความมหัศจรรย์แห่งการทบต้น ว่าเงินที่เอาไปใช้ฟุ่มเฟือยเหล่านั้น น่าจะสามารถเอาไปใช้ลงทุนให้งอกเงยได้อีกมาก ตรงจุดนั้นผมไม่คัดค้าน แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า จุดที่พอดีคืออะไร ? จริงอยู่ว่าเงินเหล่านั้นสามารถงอกเงยได้ในอนาคต แต่เราเสียโอกาส ในการที่จะใช้ชีวิต ในตอนนี้รึเปล่า? ลองคิดง่ายๆครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าวันนี้คุณยังโสดอยู่ ไม่มีภาระอะไรทั้งสิ้น คุณสามารถใช้เงินเหล่านั้นไปเที่ยวได้รอบโลกในขณะที่คุณยังมีอายุไม่เยอะ แต่ถ้าคุณเอาเงินเหล่านั้นมาลงทุน จริงอยู่ว่าผลตอบแทนที่ได้ในอีก 10-20 ปีข้างหน้า ซึ่งอาจจะให้ผลตอบแทน มากกว่า 10% แบบทบต้นและสามารถทำให้คุณเป็นอิสระทางการเงินได้ แต่ opportunity value ของความรู้สึกและความสนุกที่คุณต้องเสียโอกาสที่จะได้มันใน 10-20 ปี ที่ผ่านพ้นไปนั้น หากสามารถวัดเป็นมูลค่าได้ มันสามารถนำมาเทียบกันได้ไหม (เที่ยวตอนอายุ 18 ปี 30 ปี 45 ปี ผมคิดว่าเมื่อเวลาที่ผ่านไป ความรู้สึกต่อสิ่งต่างๆมันก็ไม่เหมือนกัน) นี่แค่ตัวอย่างในการเที่ยวนะครับ ยังไม่รวมการใช้ชีวิตด้านอื่นๆเช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ etc
ทั้งนี้ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีต่อการลงทุนแบบ vi แต่อย่างใดนะครับ โดยส่วนตัวผมเองก็ลงทุนด้วยวิถีทางนี้มาเป็นระยะเวลาซักพักนึงแล้ว แต่เพียงระหว่างทางเกิดสงสัยปัญหาที่คิดไม่ตกขึ้นมา จึงอยากได้รับคำแนะนำจากท่านอื่นๆ ว่าคิดเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไรบ้างครับ
ทั้งนี้ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีต่อการลงทุนแบบ vi แต่อย่างใดนะครับ โดยส่วนตัวผมเองก็ลงทุนด้วยวิถีทางนี้มาเป็นระยะเวลาซักพักนึงแล้ว แต่เพียงระหว่างทางเกิดสงสัยปัญหาที่คิดไม่ตกขึ้นมา จึงอยากได้รับคำแนะนำจากท่านอื่นๆ ว่าคิดเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไรบ้างครับ
Good investing habits lead to Great return opportunities
- kin
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 2
ผมว่าการกระทำทุกอย่างล้วนมีต้นทุน มนุษย์แต่ละคนย่อมตัดสินใจทำสิ่งที่คุ้มค่ากว่าเสมอ ถ้าได้ผลลัพท์เท่ากันก็จะเลือกทางที่ต้นเองคิดว่าต้นทุนต่ำสุด
ในกรณีของนักลงทุนแบบบัฟเฟต แกคงคิดว่าความสุขจากการเห็นพอร์ตงอกเงยนั้นมีมากกว่าความสุขจากการได้เที่ยวรอบโลก ซึ่งทั้งสองกรณีมีต้นทุนเท่ากัน ดังนั้นการนำเงินไปลงทุนให้พอร์ตโตย่อมคุ้มค่ากว่าในสายตาแก
ผมว่า VI ก็คือ การใช้ชีวิตและลงทุนในแบบที่คน VI มีความสุข น่าจะเป็นอะไรที่มากกว่าเรื่องความร่ำรวยนะ ถ้าอยากรวยจะว่าไปก็รวยแล้วแต่ก็ไม่เห็นเลิก แสดงว่าจริงๆ ไม่ได้อยากรวยแต่อยากเป็นแบบที่ยังเป็นอยู่ตะหาก
ในกรณีของนักลงทุนแบบบัฟเฟต แกคงคิดว่าความสุขจากการเห็นพอร์ตงอกเงยนั้นมีมากกว่าความสุขจากการได้เที่ยวรอบโลก ซึ่งทั้งสองกรณีมีต้นทุนเท่ากัน ดังนั้นการนำเงินไปลงทุนให้พอร์ตโตย่อมคุ้มค่ากว่าในสายตาแก
ผมว่า VI ก็คือ การใช้ชีวิตและลงทุนในแบบที่คน VI มีความสุข น่าจะเป็นอะไรที่มากกว่าเรื่องความร่ำรวยนะ ถ้าอยากรวยจะว่าไปก็รวยแล้วแต่ก็ไม่เห็นเลิก แสดงว่าจริงๆ ไม่ได้อยากรวยแต่อยากเป็นแบบที่ยังเป็นอยู่ตะหาก
- VI Wannabe
- Verified User
- โพสต์: 1013
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 3
อืมประมาณอารมณ์ กระทู้ "ลำบากก่อน ผ่อนคลายที่หลัง" หรือ "บินก่อน ผ่อนทีหลัง" ของคุณโดมไหมนะ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 74&start=0
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 74&start=0
"Attempt to be fearful when others are greedy and to be greedy only when others are fearful"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
- erickiros
- Verified User
- โพสต์: 415
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 4
กำไร = ผลตอบแทน - ต้นทุน
เรื่องต้นทุนและผลตอบแทนของแต่ละคนไม่ใช่แค่ตัวเงินเท่านั้นแต่ขึ้นอยู่กับค่าเสียโอกาสของแต่ละบุคคลด้วย
บางคนอาจคิดว่าถ้าเขาใช้จ่ายเงินในวันนี้จะทำให้เขาเสียโอกาสที่จะใช้จ่ายเงินเพื่อความพึงพอใจในอนาคต
เช่น ขึ้นแต่รถเมล์ไม่ซื้อรถยนต์ส่วนบุคคลเพื่อเก็บเงินไปลงทุนจะได้อิสรภาพทางการเงิน
แต่บางคนคิดว่าถ้าเขาไม่ใช้จ่ายเงินเสียแต่วันนี้ เขาจะเสียโอกาสที่จะได้รับความพึงพอใจ
เช่น ถ้าต้องเดินทางไปในที่ที่ไม่มีรถสาธารณะบ่อยๆ เขาจะซื้อรถยนต์ส่วนบุคคลเพื่อความสะดวกในการเดินทาง
ทางที่ดีเราควรเลือกใช้จ่ายในแต่ละรายการอย่างมีเหตุผล โดยต้องรู้ว่าสิ่งไหนควรจ่ายสิ่งไหนไม่ควรจ่าย
เรื่องต้นทุนและผลตอบแทนของแต่ละคนไม่ใช่แค่ตัวเงินเท่านั้นแต่ขึ้นอยู่กับค่าเสียโอกาสของแต่ละบุคคลด้วย
บางคนอาจคิดว่าถ้าเขาใช้จ่ายเงินในวันนี้จะทำให้เขาเสียโอกาสที่จะใช้จ่ายเงินเพื่อความพึงพอใจในอนาคต
เช่น ขึ้นแต่รถเมล์ไม่ซื้อรถยนต์ส่วนบุคคลเพื่อเก็บเงินไปลงทุนจะได้อิสรภาพทางการเงิน
แต่บางคนคิดว่าถ้าเขาไม่ใช้จ่ายเงินเสียแต่วันนี้ เขาจะเสียโอกาสที่จะได้รับความพึงพอใจ
เช่น ถ้าต้องเดินทางไปในที่ที่ไม่มีรถสาธารณะบ่อยๆ เขาจะซื้อรถยนต์ส่วนบุคคลเพื่อความสะดวกในการเดินทาง
ทางที่ดีเราควรเลือกใช้จ่ายในแต่ละรายการอย่างมีเหตุผล โดยต้องรู้ว่าสิ่งไหนควรจ่ายสิ่งไหนไม่ควรจ่าย
ว่างๆแวะไปเยี่ยมชม blog ของซันได้นะคะ Economics Blog
เนื้อหาของบล็อกนี้จะเกี่ยวกับการนำทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มาอธิบายเรื่องราวต่างๆค่ะ
เนื้อหาของบล็อกนี้จะเกี่ยวกับการนำทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มาอธิบายเรื่องราวต่างๆค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 172
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 5
เคยมีคนเขียนไว้นานแล้ว
ตึงเกินไปก็ไม่ดี หย่อนเกินไปก็ไม่ดี
ทางสายกลางน่าจะกำลังดีสำหรับคำถามนี้หรือไม่ครับ
ในมุมมองของผม เวลา ไม่สามารถซื้อมาได้ด้วยเงิน
ต่อให้คุณรวยแค่ไหนตอนแก่ ก็ไม่สามารถย้อนมาซื้อเวลาได้
แต่ถ้าจะให้แก่ไปแบบไม่มีตังค์คงไม่ดีเช่นกัน
ขอตอบแนวทางกว้างๆ ประมาณนี้
1) แบ่งเงินเก็บพอประมาณไว้ลงทุน 10% ของรายได้ ตรงนี้เยอะไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี ให้เดินทางสายกลางครับ
2) หารายได้เพิ่ม ศึกษาการทำธุรกิจที่ใช้เวลาน้อย ลงทุนน้อย แต่ได้ผลตอบแทนเยอะ เช่น สอนพิเศษวิชาที่ถนัด สะสมแต้มบัตรเครดิตไว้ขาย voucher, ทำเว็บรับจองโรงแรม อะไรก็ได้ ที่ชอบที่ถนัด หรือเรียนต่อสาขาวิชาที่รายได้สูง แล้วแต่คนล่ะครับ
3) แบ่งเวลาดูแลคนที่เรารัก และดูแลตัวเอง
ตามนั้นเลยครับ ตอนนี้ผมขอไปชอปปิ้งกับแฟน ใช้ voucher ฟรีก่อน (แต้มบัตรเครดิตไม่ได้เกิดจากการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนะครับ ใช้ซื้อของปัจจัย 4 นี่แหละ)
มี VI คนนึงทำงานหามรุ่งหามค่ำทิ้งลูกทิ้งเมีย สุดท้ายไปมีอิสรภาพทางการเงินตอนอายุ 60 บนเตียงในโรงพยาบาล...ครอบครัวแตกแยก(เรื่องสมมตินะครับ) คุณ จขกท ว่าคุ้มไหมครับ
ตึงเกินไปก็ไม่ดี หย่อนเกินไปก็ไม่ดี
ทางสายกลางน่าจะกำลังดีสำหรับคำถามนี้หรือไม่ครับ
ในมุมมองของผม เวลา ไม่สามารถซื้อมาได้ด้วยเงิน
ต่อให้คุณรวยแค่ไหนตอนแก่ ก็ไม่สามารถย้อนมาซื้อเวลาได้
แต่ถ้าจะให้แก่ไปแบบไม่มีตังค์คงไม่ดีเช่นกัน
ขอตอบแนวทางกว้างๆ ประมาณนี้
1) แบ่งเงินเก็บพอประมาณไว้ลงทุน 10% ของรายได้ ตรงนี้เยอะไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี ให้เดินทางสายกลางครับ
2) หารายได้เพิ่ม ศึกษาการทำธุรกิจที่ใช้เวลาน้อย ลงทุนน้อย แต่ได้ผลตอบแทนเยอะ เช่น สอนพิเศษวิชาที่ถนัด สะสมแต้มบัตรเครดิตไว้ขาย voucher, ทำเว็บรับจองโรงแรม อะไรก็ได้ ที่ชอบที่ถนัด หรือเรียนต่อสาขาวิชาที่รายได้สูง แล้วแต่คนล่ะครับ
3) แบ่งเวลาดูแลคนที่เรารัก และดูแลตัวเอง
ตามนั้นเลยครับ ตอนนี้ผมขอไปชอปปิ้งกับแฟน ใช้ voucher ฟรีก่อน (แต้มบัตรเครดิตไม่ได้เกิดจากการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนะครับ ใช้ซื้อของปัจจัย 4 นี่แหละ)
มี VI คนนึงทำงานหามรุ่งหามค่ำทิ้งลูกทิ้งเมีย สุดท้ายไปมีอิสรภาพทางการเงินตอนอายุ 60 บนเตียงในโรงพยาบาล...ครอบครัวแตกแยก(เรื่องสมมตินะครับ) คุณ จขกท ว่าคุ้มไหมครับ
ไม่ประมาท
- T50
- Verified User
- โพสต์: 408
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 8
ผมมีประสบการณ์เรื่องหนึ่งครับอยากจะแบ่งปัน
มีอยู่วันหนึ่งผมต้องไปส่งเอกสารที่ไปรษณีย์ ระหว่างที่ผมกำลังกรอกข้อความบนซองจดหมาย
ก็มีคนขอทานคนหนึ่งเดินเข้ามา การแต่งตัวของเขาไม่มีเสื้อผ้า มีผ้าขนหนู 1 ผืน นุ่งไว้ปกปิดท่อนล่าง
ทุกคนในที่ทำการไปรณีย์มองเป็นตาเดียวกันเลยครับ ผมคิดว่าทุกคนคงมองอย่างระวังไม่ให้ชายคนนี้เข้าใกล้
เพราะกลัวอันตราย แต่ผิดคาดเขาไม่ได้จะมาทำร้ายใครหรือแม้จะมาขอเงินก็ไม่ใช่ เขาเดินไปที่เค้าเตอร์แล้ว
บอกกับพนักงานว่า เขาต้องการส่งพัสดุไปให้กับเจ้าของกระเป๋าเงิน ซึ่งเขาเป็นคนเก็บได้ในกระเป๋ามีเงินอยู่ไม่เท่าไรหรอก
แต่เขาบอกว่า เขาสงสารเจ้าของกระเป๋าเพราะต้องเสียไปทำบัตรประชาชน และเอกสารต่างๆ ที่อยู่ในกระเป๋าใหม่
เขาบอกว่าค่าส่งให้คิดจากเจ้าของกระเป๋าก็แล้วกัีน หักเงินจากที่มีในกระเป๋าแล้วเอาใบเสร็จแนบไปให้เขาด้วย
ทุกคนในไปรษรีย์คงจะงงๆ เหมือนกับผม พอส่งเอกสารเสร็จผมยังมานั้งคิดอยู่ว่าถ้าผมเป็นเขาจะทำอย่างไร
จะเอากเงินนั้นไปซะ หรือว่าจะอย่างไรกับมันดี รู้สึกเหมือนกับเขาพึงพอใจกับสิ่งที่เขาเป็นอยู่มากๆ ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไร
ถ้าคุณเป็นเขา คุณจะทำอย่างไรกับกระเป๋าเงิน
มีอยู่วันหนึ่งผมต้องไปส่งเอกสารที่ไปรษณีย์ ระหว่างที่ผมกำลังกรอกข้อความบนซองจดหมาย
ก็มีคนขอทานคนหนึ่งเดินเข้ามา การแต่งตัวของเขาไม่มีเสื้อผ้า มีผ้าขนหนู 1 ผืน นุ่งไว้ปกปิดท่อนล่าง
ทุกคนในที่ทำการไปรณีย์มองเป็นตาเดียวกันเลยครับ ผมคิดว่าทุกคนคงมองอย่างระวังไม่ให้ชายคนนี้เข้าใกล้
เพราะกลัวอันตราย แต่ผิดคาดเขาไม่ได้จะมาทำร้ายใครหรือแม้จะมาขอเงินก็ไม่ใช่ เขาเดินไปที่เค้าเตอร์แล้ว
บอกกับพนักงานว่า เขาต้องการส่งพัสดุไปให้กับเจ้าของกระเป๋าเงิน ซึ่งเขาเป็นคนเก็บได้ในกระเป๋ามีเงินอยู่ไม่เท่าไรหรอก
แต่เขาบอกว่า เขาสงสารเจ้าของกระเป๋าเพราะต้องเสียไปทำบัตรประชาชน และเอกสารต่างๆ ที่อยู่ในกระเป๋าใหม่
เขาบอกว่าค่าส่งให้คิดจากเจ้าของกระเป๋าก็แล้วกัีน หักเงินจากที่มีในกระเป๋าแล้วเอาใบเสร็จแนบไปให้เขาด้วย
ทุกคนในไปรษรีย์คงจะงงๆ เหมือนกับผม พอส่งเอกสารเสร็จผมยังมานั้งคิดอยู่ว่าถ้าผมเป็นเขาจะทำอย่างไร
จะเอากเงินนั้นไปซะ หรือว่าจะอย่างไรกับมันดี รู้สึกเหมือนกับเขาพึงพอใจกับสิ่งที่เขาเป็นอยู่มากๆ ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไร
ถ้าคุณเป็นเขา คุณจะทำอย่างไรกับกระเป๋าเงิน
อย่าไปพนันกับการฟื้นตัวในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทกำลังเสื่อมลง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 10
ผมมองว่าความสุขของหลายคนที่เป็น vi ไม่ใช่ว่ารวยแล้วจะได้ใช้เงินทำโน่นทำนี่
แต่เป็นความสุขที่ได้ลงทุน ได้ถือกิจการดีๆในราคาที่สมเหตุสมผล ได้สะสมความมั่งคั่ง แล้วนำเงินนั้นไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
ผมไม่คิดว่า vi เป็นคนตะหนี่ถี่เหนียว แต่เราจะจ่ายเงินกับสิ่งที่คุ้มค่าเท่านั้น เช่น สุขภาพ การศึกษา การช่วยเหลือสังคม แทนที่จะเดินทางรอบโลก ซื้อเครื่องบิน รถสปอร์ตแพงๆ สร้างคฤหาสร้อยห้องแต่อนิจจาใช้นอนแค่ห้องเดียว เหล่านี้ใช้เงินมหาศาลแต่สร้างความสุขเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแถมได้ประโยชน์แค่ตัวเราคนเดียว
วิธี vi อาจจะเรียนรู้กันได้และได้ผลดีในระยะนึง แต่ระยะยาววิถี vi แบบจิตวิญญานจะทำได้ดีกว่าเพราะมันออกมาจากจิตใจ
แต่เป็นความสุขที่ได้ลงทุน ได้ถือกิจการดีๆในราคาที่สมเหตุสมผล ได้สะสมความมั่งคั่ง แล้วนำเงินนั้นไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
ผมไม่คิดว่า vi เป็นคนตะหนี่ถี่เหนียว แต่เราจะจ่ายเงินกับสิ่งที่คุ้มค่าเท่านั้น เช่น สุขภาพ การศึกษา การช่วยเหลือสังคม แทนที่จะเดินทางรอบโลก ซื้อเครื่องบิน รถสปอร์ตแพงๆ สร้างคฤหาสร้อยห้องแต่อนิจจาใช้นอนแค่ห้องเดียว เหล่านี้ใช้เงินมหาศาลแต่สร้างความสุขเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแถมได้ประโยชน์แค่ตัวเราคนเดียว
วิธี vi อาจจะเรียนรู้กันได้และได้ผลดีในระยะนึง แต่ระยะยาววิถี vi แบบจิตวิญญานจะทำได้ดีกว่าเพราะมันออกมาจากจิตใจ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 13
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 11
Value ใครก็ value มัน ไม่เหมือนกัน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แตกต่าง ก็อยู่ร่วมกันได้ เพราะไม่แตกแยก
คนนอนอยู่ คนผ่านมาเห็นมองว่าขี้เกียจจัง ขณะที่คนนอนคิดว่านี่แหละสุขเล็กๆน้อยๆของชีวิต
ถ้าไม่มีเงินออม ยามวิกฤตจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อของถูก (ช่วยลูกจ้างของบริษัทที่เราซื้อหุ้น ไม่ให้ตกงานไปด้วยในตัว)
ขณะเดียวกัน ถ้าออมจนไม่จ่ายในสิ่งที่คุ้มค่า ผมถือว่ายังไม่เข้าถึงหลัก value
แตกต่าง ก็อยู่ร่วมกันได้ เพราะไม่แตกแยก
คนนอนอยู่ คนผ่านมาเห็นมองว่าขี้เกียจจัง ขณะที่คนนอนคิดว่านี่แหละสุขเล็กๆน้อยๆของชีวิต
ถ้าไม่มีเงินออม ยามวิกฤตจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อของถูก (ช่วยลูกจ้างของบริษัทที่เราซื้อหุ้น ไม่ให้ตกงานไปด้วยในตัว)
ขณะเดียวกัน ถ้าออมจนไม่จ่ายในสิ่งที่คุ้มค่า ผมถือว่ายังไม่เข้าถึงหลัก value
- ซุนเซ็ก
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 13
ความสุขของคนเราต่างกัน ความพอดีก็ต่างกัน
ผมว่าเอาอย่างที่เราเห็นว่าเหมาะดีที่สุดครับ
อย่างวีไอในตำนานไม่ซื้อรถ ผมไม่เห็นต้องทำตาม
ผมชอบรถครับและจะซื้อเมื่อมีเงินครบ แต่ก็ไม่ขนาดต้องดิ้นรนผ่อนส่ง
อย่ารีบเด็ดดอกไม้ แต่ถ้าไม่เด็ดซะเลยก็ไม่รู้จะปลูกไปทำไม
เงินไม่ใช่ความสุข เงินก่อให้เกิดความสุขเมื่อถูกใช้
ผมว่าเอาอย่างที่เราเห็นว่าเหมาะดีที่สุดครับ
อย่างวีไอในตำนานไม่ซื้อรถ ผมไม่เห็นต้องทำตาม
ผมชอบรถครับและจะซื้อเมื่อมีเงินครบ แต่ก็ไม่ขนาดต้องดิ้นรนผ่อนส่ง
อย่ารีบเด็ดดอกไม้ แต่ถ้าไม่เด็ดซะเลยก็ไม่รู้จะปลูกไปทำไม
เงินไม่ใช่ความสุข เงินก่อให้เกิดความสุขเมื่อถูกใช้
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 14
ผมเองทุกวันนี้ก็ยังไม่มีรถขับ เพราะคิดว่าอยู่กทม. อย่างไรเสียระบบขนส่งมวลชนเราก็ดีในระดับหนึ่ง ผมยังมีความสุขกับการนั่งเรือ นั่งรถเมล์ นั่งรถไฟฟ้า ดีเสียอีกได้ทอดสายตาชมตึกรามบ้านช่อง ฟังเพลง เอาหนังสือมาอ่าน ( นี่คือความสุขแบบที่คนมีขับรถเองทำไม่ได้ )
แต่อย่างที่พ่อแม่ผมท่านอยู่ต่างจังหวัด ซึ่งระบบขนส่งมวลชนแย่มาก ผมก็ซื้อรถให้ท่านขับ เืพื่อที่จะไปไหนมาไหนได้สะดวก ( คุณพ่อทำงานที่ต่างอำเภอ ไม่มีรถยนต์จะลำบากมาก ) อันนี้มันคือความจำเป็น ผมก็ไม่ลังเลที่จะจ่าย
ผมว่าวิถีของ VI ไม่ใช่จะอยู่แค่ว่าจะจ่ายหรือไม่จ่าย แต่มันอยู่ที่ว่า "มูลค่า" ที่เราจะได้รับ มันคุ้มค่ากับ "ราคา" ที่เราจ่ายไปขนาดไหน
แต่อย่างที่พ่อแม่ผมท่านอยู่ต่างจังหวัด ซึ่งระบบขนส่งมวลชนแย่มาก ผมก็ซื้อรถให้ท่านขับ เืพื่อที่จะไปไหนมาไหนได้สะดวก ( คุณพ่อทำงานที่ต่างอำเภอ ไม่มีรถยนต์จะลำบากมาก ) อันนี้มันคือความจำเป็น ผมก็ไม่ลังเลที่จะจ่าย
ผมว่าวิถีของ VI ไม่ใช่จะอยู่แค่ว่าจะจ่ายหรือไม่จ่าย แต่มันอยู่ที่ว่า "มูลค่า" ที่เราจะได้รับ มันคุ้มค่ากับ "ราคา" ที่เราจ่ายไปขนาดไหน
- canuseeme
- Verified User
- โพสต์: 302
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 15
ทหาร ตายในสงคราม ครับ
สุขคน ไม่เหมือนกัน ผมละชอบจิงๆอยู่บ้านเฉยๆ อ่านหนังสือ
จะว่าไป ขอโม้หน่อย
1. ช่วง หยุด ยาวปีที่แล้ว ปารตี้แถว ราชประสงค์
ผมนั่งหน้า คอม รวด 7 วันครับ กลับมาคิดว่า เอาเข้าจริงชีวิต ผมนี่
มีความสุขกับ การอยู่บ้าน นะ นี่
2.ทุกคนบอกเรียน วิดวะ ต้องกินเหล้าเป็น จะได้เข้าสังคม เข้า พวกได้
จนปัจุบัน ทำงานแล้ว 8 ปี ยังไม่กินเลย(ก็ มันไม่อร่อยนี่ นา แพงอีก)
ผมก็ยังทำงานได้ ได้รับ คำชม คนงานก็ร่วมงานด้วย ไม่มีปัญหาไรเลย
สุขคน ไม่เหมือนกัน ผมละชอบจิงๆอยู่บ้านเฉยๆ อ่านหนังสือ
จะว่าไป ขอโม้หน่อย
1. ช่วง หยุด ยาวปีที่แล้ว ปารตี้แถว ราชประสงค์
ผมนั่งหน้า คอม รวด 7 วันครับ กลับมาคิดว่า เอาเข้าจริงชีวิต ผมนี่
มีความสุขกับ การอยู่บ้าน นะ นี่
2.ทุกคนบอกเรียน วิดวะ ต้องกินเหล้าเป็น จะได้เข้าสังคม เข้า พวกได้
จนปัจุบัน ทำงานแล้ว 8 ปี ยังไม่กินเลย(ก็ มันไม่อร่อยนี่ นา แพงอีก)
ผมก็ยังทำงานได้ ได้รับ คำชม คนงานก็ร่วมงานด้วย ไม่มีปัญหาไรเลย
ปัญญาไม่มีในผู้ไม่พิจารณา
There is no fate but what we make
https://www.facebook.com/pages/คัดหุ้นซวย
There is no fate but what we make
https://www.facebook.com/pages/คัดหุ้นซวย
- หมักเตา
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 16
กูรูที่ผมนับถือท่านเป็นคุรุ สอนผมมาอย่างนี้ครับ
ว่าให้มีตระกร้าใส่เงินสามใบ
1) ตระกร้าปลอดภัย หน้าตาเรียบๆไม่หวือหวา เงินที่ใส่ไว้ในตระกร้านี้จะพอกพูนอย่างมั่นคง แต่ข้อสำคัญคือ เงินมักจะไม่สูญหาย ตระกร้าใบนี้ให้ใส่เงินได้ทางเดียว คือ เข้าแล้วห้ามเอาออก
2) ตระกร้าเติบโต ใบนี้มักจะทำให้ประหลาดใจ วันดีคืนดีเงินก็พอกพูน วันร้ายคืนร้ายก็หดหาย
3) ตระกร้าความฝ้น ให้ทิ้งไว้เป็นตระกร้าเปล่าๆ ไม่ต้องใส่เงินไว้
เงินเริ่มต้นให้แบ่งไว้ในสองใบแรกตามความเหมาะสม วันดีคืนดีถ้าตระกร้าเติบโตมีเงินพอกพูนมาให้ประหลาดใจ ก็ให้เหลือบไปดูว่ามีเพิ่มมาเท่าไร แล้วแบ่งเงินที่เพิ่มออกเป็นสามส่วน
ส่วนแรกโยนเพิ่มไปในตระกร้าปลอดภัย ส่วนที่สองโยนกลับไปในตระกร้าเติบโต
ส่วนที่เหลือให้ดูว่าพอไหมที่จะถมตระกร้าความฝ้นจนเต็ม
ถ้ายังถมไม่เต็มก็โยนกลับไปไว้ในตระกร้าเติบโต แล้วรอเหตุการณ์ประหลาดใจครั้งหน้า
แต่ถ้าถมได้เต็มจะรอช้าอยู่ใย ถมไปเลยครับ แล้วเปลี่ยนตระกร้าความฝันเป็นตระกร้าว่างๆใบใหม่
เงินจะแบ่งสัดส่วนอย่างไร ตระกร้าแต่ละใบใหญ่เล็กแค่ไหน เหตุและผล ตามความชอบหรือความจำเป็น กูรูบอกว่าตัวเราเองจะรู้และตัดสินใจได้ดีที่สุดครับ และ
Live with Passion!!!
ว่าให้มีตระกร้าใส่เงินสามใบ
1) ตระกร้าปลอดภัย หน้าตาเรียบๆไม่หวือหวา เงินที่ใส่ไว้ในตระกร้านี้จะพอกพูนอย่างมั่นคง แต่ข้อสำคัญคือ เงินมักจะไม่สูญหาย ตระกร้าใบนี้ให้ใส่เงินได้ทางเดียว คือ เข้าแล้วห้ามเอาออก
2) ตระกร้าเติบโต ใบนี้มักจะทำให้ประหลาดใจ วันดีคืนดีเงินก็พอกพูน วันร้ายคืนร้ายก็หดหาย
3) ตระกร้าความฝ้น ให้ทิ้งไว้เป็นตระกร้าเปล่าๆ ไม่ต้องใส่เงินไว้
เงินเริ่มต้นให้แบ่งไว้ในสองใบแรกตามความเหมาะสม วันดีคืนดีถ้าตระกร้าเติบโตมีเงินพอกพูนมาให้ประหลาดใจ ก็ให้เหลือบไปดูว่ามีเพิ่มมาเท่าไร แล้วแบ่งเงินที่เพิ่มออกเป็นสามส่วน
ส่วนแรกโยนเพิ่มไปในตระกร้าปลอดภัย ส่วนที่สองโยนกลับไปในตระกร้าเติบโต
ส่วนที่เหลือให้ดูว่าพอไหมที่จะถมตระกร้าความฝ้นจนเต็ม
ถ้ายังถมไม่เต็มก็โยนกลับไปไว้ในตระกร้าเติบโต แล้วรอเหตุการณ์ประหลาดใจครั้งหน้า
แต่ถ้าถมได้เต็มจะรอช้าอยู่ใย ถมไปเลยครับ แล้วเปลี่ยนตระกร้าความฝันเป็นตระกร้าว่างๆใบใหม่
เงินจะแบ่งสัดส่วนอย่างไร ตระกร้าแต่ละใบใหญ่เล็กแค่ไหน เหตุและผล ตามความชอบหรือความจำเป็น กูรูบอกว่าตัวเราเองจะรู้และตัดสินใจได้ดีที่สุดครับ และ
Live with Passion!!!
-
- Verified User
- โพสต์: 399
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 17
" เสียงข้างใน" เป็นสิ่งมหัศจรรย์ เราได้ยินมัน แต่มันไม่มีเสียง ,,,,,นิ้วกลม
- warrant_buffer
- Verified User
- โพสต์: 235
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 18
ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาร่วมแบ่งปันความคิดเห็นนะครับ หลายๆท่านให้แง่คิดที่ดีมากเลยทีเดียวครับ
คือผมไม่รู้จะอธิบายแนวคิดของผมยังไง จะขอยกกรณีเปรียบเทียบแล้วกันนะครับ
ถ้าเปรียบเทียบในมุมมองของผมการลงทุนในหุ้นก็จะเหมือนกับเด็กที่เตรียมจะสอบอะไรอย่างนึง (คือต้องทำการบ้านมาอย่างดี)
สมมุติให้เตรียมสอบเอ็นทรานซ์ละกันนะครับ (จริงๆปัจจุบันนี้ต้อง Onet Anet แล้ว)
มีเด็กสองคน ทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน อยู่ชั้น ม.4 มีเวลา 2-3 ปีในการเตรียมตัวสอบ
เด็กคนนึงเป็นเด็กเรียน วันๆไม่ค่อยคุยกับใคร เอาแต่เก็บตัวอ่านหนังสือ เพื่อนชวนไปไหนก็ไม่ยอมไป อ่านหนังสือ ติว ทำข้อสอบ ทุกวัน ทั้งวัน ทำอยู่อย่างนั้น แน่นอนล่ะครับว่า ผลที่ออกมา ถ้าคะแนนไม่ดีเด่น อย่างน้อยก็อยู่ระดับกลางๆ ยังไงคะแนนก็ไม่แย่แน่นอน
มีเด็กอีกคนนึง เป็นเด็กกิจกรรม ทำกิจกรรมมาตลอด สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนบ้าง เป็นที่รู้จักของเพื่อนฝูง เพื่อนชวนไปไหนก็ไป เล่นก็ฬาก็ไป เล่นดนตรีก็ไป หรือแม้แต่ไปเที่ยวก็ไป เพื่อนๆทุกคนต่างรัก และ อาจารย์ก็ต่างเอ็นดูเด็กคนนี้มาก
ดูเหมือนทางนึงจะโดดเดี่ยว แต่อีกทางกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น (รึเปล่า?)
แน่นอนว่าถ้าพูดถึงเรื่องเรียน หลายๆคนคงคิดว่า เด็กคนหลังก็ต้องเป็นรองเด็กคนแรกที่วันๆเอาแต่เก็บตัวอ่านหนังสือแน่นอน
จริงอยู่ว่าบางครั้งคนเราก็เลือกอะไรไม่ได้มาก
ถ้าคิดแบบสมัยก่อน เด็กคนแรก ฐานะทางบ้านอาจจะยากจน ทำให้ต้องขวนขวายตั้งใจเรียนหนังสือเพื่อที่จะเรียนสูงๆ
ส่วนเด็กคนที่สองที่บ้านอาจจะมีฐานะที่ดี มีการสนับสนุนและเลี้ยงดูที่ดี และค่อนข้างจะตามใจทำให้อยากทำอะไรก็ได้
วกกลับมาที่เรื่องการลงทุน
เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าเด็กคนแรกไม่เก็บตัวขนาดนั้น แล้วจะได้ผลตอบแทนที่ดีในการเรียน ?
เป็นไปได้ไหมว่า เด็กคนที่สองอาจจะได้ผลตอบแทนทางการเรียนมากกว่าคนแรก เพราะทางบ้านจ้างอาจารย์มาติวนอกเวลา ?
แต่ถ้าผลการเรียนออกมาพอๆกัน เพื่อนๆพี่ๆคิดว่า เด็กคนแรก หรือคนที่สอง เป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่ากันครับ ?
แถมกรณี worst case : ถ้าปีนั้นข้อสอบเกิด surprise ตามที่มีข่าว (http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1611990) ซึ่งไม่มีเนื้อหาในตำราเลย ปรากฎว่าคนแรกตก คนที่สองผ่าน ถ้าสมมุติให้เพื่อนๆพี่ๆเป็นเด็กคนแรก จะทำอย่างไรต่อไปดีครับ ?
เอ๊ะ นี่ผมคิดมากไปปะคับเนี่ย
VI Wannabe เขียน:อืมประมาณอารมณ์ กระทู้ "ลำบากก่อน ผ่อนคลายที่หลัง" หรือ "บินก่อน ผ่อนทีหลัง" ของคุณโดมไหมนะ
<span><a class="smarterwiki-linkify" href="http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... </a></span>
ทั้งสองกระทู้นี้ แนวคิดคล้ายๆกันเลยครับ แต่ผมมองในอีกมุม คือมองกลับกันน่ะครับ0N0111 เขียน:<span><a class="smarterwiki-linkify" href="http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... </a></span>
อันนี้แนวคิดและมุมมองของ ดร.นิเวศน์ ครับ
คือผมไม่รู้จะอธิบายแนวคิดของผมยังไง จะขอยกกรณีเปรียบเทียบแล้วกันนะครับ
ถ้าเปรียบเทียบในมุมมองของผมการลงทุนในหุ้นก็จะเหมือนกับเด็กที่เตรียมจะสอบอะไรอย่างนึง (คือต้องทำการบ้านมาอย่างดี)
สมมุติให้เตรียมสอบเอ็นทรานซ์ละกันนะครับ (จริงๆปัจจุบันนี้ต้อง Onet Anet แล้ว)
มีเด็กสองคน ทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน อยู่ชั้น ม.4 มีเวลา 2-3 ปีในการเตรียมตัวสอบ
เด็กคนนึงเป็นเด็กเรียน วันๆไม่ค่อยคุยกับใคร เอาแต่เก็บตัวอ่านหนังสือ เพื่อนชวนไปไหนก็ไม่ยอมไป อ่านหนังสือ ติว ทำข้อสอบ ทุกวัน ทั้งวัน ทำอยู่อย่างนั้น แน่นอนล่ะครับว่า ผลที่ออกมา ถ้าคะแนนไม่ดีเด่น อย่างน้อยก็อยู่ระดับกลางๆ ยังไงคะแนนก็ไม่แย่แน่นอน
มีเด็กอีกคนนึง เป็นเด็กกิจกรรม ทำกิจกรรมมาตลอด สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนบ้าง เป็นที่รู้จักของเพื่อนฝูง เพื่อนชวนไปไหนก็ไป เล่นก็ฬาก็ไป เล่นดนตรีก็ไป หรือแม้แต่ไปเที่ยวก็ไป เพื่อนๆทุกคนต่างรัก และ อาจารย์ก็ต่างเอ็นดูเด็กคนนี้มาก
ดูเหมือนทางนึงจะโดดเดี่ยว แต่อีกทางกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น (รึเปล่า?)
แน่นอนว่าถ้าพูดถึงเรื่องเรียน หลายๆคนคงคิดว่า เด็กคนหลังก็ต้องเป็นรองเด็กคนแรกที่วันๆเอาแต่เก็บตัวอ่านหนังสือแน่นอน
จริงอยู่ว่าบางครั้งคนเราก็เลือกอะไรไม่ได้มาก
ถ้าคิดแบบสมัยก่อน เด็กคนแรก ฐานะทางบ้านอาจจะยากจน ทำให้ต้องขวนขวายตั้งใจเรียนหนังสือเพื่อที่จะเรียนสูงๆ
ส่วนเด็กคนที่สองที่บ้านอาจจะมีฐานะที่ดี มีการสนับสนุนและเลี้ยงดูที่ดี และค่อนข้างจะตามใจทำให้อยากทำอะไรก็ได้
วกกลับมาที่เรื่องการลงทุน
เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าเด็กคนแรกไม่เก็บตัวขนาดนั้น แล้วจะได้ผลตอบแทนที่ดีในการเรียน ?
เป็นไปได้ไหมว่า เด็กคนที่สองอาจจะได้ผลตอบแทนทางการเรียนมากกว่าคนแรก เพราะทางบ้านจ้างอาจารย์มาติวนอกเวลา ?
แต่ถ้าผลการเรียนออกมาพอๆกัน เพื่อนๆพี่ๆคิดว่า เด็กคนแรก หรือคนที่สอง เป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่ากันครับ ?
แถมกรณี worst case : ถ้าปีนั้นข้อสอบเกิด surprise ตามที่มีข่าว (http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1611990) ซึ่งไม่มีเนื้อหาในตำราเลย ปรากฎว่าคนแรกตก คนที่สองผ่าน ถ้าสมมุติให้เพื่อนๆพี่ๆเป็นเด็กคนแรก จะทำอย่างไรต่อไปดีครับ ?
เอ๊ะ นี่ผมคิดมากไปปะคับเนี่ย
Good investing habits lead to Great return opportunities
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 19
all i got to say is.............
value investing is only a 'generic term', nothing more... however, universally effective across all life platforms...
and
theory of relativity..
if you can understand how all of those connect. you get more than warren buffet............. you get his principles. only be interested in the principles because that's all there is.
value investing is only a 'generic term', nothing more... however, universally effective across all life platforms...
and
theory of relativity..
if you can understand how all of those connect. you get more than warren buffet............. you get his principles. only be interested in the principles because that's all there is.
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 21
"Money is not the most valuable thing in my life; Time is." said Gordon Gekko
มัชฌิมาปฏิปทา
มัชฌิมาปฏิปทา
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 22
+1 ครับ ผมมีโอกาสได้ทำอย่างที่พี่หมอ เพียง 3 เดือน รู้สึกมีอิสระทางใจมากกว่า การขับรถที่ต้องทนเห็นรถติดยาวเป็นขบวนนัก ผมบรรลุเป้าหมายทุกอย่างที่ผมวางไว้reiter เขียน:อย่างไรเสียระบบขนส่งมวลชนเราก็ดีในระดับหนึ่ง ผมยังมีความสุขกับการนั่งเรือ นั่งรถเมล์ นั่งรถไฟฟ้า ดีเสียอีกได้ทอดสายตาชมตึกรามบ้านช่อง ฟังเพลง เอาหนังสือมาอ่าน ( นี่คือความสุขแบบที่คนมีขับรถเองทำไม่ได้ )
ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพจิตที่ดีขึ้น เวลาอ่านหนังสือที่มากขึ้น รวมถึงเงินออมเพื่อลงทุน/เดือน
ในระดับสูงสุด ที่ไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะเงินเดือนบริษัทไม่ปรับขึ้นมา 3 ปีแล้ว แถมยังต้องขับรถอีก
ตอนนี้ผมไม่ได้ทำอย่างนั้นมา 11 เดือนแล้ว เพราะที่บ้านไม่ happy
จะลองขอร้องที่จะกลับไปทำอย่างนั้นอีกครั้งครับ
เพื่อห้วงเวลาแห่งความสุขที่ที่รอคอย
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- kmphol
- Verified User
- โพสต์: 417
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 23
ขอเสริมนิดหนึ่ง VI ไม่ใช่คนตระหนี่ถี่เหนียว แต่ VI ก็ไม่ใช่คนที่ต้องเอาเงินทุกบาทที่หาได้ใส่เข้าไปในหุ้น โดยไม่ยอมเอาเงินไปใช้ในสิ่งที่จำเป็น ใช้ในสิ่งที่ทำให้คุณภาพชีวิตของเราและคนในครอบครัวเราดีขึ้นลูกอิสาน เขียน: ผมไม่คิดว่า vi เป็นคนตะหนี่ถี่เหนียว แต่เราจะจ่ายเงินกับสิ่งที่คุ้มค่าเท่านั้น เช่น สุขภาพ การศึกษา การช่วยเหลือสังคม แทนที่จะเดินทางรอบโลก ซื้อเครื่องบิน รถสปอร์ตแพงๆ สร้างคฤหาสร้อยห้องแต่อนิจจาใช้นอนแค่ห้องเดียว เหล่านี้ใช้เงินมหาศาลแต่สร้างความสุขเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแถมได้ประโยชน์แค่ตัวเราคนเดียว
วิธี vi อาจจะเรียนรู้กันได้และได้ผลดีในระยะนึง แต่ระยะยาววิถี vi แบบจิตวิญญานจะทำได้ดีกว่าเพราะมันออกมาจากจิตใจ
ต้นปี53 ผมเอาเงินครึ่งพอรท ไปซื้อบ้านเดี่ยวใหม่จ่ายสดทั้งก้อน(ซื้อสดเพราะไม่ชอบมีหนี้)ให้ตัวเองและครอบครัวได้อยู่ ผมรู้แก่ใจดีว่าเงินอยู่ในหุ้นยังไงก็โตเร็วกว่าอยู่ในบ้าน
แต่ผมทำแบบนั้นเพื่อคุณภาพชีวิตคนในครอบครัว
แม่ผมอายุ65แล้ว แกเคยอยู่แต่ตึกแถว ทาวนเฮาส์ แกอยากมีบ้านมีพื้นที่ไว้ปลูกต้นไม้เยอะเยอะ บ้านเดี่ยวใหม่ก็ทำเลดี เข้าซอยไม่ลึก มีรถสาธารณะผ่าน หาซื้อของกินก็ง่าย คุณภาพชีวิตแกดีขึ้นกว่าอยู่ที่เดิมแน่นอน ตัวผมอยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน เพราะมีรถขับแต่คนอื่นในครอบครัวเขาขับไม่เปน ถ้าผมรอให้ตัวเองมีซัก100ล้านก่อนค่อยซื้อ แม่ผมคงไม่มี่โอกาสได้เข้ามาอยู่ในบ้านใหม่กับผม คงต้องอยู่บ้านเดิมที่คุณภาพชีวิตด้อยกว่าบ้านปัจจุบัน
ผมว่าคนเรามีเงินแล้ว ต้องรู้จักใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้คุณภาพชีวิตของเราและครอบครัวดีขึ้น ไม่ใช่มีไว้เพื่อให้มันงอกเงยออกไปมากที่สุด โดยลืมไปซึ่งการใช้มันให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตสูงสุด
VI จึงต้องรู้จักผสมผสานการใช้จ่ายเพื่อชีวิต และใช้จ่ายเพื่อการลงทุน ให้เกิดความสมดุลย์ในชีวิต ไม่ใช่แค่ชีวิตนี้ขอมีตัวเลขในพอรทที่สวยหรู แต่ส่วนอื่นอื่นของชีวิตกลับไม่มีอะไรดีขึ้น แบบนี้จะมีเงินไปเพื่ออะไร
-
- Verified User
- โพสต์: 353
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 24
ถามอีกรอบครับkmphol เขียน:ขอเสริมนิดหนึ่ง VI ไม่ใช่คนตระหนี่ถี่เหนียว แต่ VI ก็ไม่ใช่คนที่ต้องเอาเงินทุกบาทที่หาได้ใส่เข้าไปในหุ้น โดยไม่ยอมเอาเงินไปใช้ในสิ่งที่จำเป็น ใช้ในสิ่งที่ทำให้คุณภาพชีวิตของเราและคนในครอบครัวเราดีขึ้น
ต้นปี53 ผมเอาเงินครึ่งพอรท ไปซื้อบ้านเดี่ยวใหม่จ่ายสดทั้งก้อน(ซื้อสดเพราะไม่ชอบมีหนี้)ให้ตัวเองและครอบครัวได้อยู่ ผมรู้แก่ใจดีว่าเงินอยู่ในหุ้นยังไงก็โตเร็วกว่าอยู่ในบ้าน
แต่ผมทำแบบนั้นเพื่อคุณภาพชีวิตคนในครอบครัว
แม่ผมอายุ65แล้ว แกเคยอยู่แต่ตึกแถว ทาวนเฮาส์ แกอยากมีบ้านมีพื้นที่ไว้ปลูกต้นไม้เยอะเยอะ บ้านเดี่ยวใหม่ก็ทำเลดี เข้าซอยไม่ลึก มีรถสาธารณะผ่าน หาซื้อของกินก็ง่าย คุณภาพชีวิตแกดีขึ้นกว่าอยู่ที่เดิมแน่นอน ตัวผมอยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน เพราะมีรถขับแต่คนอื่นในครอบครัวเขาขับไม่เปน ถ้าผมรอให้ตัวเองมีซัก100ล้านก่อนค่อยซื้อ แม่ผมคงไม่มี่โอกาสได้เข้ามาอยู่ในบ้านใหม่กับผม คงต้องอยู่บ้านเดิมที่คุณภาพชีวิตด้อยกว่าบ้านปัจจุบัน
ผมว่าคนเรามีเงินแล้ว ต้องรู้จักใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้คุณภาพชีวิตของเราและครอบครัวดีขึ้น ไม่ใช่มีไว้เพื่อให้มันงอกเงยออกไปมากที่สุด โดยลืมไปซึ่งการใช้มันให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตสูงสุด
VI จึงต้องรู้จักผสมผสานการใช้จ่ายเพื่อชีวิต และใช้จ่ายเพื่อการลงทุน ให้เกิดความสมดุลย์ในชีวิต ไม่ใช่แค่ชีวิตนี้ขอมีตัวเลขในพอรทที่สวยหรู แต่ส่วนอื่นอื่นของชีวิตกลับไม่มีอะไรดีขึ้น แบบนี้จะมีเงินไปเพื่ออะไร
1.ซื้อสดเพราะไม่ชอบมีหนี้
2.ซื้อสดเพราะว่า กำไรจากหุ้นน้อยกว่าดอกเบี้ยจากการผ่อนบ้าน
เป็นข้อไหนครับ
ได้นำไปประดับความรู้ในการเลือกซื้อบ้าน ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 210
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 25
สำหรับผม VI คือวิถีชีวิตครับ
หลักในการดำเนินชีวิต ที่สอนให้เรารู้จักคุณค่าของทุกอย่าง
คุณค่าของแต่ละสิ่งในมุมมองของแต่ละคนก็ต่างกันใช่ไหมครับ
เราไม่จำเป็นต้องอยู่บ้านหลังเล็ก ขับรถคันเดิมแบบ buffet ก็ได้ครับ
เพราะนั่นคือ Buffet ไม่ใช่เรา
ความสุขใครความสุขมันครับ
สุขแบบพอประมาณ ไม่เบียดเบียดอนาคต ไม่ทำให้อนาคตของชีวิตยุ่งเหยิง น่าจะประมาณนั้นนะครับ
ผมชอบอยู่บ้านครับ ไม่ค่อยไปไหนหรอก วันๆนอนอ่านหนังสืออยู่บ้าน
มีความสุขโ-ตรๆ
แต่บางทีก็มีไปเที่ยวเหมือนกัน
พอร์ตก็สวนพอร์ต เงินในกระเป๋าไว้ใช้จ่ายก็ส่วนของมัน
ถ้าคอนโทรลมันได้
ก็ไม่เห็นต้องคิดไรมากนะครับ
เป้าหมายที่วางไว้ ยังไงก็ถึง ผมเชื่อของผมอย่างนั้น
แต่ผมไม่หวังกับความสุข ณ จุดนั้น
เราเดินอย่างมีความสุขได้นี่
อยู่ที่เราเลือกครับ
ส่วนถามว่าเสียดายโอกาสในการไม่ได้เที่ยวรอบโลกหรือไม่ได้ซื้อรถหรูๆขับตอนนี้ไหม
ขอตอบว่าไม่เสียดายครับ , เพราะผมเลือกที่จะยังไม่ทำมัน
เหมือนเก็บไว้เป็นรางวัลของชีวิตน่ะครับ
หลักในการดำเนินชีวิต ที่สอนให้เรารู้จักคุณค่าของทุกอย่าง
คุณค่าของแต่ละสิ่งในมุมมองของแต่ละคนก็ต่างกันใช่ไหมครับ
เราไม่จำเป็นต้องอยู่บ้านหลังเล็ก ขับรถคันเดิมแบบ buffet ก็ได้ครับ
เพราะนั่นคือ Buffet ไม่ใช่เรา
ความสุขใครความสุขมันครับ
สุขแบบพอประมาณ ไม่เบียดเบียดอนาคต ไม่ทำให้อนาคตของชีวิตยุ่งเหยิง น่าจะประมาณนั้นนะครับ
ผมชอบอยู่บ้านครับ ไม่ค่อยไปไหนหรอก วันๆนอนอ่านหนังสืออยู่บ้าน
มีความสุขโ-ตรๆ
แต่บางทีก็มีไปเที่ยวเหมือนกัน
พอร์ตก็สวนพอร์ต เงินในกระเป๋าไว้ใช้จ่ายก็ส่วนของมัน
ถ้าคอนโทรลมันได้
ก็ไม่เห็นต้องคิดไรมากนะครับ
เป้าหมายที่วางไว้ ยังไงก็ถึง ผมเชื่อของผมอย่างนั้น
แต่ผมไม่หวังกับความสุข ณ จุดนั้น
เราเดินอย่างมีความสุขได้นี่
อยู่ที่เราเลือกครับ
ส่วนถามว่าเสียดายโอกาสในการไม่ได้เที่ยวรอบโลกหรือไม่ได้ซื้อรถหรูๆขับตอนนี้ไหม
ขอตอบว่าไม่เสียดายครับ , เพราะผมเลือกที่จะยังไม่ทำมัน
เหมือนเก็บไว้เป็นรางวัลของชีวิตน่ะครับ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 26
พอมีเงิน เราก็อยากจะมีความสุขอย่างนั้นอย่างนี้
ถ้าใครมีเงินแล้ว
ไม่อยากมีความสุขอย่างนั้นอย่างนี้
ก็อาจจะโดนตั้งข้อสงสัยเหมือนที่บัฟเฟตต์โดน ดร.นิเวศน์โดน
ทำไมเป็นอย่างนั้น ทำไมเขาคิดไม่เหมือนเรา
คำตอบก็คือ เพราะตัวเขาไม่เหมือนตัวเรา
ความสุขเขาไม่เหมือนความสุขเรา
ลองมาฟังความสุขของหลวงปู่ดูลย์ดูครับ
ถ้าใครมีเงินแล้ว
ไม่อยากมีความสุขอย่างนั้นอย่างนี้
ก็อาจจะโดนตั้งข้อสงสัยเหมือนที่บัฟเฟตต์โดน ดร.นิเวศน์โดน
ทำไมเป็นอย่างนั้น ทำไมเขาคิดไม่เหมือนเรา
คำตอบก็คือ เพราะตัวเขาไม่เหมือนตัวเรา
ความสุขเขาไม่เหมือนความสุขเรา
ลองมาฟังความสุขของหลวงปู่ดูลย์ดูครับ
* ขอให้ท่านทั้งหลาย สำรวจดูความสุขว่า
ตรงไหนที่ตนเห็นว่ามันสุขที่สุดในชีวิต
ครั้นสำรวจดูแล้วมันก็แค่นั้นแหละ แค่ที่เราเคยพบมาแล้วนั่นเอง
ทำไมจึงไม่มากกว่านั้น มากกว่านั้นไม่มี
โลกนี้มีอยู่แค่นั้นเอง แล้วก็ซ้ำๆ ซากๆ อยู่แค่นั้น
เกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่ร่ำไป
มันจึงน่าจะมีความสุขชนิดพิเศษกว่า
ประเสริฐกว่านั้น ปลอดภัยกว่านั้น
พระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านจึงสละสุขส่วนน้อยนั้นเสีย
เพื่อแสวงหาสุขอันเกิดจากความสงบกาย สงบจิต สงบกิเลส
เป็นความสุขที่ปลอดภัยหาสิ่งใดเปรียบมิได้เลย
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1291
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 27
ถ้าเราลงทุนเเล้วมีความสุขเห็นเงินเพิ่มพูนก็จงลงทุนไปเรื่อยๆ
ถ้าเราชอบกินอาหารเเล้วมีความสุข จงเอาเงินที่ได้จากการลงทุนหาอะไรที่ดีดีทาน
ถ้าเราชอบงานอดิเรกอย่างไร ก็จงเอาเงินที่ได้จากการลงทุนมาใช้จ่ายหาความสุขเหล่านั้นบ้าง
เเต่จงเเบ่งบันเเละมอบความสุขให้คนอื่นๆเมื่อมีโอกาสครับ
ถ้าเราชอบกินอาหารเเล้วมีความสุข จงเอาเงินที่ได้จากการลงทุนหาอะไรที่ดีดีทาน
ถ้าเราชอบงานอดิเรกอย่างไร ก็จงเอาเงินที่ได้จากการลงทุนมาใช้จ่ายหาความสุขเหล่านั้นบ้าง
เเต่จงเเบ่งบันเเละมอบความสุขให้คนอื่นๆเมื่อมีโอกาสครับ
VI Robot The Great
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 28
ถาม จขกท.นิดเดียวว่า ทำไมต้องไปแปลกใจกับคนอื่นล่ะ คนเราจริตต่างกัน
กลับมามองที่ตัวเรา และก็หาสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเราให้เจอดีกว่า
กลับมามองที่ตัวเรา และก็หาสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเราให้เจอดีกว่า
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
- warrant_buffer
- Verified User
- โพสต์: 235
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 29
คือผมต้องการศึกษาวิถีชีวิตและแนวคิดในการดำรงชีวิตของคนอื่นที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนoatty เขียน:ถาม จขกท.นิดเดียวว่า ทำไมต้องไปแปลกใจกับคนอื่นล่ะ คนเราจริตต่างกัน
กลับมามองที่ตัวเรา และก็หาสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเราให้เจอดีกว่า
เพื่อมาปรับใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของตัวเองครับ
Good investing habits lead to Great return opportunities
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: เคล็ดลับ VI คือ แค่การลงทุน หรือ การใช้ชีวิตทั้งชีวิต ?
โพสต์ที่ 30
เมื่อวันก่อนได้อีกโอกาสดู Inception รอบที่ 2...
ผมว่า VI มันเป็นหลักการ เป็นปรัชญาชีวิต... มาจากคำเล็กๆ ง่ายๆ ของคำว่า "คุ้มค่า"... ที่นี้พอคำว่าคุ้มค่าจากการลงทุนจนฝังไปอยู่ในระดับ Inception หรือ อีกนัยยะหนึ่ง คนที่มี Inception ของคำว่าคุ้มค่า มันแพร่ขยายออกมาเป็นการกระทำทุกอย่าง มันเลยเหมือนกลายเป็นวิถีของ VI ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วผมว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่คนที่เอาหลักการลงทุนแบบ VI ไปใช้ จำเป็นต้องเป็น VI โดยวิถีชีวิต
แต่ผมเชื่อว่าคนที่เป็น VI โดยวิถีชีวิตนั้น สามารถลงทุนแบบ VI ได้แนบเนียนที่สุด เพราะ ตัวเอง ชีิวิตทั้งชีิวิตเป็น VI เลยทำให้ไม่ได้ฝืนตัวเองกับการกระทำ การลงทุน เพราะ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของคำว่า "คุ้มค่า" อยู่แล้ว... ในขณะที่ คนที่โดยจริต โดยพื้นฐานเป็นคนฟุ่มเฟือย พอมาลงทุนแบบ VI มันก็อาจจะมีความขัดแย้งอยู่บ้าง ระหว่างในระดับ Inception กับ การกระทำในการลงทุนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่สามารถประสบความสำเร็จโดยเอาหลักการ VI มาใช้ได้...
คล้ายๆ กับว่า... ตามปกติแล้วชอบกินข้าว แต่พอไปอยู่ต่างประเทศต้องกินขนมปัง มันก็กินได้ ดำรงชีวิตอยู่ได้... มันอาจจะไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่...
ดังนั้น... ผมเชื่อว่า VI ถ้าเป็นแค่การลงทุนมันก็ประสบความสำเร็จได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นทั้งชีิวิต แต่ถ้าเป็นทั้งชีิวิตผมว่ามีความสุขกว่า...
ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว การใช้ชีวิต การใช้ข้าวของ หรืออะไรก็แล้วแต่... ผมว่าคำว่า "คุ้มค่า" คำว่า "เหมาะสม" ของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน แตกต่างกันไปตามจริต ตามนิสัย... คำถามที่เราต้องถามตัวเองในการใช้ชีวิตตามวิถีของ VI คือ คำว่า "คุ้มค่า" และ "เหมาะสม" ของเรานั้นอยู่ตรงไหนมากกว่าที่จะไปเทียบกับคนอื่น...
สรุป... ผมว่า Inception นี่สนุกดีนะครับ...
ผมว่า VI มันเป็นหลักการ เป็นปรัชญาชีวิต... มาจากคำเล็กๆ ง่ายๆ ของคำว่า "คุ้มค่า"... ที่นี้พอคำว่าคุ้มค่าจากการลงทุนจนฝังไปอยู่ในระดับ Inception หรือ อีกนัยยะหนึ่ง คนที่มี Inception ของคำว่าคุ้มค่า มันแพร่ขยายออกมาเป็นการกระทำทุกอย่าง มันเลยเหมือนกลายเป็นวิถีของ VI ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วผมว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่คนที่เอาหลักการลงทุนแบบ VI ไปใช้ จำเป็นต้องเป็น VI โดยวิถีชีวิต
แต่ผมเชื่อว่าคนที่เป็น VI โดยวิถีชีวิตนั้น สามารถลงทุนแบบ VI ได้แนบเนียนที่สุด เพราะ ตัวเอง ชีิวิตทั้งชีิวิตเป็น VI เลยทำให้ไม่ได้ฝืนตัวเองกับการกระทำ การลงทุน เพราะ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของคำว่า "คุ้มค่า" อยู่แล้ว... ในขณะที่ คนที่โดยจริต โดยพื้นฐานเป็นคนฟุ่มเฟือย พอมาลงทุนแบบ VI มันก็อาจจะมีความขัดแย้งอยู่บ้าง ระหว่างในระดับ Inception กับ การกระทำในการลงทุนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่สามารถประสบความสำเร็จโดยเอาหลักการ VI มาใช้ได้...
คล้ายๆ กับว่า... ตามปกติแล้วชอบกินข้าว แต่พอไปอยู่ต่างประเทศต้องกินขนมปัง มันก็กินได้ ดำรงชีวิตอยู่ได้... มันอาจจะไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่...
ดังนั้น... ผมเชื่อว่า VI ถ้าเป็นแค่การลงทุนมันก็ประสบความสำเร็จได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นทั้งชีิวิต แต่ถ้าเป็นทั้งชีิวิตผมว่ามีความสุขกว่า...
ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว การใช้ชีวิต การใช้ข้าวของ หรืออะไรก็แล้วแต่... ผมว่าคำว่า "คุ้มค่า" คำว่า "เหมาะสม" ของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน แตกต่างกันไปตามจริต ตามนิสัย... คำถามที่เราต้องถามตัวเองในการใช้ชีวิตตามวิถีของ VI คือ คำว่า "คุ้มค่า" และ "เหมาะสม" ของเรานั้นอยู่ตรงไหนมากกว่าที่จะไปเทียบกับคนอื่น...
สรุป... ผมว่า Inception นี่สนุกดีนะครับ...
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?