มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
JARUS
Verified User
โพสต์: 345
ผู้ติดตาม: 0

ขอความเห็นหน่อยครับ

โพสต์ที่ 61

โพสต์

อยากให้เพื่อนๆในที่นี้รวบรวมความเห็นของนักวิเคราะห์ นักเศรษฐศาสตร์ นักต่างๆ.... กับคำทำนายที่ผ่านมา
เช่นดัชนี , น้ำมัน , ทอง , ค่าเงินบาท ฯลฯ และเทียบว่าทำนายหรือวิเคราะห์เป็นอย่างไรบ้างถูกหรือผิดเป็น
กี่เปอร์เซ็นต์ และเมื่อปลายปีถ้าได้อ่านดูก็จะพบว่านักวิเคราะห์ฯ และนักอื่นๆคาดการณ์เกี่ยวกับเงินบาทว่า
เป็นไปเท่านั้นเท่านี้ แต่ปัจจุบันไม่เป็นไปตามคาด ซึ่งก็อีกละเอาเหตุผลว่ามาหักล้างใหม่ (อนาคตอาจจะถูกต้องก็ได้) ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ผู้ลงทุนรายย่อยยิ่งต้องหาความรู้มากกว่าเดิมอีก และสอบถามว่าหากเพื่อนๆทำงานกินเดือนบริษัทฯแล้ววิเคราะห์หุ้นตัวนั้นหรือตัวนี้ให้กับนักลงทุนทราบ หากนักวิเคราะห์ท่านนั้นเมื่อวิเคราะห์ได้ตลอดเนื่องจากรู้ว่าหุ้นขึ้นเพราะเหตุผลนั้น หุ้นลงเพราะเหตุผลนี้ เมื่อทราบแล้วไปลงทุนเองความคุ้มค่าตรงนี้กับเงินเดือนที่นักวิเคราะห์ได้อย่างไหนจะมากกว่ากัน หรือว่าอาจจะรักในอาชีพมากกว่า (อันนี้ยังคงไม่เข้าใจ)
ท้ายสุดกรณีกองทุนรวมที่บริษัทต่างๆออกมาตอนดัชนีเท่านั้นเท่านี้ ผมอยากให้บริษัทฯที่ออกกองทุนต้องใส่เงินของบริษัทลงมาด้วย หากบริหารขาดทุนบริษัทฯควรรับผิดชอบด้วยเพราะไม่ว่าจะบริหารกำไรหรือขาดทุนก็ต้องได้รับค่าบริหารอยู่แล้ว บางท่านอาจแย้งว่าไม่มีใครบังคับให้ลงทุน แต่ผมอยากให้คิดในมุมมองที่ว่า กรณีปัจจุบันมักเปิดเป็นกองทุนที่กำไรถึงเป้าหมายแล้วขายคืนทันที ลองคิดดูว่า หากออกกองที่ดัชนี 1,000 จุด อาจยังไม่ได้คืน แต่เมื่อดัชนีลงไปอีก้ เช่นลงไป 950 จุดก็ออกกองใหม่ , ลงไป 900 จุดก็ออกกองใหม่ หลังจากนั้นพอระยะผ่านไปก็ออกกองใหม่ท่ี่ดัชนีต่างๆกัน แน่นอนว่า พอดัชนีกลับไปที่ 950 หรือ 1000 จุด อย่างนี้จะต้องมีบางกองที่ได้รับผลตอบแทนครบเมื่อลงทุนในดัชนีที่ต่ำ แต่บางกองก็จะติดอยู่ อย่างนี้ก็จะมีกองที่มีตัวชีั้วัดในเรื่องความสำเร็จอยู่ แต่ส่วนกองที่มีความล้มเหลวก็ต้องรอไปก่อน ตรงนี้มองว่า ทางบริษัทผู้ออกกองทุนน่าจะเข้ามาร่วมรับผิดชอบ ได้ผลตอบแทนดี คุณเอาค่าบริหารไปเต็มๆ แต่ถ้าผิดพลาดร่วมกันรับผิดชอบตามสัดส่วนที่สมควร ผมเชื่อว่าเช่นนี้จะเป็นการส่งเสริมให้แต่กองทุนยิ่งต้องบริหารด้วยความระมัดระวังผลประโยชน์จะตกกันตัวผู้ลงทุนและจะกลับไปสร้างความเชื่อถือกับบริษัทผู้ออกกองทุนเหล่านั้นอีกทางหนึ่งด้วย ใครมีความคิดรบกวนเข้ามาแชร์กันครับ ขอบคุณครับ
วรันศ์ บัฟเฟต
Verified User
โพสต์: 1679
ผู้ติดตาม: 0

Re: มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ

โพสต์ที่ 62

โพสต์

ผมมองคนละมิติกันเลยนะครับ

ความเชื่อที่ผิด ....................... เป็นผลของ function ความรู้ และ ความเข้าใจอย่างถูกต้อง

ยิ่งรู้มาก และ เข้าใจสิ่งที่รู้อย่างถูกต้องมาก magnitude ของความเชื่อที่ผิดก้อน้อยลง

สรุปว่า "ความเชื่อ" ไม่มีตัวตนครับ ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล

ถ้าทำตามคนบอกโดยไม่มีการคิดกรองอะไรเลย มันคือการกระทำที่ผิดครับ ความเชื่อนั้นไม่ผิด มันคือ part นึงของ decision making process

ทุกอย่างต้องเกิด belief ก่อนถึงจะเกิด connection ให้ take action ได้.... เช่น FACT --> infoprocessing --> belief --> act on fact

loop ของมันคือ INPUT --> information processing by logic/emotion --> belief --> behavior --> experience ........... และถ้า experience นั้นเป็น positive experience ก็จะเป็น reinforcement สำหรับ belief นั้น ในทางตรงกันข้าม ถ้า experience ออกมาไม่ดี belief นั้นก็ถูกมองว่าไม่ดี และจะย้ายไป loop ใหม่เริ่มต้นที่ belief ใหม่

เฮ้อ.................... หลายคนมันยังไม่รู้ตัว.... พลาดแต่ตอน information processing แล้ว.....

มันเลยยังเป็นแบบนี้ไงครับ แต่ "พวกเรา" รู้ดีกว่าใช่ไม๊ :D
value trap
รูปภาพ
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

Re: มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ

โพสต์ที่ 63

โพสต์

Kung Hey Fat Choi

ส่งเข้าประกวดครับ
หลอกตัวเองครับ
อย่างมีนิทานเปรียบเทียบกับเรื่องนี้
มีนักลงทุนชื่อเม้ง ท่านฝันว่า ตัวท่านนั้นสิ้นบุญแล้ว ท่านได้กลับไปท่องเที่ยวบนสวรรค์ ในขณะที่เดินชมความสวยงามต่างๆ และกำลังจะเข้าประตูสววรค์นั้น ท่านเข้าไปที่ประตูไมได้ เพราะมีคนเหมือนท่านแย่งกันเข้าประตูกันเต็มไปหมดเลย ท่านเลยตะโกนถามเทวดาผู้คลุมประตูว่า คนเหล่านี้เป้นใครกัน ทำบุญด้วยอะไรนะ ถึงได้พากันขึ้นสวรรค์หมดเลย เทวดาตอบกลับไปว่า "ก็เป็นนักลงทุนเหมือนท่าน ท่านจะเปลี่ยนใจมาวันหลังก็ได้นะ " ท่านเม้งบอกว่า "ไม่เป็นไรขอรับ" แล้วก็ตะโดนไปว่า " ในนรกมีการขุดพบทองคำมากมายมหาศาล เอาออกมาเท่าใดก็ไม่หมด ตอนนี้คนในนรกพากันรวยกันหมดแล้ว ออกรถป้ายแดงกันเป็นว่าเล่น จนป้ายแดงไม่พอแล้ว"
แค่นั้นละครับ ประตูโล่งทันที
เทวดาพูดต่อว่า " ท่านฉลาดมาก ท่านเข้าประตูไปได้แล้วครับ"
ตอนนี้ไม่มีใครสักคนเลย จากที่เมื่อกี้ มองไม่เห็นประตูเลย
ท่านเม้งก้าวเข้าไปอย่างช้าๆ หายไปหลับตา
สักพักเดินกลับมาที่ประตู แล้วบอกกกับเทวดาคนเดิมว่า
"ผมจะลงไปดูที่นรกสักหน่อย บางทีอาจมีทองจริงๆ ก็ได้"

จดในบันทึกเอามาแชร์กันครับ
อย่าเชื่อนะครับ 50/50 ไว้ก่อนครับ เดี่ยวจะเหมือนผมโดนหลอกที่เมืองจีน

ถ้าเรายอมรับว่าทกอย่างในโลกล้วนอนิจจัง แล้วกลับด้านทุกสิ่งที่เราเจอทั้งหมด ยิ่งค้นหาเรื่อง reflexivity ในชีวิตประจำวันมากเท่าใด ยิ่งเข้าหาความจริงที่พุทธเจ้าท่านสอนไว้แล้วทั้งนั้น ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ โลกนี้เป็นอนิจจัง ถ้าเราพยายามหาความยึดมั่น ถ้าเราไม่รักษาความสมดุลของชีวิต เราก็โดนโลกหลอกแล้ว

ผมพอจด ๆ ไว้ในสมุดบันทึก
ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ ขอบคุณสำหรับเพื่อนที่แชร์ความรู้ต่างๆ ครับ

1.ประสบการณ์แต่ละคนก็ไม่เคยผิดพลาด มีแต่การตัดสินใจของคนเท่านั้นที่ผิดพลาด เพราะไปยึดมั่นคาดการณ์ผลลัพธ์ว่าจะต้องเป็นแบบที่คิดไว้
2 มีมือที่มองไม่เห็น แต่เชื่อว่ามองเห็น
3. ไม่เข้าใจว่าระบบ capitalism เกิดมาจากความคิดพื้นฐานอย่างไร แต่เชื่อว่าเข้าใจ
4. ไม่เข้าใจว่าสิ่งต่างๆ ล้วนไม่แน่นอน แต่เชื่อว่าสิ่งต่างๆ แน่นอน
5. ไม่เชื่อว่าสิ่งต่างๆ มีความสัมพันธ์เหมือนหยินหยาง
จุดแข็งเป็นต้นเหตุของจุดอ่อน
ความดีเป็นต้นเหตุของความชั่ว
ยิ่งเปลี่ยนแปลงมากเท่าใด ยิ่งเหมือนเดิมมากเท่านั้น
ความสุขเป็นต้นเหตุของการไม่มีความสุข
6. ความเจ็บปวดมากที่สุดที่คนคนหนึ่งจะประสบ คือ การหลอกหลวงตนเอง
7 เราถูกการรับรู้ของตนเองหลอกบ้างไหม
8 ความคิดเห็นและความเชื่อของเราเป็นของตัวเราจริงหรือ
9 หรือว่ามีคนกำหนดกรอบการรับรู้ให้เราได้เดินตามทิศทางนั้น
10 สังเกตว่าความเห็นของใครที่ส่งผลต่อเรามากที่สุดและทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
11 การรับรู้ตามคนอื่นเป็นอย่างไรเมื่อตอนเรียนหนังสือ
12 ระบุหุ้นที่เราลงทุนใน 10 ครั้งหลังสุด (หรือ ในช่วง สองสามเดือนที่ผ่านมา ถ้ามันมากกว่าสิบครั้ง ) เราได้รับอิทธิพลจากอะไรถึงเข้าไปลงทุน อะไรทำให้คิดเช่นนั้น
13 เราใช้กฎเกณอะไรประเมิณข้อมูลที่เราได้รับ
14 เราได้รับอิทธิพลการลงทุนมาจากใครเป็นหลัก เราเชื่อเขามาแค่ไหน เพราะอะไร
15 ความเชื่อใดบ้างที่เรายึดมั่นโดยไมได้ผ่านประสบการณ์ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง มีวิธีที่เรารับมือและทดสอบกับการรับรู้ของเราที่อาจโดนโลกหลอกได้หรือไม่
16 พุทธทาส : ปลาอยู่น้ำ ตาใสไม่เห็นน้ำ นกอยู่ฟ้า ไม่เห็นฟ้า น่าขันไหม
คนอยู่โลก หลงโลกอยู่ร่ำไป
17 นักเรียนมหาวิทยาลัยลัยคนหนึ่งว่าถามเคล้ดลับของโซรอสคืออะไร
โซรอสตอบว่า " I am always wrong and I try to correct my mistakes."

mudley
18 ในเกมที่ต้องเดิมพันกับคู่ต่อสู้ที่เป็นมนุษย์ด้วยกันแล้ว คุณมีอิสระในการเลือก หรือตัดสินใจจริงๆหรือปล่าว หรือการตัดสินใจของคุณเป็นเพียงการวางทางเลือกมาจากฝ่ายตรงข้าม
19 - พื้นฐานของคนมองที่ผลประโยชน์เป็นหลัก ดังนั้นเมื่อคุณวางผลประโยชน์ที่มากเพียงพอที่เค้าจะสนใจแล้ว เค้าก็จะก้าวไปสู้ทางเลือกที่คุณยื่นให้มาเอง โดยคิดว่านั่นหล่ะเป็นการตัดสินใจของเค้าเองและดีที่สุดต่อตัวเค้าเอง
20 - ในการตัดสินใจ ซื้อ/ ขาย ของคุณ คุณบอกว่าคุณตัดสินใจซื้อ ขาย ด้วยกราฟ ก็แสดงว่าคุณอาจถูกชี้นำได้ด้วยกราฟ นั่นคือจุดอ่อนของคุณ ถ้าคู่ต่อสู้รู้ว่าคุณถูกชี้นำได้ง่ายด้วยวิธีไหนคุณจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที
- ภายใต้สถานการณ์บางอย่างมนุษย์จะตัดสินใจด้วยอารมณ์เสมอ
21 - อารมณ์กลัว จะทำให้คุณไม่กล้าตัดสินใจ
22 - อารมณ์ดีใจจะทำให้คุณประมาทคู่ต่อสู้
23- ถ้าคุณเจอคนคลุมเกมระดับสูง เค้าอาจจะไม่ขู่ให้คุณกลัวหรือตกใจ แต่เค้าจะทำให้คุณมีความสุข หรือสนุกสนานแทน คุณอาจจะมีความสุขที่ได้เล่นกับเค้า นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เสียเปรียบโดยไม่รุ้ตัว โดยที่คุณไม่รุ้เลย
24- การมีอารมณ์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ผิด และเป้นสิ่งที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าหากคุณเข้าเป็นเล่นเกมที่มีผลประโยชน์ที่สำคัญต่อตัวคุณไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง คุณควรจะคิดให้ดีๆว่าการใช้อารมณ์นั้นคุ้มหรือไม่ ที่จะเสี่ยงกับผลประโยชน์
25- มนุษย์จะไม่ยอมรับในข้อผิดพลาดของตัวเอง คุณจะสังเกตุได้ว่าการขอเดินใหม่อีกทีเป็นพฤติกรรมพื้นฐานของมนุษย์เลย เมื่อเห็นผลลัพท์ที่ผิดพลาดแล้ว มนุษย์มักจะไม่มองจข้อผิดพลาดนั้นเท่าไร นี่เป็นสาเหตุเวลาในวงพนันหมากรุก ทางเลือกที่ถูก เราจะวางกับดักไว้เผื่อเค้าเลือกทางถูกเสมอ เช่นเมื่อเค้าเลือกทางนี้เราจะแสดงให้เค้าเห็นว่าเค้าจะเสียอะไรเมื่อเลือกเดินแบบนี้ เค้าก็จะเปลี่ยนใจเค้าสู้ทางเลือกที่เรามีให้เค้าทันที
26 ฝีมือคนเราจะก้าวหน้าเมื่อเราได้ตัดสินใจบนความคิดของเราและมองความผิดพลาดที่เราก่อขึ้นทุกครั้งไว้เป็นบทเรียน ถ้าเราเปลี่ยนตาเดินอยุ่เสมอเราจะไม่ได้เรียนรู้อะไรจากเกมนี้