Asset Allocation:ValueWay มนตรี นิพิฐวิทยา

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
PERFECT LUCKY
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 795
ผู้ติดตาม: 0

Asset Allocation:ValueWay มนตรี นิพิฐวิทยา

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Value way
มนตรี นิพิฐวิทยา
[email protected]

Asset Allocation

สองปีมานี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาดีมาก รวมๆแล้วน่าจะเกิน100% นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างมีกำไรกันทั่วหน้า แม้แต่คนที่เคยขาดทุนอย่างมากในช่วงปี 2007/2008 แต่ก็มีหลายต่อหลายคนที่ยังไม่กลับมาเท่าทุนเดิม(มาจากการสอบถามผู้คนที่พบเจอ) ความคาดหวังของนักลงทุนในช่วงต่อจากนี้ไปเริ่มมีมุมมองที่ดีอย่างต่อเนื่อง ความกลัวอย่างในอดีตลดน้อยลงโดยสังเกตจากการพูดคุยกับหลายๆคนอีกเช่นกัน

สำหรับตัวผมเองนั้นก็ยังมองเหมือนเดิม ไม่ว่าตลาดจะออกมาในรูปแบบใดก็จะยังคงทำเช่นเดิม คือการกระจายเงินลงทุนออกไปในสินทรัพย์หลายรูปแบบ(Asset Allocation) แต่ยังคงเน้นลงทุนในหุ้นเป็นหลัก และมีการปรับสมดุลเงินลงทุน (Rebalance) ตลอดเวลา ทั้งหมดนี้เพื่อเน้นบริหารความเสี่ยงมากกว่าการบริหารผลตอบแทน

การกระจายเงินลงทุนของผมอาจจะต่างจากของคนอื่นหรือตามตำรา ในตำรานั้นจะแนะนำให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในสินทรัพย์หลายๆรูปแบบ(Asset Class) ตามความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตัวเอง เช่นผู้ที่ต้องการเน้นรักษาเงินต้นอาจจะให้ลงทุนในพันธบัตรมาก ลงทุนในหุ้นน้อย ส่วนผู้ที่เน้นการเติบโตของเงินลงทุนก็ให้ลงทุนในหุ้นมากเป็นพิเศษ สำหรับผมแล้ว ความเสี่ยงลดได้ด้วยความรู้และความเข้าใจในสินทรัพย์ที่จะลงทุน ดังนั้นการกระจายเงินลงทุนของผมจะเน้นไปที่สินทรัพย์ที่ผมรู้และเข้าใจมัน เพื่อต้องการลดความเสี่ยงมิใช่การกระจายความเสี่ยง

การกระจายความเสี่ยงนั้นผู้ลงทุนจะเน้นหาสินทรัพย์ที่มีการขึ้นลงของราคาที่สวนทางกันหรือมีความสัมพันธ์กันในทางตรงกันข้ามหรือในทิศทางเดียวกันแต่ในระดับต่างกัน เพื่อที่ว่าเวลาสินทรัพย์ไหนล่วงลงจะยังมีสินทรัพย์อื่นที่ขึ้นหรือลงน้อยกว่า ซึ่งจะช่วยให้เงินลงทุนทั้งหมดไม่ลดลงหรือลดลงไม่มาก

สำหรับการลดความเสี่ยงตามแบบฉบับของผมนั้น เน้นหาความรู้และทำความเข้าใจในสินทรัพย์ที่จะลงทุนนั้นอย่างละเอียด และเลือกเข้าลงทุนในสินทรัพย์นั้นเมื่อเห็นว่ามูลค่าสูงกว่าราคาในปัจจุบัน โดยอาจมองภาพรวมเศรษฐกิจ และเจาะลึกในตัวสินทรัพย์นั้นๆ

ผมเริ่มใช้วิธีการนี้มาตั้งแต่ปี 2007 หลังวิกฤติการเงินที่สินทรัพย์ทุกประเภททั่วโลกต่างพากันลงมากองกับพื้นเหมือนๆกันหมด ไม่ว่าจะเป็นทองคำ พันธบัตรรัฐบาล หุ้นทั่วโลก ในเวลานั้นก็พอจะสรุปเป็นแนวคิดส่วนตัวได้ว่าการกระจายความเสี่ยงตามตำรานั้นอาจไม่ได้ผลในช่วงเวลาพิเศษ และไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่สินทรัพย์อื่นๆดีขึ้น ผมปรับเปลี่ยนวิธีการเพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่ผมถนัดนั่นคือการลงทุนแบบเน้น
มูลค่า ที่เน้นลงทุนตามความรู้ความเข้าใจ และเน้นบริหารความเสี่ยงเป็นหลัก

เมื่อคิดถึงแนวคิดนี้แล้ว ผมเห็นว่าในบ้านเรามีกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศหลายกองที่น่าสนใจ รวมไปถึงบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งเปิดให้นักลงทุนไทยนำเงินออกไปลงทุนซื้อสินทรัพย์ต่างประเทศได้ ส่วนผมนั้นเลือกลงทุนในกองทุนต่างประเทศที่ซื้อขายได้สะดวกในประเทศไทย ไม่นำเงินไปลงทุนเองเพราะเชื่อว่าทำสู้ผู้จัดการกองทุนที่มีความชำนาญในตลาดต่างๆไม่ได้แน่ รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลก็ด้อยกว่า

ในปี 2009 กองทุนที่ลงทุนในทวีปลาตินอเมริกาให้ผลตอบแทนเกือบ 100% ตลาดเอเชียแปซิฟิคให้ผลตอบแทน 59% และตลาดเกิดใหม่ให้ผลตอบแทน66.87% ในขณะตลาดหุ้นบ้านเราได้ผลตอบแทนราวๆ60กว่าเปอร์เซ็นต์ ในปี2010 ตลาดต่างประเทศสู้หุ้นไทยไม่ได้ แถมมีผลกระทบจากค่าเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ผลตอบแทนรวมๆแล้วก็ไม่เลวออกมาราวๆ10% ในขณะที่บ้านเราให้ผลตอบแทน30กว่าเปอร์เซ็นต์ ส่วนทองคำที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนให้ผลตอบแทนเกือบ20%ในขณะที่ทองคำแท่งให้ผลตอบแทนเพียง8%

เมื่อมองออกไปในโลกกว้างแล้วกลับพบว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาผมพลาดโอกาสลงทุนในตลาดที่น่าสนใจไปมากมายเช่นพลาดการลงทุนในหุ้นจีนในช่วงปี 2005 พลาดการลงทุนในตลาดลาตินอเมริกา และพลาดการลงทุนในตลาดเพื่อนบ้านที่น่าสนใจเช่น ศรีลังกา อินโดนีเซีย หรือแม้แต่การลงทุนกองทุนในพันธบัตรระดับโลกที่ให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกตลอดเวลาแม้ช่วงวิกฤติการเงินที่ผ่านมา ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยง และรักษาเงินต้นในช่วงวิกฤติได้ดีที่เดียว

ในปัจจุบันนี้แม้ว่าเงินลงทุนที่ลงในตลาดหุ้นไทยของผมก็ยังคงไว้40%มาตั้งแต่ต้นปี และมีการปรับสมดุลไม่ให้เกิน40%มาโดยตลอด ส่วนที่เหลือนำไปลงทุนในกองทุนหุ้นต่างประเทศอีกหลายกองตามที่ผมได้หาข้อมูลและทำความเข้าใจเอาไว้

สำหรับรายละเอียดของสินทรัพย์ต่างๆที่น่าสนใจนั้นผมจะนำเอามาคุยในฉบับหน้าครับ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่สนใจ
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว" :)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

Asset Allocation:ValueWay มนตรี นิพิฐวิทยา

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณพี่มนตรี (ดอทดำ)ผู้ใจดีครับ
:)
:)
END
Verified User
โพสต์: 224
ผู้ติดตาม: 0

Asset Allocation:ValueWay มนตรี นิพิฐวิทยา

โพสต์ที่ 3

โพสต์

อยากให้ TVI เอาบทความของพี่ มนตรี นิพิฐวิทยา  
มาลงในหน้าแรกให้ได้อ่านอีกครั้ง จำไม่ผิดน่า
จะใช้ชื่อว่า Value way  ซึ่งไม่ได้อัฟเดท มาพัก
ใหญ่แล้ว รบกวน MOD พิจารณาด้วยนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
KGYF
Verified User
โพสต์: 399
ผู้ติดตาม: 0

Asset Allocation:ValueWay มนตรี นิพิฐวิทยา

โพสต์ที่ 4

โพสต์

อยากให้ TVI เอาบทความของพี่ มนตรี นิพิฐวิทยา  
มาลงในหน้าแรกให้ได้อ่านอีกครั้ง จำไม่ผิดน่า
จะใช้ชื่อว่า Value way  ซึ่งไม่ได้อัฟเดท มาพัก
ใหญ่แล้ว รบกวน MOD พิจารณาด้วยนะครับ



+10   :lol:  :lol:
" สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ = การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง "

" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
ภาพประจำตัวสมาชิก
kmphol
Verified User
โพสต์: 417
ผู้ติดตาม: 0

Asset Allocation:ValueWay มนตรี นิพิฐวิทยา

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ทั้งหมดนี้เพื่อเน้นบริหารความเสี่ยงมากกว่าการบริหารผลตอบแทน


ชอบประโยคนี้ของพี่มนจังเลยครับ
โพสต์โพสต์