ทั้งนี้ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีต่อการลงทุนแบบ vi แต่อย่างใดนะครับ โดยส่วนตัวผมเองก็ลงทุนด้วยวิถีทางนี้มาเป็นระยะเวลาซักพักนึงแล้ว แต่เพียงระหว่างทางเกิดสงสัยปัญหาที่คิดไม่ตกขึ้นมา จึงอยากได้รับคำแนะนำจากท่านอื่นๆ ว่าคิดเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไรบ้างครับ

VI Wannabe เขียน:อืมประมาณอารมณ์ กระทู้ "ลำบากก่อน ผ่อนคลายที่หลัง" หรือ "บินก่อน ผ่อนทีหลัง" ของคุณโดมไหมนะ
<span><a class="smarterwiki-linkify" href="http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... </a></span>
ทั้งสองกระทู้นี้ แนวคิดคล้ายๆกันเลยครับ แต่ผมมองในอีกมุม คือมองกลับกันน่ะครับ0N0111 เขียน:<span><a class="smarterwiki-linkify" href="http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... </a></span>
อันนี้แนวคิดและมุมมองของ ดร.นิเวศน์ ครับ
+1 ครับ ผมมีโอกาสได้ทำอย่างที่พี่หมอ เพียง 3 เดือน รู้สึกมีอิสระทางใจมากกว่า การขับรถที่ต้องทนเห็นรถติดยาวเป็นขบวนนักreiter เขียน:อย่างไรเสียระบบขนส่งมวลชนเราก็ดีในระดับหนึ่ง ผมยังมีความสุขกับการนั่งเรือ นั่งรถเมล์ นั่งรถไฟฟ้า ดีเสียอีกได้ทอดสายตาชมตึกรามบ้านช่อง ฟังเพลง เอาหนังสือมาอ่าน ( นี่คือความสุขแบบที่คนมีขับรถเองทำไม่ได้![]()
)
ขอเสริมนิดหนึ่ง VI ไม่ใช่คนตระหนี่ถี่เหนียว แต่ VI ก็ไม่ใช่คนที่ต้องเอาเงินทุกบาทที่หาได้ใส่เข้าไปในหุ้น โดยไม่ยอมเอาเงินไปใช้ในสิ่งที่จำเป็น ใช้ในสิ่งที่ทำให้คุณภาพชีวิตของเราและคนในครอบครัวเราดีขึ้นลูกอิสาน เขียน: ผมไม่คิดว่า vi เป็นคนตะหนี่ถี่เหนียว แต่เราจะจ่ายเงินกับสิ่งที่คุ้มค่าเท่านั้น เช่น สุขภาพ การศึกษา การช่วยเหลือสังคม แทนที่จะเดินทางรอบโลก ซื้อเครื่องบิน รถสปอร์ตแพงๆ สร้างคฤหาสร้อยห้องแต่อนิจจาใช้นอนแค่ห้องเดียว เหล่านี้ใช้เงินมหาศาลแต่สร้างความสุขเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแถมได้ประโยชน์แค่ตัวเราคนเดียว![]()
วิธี vi อาจจะเรียนรู้กันได้และได้ผลดีในระยะนึง แต่ระยะยาววิถี vi แบบจิตวิญญานจะทำได้ดีกว่าเพราะมันออกมาจากจิตใจ
ถามอีกรอบครับkmphol เขียน:ขอเสริมนิดหนึ่ง VI ไม่ใช่คนตระหนี่ถี่เหนียว แต่ VI ก็ไม่ใช่คนที่ต้องเอาเงินทุกบาทที่หาได้ใส่เข้าไปในหุ้น โดยไม่ยอมเอาเงินไปใช้ในสิ่งที่จำเป็น ใช้ในสิ่งที่ทำให้คุณภาพชีวิตของเราและคนในครอบครัวเราดีขึ้น
ต้นปี53 ผมเอาเงินครึ่งพอรท ไปซื้อบ้านเดี่ยวใหม่จ่ายสดทั้งก้อน(ซื้อสดเพราะไม่ชอบมีหนี้)ให้ตัวเองและครอบครัวได้อยู่ ผมรู้แก่ใจดีว่าเงินอยู่ในหุ้นยังไงก็โตเร็วกว่าอยู่ในบ้าน
แต่ผมทำแบบนั้นเพื่อคุณภาพชีวิตคนในครอบครัว
แม่ผมอายุ65แล้ว แกเคยอยู่แต่ตึกแถว ทาวนเฮาส์ แกอยากมีบ้านมีพื้นที่ไว้ปลูกต้นไม้เยอะเยอะ บ้านเดี่ยวใหม่ก็ทำเลดี เข้าซอยไม่ลึก มีรถสาธารณะผ่าน หาซื้อของกินก็ง่าย คุณภาพชีวิตแกดีขึ้นกว่าอยู่ที่เดิมแน่นอน ตัวผมอยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน เพราะมีรถขับแต่คนอื่นในครอบครัวเขาขับไม่เปน ถ้าผมรอให้ตัวเองมีซัก100ล้านก่อนค่อยซื้อ แม่ผมคงไม่มี่โอกาสได้เข้ามาอยู่ในบ้านใหม่กับผม คงต้องอยู่บ้านเดิมที่คุณภาพชีวิตด้อยกว่าบ้านปัจจุบัน
ผมว่าคนเรามีเงินแล้ว ต้องรู้จักใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้คุณภาพชีวิตของเราและครอบครัวดีขึ้น ไม่ใช่มีไว้เพื่อให้มันงอกเงยออกไปมากที่สุด โดยลืมไปซึ่งการใช้มันให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตสูงสุด
VI จึงต้องรู้จักผสมผสานการใช้จ่ายเพื่อชีวิต และใช้จ่ายเพื่อการลงทุน ให้เกิดความสมดุลย์ในชีวิต ไม่ใช่แค่ชีวิตนี้ขอมีตัวเลขในพอรทที่สวยหรู แต่ส่วนอื่นอื่นของชีวิตกลับไม่มีอะไรดีขึ้น แบบนี้จะมีเงินไปเพื่ออะไร
* ขอให้ท่านทั้งหลาย สำรวจดูความสุขว่า
ตรงไหนที่ตนเห็นว่ามันสุขที่สุดในชีวิต
ครั้นสำรวจดูแล้วมันก็แค่นั้นแหละ แค่ที่เราเคยพบมาแล้วนั่นเอง
ทำไมจึงไม่มากกว่านั้น มากกว่านั้นไม่มี
โลกนี้มีอยู่แค่นั้นเอง แล้วก็ซ้ำๆ ซากๆ อยู่แค่นั้น
เกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่ร่ำไป
มันจึงน่าจะมีความสุขชนิดพิเศษกว่า
ประเสริฐกว่านั้น ปลอดภัยกว่านั้น
พระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านจึงสละสุขส่วนน้อยนั้นเสีย
เพื่อแสวงหาสุขอันเกิดจากความสงบกาย สงบจิต สงบกิเลส
เป็นความสุขที่ปลอดภัยหาสิ่งใดเปรียบมิได้เลย
คือผมต้องการศึกษาวิถีชีวิตและแนวคิดในการดำรงชีวิตของคนอื่นที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนoatty เขียน:ถาม จขกท.นิดเดียวว่า ทำไมต้องไปแปลกใจกับคนอื่นล่ะ คนเราจริตต่างกัน
กลับมามองที่ตัวเรา และก็หาสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเราให้เจอดีกว่า